ความคิดเห็นที่ 1 1 ญี่ปุ่นสามารถหาเงินจำนวนมหาศาลมาพัฒนาประเทศได้จากไหนครับ        เอาแค่รางรถไฟกับกองทัพนี่ญี่ปุ่นก็ต้องใช้เงินมหาศาลมากๆในการสร้างแล้ว      จะว่ามาจากการค้าว่ากันตรงๆญี่ปุ่นเองก็ไม่ได้มีสินค้าที่ตะวันตกต้องการเหมือนสยามด้วยซ้ำ     แล้วญี่ปุ่นไปหาเงินมาจากไหน การค้าครับสินค้าญี่ปุ่นเป็นที่ต้องการมากในยุโรป นั่นคือผ้าไหมครับ ต่อมาเมื่อพัฒนาอุตสาหกรรมแล้วญี่ปุ่นก็กลายเป็นผู้ผลิตผ้ารายใหญ่ที่ส่งออกอย่างเป็นกอบเป็นกำ ส่วนการสร้างทางรถไฟ เขาไม่ได้นำเข้ามาทั้งหมดครับ เขาส่งคนไปเรียนรู้ จ้างคนมาสอน จากนั้นก็ทำเองครับ วิสัยทัศน์ของรัฐบาลเขาดีมากๆ เวลาส่งคนไปเรียนก็ไม่จำกัดว่าเป็นลูกขุนนางหรืออะไรอย่างนั้นเขาคัดคนแล้วส่งไปเลย อีกทั้งจำนวนคนที่ส่งไปก็มีจำนวนมาก ชาวต่างชาติที่เขาจ้างมาทำงานในยุค Meiji Restoration มีประมาณ 3000 คน ส่วนคนญี่ปุ่นที่ได้ไปเรียนต่อต่างประเทศมีจำนวนมากกว่านั้นหลายเท่า ส่วนของสยาม...จ้างฝรั่งมาเท่าไหร่ไม่รู้ แต่คนที่ได้ไปเรียนต่างประเทศนั้นน่าจะมีไม่ถึงพันคน 2 ในขณะที่ญี่ปุ่นเปิดประเทศ    สยามเองก็เข้าสู่ยุคเปลี่ยนแปลงในรัชกาลที่4      สยามเองก็พยายามพัฒนาประเทศเต็มที่   แต่ติดขัดปัญหาเรื่องเงินตลอด     เพราะอะไรสมัยนั้นสยามจึงสามารถหารายได้ได้น้อยกว่าญี่ปุ่นมากครับ เพราะสยามพึ่งพาการขายวัตถุดิบโดยปราศจากการแปรรูปและการใช้เทคโนโลยีครับ สินค้าส่งออกของสยามก็มีพวกข้าว ไม้ สินค้าจากป่า ดีบุก ประมาณนั้น ขายของพวกนั้นมันจะได้เงินได้ยังไง ลองเทียบว่าขายข้าวกี่เกวียนกว่าจะได้ IPAD 1 เครื่องคงพอจะเข้าใจ 3 ทำไมญี่ปุ่นสามารถเรียนรู้วิชาการด้านอาวุธของตะวันตก  แล้วสามารถสร้างโรงงานผลิตได้เอง    แต่สยามกลับทำได้ไม่เท่า       เพราะญี่ปุ่นเองต่อได้แม้แต่เรือดำน้ำ   เรือรบ    ในขณะที่สยามทำได้ไม่เท่า   มีเด่นๆก็สร้างเครื่องบินเท่านั้น กลับไปอ่านคำตอบข้อ 1 ว่าด้วยวิสัยทัศน์ครับ 4 กองทัพญี่ปุ่นในสมัยเป็นมหาอำนาจนั้น    ถ้าเอามารบกันตรงๆกับมหาอำนาจทางยุโรป     กองทัพญี่ปุ่นจะสู้ไหวมั้ยครับ ถ้าเดี่ยวๆกันมีไม่กี่ประเทศหรอกครับที่ชนะญี่ปุ่นได้ น่าจะมีแต่อเมริกากับรัสเซียเท่านั้นแหละที่มีทรัพยากรพอจะตีญี่ปุ่นได้ (รัสเซียมีพรมแดนติดญี่ปุ่น ส่วนอเมริกามีกำลังการผลิตมหาศาล) มหาอำนาจยุโรปเอาเข้าจริงๆถ้าต้องมาสู้ในเอเซียไม่น่าจะสู้ญี่ปุ่นได้ เพราะ Supply Line มันยาวมากเกิน 5 สาเหตุที่ญี่ปุ่นต้องหาทางแย่งชิงแผ่นดินมา   ไม่ว่าจะเป็นเกาหลี   ฟอร์โมซ่า  แมนจูกัว      เพราะอะไรครับ     หลักๆแล้วคือแย่งชิงทรัพยากรมาป้อนอุตสาหกรรมในประเทศรึเปล่า    เพราะญี่ปุ่นเองจัดว่าขาดแคลนทรัพยากรดีๆมาก ใช่ ตอนนั้นญี่ปุ่นประชากรเยอะมากถึง 71 ล้านคน เลยมีความต้องการทรัพยากรมาก รวมทั้งต้องการขจัดอิทธิพลของยุโรปออกจากเอเซียด้วย ส่วนของไทยตอนนั้นน่าจะ 16-17 ล้าน จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 55 00:30:44

