ความคิดเห็นที่ 1 สายวิทย์ก็เรียนได้นะครับ เขาก็เรียนกันทั้งนั้น เอกอังกฤษ จบม ปลายอะไรมาก็เรียนได้ นักแปลล่าม แล้วแต่นะครับ งานประจำก็มี หรือถ้าพาร์ทไทม์ ถ้าคุณเก่ง เงินไม่ธรรมดาแน่นอน บางงานได้เท่าคนทำทั้งเดือน แต่คุณอาจทำแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น ทั้งนี้การจะได้งานขึ้นกับหลายๆปัจจัย จากคุณ : je_ten_prie เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 21:48:29

ความคิดเห็นที่ 2 If you love English, go ahead and study at Aksorn. But in my opinion, it's better to have a core competency as a base such as engineering, accounting, law etc while English is a tool to support the core competency. For example if you work as an auditor and you are good at English, you can work with Big 4 auditors with much higher salary. You can even work overseas! I also love English as it provides me with hours of pleasure in reading all kinds of texts and novels. But I still think having core skills in other areas is more useful in the long run. You have more options this way. จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 22:11:47

ความคิดเห็นที่ 3 I also came from science stream in high school. I did not study at Aksorn or any other liberal arts program. Yet my self-study English is not really bad. See this song translation. I did it for a pantip user in 30 minutes several years ago. http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2007/12/K6119479/K6119479.html คืนอันเป็นนิรันด [รักแห่งสยาม] เหมือนว่าเราจะมอง ไม่เห็นหนทางใด ตกอยู่ในความมืดบอด ตกอยู่ในห้วงใจที่อ่อนไหว เหมือนจะเป็นกลางคืนอันยาวนาน เมื่อฟ้าไม่มีแสงใด มองไปรอบกาย หัวใจก็พลัน หวาดกลัว ว่าเหตุใดคืนที่ยาวนาน ไม่ผ่านไปเสียที จากนี้จะมีหนทางอื่นอีกไหม As if seeing nothing, seeing no way As if being blinded, heart quivering As if into the long night, in the dark sky Looking around, heart suddenly panicking Don't know when the long night is to end Don't know if there is any other way out แต่อย่างไรก็ตามยังมีตะวันยังที่ฉายในวันต่อไป แต่ไม่รู้ต้องรอเมื่อไหร่ หรือใจเราคงจะอยู่กับคืนอันเป็นนิรันดร์ ว่าเหตุใดคืนที่ยาวนาน ไม่ผ่านไปเสียที จากนี้จะมีหนทางอื่นอีกไหม Yet there is still sunshine the next day Don't know how long to wait, maybe my heart still buried in endless night Don't know when the long night is to end Don't know if there is any other way out แต่อย่างไรก็ตามยังมีตะวันยังฉายในวันต่อไป เมื่อเรามีเช้าวันใหม่ หวังใจว่าจะมีหนทาง เมื่อทุกข์ในวันเมื่อวานคืนกลับมาหาใจอันอ่อนแอ เหตุที่ใจแพ้ เพราะเราต่างหากที่แพ้ใจ ความทุกข์จึงเป็นกลางคืนอันยาวนาน แล้วมันจะผ่านไป ตราบใดเวลายังหมุนผ่าน ความทุกข์จะผ่าน เพราะไม่มีคืนใดเป็นนิรันดร์ วันคืนต้องผ่าน นั่นคือเวลาอันเป็นนิรันดร์ Yet there is still sunshine the next day When there's a new morning, a new hope may spring When yesterday suffering returns to haunt the weakened heart Heart suffers, cause one allows it to Suffering is akin to the endless night, yet it will pass As long as time moves, suffering will pass, cause there is no endless night Day and night shall pass, only eternal is time. จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 22:28:45

