ความคิดเห็นที่ 1 FCE ภาษาอังกฤษระดับน่าจะอยู่ที่ ม.ปลาย นะ แต่เป็น ม.ปลายโรงเรียนฝรั่งที่เก่งๆมากๆ CAE สร้างขึ้นเพราะ University of Cambridge ไม่ค่อยจะได้เงินจาก CPE เนื่องจากข้อสอบ CPE วัดระดับภาษาอังกฤษได้โหดเกินไป มีคนสอบ CPE ตกกันเยอะ ทาง University of Cambridge ก็เลยต้องหาเงินเข้าโดยการลดระดับความยากข้อสอบลง นั่นก็คือโดยสร้าง CAE ขึ้นมาให้ชื่อมันน่าเกรงขามหน่อย แต่จริงๆแล้วมันไม่ค่อยยากหรอก ถ้าเทียบกับ CPE ระดับความยากง่ายของภาษาอังกฤษถ้าเทียบกันแล้ว CPE ยากกว่า TOEFL, IELTS, TOEIC หมด ยากกว่าหลายเท่าด้วย  แต่จริงๆแล้วระดับภาษาอังกฤษใน CPE อยู่ที่ประมาณต่ำกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเนื้อหาสาระที่นักศึกษา ปี1 ปริญญาตรีเอกภาษาอังกฤษของมหาลัยในประเทศอังกฤษเรียนกันเท่านั้นเอง แต่เราคาดว่าถ้าให้ครูสอนภาษาอังกฤษระดับมัธยมในเมืองไทยที่จบศึกษาศาสตร์ ครุศาสตร์ หรือจบเอกอังกฤษจากมหาลัยระดับรองๆแล้วสอบ 9 มาตรฐานวิชาชีพครูเพื่อรับใบอนุญาตครู  แห่กันไปทีละ 5,000 คนเพื่อไปสอบ CPE ผลการสอบน่าจะเป็น "สอบตกกันเกือบหมด!" เพราะขนาดเพื่อนเราเคยอยู่ประเทศอังกฤษมา 30 ปี พูดอังกฤษชัดไม่ผิด grammar เลย และเรียนจบปริญญาตรีจากมหาลัยอังกฤษมา ไปสอบ CPE 3 ที สอบตกทุกที เราคาดว่าเขาตกเพราะ essays เพราะ เวลาสอบ CPE ต้องเขียน essays 2 เรื่องยาวกว่า essay ของ TOEFL, IELTS, TOEIC ตั้งหลายเท่า  แล้วครูสอนภาษาอังกฤษระดับมัธยมที่ชอบโม้ว่า "ใครจะเป็นครูต้องมีใบอนุญาตครู ทั้งๆที่พวกเขาส่วนใหญ่ยังพูดเขียนอังกฤษไม่เป็นธรรมชาติ" จะเหลือหรือ...!!!?? การสมัครงานด้านภาษาในยุโรปจะเน้น CPE กับภาษาแม่ของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่นเราเคยมีแฟนเป็นผู้หญิงสวิสรู้ภาษาแม่คือเยอรมันและสอบ CPE ได้ ก็ได้ทำงานเป็นเลขาที่ประสานงานด้านภาษาเยอรมันกับอังกฤษ 2 ภาษานี้ในบริษัทยายักษ์ใหญ่คือ CIBA เงินเดือนมากมหาศาล ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์เมื่อหลายปีมาแล้ว พวก TOEFL, IELTS, TOEIC นี่พวกเขาไม่ค่อยสนใจกันหรอก เมื่อก่อนที่ British Council ใน กทม เคยเป็นศูนย์สอบ CPE แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีจัดสอบแล้วคงเนื่องจากคนไทยไม่ค่อยรู้จัก CPE กัน และคนไปสอบก็สอบตกกันเสียเป็นส่วนใหญ่ FCE ย่อมาจาก First Certificate in English CAE ย่อมาจาก Certificate in Advanced English CPE ย่อมาจาก Certificate of Proficiency in English เมื่อหลายปีก่อน Michigan University เคยจัดสอบ CPE (ชื่อเหมือนกันเลย...แต่ไม่รู้เดี๋ยวนี้ยังมีสอบหรือเปล่า) แต่ไม่ต้องตกใจ มันหมูกว่า CPE ของ University of Cambridge หลายเท่า ที่หลังใบประกาศนียบัตรของ CPE มีข้อความที่ University of Cambridge เขียนรับรองไว้ว่า คนที่สอบผ่าน CPE มีความรู้มากพอที่จะเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในระดับมัธยมในประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 1 ได้ เราเคยเอาใบ CPE ไปสมัครงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนสอนภาษาในเมืองไทยที่มีคนอังกฤษเป็นผู้บริหาร เขารับเราเข้าทำงานนะ แต่เราเคยเอา CPE ไปสมัครโรงเรียนกวดวิชาในเมืองไทยที่มีคนไทยเป็นเจ้าของ ส่วนใหญ่จะสมัครไม่ได้ เขามักบอกว่าอยากได้คนจบปริญญาโทศึกษาศาสตร์หรือภาษาอังกฤษซะมากกว่า จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 10:23:14