ความคิดเห็นที่ 2 1,3 ความแตกต่างที่เห็นระหว่างสองประเทศคือ การปิดประเทศของโทกุกาว่าเป็นเวลา 200 ปี จึงเกิดการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จากลักธิบูชิโดอย่างมากในช่วงนั้นครับ 4 แต่ก่อนก็รบกันได้สบายไม่งั้น WW2 ญี่ปุ่น ไม่กล้าเปิดสงครามโลกกล้าบุกอเมริกากับรัสเซีย แน่ครับ ที่เด่นๆคือกองเรือครับ ไม่ด้อยกว่าอังกฤษที่ขึ้นชื่อในด้านนี้เหมือนกัน ตอนนี้ติดแค่หลังจากแพ้WW2กองทัพจึงเป็นกองกำลังป้องกันประเทศจึงซื้อ หรือผลิตอาวุธสงครามที่ใช้ในการรุกรานไม่ได้ เช่นพวกเรือบันทุกเครื่องบิน ทำให้เสียเปรียบหลายๆประเทศอยู่ในตอนนี้ แต่ถ้าประเทศใหนคิดจะบุกญี่ปุ่น จากคุณ : giser เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 55 01:06:22

ความคิดเห็นที่ 3 1 และ 2 ต้องอย่าลืมว่า ญี่ปุ่นในยุคโทกุงาวะ เป็นยุคที่บ้านเมืองสงบยาวนานมากกว่าสองร้อยปี จึงสามารถรวบรวมทรัพยากรต่าง ๆ เอาไว้เป็นทุนในการพัฒนาประเทศได้มาก ขณะที่ไทยในช่วงเวลาเดียวกัน ต้องเผชิญกับภัยสงครามกับพม่าอย่างยาวนาน ตั้งแต่ปลายกรุงศรีอยุธยาจนถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ต้องระดมกำลังคนและทรัพยากรต่าง ๆ ไปในการทำสงครามเป็นจำนวนมาก และเมื่อระดมพลมาเป็นทหาร ก็ทำให้การผลิตก็ต้องชะงักงันไปด้วย รวมถึงเมื่อหมดภาวะสงครามก็ยังต้องใช้เวลารวมถึงแรงงานและทรัพยากรจำนวนมากเพื่อฟื้นฟูบ้านเมืองกันใหม่ กว่าจะเริ่มตั้งตัวได้จริง ๆ ก็น่าจะเกือบ ๆ ปลายรัชกาลที่ 3 นั่นแหละครับ 3. นอกจากเรื่องเงินและเทคโนโลยีแล้ว เรื่องกำลังคนก็สำคัญครับ ญี่ปุ่นมีพลเมืองมากกว่าไทย ยิ่งสมัยก่อนยิ่งมากกว่าหลายเท่า อย่างไทย แม้แต่ปลายรัชกาลที่ 5 ซึ่งมีการสำรวจสำมะโนประชากรครั้งแรก ทั้งประเทศก็เพิ่งมีประชากรเพียง 8 ล้านคนเศษ (น้อยกว่ากรุงเทพฯ และปริมณฑลในตอนนี้เสียอีก) ถือว่าเบาบางมากถ้าเทียบกับเนื้อที่ประเทศ ดังนั้นจึงทำให้ขาดแคลนแรงงานส่วนเกินจากภาคเกษตรกรรมที่จะดูดเข้ามาอยู่ในภาคอุตสาหกรรมไปด้วย การพัฒนาอุตสาหกรรมของไทยจึงทำได้ยากกว่าญี่ปุ่น ซึ่งมีพลเมืองมากในที่ดินจำกัด ทำให้คนจำนวนมากที่ไม่มีที่ดินทำกินต้องหันหน้าเข้าหาอุตสาหกรรมหรือทำการค้าเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง 