ความคิดเห็นที่ 1 ที่ฟังนี่ฟังอะไรครับ ถ้าตั้งใจฟัง ฟังรู้เรื่องทุกคำรึเปล่า? สมมุติถ้าเปิดข่าวฟังไปเรื่อย เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ผมว่า ไม่เวิร์ค ครับ ถ้าจะฟัง ผมว่าฟังซ้ำๆ โดยมีโพย หรือซับไตเติ้ล ดีกว่า ฟังซ้ำจนแยกแยะคำพูดออกได้โดยไม่ต้องใช้โพย ไม่ต้องใช้ซับ สมัยก่อนเวลาผมทำงานอยู่บ้าน ผมไม่เปิดเพลง แต่ผมเปิด DVD เล่นไปเรื่อยๆ น่ะครับ เปิดซับอังกฤษไว้ หันไปดูบ้างเป็นครั้งคราว ประมาณ 2-3 เดือนครับ ผมเริ่มฟังออกเกือบทุกคน ไม่ต้องเปิดซับเลย Fight Club, Lord of the Ring ภาคแรก และอื่นๆ อีก 2-3 เรื่อง (คือผมเปิดเวียนๆ อยู่ไม่กี่เรื่อง) ฟังออกทุกคำ ฟังออกทั้งเรื่อง ไม่ต้องใช้ซับ แต่ผมไม่ได้ฟังเพื่อเรียนรู้นะครับ แค่เปิดมันแทนเพลงเท่านั้นเอง เพราะไม่ใช่คนฟังเพลงเท่าไหร่ แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 55 09:08:47 แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 55 09:07:05 แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 55 09:06:40 จากคุณ : J-Renderer เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 09:06:28

ความคิดเห็นที่ 2 ฟังข่าวกับสารคดีครับ ข่าวถ้าตั้งใจฟังเข้าใจแค่ 30% ครับเพราะพูดเร็วมาก ส่วนสารคดีถ้าตั้งใจฟังเข้าใจ 90% ครับเพราะพูดค่อนข้างและชัด เวลาทำงานจะไม่ตั้งใจฟังเพราะต้องใช้สมาธิกับการทำงาน ส่วนเวลาอื่นๆจะตั้งใจฟัง แต่ผมก็ไม่มั่นใจว่าทักษะผมจะเพิ่มขึ้นรึปล่าว จากคุณ : kenjiwinness เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 10:07:00

ความคิดเห็นที่ 3 สำหรับผม ฟังไปนาน ๆ มันก็จะฟังออกเองอะครับ คล้าย ๆ เวลาคุณไปอยู่ต่างประเทศ พอคุณคุ้นสำเนียง คุณจะเริ่มฟังออกมากขึ้น จากคุณ : Canon in Science Major เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 10:09:18

ความคิดเห็นที่ 4 ฟังแล้วดู อ่านไปด้วย ได้แน่ ขนาดภาษาเกาหลี ญี่ปุ่น ดูละครแค่สองอาทิตย์ยังได้ตั้งหลายคำเลย จากคุณ : yinnerella เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 10:12:31