ความคิดเห็นที่ 4 เรียนวิทย์หรือเรียนอย่างอื่นก็เป็นนักแปลหรือล่ามได้ ยกตัวอย่างเช่นแฟนเราจบปริญญาตรีอักษรศาสตร์จุฬาเอกอังกฤษและปริญญาโทการแปลจุฬาทำงานเป็นล่าม/นักแปลแต่ยังต้องทำงานรับเงินเดือนกับองค์กรข้ามชาติ ยังไม่กล้ากระโดดออกมาเป็น freelance translator เต็มตัว เพราะยังไม่อยากเครียด เนื่องจากการทำงานรับเงินเดือนงานมันไม่บีบคั้นประสาทมากเท่าทำงาน freelance ในขณะที่เพื่อนแฟนเราคนหนึ่งจบปริญญาตรีวิชาเคมีมาแต่เรียนการแปลด้วยตนเองจนฝีมือการแปลทาบรัศมีแฟนเราได้ และเพื่อนแฟนเราใจกล้าไม่ยอมทำงานรับเงินเดือน แต่ทำงานเป็น freelance translator รายได้ดีเลี้ยงตัวได้สบายๆ เราเคย edit (ตรวจแก้) งานแปลไทยเป็นอังกฤษของเพื่อนแฟนเราคนนี้ แล้วทึ่งมากๆว่าเธอเขียนภาษาอังกฤษได้สวยงามไม่แพ้คนจบด้านภาษามาเลยหละ! พอเราเอ่ยปากชมแฟนเราก็บอกว่าเพื่อนคนนี้เก่งอังกฤษมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วถึงเลือกเรียนเคมีไม่ยอมเรียนเอกอังกฤษเพราะคิดว่าอังกฤษเป็นหมูในอวยแล้ว เมื่อหลายปีมาแล้วเราก็เคยเจอคนจบกฎหมายมาแต่ดันเป็นนักแปลมือฉมังมากๆ ภาษาอังกฤษเขาเขียนได้ดีเยี่ยมแบบเขี้ยวลากดินเลยหละ แต่หมู่นี้ไม่ค่อยเห็นหน้าเขาแล้ว ตัวเราก็เป็นนักแปลมืออาชีพโดยไม่เคยเรียนด้านภาษามาเลย วิชาที่เรียนในโรงเรียนที่เราพอรู้คือคณิตศาสตร์ (วิชาวิทย์อย่างอื่นเราไม่เอาไหนหมด) ตอนวัยเรียนเราหนีเรียนไปเล่นแต่หมากรุกฝรั่งกับฝึกวรยุทธ์จีน....และอยู่ดีๆเราอยากเป็นนักแปลขึ้นมาเราไปสมัครเรียนการแปลในมหาลัยแต่เขาไม่รับเรา เราจึงจินตนาการว่าเราเป็น Bruce Lee ซึ่งเคยเรียนมวย Wing Chun จากอาจารย์ Ip Man ได้แค่ท่าเพลงเดียว พอจะกลับไปขอเรียนต่ออาจารย์ Ip Man ไม่ยอมสอนให้ Bruce Lee จึงสร้างวรยุทธ์แขนงใหม่ขึ้นมาเองเรียกว่า Jeet Kune Do เราจึงเจริญรอยตามแบบ Bruce Lee โดยการสร้างคัมภีร์สอนการแปลขึ้นมาสอนตัวเอง โดยอาศัยความรู้เพียงแค่วิชาหมากรุกฝรั่ง วรยุทธ์จีน และคณิตศาสตร์ ถ้าอยากรู้ว่าวิชาหมากรุกฝรั่ง วรยุทธ์จีน และคณิตศาสตร์ ใช้สร้างหลักสูตรการแปลขึ้นมาสอนคนให้เป็นนักแปลได้ยังไงก็ต้องไปอ่านกระทู้นี้ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/06/K7934208/K7934208.html แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 00:26:54 แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 00:15:46 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 23:48:57