4. ถ้าให้รบกันเดี่ยว ๆ ภายในเงื่อนไขเท่าเทียมกัน ญี่ปุ่นคงไม่ชนะ แต่ชาติมหาอำนาจในยุโรปก็คงหืดขึ้นคอเช่นกันกว่าจะคว่ำญี่ปุ่นได้ 5. ตอบไปในข้อ 3 แล้วว่า ญี่ปุ่นมีพลเมืองมากเมื่อเทียบกับเนื้อที่ประเทศ ดังนั้นความจำเป็นที่จะต้องแสวงหาทรัพยากรจากภายนอกจึงมีมาก แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 55 01:32:16 แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 55 01:29:15 จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 55 01:27:42

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าจะเทียบกับช่วงโตกุกาวะ ไทยเราก็อยู่ในยุคอยุธยาซึ่งก็เรียกได้ว่ารุ่งเรืองพอประมาณนะ มีการค้าขายกับชาวต่างชาติตั้งมากมาย เมื่อเทียบกับญี่ปุ่นที่ปิดประเทศ แล้วทำไมเราไม่สามารถสะสมทรัพยากรได้ แต่กลับมองว่าญี่ปุ่นที่ปิดประเทศนับร้อยปีน่าจะสะสมได้มากกว่า? ถ้าจะบอกว่าไทยเอาทรัพยากรไปทำสงครามซะมากช่วงรอยต่อระหว่างอยุธยา ธนบุรี รัตนโกสินทร์ ญี่ปุ่นก็มีสงครามกลางเมือง ในช่วงปลาย Edo ต่อ Meiji นะ ญี่ปุ่นเริ่ม Modernize ก็ช่วง Meiji Restoration เองนะ ถ้าเทียบกันก็ราวๆ ร.5 เอง ถ้าดูตามเวลาแล้วก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันเท่าไหร่นัก จริงๆไทยมีโอกาสมากกว่าญี่ปุ่นเสียอีกเพราะเปิดประเทศรับเทคโนโลยีของตะวันตกมาก่อนญี่ปุ่นเป็นร้อยปี ถ้าจะว่าการผลิตต้องชะงัก มันก็อาจจะจริงแต่ระบบการผลิตของไทยมันโบราณมาก ต่อให้ไม่ถูกเกณฑ์ไปทำสงคราม การผลิตมันก็ประสิทธิภาพย่ำแย่อยู่ดีนั่นแหละ หรือว่ากันซื่อๆว่าต่อให้ไม่มีสงคราม แต่ไม่มีทัศนวิสัยมันก็ไม่มีการพัฒนาเหมือนเดิม ส่วนเรื่องการพัฒนาอุตสาหกรรม ในญี่ปุ่น แรงงานส่วนเกินไม่ได้มีขึ้นมาก่อนถึงมีอุตสาหกรรมมารองรับนะครับ แต่มีการทำอุตสาหกรรมมาก่อนแรงงานถึงผละจากการทำนาเข้ามาทำงานอุตสาหกรรม เพราะก่อนหน้าการ Modernize ประชากรส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นก็ทำกสิกรรมเป็นหลักเหมือนสยามนั่นแหละ จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 55 02:28:38