ความคิดเห็นที่ 5 การฝึกฟังภาษาอังกฤษโดยเริ่มจากความรู้ในระดับ "ไม่กระดิกหูเลย" แล้วก็โดยที่ "รู้ศัพท์กับ grammar น้อยมากๆหรือแทบไม่รู้เลย" ถ้าเรียนด้วยตัวเองโดยไม่มีครูช่วยสอนให้  (โดยอยู่ในสภาพแวดล้อมของการพูดภาษาอังกฤษในต่างแดน) อะนะ เท่าที่เราเรียนเอง เราใช้เวลาเรียน 2-3 ปีกว่าจะฟังฝรั่งตัวเป็นๆพูดได้โดยไม่ต้องขอร้องฝรั่งว่า "Please speak more sl:-)."  และเราใช้เวลาเรียนอีก 5-6 ปีกว่าจะฟังหนังฝรั่งพูดเร็วๆได้โดยไม่มี subtitles อะนะ ^ แต่อย่ายึดเอาเราเป็นบรรทัดฐานนะ เพราะมีพวกอัฉริยะทางด้านภาษาเรียนได้เร็วกว่าเราตั้ง 10 เท่าก็มี แบบเอาอัฉริยะไปปล่อยเกาะที่ไหนสักแห่งตัวเปล่าๆ ไม่มี dictionary เราว่าเขาเรียนแค่ 2-3 เดือนก็ฟังกับพูดภาษาชาวเกาะได้แล้วหละ ตอนนั้นมีนักเรียนทุน King's Scholarship คนหนึ่งที่ไปอยู่ต่างแดนพร้อมเรา แต่เขาเรียนภาษาอังกฤษในสภาพแวดล้อมของการพูดภาษาอังกฤษในต่างแดนแค่ 6 เดือนเอง เขาก็กลายเป็นเก่งกว่าเราเรียนตั้ง 5-6 ปี ได้สบายๆ ^ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า "พื้นฐานเขาแน่นมากๆกว่าเราตั้งหลายเท่า เพราะเขาสอบได้คะแนนเต็มทุกวิชา ในขณะที่เราสอบแทบไม่ได้คะแนนเลยสักวิชาเดียวเพราะสมัยเด็กๆเราปัญญาทึบเรียนอะไรก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่อง...555+++..." แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 55 12:56:20 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 10:15:05

ความคิดเห็นที่ 6 จริง จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 10:41:02

ความคิดเห็นที่ 7 ต้องทำนานแค่ไหน ผมฟังทั้งวันเกือบทุกวันมาเกือบ 2 อาทิตย์แล้วจนมีอาการคลื่นไส้แล้วอ่าครับ ทำงานก็ำฟัง นั่งรถเมล์ก็ฟัง แต่ไม่ได้ตั้งใจแปล ฟังแบบกรอกเข้าหูอ่าครับ >>> 2 อาทิตย์เองครับ ถ้าตั้งใจฟังหน่อยก็สักสามเดือน(คนปกติมั้ง) และถ้าไม่ตั้งใจฟังก็สักปีครับ แค่สองอาทิตย์เอง.... อย่างนี้มันจะช่วยให้ผมได้ภาษาอังกฤษจริงๆหรือครับ แล้วถ้าช่วยได้ควรฟังแบบช้าหรือแบบเร็วอ่าครับ >>> ฟังๆ ไปเถอะครับ กรอกหูไปทุกวันเดี๋ยวมันก็เข้าใจเอง (ผมจริงจังนะ) จากคุณ : Roger A. เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 10:43:06

ความคิดเห็นที่ 8 อ้าวทำไมใน คคห 5 มันกรองคำว่า s l :-) หว่า? จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 11:54:29

ความคิดเห็นที่ 9 ^ ยังกรองคำอีก เอส แอล โอ ดับบลิว แอล วาล มันหยาบคายตรงไหนหว่า? จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 11:56:07

ความคิดเห็นที่ 10 ช่วยได้ค่ะ ดิฉันใช้การดูหนัง ดูบ่อยๆ ว่างก็ดูทั้งวัน แรกๆ ก็อ่าน sub ไปด้วย แล้วก็ฟังว่าประโยคง่ายๆ เค้าพูดยังไง สำเนียงการออกเสียงเป็นยังไง หลังๆ ก็เริ่มฟังประโยคยาวๆ ซับซ้อนมากขึ้นได้ บางทีก็ลองดูแบบไม่อ่าน sub ก็พอจับใจความได้มากขึ้น พอเปลี่ยนไปฟังข่าวก็รู้เรื่องมากขึ้น ทุกวันนี้ดินแทยจะไม่ดูละครไทยเลยค่ะ เปลี่ยนไปดูซีรีย์หรือหนังฝรั่งแทน มันช่วยเรื่อง listening กับ speaking ได้มากจริงๆนะคะ แต่ต้องให้เวลากับมันหน่อย และอย่าไปเครียดมาก เอาเท่าที่ได้ก่อนค่ะ ^^ จากคุณ : staryscary เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 12:04:37