ความคิดเห็นที่ 5 กรณีศึกษาเพิ่มเติม...ที่นักแปลเก่งๆไม่ได้จบด้านภาษามา ยังมีอีกเยอะ เมื่อหลายปีมาแล้วมีเด็กจบปริญญาตรีจาก abac ไปเรียนปริญญาโทการแปลจุฬา เรียนเท่าไหร่ก็ไม่ผ่าน (ทั้งๆที่เคยแปลหนังสือมาตั้งหลายเล่มแล้ว) เพราะดันไปเลือกทำวิทยานิพนธ์แปลเรื่องยากเกินกำลังตัวเอง ทีแรกเธอจะให้เราช่วยติวแต่เราไม่มีเวลาเราเลยส่งเพื่อนรุ่นพี่เรา (รู้จักกันใน pantip นี่แหละ) ไปติวแทน เขาติวจนนักศึกษาเรียนผ่านปริญญาโทการแปลฉลุยเลย วันรับปริญญาโทการแปลมหาบัณฑิตการแปลจุฬาชี้ให้อาจารย์ดูบอก "นี่ค่ะ private tutor ของหนู" อาจารย์มองแล้วขมวดคิ้วจำหน้าเพื่อนเราได้ จริงๆแล้วเพื่อนเราก็เป็นเด็กวิศวะจุฬานี่เอง แต่เก่งอังกฤษมากๆจนอาจหาญมาติวนักศึกษาปริญญาโทการแปลจนเรียนผ่านฉลุย...555+++... อ้อลืมบอกไปนักแปลระดับปรมาจารย์ที่พายเรือป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆนี้ก็คือคุณแอ๊ด ปากเกร็ด เขาก็ไม่ได้จบด้านภาษามาแต่จบแพทย์มา จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 00:12:02

ความคิดเห็นที่ 6 ก่อนที่จะมี Internet คนจบอักษรศาสตร์เอกอังกฤษได้เปรียบด้านภาษาอังกฤษเพราะคนที่เรียนสาขาอื่นไม่รู้ว่าเด็กอักษรศาตร์เรียนเนื้อหาสาระอะไรบ้างถึงเก่งอังกฤษได้ แต่สมัยนี้มี Internet ใครใช้ google เก่งๆก็รู้ทันเด็กอักษรศาสตร์หมดว่าพวกเขาเรียนเนื้อหาสาระอะไรบ้าง แล้วก็ไปหาตำราหรือสื่อการสอนภาษาอังกฤษจากต่างแดนมาเรียนแข่งให้เก่งเท่าหรือเก่งกว่าได้! ^ ไปอ่าน คคห 7 กระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K12023087/K12023087.html แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 01:17:18 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 01:16:27

ความคิดเห็นที่ 7 แนะนำเว็บฝึกภาษาที่สาม เผื่ออยากฝึกภาษาที่สามอย่างสเปน หรือ จีน และอื่น ลองเข้่าเว็บนี้ดูนะ http://www.memrise.com/welcome/ และอันนี้คือรีวิวเว็บเค้า ดูแล้วน่าเรียนมาก อธิบายได้ง่ายมาก 55+ http://www.makeuseof.com/tag/memrise-learn-language-vocabulary/ เราได้ไปลองเล่นมาละ ของภาษาจีน เราชอบมาก สนุกมาก ขนาดเราไม่รู้เรื่องเรายังรู้เรื่องได้เลย 55+ ก็ลองไปเล่นดูนะ เป็นภาพมาสื่อให้เข้าใจตัวอักษรน่ะ(จีน) เดี๋ยวจะเล่นอีก 55+ จบมาทำอะไร ต่อโท, เป็นครู, เป็นแม่บ้าน, แปล, ทำนิตยสาร, บก, อ่านข่าว, เป็นดารา, ทำงานออฟฟิซทั่วไป, อยู่ต่างประเทศ, ทำงานในต่างประเทศ, ทำงานโรงแรม, เป็นผู้จัดการ (ต่อโทเอ็มบีเอ ก็จะทำงานทางเอ็มบีเอต่างๆ), ทำงานในที่ต่างๆ, ดูแลลูกค้า, ทำธุรกิจส่วนตัว, ล่าม หรือแปล, แปลหนังสือ, เขียนหนังสือ,   ทำงานด้านการตลาด, เป็นช่างแต่งหน้า, ขายของ, เป็นนักร้อง, ทำงานในวงการบันเทิง, ทำงานธนาคาร, เป็นแอร์, รับราชการ, ทำงานกระทรวง, ทำร้านอาหาร, ทำงานองค์กรไม่หวังผลกำไร และอื่นๆ ก็พื้นๆ เหมือนคนอื่นปกติธรรมดาทั่วไปอะนะเราว่า แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 20:28:48 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 01:25:21