ความคิดเห็นที่ 5 คิดว่าเจริญไว เพราะไม่โดนต่างชาติรุมอัดเหมือนไทยกับชาติเอเชียอื่นๆ ถ้าตะวันตกจะอัดให้ตายตั้งแต่แรก  คิดว่าญี่ปุ่นก็ไม่น่าจะรอด แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 55 03:20:12 แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 55 03:19:44 จากคุณ : ไม่ได้มีสิบมือ เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 55 03:12:54

ความคิดเห็นที่ 6 ตอนนี้ดึกมากแล้วขอตอบสั้นๆไว้ก่อน พื้นฐานทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นตั้งแต่อดีตนั้นดีกว่าไทยมากครับ ซึ่งเป็นผลจากตำแหน่งที่ตั้งที่ดีกว่า ทำให้ผลผลิตดี มีประขากรมาก การเดินทางสะดวกเอื้อต่อการเติบโตของการค้า ขนาดเศรษฐกิจของญี่ปุ่นนั้นใหญ่กว่าไทยมาตั้งแต่อดีตแล้ว เมื่อเข้าสู่ยุคการเปลี่ยนแปลงประเทศญี่ปุ่นจึงก้าวไปได้ไกลกว่า ถ้ามีเวลาเดี๋ยวจะเข้ามาต่อนะครับ จากคุณ : Lowfailer เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 55 03:37:25

ความคิดเห็นที่ 7 พึ่งนึกเหตุผลหนึ่งได้ครับ   ว่าทำไมเราสามารถหารายได้ได้น้อย      อย่างหนึ่งน่าจะมาจากการปกครองแบบไพร่    ทำให้รายได้ต่างๆที่เกิดจากไพร่ไปอยู่กับนายที่ไพร่สังกัด     มีแค่บางส่วนเท่านั้นที่มูลนายส่งให้ราชสำนัก       ทำให้รายได้ทั้งหมดของแผ่นดินกระจายไปอยู่กับขุนนางต่างๆ      ทางราชสำนักได้มาแค่บางส่วน     เงินที่ราชสำนักจะใช้จ่ายในการส่งคนไปเรียนรึซื้อของ+สร้างสิ่งต่างๆจึงมีจำกัด ร.5เห็นเช่นนั้นจึงพยายามยกเลิกระบบไพร่ไปจากสยาม     ซึ่งพอยกเลิกได้สำเร็จ    รายได้ของสยามก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก      จากที่ช่วงต้นรัชกาลท้องพระคลังมีเงินสะสมไว้แค่ไม่กี่ล้าน   (ขนาดรศ.112   ฝรั่งเศสมากรรโชกเงินแค่3ล้าน    ในคลังยังมีไม่พอ)       จนช่วงปลายรัชกาลงบประมาณแผ่นดินประจำปีก็พุ่งไปเกือบๆ70ล้าน จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 55 03:38:45