ความคิดเห็นที่ 11 "..ผมฟังทั้งวันเกือบทุกวันมาเกือบ 2 อาทิตย์แล้วจนมีอาการคลื่นไส้แล้วอ่าครับ .." >> อาการน่าเป็นห่วง กินขนมจีนโดยไม่ราดน้ำยา รอดมาได้สองอาทิตย์ก็บุญโขแล้ว 1.ฟังโดยไม่มีฉันทะ คือไม่ได้มีความสนใจในเนื้อหา ไม่ได้มีความอยากรู้ในสิ่งที่เขาจะสื่อ เมื่อไม่ได้เริ่มเพราะความสนใจและอยากรู้ ก็ไม่เกิดความสนุก ไม่เกิดความอยากติดตาม ไม่เกิดความเพียร พูดง่ายๆคืออิทธิบาทสี่ไม่ครบองค์ หนทางสำเร็จริบหรี่เพราะร่างกายมันคลื่นเหียนอาเจียนไม่ยอมรับเสียแล้ว โปรดระลึกว่าภาษาอังกฤษมันก็แค่เครื่องมือเอาไว้เสพสาระต่างๆที่สื่อมากับมัน ตัวมันเองน่ะไม่มีรสชาติอะไร จืดๆชืดๆ กินขนมจีนน้ำยาโดยละเลยไม่สนใจรสชาติน้ำยาเลยแต่ไปเพ่งเล็งแต่เส้นขนมจีน ไม่อ้วกวันนี้จะไปอ้วกว้นไหน จะทนกินแต่เส้นได้สักกี่น้ำ ผมเก่งภาษาอังกฤษเพราะผมสนุกกับนิยายวิทยาศาสตร์ที่ผมชอบซึ่งมันมาเป็นภาษาอังกฤษและหาอ่านเป็นภาษาไทยไม่ได้ ผมสร้างบ้านเป็นเพราะผมชอบสร้่างบ้าน ไอ้ค้อนสิ่วเลื่อยตะปูที่ใช้เป็นเครื่องมือน่ะผมไม่ได้รักมันนักหรอก แต่พอสร้างบ้านเสร็จก็พบว่าผมใช้ค้อนสิ่วเลื่อยตะปูเป็นเองโดยอัตโนมัติ มันก็แค่นั้นแหละ แค่เป็นผลพลอยได้ 2.ขึ้นชกโดยไม่เลือกคู่ชก ไปเจอมวยมีชั้นเข้าก็ชักตาตั้งลงเวทีแหงๆ จะฟังไม่ใช่สักแต่ว่าฟัง มันต้องเลือกความยากง่ายให้เหมาะกับตัวเราด้วย เริ่มจากง่ายพอเคี้ยวได้แล้วไต่อันดับ ถ้ายังสนใจอยู่ โปรดพิจารณาที่ผมบอกแล้วปรับแก้โดยด่วน หวังว่าอาการคงพอแก้ได้ มีอะไรคุยกันเน้อ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 12:23:42

ความคิดเห็นที่ 12 ช่วยได้แน่นอนครับ การฟังภาษาอังกฤษต่อเนื่องนานๆช่วยทำให้หูเราคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนผมไปอเมริกาใหม่ๆ เดือนแรกผมดูโทรทัศน์ไม่รู้เรื่องเลย เพราะหูยังไม่คุ้นเคยกับเสียงพูดเร็วๆในโทรทัศน์ ขึ้นเดือนที่สองผมถึงดูโทรทัศน์รู้เรื่อง จากคุณ : นายชัย เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 12:23:50

ความคิดเห็นที่ 13 ผมว่าคงต้องฟังแบบตั้งใจพยายามให้รู้ความหมายไปด้วยมั่งครับถึงจะได้ผล ถ้าฟังแค่ผ่านหูเฉย ๆ คงจะได้แค่ความคุ้นเคยกับสำเนียงฝรั่งเท่านั้น แต่ก็คงฟังไม่เข้าใจอยู่ดี ถ้าไม่มีพื้นฐานคำศัพท์ในหัวและไม่พยายามทำความเข้าใจในความหมายของสิ่งที่ฟังอยู่ จากคุณ : time wait for no one เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 12:34:53