ความคิดเห็นที่ 8 จะเป็นล่ามจะเป็นนักแปลไม่จำเป็นต้องจบอักษร ในทางกลับกัน จบอักษรก็ไม่ใช่จะเป็นได้แค่ล่ามเป็นนักแปล มีเพื่อนวิทย์เปลี่ยนไปเรียนศิลปไม่ต่ำกว่าสามคน แต่เพื่อนที่เรียนศิลปแล้วเปลี่ยนไปเรียนวิทย์ไม่เคยมี จากคุณ : akebi1 เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 08:42:26

ความคิดเห็นที่ 9 จริงอยู่เป็นนักแปลเป็นล่ามไม่จำเป็นต้องจบอักษร แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ไม่จบอักษรจะทำงานเช่นนี้ได้ ถ้าไม่ชอบเรียนอย่างอื่นก็อย่าได้เรียนเผื่อเลือก แต่จงเรียนที่รักที่ชอบจริงๆ ชอบภาษาก็จงมุ่งอักษรไปนะถูกแล้ว ศาสตร์ด้านภาษามีอะไรอีกมากมายที่น่าสนใจน่าค้นหาน่าเรียนรู้ นอกจากแค่พูด ฟัง อ่าน เขียนอย่างคนทั่วไปเข้าใจ การเรียนภาษาให้ลึกซึ้งจะทำให้เราเป็นคนช่างคิดวิเคราะห์ กล้าแสดงออก รู้จักประยุกต์เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ได้ง่าย ยิ่งเดี๋ยวนี้อักษรจะเน้นการได้มาซึ่งภาษาที่สามมาก เด็กรุ่นหลังๆ จึงใช้สามภาษากันคล่องแคล่ว เป็นที่น่าชื่นชม จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 16:44:19

ความคิดเห็นที่ 10 เพิ่มเติม มีไปเรียนโทนิติ + ไปเป็นทนายเมืองนอก, ไปเรียนโทวิศวะ, เป็นบุรุษพยาบาลที่เมืองนอก, พยาบาลที่เมืองนอก อะมี แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 20:26:59 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 20:26:22

ความคิดเห็นที่ 11 ตอบ คคห 9 ถูกต้องศาสตร์ด้านภาษามีอะไรอีกมากมายที่น่าสนใจ แต่ที่เราแนะนำแบบที่แนะนำไป ก็เพราะว่า จขกท พูดว่า "เคยฝันไว้ว่าอยากเป็นนักแปลเป็นล่าม" ^ การแปลเป็นศาสตร์ที่เป็นเอกเทศของมัน ซึ่งกว้างใหญ่ไพศาลและลึกมากๆ ลองไปดูงานศึกษาค้นคว้าวิจัยด้านการเรียนการสอนการแปลของเราที่นักศึกษาปริญญาโทการแปลไม่เคยคิดฝันที่จะทำ ทั้งๆที่มันเป็นประโยชน์มากๆ ไปอ่านได้ในกระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K12030249/K12030249.html แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 20:32:51 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 20:32:00