ความคิดเห็นที่ 8 ประสิทธิภาพในการเก็บภาษีก็มีส่วนครับ ทางญี่ปุ่นในยุคโตกุกาวะเองก็มีปัญหาเรื่องนี้เพราะระบบเก็บภาษีนั้นไม่ได้รวมกันที่ส่วนกลาง เจ้าแคว้นแต่ละที่จะเป็นคนเก็บภาษีของแคว้นตนเอง ทำให้ช่วงที่ฝรั่งเริ่มบีบบังคับญี่ปุ่นรัฐบาลโตกุกาวะไม่มีเงินสร้างกองทัพสมัยใหม่ไว้ต่อกรตะวันตก มิหนำซ้ำเจ้าแคว้นที่ร่วมกันลงขันล้มรัฐบาลโตกุกาวะกลับมีทุนสร้างกำลังรบทันสมัยที่มีประสิทธิภาพกว่ารัฐบาลเสียอีก หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองญี่ปุ่นก็เริ่มเปลี่ยนระบบเก็บภาษีจนพอจะมีเงินทำอะไรได้บ้าง แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 55 04:07:37 แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 55 04:05:22 แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 55 04:04:34 จากคุณ : Lowfailer เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 55 04:03:23

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าจะว่ากันตรงๆต้องเทียบช่วง Meiji Restoration กับช่วง ร.5 นั่นแหละ ตรงกันที่สุด ว่าประเทศไหนเป็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้นบ้าง จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 55 13:04:52

ความคิดเห็นที่ 10 ที่คนสยามทำได้ไม่เท่า เพราะคนสยามไม่ชอบทำ ครับ จากคุณ : หว่างฮั่น2011 เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 55 13:05:32

ความคิดเห็นที่ 11 ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่คุณภาพของพลเมือง ความอดทนเป็นหนึ่งในเอเชีย ท่านอื่นๆตอบไว้แล้ว ขอย้ำแค่ข้อ 4  คงได้สักพัก เพราะญี่ปุ่นก็รู้ตัวว่า มีกำลังทางเศรษฐกิจแค่ปีสองปี  แล้วทุนที่ตั้งใจจะไปขอกู้จากยุโรปก็ ไม่มีใครยอมให้กู้   นักลงทุนทั้งหลายไม่มีใครอยากขี่ม้าที่ไม่รู้ๆกันแล้ว ว่าจะไม่เข้าวิน จากคุณ : akebi1 เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 55 14:40:01

ความคิดเห็นที่ 12 บริษัทที่เก่าแก่ที่สุดในโลกรู้สึกว่าจะอยู่ในญี่ปุ่นนะครับ และมีบริษัทที่เก่าแก่เป็น200-500ปีที่ยังดำเนินการอยู่อีกเพียบ ดูแล้วพัฒนาการด้านการพาณิชย์เขาดีพอตัวเลย ตอนนั้นคนไทยยังเป็นไพร่ ทำงานรับใช้นายอยู่เลย แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 55 16:46:50 แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 55 16:45:28 จากคุณ : Michael เบ๊ เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 55 16:45:09