ความคิดเห็นที่ 2 เป็นข้อสอบที่น่ากลัวมากๆๆๆๆๆๆๆเลยดูจากที่คุณ fortuneteller บอก จากคุณ : TasKen เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 10:59:14

ความคิดเห็นที่ 3 ^ ^ ^ ใช่ แฟนเราจบปริญญาตรีอักษรศาสตร์จุฬาเอกอังกฤษกับจบปริญญาโทการแปลจุฬามา ทำงานเป็นนักแปล/ล่าม เราให้เธอทำข้อสอบ CPE เล่นๆ ถ้าเธอนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ที่ต่อเน็ต เธอค้นข้อมูลแพล็บเดียวตอบคำถามถูกหมดได้คะแนนเต็ม (เพราะเธอเป็นเซียน google) แต่ถ้ามัดมือชกให้เธอนั่งทำข้อสอบตัวเปล่าๆมีแต่ปากกากับกระดาษเธอทำได้ไม่ครบทุกข้อหรอก (แต่ก็อยู่ในเกณฑ์สอบผ่าน) จนเธอถึงกับอุทานออกมาว่า "โห ข้อสอบมันแสบจริงๆ!" คนที่ออกข้อสอบ CPE เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน teaching English to speakers of other languages เขารู้วิธี "จี้จุดอ่อน" ของคนเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 ยกตัวอย่างเช่น เขาจะให้ประโยคมา แล้วให้คำศัพท์ อีกตัวมาต่างหาก แล้วบอกให้ เขียนประโยคใหม่ให้มีความหมายเหมือนเดิม แต่ต้องใช้คำศัพท์ที่ให้มาในประโยคใหม่ โดย "ห้ามดัดแปลงคำศัพท์ที่ให้มา" หรือ เขาจะให้ประโยคเต็มๆมา แล้วให้อีกประโยคที่ไม่เต็มโดยให้แค่คำสองคำเริ่มต้นประโยค แล้วบอกให้ เติมประโยคใหม่ให้เต็มโดยให้ประโยคใหม่มีความหมายเหมือนประโยคแรก ข้อสอบแบบนี้เป็นการ "บีบบังคับ" ให้ candidate (ผู้เข้าสอบ) ต้องคิดให้ได้ว่าคนออกข้อสอบต้องการ idiomatic expression อันไหน หรือคำพังเพยอันไหน ซึ่งถ้าคิดได้แต่ไม่แม่น collocations (กลุ่มคำที่ทำให้ความหมายศัพท์เปลี่ยนไปเรื่อยๆ) แล้วเขียน collocation ผิด เช่น make a silk purse out of a sow's ear ที่แปลว่า to succeed in making something good out of material that does not seem very good at all ถ้าคุณเขียนตก a ไป หรือเขียนตก silk ไป หรือเขียนคำศัพทฺ์อะไรเกินมา ทำให้ collocation เขาเพี้ยนไป แค่นี้ก็ไม่ได้คะแนนแล้ว! ข้อสอบ listening comprehension ไม่เมตตาเหมือน TOEFL ที่ยอมให้ฟังไปจดไปได้ แต่เวลาสอบ CPE เขาห้ามจับปากกา และ question/answer sheet จะวางคว่ำหน้าอยู่ ไม่ให้อ่าน และห้ามจับต้องมันด้วย เวลาฟัง audio ต้องฟังละครเรื่องยาวๆ โดยต้องจำให้ได้แต่โดยยังมืดแปดด้านไม่รู้ว่าคำถามจะถามอะไร  พอฟังเสร็จถึงอนุญาตให้จับปากกาและเปิดดู question/answer sheet ได้ ^ ใครที่ทำ TOEFL ได้คะแนน listening comprehension เยอะๆ มาเจอแบบนี้เข้าถึงกับประสาทกินเอาได้ง่ายๆ...555+++... สอบ conversation ต้องสนทนากับฝรั่งตัวจริงเสียงจริงเป็นเวลาค่อนข้างนานมากๆ ตอนเราสอบรู้สึกจะใช้เวลาเกิน 30 นาทีนะ หรือเกือบๆ ชั่วโมง มันไม่ใช่ฟัง audio แล้วตอบสั้นๆแบบ TOEFL นะ ใครพูดตะกุกตะกัก ก็ไม่เหลือแล้ว เราคาดว่าเพื่อนเราคนที่เคยอยู่อังกฤษมา 30 ปี ที่พูดอังกฤษได้เก่งมากๆ คงได้คะแนนเต็มในส่วนนี้ แต่ไปพลาดท่า essays 2 เรื่องยาวๆ ทุกที เลยสอบตก 3 รอบ...555+++... paper แรกรู้สึกจะหมูหน่อย เป็นคำถาม 40 ข้อเรื่อง verb and preposition เราคิดว่าเรากาถูก 39 ข้อนะ paper ที่เป็น reading comprehension คำศัพท์ไม่โหดนักหรอก แต่มันเขียนให้ infer ลำบากมากๆ คืออ่านแล้วมึนหัวกาไม่ถูกว่าจะเอาข้อไหน รู้สึกอันนี้เราดำน้ำไปหลายข้อ...555+++... แต่เราโชคดี essays เราเขียนภาษาอังกฤษเป็นเรื่องราวยาวๆได้ค่อนข้างโอเค เลยรอดตายมาได้ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 55 17:31:05 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 55 12:23:22 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 12:18:40