ความคิดเห็นที่ 14 เพิ่งโพสต์ไปเมื่อไม่กี่วัน จัดเต็มเลยค่ะ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K12105107/K12105107.html คอนเฟิร์มได้ผลจริง!! กับตัวเรานะ เเต่เเรกๆ ต้องมีโพยไว้ดูก่อนว่าคำที่เค้าพูดออกมามันคือคำว่าอะำำไร ไม่งั้นมันก็จับทางไม่ถูกซักกะที เราพยายามเอาชีวิตเข้าไปคลุกคลีกับฝรั่ง ที่ทำงาน หลังเลิกงาน เล่นควิซ ดูบอล คุยกับฝรั่ง ฟังอะไรๆ ที่มันเป็นภาษาอังกฤษ มันจะเกิดความคุ้นเคยเเละจับทางออกอ่ะค่ะ จากคุณ : PJ เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 14:44:21 A:114.134.84.62 X: TicketID:359720

ความคิดเห็นที่ 15 จะฝึกฟังแบบคุณได้ต้องแน่ใจว่าพื้นฐานดีมาก่อนแล้ว ถ้าคุณไม่มีพื้นฐานศัพท์หลัก(core vocab) + ความเข้าใจไวยากรณ์ กับฉันทะที่จะฟังอย่างต่อเนื่องมาก่อนบอกได้ว่ายากมากที่จะฟังรู้เรื่อง ไม่ว่าคุณจะฟังไปอีกนานแค่ไหนก็ตาม... เพราะตามหลักการเรียน(รู้)ภาษาอย่างน้อยๆ ต้อง + 1 เสมอทุกครั้งที่เรียน เนื้อหาที่เรียนต้อง meaningful ต้องมีความหมาย เพื่อที่ว่าคุณจะได้เข้าใจและขยับขยายต่อยอดไปได้ แนะนำว่าถ้ายังไม่เก่งให้ฝึกฟังแบบที่ดูสคริปไปด้วย(ใช้บทเรียนของ voa) อาจต้องลงมืออ่านทำความเข้าใจ จะแปลศัพท์อะไรก็แล้วแต่ต้องให้เข้าใจตลอด ทำแบบนี้กับหลายๆ สคริป พอพื้นฐานคุณเริ่มเน่นได้ศัพท์พื้นฐานมากพอแล้ว ค่อยฝึกฟังแบบตะลุย ฟังทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ แบบนี้จะได้ผลกว่า จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 17:39:43

ความคิดเห็นที่ 16 เราฟังวันละครึ่งชั่วโมงก่อนนอน (ไม่ใช่หลับไปแล้วนะ ก่อนหลับ) ตั้งแต่ฟังคำว่า I ไม่ออก จนตอนนี้พอจับใจความพวกบทสัมภาษณ์ต่างๆได้แล้ว จริงๆ 1-2เดือนแรกก็ได้ผลแล้วค่ะ ตอนนั้นยังอยู่นิวซีแลนด์ มีวันหนึ่งเกิดเหตุต้องฟังคนขับรถพูดยาวเหยียด พูดเร็วด้วยนะ เราฟังออก80เปอร์เซ็นต์ ตอนนั้นเพื่อนเราหลายคนบ่นว่า พวกเขาฟังไม่ออกกัน เวลาสอบโทอิค การฟังได้เยอะมากกกก เป็นตัวฉุดขึ้นคะแนนเลยแหละ ส่วนการอ่านได้น้อย ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องทำความเข้าใจไวยากรณ์และท่องศัพท์ด้วยนะ ทักษะ อ่าน เขียนก็อย่าลืม จากคุณ : นางสาวคานทอง เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 19:01:01

ความคิดเห็นที่ 17 คุณ fortuneteller ถ่อมตัวเวอร์เกินไปครับ ถ้าสอบแทบไม่ได้คะแนนเลยสักวิชาเดียว คงไม่ได้ทุนไปนอก อย่าบอกนะว่าไปทุน พก. จากคุณ : ไม่เชื่อหรอก เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 19:09:08 A:124.120.46.229 X: TicketID:339468