ความคิดเห็นที่ 14 เหตุผลหนึ่งที่สำคัญคือ อำนาจของรัฐด้วย เพราะถ้าเทียบกัน รัฐบาลบาคุฟุของโตกุกาว่ามีการสั่งสมฐานอำนาจมายาวนานถึง 300 ปี การรวมศูนย์อำนาจจึงเข้มแข็ง ถึงจะรบแพ้ให้คณะปฏิรูป แต่ระบบมันค่อนข้างโออยู่แล้วในแง่การรวมอำนาจ พอคณะปฏิรูปเข้ามาครองอำนาจต่อ ก็ยังยึดการรวบอำนาจไว้แน่นหนา แล้วปรับอย่างอื่นให้เหมาะก็พอแล้ว ที่สำคัญ แรงขับดันญี่ปุ่นมีเยอะกว่าไทยหลายร้อยเท่า เพราะการปกครองระบบศักดินาของโตกุกาว่าอย่างยาวนานทำให้คนหนุ่มญี่ปุ่นเกิดความมาสะต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างแรงกล้า การเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างเลยก้าวกระโดด ที่สำคัญ ญี่ปุ่นต่างกับไทยตรงที่พวกเขาไม่ใช่ประเทศที่มีผลผลิตทางกสิกรรมเป็นหลักเหมือนไทยซึ่งเป็นอาชีพที่ถนัดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ดังนั้นญี่ปุ่นสามารถเปลี่ยนแปลงให้ตนเองเป็นประเทศอุตสาหกรรมได้ง่ายกว่า พอเปลี่ยนเป็นอุตสาหกรรมแล้วการผลิตก็ย่อมมากขึ้น อีกเรื่องหนึ่งที่เราต้องเข้าใจวัฒนรรมเฉพาะของไทยและดินแดนแถบนี้คือ ประชากรไม่เยอะ การรวมตัวทางชุมชนในระดับภูมิภาคเบาบางกว่าญี่ปุ่นมาก ของไทยมีเพียงแค่เมืองหลวงเท่านั้นที่ศูนย์อำนาจเข้มแข็ง นอกนั้นพวกหัวเมืองอย่างปัตตานี เชียงใหม่ ก็เป็นเสมือนกึ่งรัฐอื่นๆอยุ่เลย กว่าจะรวมตัวกันได้ก็ ร.5 จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 55 22:53:05

ความคิดเห็นที่ 15 ขอตั้งข้อสังเกตุนิดหนึ่งครับ ในแง่ของการดำรงชีวิต ผมเข้าใจว่าไทยน่าจะได้เปรียบเรื่องภูมิอากาศมากกว่าญี่ปุ่นซึ่งมีหน้าหนาวที่หนาวจัด แต่กลับกลายเป็นว่า ญี่ปุ่นมีประชากรมากกว่าไทย ไม่แน่ใจว่าทำไมเป็นอย่างนั้นครับ.. จากคุณ : เอาชื่อรัยอ่ะ เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 05:21:06

ความคิดเห็นที่ 16 สภาพทางภูมิศาสตร์ของไทยเป็นป่าดิบชื้นครับ ซึ่งอยู่อาศัยลำบากมากเพราะมีโรคภัยไข้เจ็บเยอะ เมื่อก่อนก็ตั้งเมืองอยู่ตามลุ่มแม่น้ำเท่านั้นแหละครับ นี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สยามไม่มีอาณาจักรใหญ่ๆที่มีอำนาจรวมศูนย์ได้เพราะมีจำนวนประชากรน้อย จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 11:45:04

ความคิดเห็นที่ 17 ญี่ปุ่นเองประชากรเยอะกว่าไทยมานานแล้วครับ      ยิ่งหลังเซคิงาฮาระนี่ญี่ปุ่นแทบไม่มีสงครามอะไรเลย       ช่วงเวลาสันติภาพยาวนานเกือบๆ300ปีได้มั้ง       คนญี่ปุ่นก็ผลิตประชากรเพิ่มกันเต็มที่     จนช่วงเปิดประเทศญี่ปุ่นมีประชากรราวๆ45ล้านคนแล้ว แต่ขนาดช่วงยุคเซนโงคุที่ญี่ปุ่นรบกันไปมาตลอด    ประชากรล้มตายไปมาก         ปลายยุคเซ็นโงคุสงครามเซคิงาฮาระ    ทั้งสองทัพยังขนกำลังทหารมารวมกันเกิน2แสนคน (นี่ยังขนกันมาไม่ครบนะ)        ในขณะที่ทางไทยแทบไม่มีที่เราระดมพลได้เกิน1แสนเลย จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 00:07:03