ความคิดเห็นที่ 4 ตอนเราอ่านระดับความยากง่ายของ CPE ว่ามันยังง่ายกว่าเนื้อหาสาระที่นักศึกษา ปี1 เอกอังกฤษในมหาลัยอังกฤษต้องเรียนกัน เรายังสงสัยเลยว่า ต่ำกว่า ปี 1 นิดเดียว แต่ทำไมมันยากนักนะ แล้วก็คิดได้คือ 1. ปี 1 มหาลัยอังกฤษ เท่ากับ ปี 2 มหาลัยไทย 2. ระดับมาตรฐานภาษาอังกฤษของ University of Cambridge กับ University of Oxford เขาใช้ภาษาอังกฤษยาก (ภาษาไฮโซ) กว่ามหาลัยอื่นๆในประเทศอังกฤษ ยกตัวอย่างเช่น ในโรงเรียนมัธยมในอังกฤษบางแห่งที่นักเรียนไม่เก่งสุดยอด แต่แค่เก่งปานกลาง ครูมักจะแนะนำนักเรียนว่า เวลาสอบ ข้อสอบ gcse กับ A'level เพื่อเอาไปเข้ามหาลัย ซึ่งมหาลัยหลายๆแห่งเป็นคนออกข้อสอบน่ะ ก็คือ "ให้นักเรียนเลือกสอบข้อสอบของมหาลัยอื่นๆ อย่าไปสอบข้อสอบของ Cambridge หรือ Oxford จะได้ไม่ปวดหัว)" จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 12:30:40

ความคิดเห็นที่ 5 ฟังดูน่ากลัวจริงๆเลยครับ แต่ยืนยันอีกเสียงครับ คนที่สวิสที่นี่ไม่ค่อยจะรู้จักข้อสอบ TOEFL เคยถามเพื่อน เห้ยสอบ TOEFL กันมั้ย ไม่มีใครรู้จักสักคน รู้กันแต่ CAE CPE จากคุณ : Acrimonious Guy เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 22:29:57