ความคิดเห็นที่ 18 หากฟังเพียงผ่านหู          ไม่เรียนรู้ก็ไร้ค่า หากไม่พิจารณา            ไม่ศึกษาก็สูญหาย หากยึดหลักรักเรียน          ก็จำเพียรไม่รู้คลาย สมองคนต้องไม่หน่าย         ก่อนวันตายต้องคิดเป็น คนเราหากรักจะเรียนรู้ หนทางรออยู่เสมอ และหาเจอได้แน่ จากคุณ : คุณชายปากร้ายกาจ (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 23:33:45

ความคิดเห็นที่ 19 ตอบ คคห 17 เราไปนอกทุน พก. จริงๆด้วย ที่เราพูดใน คคห 5 ว่า "ตอนนั้นมีนักเรียนทุน King's Scholarship คนหนึ่งที่ไปอยู่ต่างแดนพร้อมเรา" เราหมายถึงนักเรียนทุนได้รับทุน King's Scholarship แต่เราเรียนไม่เก่ง แล้วพ่อเราจ่ายเงินให้ไปเรียนต่างแดน (ทุน พก.) แต่เราก็ปัญญาทึบจนเรียนไม่จบ ตอนเด็กๆเราเรียนไม่เก่งจริงๆ เพิ่งมาเรียนอะไรรู้เรื่องด้วยตัวเองเอาตอนอายุมากๆนี่แหละ ตอนอยู่ต่างแดนหลายๆปีเราเรียนแต่เรื่องพวกนี้คือ วิชาหมากรุกฝรั่ง, อ่านหนังสือ howtos เรื่องวิธีเพิ่ม iq,  ฝีกวรยุทธ์จีนกับโยคะ และ Zen Macrobiotics ซึ่งมันสอนให้เรากินอาหารปลอดสารพิษ (กินพวกธัญพืชไม่ขัดเอารำข้าวออก และกินผัก organic...ไม่แตะต้องน้ำตาล ชูรส สารกันบูด ไม่กินอาหารที่ทำในหม้อหรือกะทะอลูมิเนียม หุงด้วยไฟฟ้า หรือไมโครเวฟ เพราะไม่ต้องการสารพิษเข้าร่าง) การกินอาหารปลอดสารพิษมาตั้งหลายสิบปี เป็นช่วงที่เราทดสอบผลกระทบของอาหารและสมุนไพรหลายๆอย่างที่มีต่อ cells และคุณภาพเลือดในร่างเรา จนเรารู้ทางหนีทีไล่เยอะมากๆในการดูแลสุขภาพ เป็นไปได้มากๆที่การเรียนรู้เรื่องผลกระทบของอาหารและสมุนไพรต่างๆรวมทั้งการฝึกสมาธิ มันมีผลคือเปลี่ยน cells และคุณภาพเลือดเรา เราเลยกลายพออายุมากๆแทนที่จะสมองทำงานช้าลงและความจำเสื่อมความคิดเลอะเลือน เรากลายเป็นเรียนรู้ศาสตร์ต่างๆได้รวดเร็วมากๆแบบกลับทิศทางกับคนธรรมดาทั่วๆไปที่สมองดีตอนเด็กๆแต่สมองฝ่อตอนอายุมากๆ แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 55 01:10:54 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 55 01:06:04