ความคิดเห็นที่ 18 ทำเลที่ตั้งของญี่ปุ่นถ้าไม่นับเรื่องเจอภัยธรรมชาติบ่อยก็นับว่าเป็นทำเลที่ดีมากที่นึงสำหรับการพัฒนาประเทศครับ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบนอกจากปัจจัยเรื่องคุณภาพคนและความนิ่งของการเมืองจนทำให้ช่วงที่ญี่ปุ่นเริ่มเปิดประเทศพัฒนาไปได้เร็วกว่าประเทศอื่นๆ ภูมิประเทศของญีี่ปุ่นเป็นภูเขาเกือบทั้งประเทศมีที่ราบชายฝั่งอยู่นิดเดียว แต่ภูเขาไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการตั้งถิ่นฐานเพราะกลายเป็นเป็นตัวดักลมฝนชั้นเยี่ยม เกิดเป็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติเอื้อกับการสร้างสังคมเกษตรขนาดใหญ่ทำให้พื้นที่ราบชายฝั่งและที่ราบตามหุบเขากลายเป็นชุมชนที่มีคนหนาแน่นมาตั้งแต่โบราณ การเดินทางในญี่ปุ่นนั้นสะดวกมากครับ เส้นทางผ่านย่านหุบเขาและป่าเข้าไปในใจกลางประเทศไม่เสี่ยงภัยจากโรคเหมือนประเทศเขตร้อน ด้านที่ราบชายฝั่งก็มีเส้นทางสำคัญที่ใช้กันเหมือนทางหลวงเดินทางได้สะดวก อย่างเส้นทางเรียบทะเลตะวันออก(โทไคโด)ที่เป็นเส้นทางสำคัญจนถึงยุคปัจจุบัน สามารถเดินเท้าจากโตเกียวถึงเกียวโตได้ในเวลาไม่ถึงเดือน หรือจะใช้เส้นทางทะเลก็ไปได้ทั่วประเทศ การค้าภายในประเทศเลยเฟื่องฟูมากสร้างพ่อค้ารายใหญ่ที่มีเครือข่ายร้านค้าทั้งประเทศหรือมีโรงงานผลิตขนาดใหญ่ แม้จะปิดญี่ปุ่นประเทศรัฐก็ยังมีรายได้จากภาษีการค้ามาเลี้ยงตัวเอง และความสะดวกในการเดินทางการก็ทำให้สร้างระบบการปกครองแบบรวมศูนย์ได้ง่ายด้วย ส่วนฝั่งไทยเป็นป่าเขตร้อน โรคไข้ป่าทำให้ที่ตั้งถิ่นฐานมีจำกัด เป็นอุปสรรคในการเดินทางทำให้การค้าภายในน้อยมาก การปกครองเข้าถึงหลายส่วนของประเทศค่อนข้างลำบากเลยจำใจต้องใช้วิธีปกครองแบบหลวมๆ เศรษฐกิจของไทยโดยรวมจึงมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับญี่ปุ่นที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่มากตั้งแต่อดีต ความเหนือกว่าของศักยภาพทางเศรฐกิจดูได้จากช่วงที่ญี่ปุ่นยังไม่เริ่มพัฒนาประเทศครับ ลำพังเจ้าแคว้นท้องถิ่นอย่างเช่นซัทซึมะซึ่งเป็นแคว้นหนึ่งในเกือบ60แคว้นทั่วญี่ปุ่น ก็มีเงินซื้อเรือรบสมัยใหม่มาสร้างเป็นกองเรือของแคว้นไปซัดกับฝรั่งมาแล้ว(ถึงจะแพ้กลับมาก็เถอะ) ในขณะที่ไทยในยุคเดียวกัน จะซื้อเรือรบมือสองจากฝรั่งยังต้องคิดแล้วคิดอีกเพราะไม่มีเงิน ด้วยพื้นฐานที่ดีกว่าของญี่ปุ่นที่มีทั้งประชากรพร้อม เงินทุนพร้อม พ่อค้ารายใหญ่นักอุตสาหกรรมที่พร้อมจะรับสิ่งใหม่ๆก็มีอยู่แล้ว กลไกลการปกครองก็เข้าถึงทุกส่วนในประเทศ กลายเป็นตัวช่วยให้การพัฒนาประเทศของญี่ปุ่นเร็วกว่าประเทศอื่นครับ . แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 55 05:12:23 แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 55 20:23:38 แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 55 20:12:32 แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 55 20:10:59 จากคุณ : มาช้าดีกว่าไม่มา (Lowfailer) เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 20:09:15