ความคิดเห็นที่ 12 อักษรศาสตร์ จุฬาไม่ได้สอนแค่ภาษานะ จริงๆ คือการเรียนเพื่อให้รู้จักมนุษย์ นอกจากภาษาแล้ว เรายังเรียนวรรณกรรม เรื่องการวิเคราะห์อะไรต่างๆนาๆ ทำให้เรา"คิดเป็น" ถ้า จขกท ชอบทางด้านภาษา เลือกเรียนด้านนี้ก็ดีแล้วค่ะ เรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบดีที่สุด เมื่อเรารู้ว่าเราชอบอะไร จากนั้นเราก็จะมองเห็นเส้นทางได้เอง เท่าที่รู้ สายวิทย์ฯที่มาเรียนอักษรก็เยอะนะคะ เก่งๆทั้งนั้นด้วย ปล. นักแปลที่เป็นงานประจำก็มีนะ จากคุณ : นางาเสะจัง เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 19:46:25

ความคิดเห็นที่ 13 แล้วอักษรนี่มันต้องเก่ง หรือเน้นวิชาอะไรบ้างอ่ะคะ ? #หนูก็อยู่ วิท-คณิต แต่ใจรักภาษา มาแต่ไหรแต่ไร :) จากคุณ : ayok เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 20:51:59

ความคิดเห็นที่ 14 อักษรศาสตร์ มันเป็น liberal arts ถ้ายังต้องถามว่า จะเรียนอักษรศาสตร์ ต้องเก่ง หรือเน้นวิชาอะไรบ้าง ก็แสดงว่ายังหลงทางอยู่ เพราะความเป็นจริงแล้ว อักษรศาสตร์มันไม่ใช่วิชาชีพเฉพาะ มันเรียนอะไรๆในสาขาทางมนุษยศาสตร์ ไม่ได้เฉพาะเจาะจงทางเหมือนวิชาชีพอย่างบัญชี แพทย์ วิศวกร สถาปนิก ถ้าบอกแค่ว่า ใจรักภาษา แค่นี้มันไม่พอที่จะเรียนอักษรศาสตร์ คณบดีคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ คนปัจจุบันยังเคยพูดไว้ในนิตยสารอะไรสักที่เลยว่า "คณะอักษรศาสตร์ ไม่ใช่โรงเรียนสอนภาษา" แน่หละ แต่คนส่วนใหญ่ ชอบเข้าใจกันผิดๆ ว่าคณะอักษรศาสตร์ คือโรงเรียนสอนภาษา แค่ใจที่รักภาษา มันเป็นคุณสมบัติที่ต่ำเกินไปที่จะเรียนอักษรศาสตร์อ่ะ ถ้าแค่ใจรักภาษา ไปเรียนสาขาวิชาอื่นๆ แล้วฟิตภาษาอังกฤษ ฟัง พูด อ่าน เขียน บูรณาการให้ครบทั้งสี่ทักษะ มันก็พอแล้ว ไม่เห็นถึงขั้นต้องไปเรียนอักษรศาสตร์เลย ถ้าแค่ไปเรียนอักษรศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ เพื่อให้ใช้ภาษาอังกฤษครบทั้งสี่ทักษะแบบบูรณาการได้อย่างดี ผมคิดว่ามันเป็นการลงทุนที่สูงไปสักหน่อย ต้องการแค่นี้ ไปเทคคอร์สภาษาอังกฤษแน่นๆสักปีนึงก็ได้แล้ว แล้วการแปลอ่ะ ใครที่มีทักษะในภาษาอังกฤษที่ดี และทักษะภาษาไทยที่ดีมากอ่ะ ก็สามารถประกอบอาชีพนักแปลได้ ยิ่งถ้าแปลงานพวกเอกสารทางกฎหมาย การแพทย์ บัญชี วิศวกรรมศาสตร์ ฯลฯ ถ้าเรียนจบสายตรงมา อย่างนิติศาสตร์ แพทยศาสตร์ บริหารธุรกิจมา และมีทักษะภาษาไทยและภาษาอังกฤษที่ดี จะยิ่งได้เปรียบพวกที่เรียนจบอักษรศาสตร์มาโดยตรงเสียอีก จากคุณ : อืม เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 21:10:32 A:58.9.216.73 X: TicketID:338978