ความคิดเห็นที่ 6 อยู่เมืองไทยไม่เคยได้ยินเลยค่ะ FCE CAE CPE แต่ตอนนี้มาเรียนภาษาอังกฤษคอร์สสั้นๆ 1 เดือนที่โรงเรียนภาษาในออกซ์ฟอร์ด... ลองเลือกวิชาตอนบ่ายเล่นๆเป็น CAE โดยไม่เคยรู้ชื่อเสียงของมันมาก่อน... แต่ตอนนี้รู้แล้วค่ะ  >O< (ครูที่สอนบอกว่าทั้งห้อง แทบไม่มีใครผ่าน CAE เลย... ถ้าผ่านก็ผ่านแค่ระดับ FCE... ส่วน CPE ยังไม่ต้องพูดถึง 555) ขอบคุณคุณ Fortuneteller มากค่ะที่แชร์ประสบการณ์ให้อ่าน :) เมื่อก่อนเรียนภาษาอังกฤษโดยไม่มีเป้าหมาย... เรียนไปเรื่อยๆเปื่อยๆ IELTS ก็ไม่เคยคิดจะสอบเพราะไม่รู้จะเอาคะแนนไปทำอะไร... ตอนนี้มีเป้าหมายใหม่ละค่ะ... คือการเอาชนะ CAE ให้ได้!! (CPE ยังไม่ต้องพูดถึงนะ) แต่ที่กังวลคือ พอกลับไปประเทศไทย ไม่แน่ใจว่าจะพัฒนาภาษาอังกฤษตัวเองในรูปแบบไหน จะให้ใครตรวจ essays ให้ (ตอนนี้รู้แล้วว่า ครูฝรั่งบางคนก็ไม่ได้รู้จริง ครูไทยก็ยิ่งเชื่อได้ยาก เพราะพอมาที่นี่ พบว่าหลายสิ่งหลายอย่างในภาษาอังกฤษที่เคยเข้าใจมาตลอด... แท้ที่จริงเข้าใจผิด -w-) สู้ตายค่ะ !! ^^b จากคุณ : MorganaArtemisCynthia เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 02:57:50

ความคิดเห็นที่ 7 โอ้วววว เท่าที่อ่านดู... CPE โหดกว่า CAE หลายเท่าจริงๆค่ะ O___O ... ไม่แปลก ที่ยากที่จะมีคนสอบผ่าน.. จากคุณ : MorganaArtemisCynthia เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 03:00:47

ความคิดเห็นที่ 8 คุณ จขกท ตอนนี้อยู่ Oxford หรือ เราเคยไป Oxford แค่เขานำเที่ยวแค่วันเดียว แต่เราพำนักอาศัยอยู่ Cambridge หลายปี น่าจะ 5 ปีก่อนทนไม่ไหวย้ายไป Bournemouth ที่ทนไม่ไหวใน Cambridge ก็เพราะจะจีบสาวทีไรไปไหนก็เจอแต่ gays เราไม่ได้รังเกียจ gays หรอก แต่แหมจะว่าไงเอ่ย...คือ เมือง Cambridge ผู้ชายมากกว่าผู้หญิงตั้งหลายเท่า ตอนกำลัง lonely อยู่หันไปทางไหนสาวๆก็โดนหนุ่มๆจีบไปหมดแล้ว แล้วพอจะเข้าห้องน้ำผู้ชายพวก gays ชอบรบกวนเราโดยการชะโงกมาดูแล้ว make remarks...555+++... สู้ Bournemouth ไม่ได้ผู้หญิงมากกว่าผู้ชายตั้งหลายเท่า ยิ่งตอน summer เนี่ยสุดยอดเลย เจอผู้หญิงจาก Scandinavia สวยๆเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมดเลย...คือเราไปจีบสาวอ้ะ ไม่ได้ไปเรียนหนังสือ...555+++... จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 23:47:18

ความคิดเห็นที่ 9 ค่ะ ตอนโพสต์อยู่ออกซ์ฟอร์ด ตอนนี้ออกมาแล้ว เรียนแค่เดือนเดียว อยู่ลอนดอนแล้วค่ะ :) เคยไปเที่ยว Cambridge มา 1 วัน.. แต่รู้สึกชอบ Oxford มากกว่า ไม่รู้ทำไม 555+ (ขอโทษที่ตอบช้าไปหน่อยค่ะ พอดีไปเที่ยว Highland-Edinburgh เลยไม่มีโอกาสเข้าพันทิป ^^") จากคุณ : MorganaArtemisCynthia เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 05:57:04

ความคิดเห็นที่ 10 เข้ามา อ่าน และอยากบอกว่า CAE นั้น มันยากมาก!!! T-T สมัยนั้น ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการ ตอนอยู่ นิวซีแลนด์ เขาให้เลือกสอบว่าจะสอบ อะไร ใน 3 อันนั้น เราก็ ไม่ได้ศึกษาอะไรมากมายเลย เลือก อันกลาง ละกัน CAE กลัวว่า FCE จะง่ายไป และ CPE คงยากไป ที่ไหนได้ เปิด ข้อสอบ CAE มา ...........จบครับ ยากมากมาย จำไปอีกนาน จากคุณ : nongmasadayu เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 15:11:50