ความคิดเห็นที่ 19 ลืมรูป . จากคุณ : Lowfailer เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 20:10:24

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้าเทียบแล้วทางไทยเองจะเน้นไปทางการค้าแบบผูกขาดโดยราชสำนักด้วยน่ะครับ       คนสามัญไม่ค่อยมีโอกาสได้สร้างเครือข่ายการค้าได้มากมายนัก      เพราะหลักๆแล้วสินค้าที่จะขายให้ต่างชาตินั้นราชสำนักจะเป็นคนขายเอง        คนไทยจะทำการค้าหลักๆก็ขายของให้คนไทยด้วยกัน    ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรมาก    อาหารก็เน้นขายให้ขุนนางเพราะคนธรรมดาส่วนใหญ่ก็มีที่นาของตนเอง      ผ้าก็เน้นขายให้ขุนนาง   เพราะแถวนี้มันร้อน     คนธรรมดาไม่ค่อยนุ่งห่มมากนัก      ยาคนก็เข้าไปหาสมุนไพรในป่าเอา เมื่อการค้าขายมันไม่ใหญ่โต   คนก็ไม่ค่อยทำการค้า      เศรษฐกิจก็ไม่ใหญ่โตแบบญี่ปุ่น     คนทั่วไป-เจ้าเมืองต่างๆก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมาก     ที่จะมั่งคั่งมากๆจะเป็นราชสำนักมากกว่า      เพราะรับของจากผู้ผลิตแล้วส่งขายให้ต่างชาติ    เป็นพ่อค้าคนกลาง จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 00:08:11

ความคิดเห็นที่ 21 ซึ่งจากภูมิประเทศของญี่ปุ่นแล้ว     ก็น่าแปลกที่ประเทศที่ภูมิประเทศคล้ายๆญี่ปุ่นอย่างเกาหลี     แถมปิดประเทศยาวนานเหมือนกัน     กลับไม่สามารถพัฒนาตนเองได้เท่าไหร่     ตอนเกาหลีเปิดประเทศใหม่ๆ    ฝรั่งที่เข้าไปบ่นไปตามๆกันว่าเป็นอาณาจักรที่ยากจน    ล้าหลัง    เสื่อมโทรม จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 00:10:21

ความคิดเห็นที่ 22 เกาหลีเจอภูมิอากาศที่ค่อนข้างโหดร้ายกว่าญี่ปุ่นครับ ฤดูหนาวโดนอากาศจากจากไซบีเรียพัดลมหนาวมาใส่เต็มๆ พื้นที่ทางเหนือเลยเพาะปลูกได้ผลน้อย ส่วนทางใต้อากาศคล้ายญี่ปุ่นมี4ฤดูเหมือนกันแต่มีพื้นที่เหมาะกับการทำการเกษตรมีแค่ริมชายฝั่งทางตะวันตกและทางใต้ ส่วนอื่นที่เป็นหุบเขาก็อยู่ลึกเกินไปจนไม่เหมาะที่จะตั้งถิ่นฐานขนาดใหญ่ ปริมาณน้ำฝนที่ได้รับก็น้อยกว่าของญี่ปุ่น การเกษตรเลยได้ค่อยได้ผลดีเท่าไรครับ นอกจากนี้ผมคิดว่าสภาพสังคมเกาหลีที่ใช้ระบบวรรณะแบบเข้มงวดเกินไปก็เป็นตัวกดกำลังการผลิตของเกาหลีเองด้วยครับ . แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 55 04:51:42 แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 55 04:42:11 จากคุณ : Lowfailer เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 04:38:01