ความคิดเห็นที่ 15 lovelypriest - ลองเข้าไปเล่น สนุกดีค่ะ จากคุณ : คุณนายดวง เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 07:09:46

ความคิดเห็นที่ 16 ตอบในฐานะที่จบคณะนี้มา. ไม่ใช่ทุกคนจริงๆที่จบอักษรฯจะทำงานแปลได้. คืออย่างน้อยเด็กอักษรฯทุกคนจะแปลพวกข่าว ประกาศต่างๆได้ เพราะมันมีศัพท์เฉพาะ มีฟอร์มของมัน แต่พวกนิยายคิดว่าพรสวรรค์ด้วยส่วนนึงถึงจะแปลได้ดีหรือเป็นคนอ่านเยอะ คล้ายๆเป็นนักเขียนนะ จะเขียนเรื่องแต่งเรื่องได้ต้องมีความอาร์ตส่วนตัว. แต่ขอเตือนน้องก่อนว่าถ้าไม่ชอบภาษาจริงๆหรือไม่ชอบเรียนหนักอย่าเลือกอักษรฯเพราะเรียนหนักมากและไม่ได้เรียนภาษาเชิงทักษะมากเพราะเด็กที่เข้ามาทักษะดีอยู่แล้วแต่เน้นวิชาการมาก. เรียนจนเครียดและเบื่อบ่อยๆพูดตรงๆเลยเพื่อนแต่ละคนก็มหาเทพ. พี่เองจบห้องคิงวิทย์จากโรงเรียนดัง แต่เรียนยังไงก็สู้เด็กศิลป์เต่รียมอุดมไม่ได้. ส่วนเรื่องเงินเดือน ถ้าไม่เลือกมากยังไงก็ได้งานดีและไม่จน แต่แล้วแต่เน้องเลือกด้วย ถ้าเลือกทำงานที่ไม่ต้องใช้ภาษา เช่น ทำproduction ทำสำนักพิมพ์แบบนี้เงินเดือนน้อยแน่ สตาร์ทอย่างดีก็หมื่นต้นๆ. แต่ถ้าเลือกทำที่ใช้ภาษาเงินเดือนจะเพิ่มเป็น20,000 upทันที เช่น เป็นเลขาบริษัทใหญ่หรือบริษัทข้ามชาติ. นักแปล ล่าม โดยเฉพาะเอกญี่ปุ่นเงินเดือนสตา์ตสูงมาก สูงกว่าวิศวะและแพทย์ใช้ทุนอีก เป็นล่ามญี่ปุ่นสตาร์ทก็40,000แล้ว จากคุณ : ตอบให้ เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 09:54:38 A:58.11.206.186 X: TicketID:357748

ความคิดเห็นที่ 17 @ คห. 14 หนูหมายถึง .. การที่จะยื่นเกรด คะแนนเข้าเรียนคณะอักษร . มันจะต้องเน้น เกรดวิชาไหนบ้าง แค่นั้น ค่ะ. คือ หนูไม่รู้ว่า จะต้องเน้นทุกวิชารึเปล่า เพื่อที่จะสอบเข้า ! แล้วคำว่าใจรักภาษา มันไม่พอ มันจะต้องคำไหรคะ ถึงจะพอ  หนุก็รู้ว่าเค้าเรียนเกี่ยวกับมนุษย์ อะไรต่างๆ ก็คือ หนูชอบ .. และชอบมานานแล้วแล้ว ก็คือรัก นั่นแหละ ! จากคุณ : ayok เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 17:06:03

ความคิดเห็นที่ 18 ก็เอารายละเอียดวิชามาดูอะ ในเว็บเค้ามี ดูว่าชอบมั๊ย เรียนไหวมั๊ย อึดพอมั๊ย งานเยอะ ต้องสอบเยอะนะ เช่นอันนี้นะ http://www.arts.chula.ac.th/02program/curriculum/ba52-english.pdf จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 22:10:47