ความคิดเห็นที่ 20 เรื่องการฟังภาษาอังกฤษ จริงๆแล้วสิ่งแรกที่ผู้เรียนควรตระหนักก็คือ "ถ้าตัวคุณเองออกเสียงภาษาอังกฤษไม่ชัด คุณก็จะคาดหวังว่าคนอื่นจะพูดอย่างที่คุณออกเสียง คุณถึงฟังไม่รู้เรื่อง" ^ ดังนั้นวิธีแก้ "ในระดับคำ" ก็คือเปิด dictionary ที่เป็น software แล้วกดปุ่มให้มันออกเสียงคำศัพท์ที่คุณรู้อยู่แล้วทีละคำ แล้วคุณพยายามฝึกออกเสียงใหม่ ไล่ไปเรื่อยๆ แบบนี้ จนครบทุกคำ แต่วิธีแก้ "ในระดับประโยคหรือข้อความยาวๆ" มันต้องอาศัยความรู้วิชา phonetics เข้าช่วย (เราเขียนไว้ข้างล่าง คคห นี้ เป็นภาษาอังกฤษ) คือในอดีตเราเคยสอน listening comprehension ได้ดี เพราะตอนนั้นโชคดีมันมีสื่อการสอนดีๆจากต่างประเทศครบชุดเลยซึ่งสมัยนี้กลายเป็นหาดีๆเท่านั้นไม่ได้ ต้องเอาสื่อที่หาได้มาตัดต่อให้ยุ่งยาก พอสอนๆไปนักเรียนฟังไม่รู้เรื่องเราก็ต้องไปนั่งเขียนอะไรบ่นกับตัวเอง แล้วพอจะหาคำตอบได้ แล้วในตอนนี้ ดังที่เขียนไว้ (รำพึงรำพันกับตัวเองใน file อันหนึ่ง) เมื่อ 2-3 วันก่อนนี้ ดังนี้ Many years ago, I taught listening comprehension and managed to help my students understand spoken English through analysis and synthesis of connected speech, in which we tried to identify the parts where 1 sounds changed; 2 sounds disappeared; and 3 sounds joined together. Just recently, I'm beginning to wonder why teaching listening comprehension becomes more difficult. I reassessed the situation carefully and  found the answers: In the past, I taught English in a classroom where I could raise the audio volume as much as I wanted so my students could pick up the spoken words more easily, but now I do my teaching in a department store where I can't turn the audio volume high enough to perform the analysis and synthesis of connected speech.   Can a pair of headphones solve the problem?  No,  not quite. If my student uses the headphone I won't hear the audio.  How can I stop the audio at the right moment to allow my student to repeat after what he's just heard? Solutions: I think I'm going to use an adaptor and two pairs of headphones; one for me and the other for my student.  I hope that things will get better in the next teaching session. แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 55 01:38:45 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 55 01:33:43

ความคิดเห็นที่ 21 ฟังข่าววิทยฺฺุBBC ต้นชั่วโมง met107 พอจับใจความได้ว่า สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ แห่งญี่ปุ่น ยินดีกับ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร เนื่องใน เฉลิมฉลองการครองราชย์ครบ 60 ปี * จึงได้คำศัพท์ diamond jubilee จำได้ขึ้นใจเลย **ชอบ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 อย่แล้วด้วยไง จากคุณ : hughutTS8 เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 55 03:47:07

ความคิดเห็นที่ 22 คุณ fortuneteller ใช้สาย y-splitter สิคะ เครดิตภาพ http://ecx.images-amazon.com/images/I/41G6vWm-thL._SS500_.jpg จากคุณ : yinnerella เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 55 08:09:01

ความคิดเห็นที่ 23 ^ ^ ^ I've got one similar to the one in your pic. Yes, you're right. It's called a 'y-splitter'.  I often get confused with the term 'y-splitter headphone adaptor'.  I think if the word 'adapter' or 'adaptor' is used, it refers to a device for headphone jacks of larger or smaller size. จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 55 13:01:47

ความคิดเห็นที่ 24 To #21: How about Queen Elizabeth silver jubilee in 1977. See info: http://www.royal.gov.uk/HMTheQueen/TheQueenandspecialanniversaries/TheQueensSilverJubilee1977.aspx In that year, Juliette Marny, the Queen's horse, entered the Oaks race. The bookmaker offered 40/1 for this horse at one time. I withdrew 100 pounds from the bank, and I was about to back this horse with that money. My friend talked me out of it. I spent the money on driving lessons instead. I bet you can guess what I'm about to tell you.  Yes, Juliette Marny did win the Oaks. It was a beautiful present for the Queen during her silver jubilee celebrations.   At that time, I was a manager of a bookmaker in King's Road, London.  Yet, I failed to read racehorses' time forms accurately, so I made the wrong decision.  I wasn't lucky enough! จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 55 13:30:20

ความคิดเห็นที่ 25 Guess you and I are not the kind of lucky people who busted megajackpots and made headlines. My best performance against the Thai government lottery happened forty years ago when I won a two-digit prize. The number was 48. I was taking my future wife to see a movie at the now-defunct Athens theater and I gave the winning ticket to her for safekeeping. Unfortunately the ticket was stolen from her bag while we were taking a bus after the movie. That's the kind of luck I have. An astrologer told me later that I am the kind of people who would have to work very hard to earn anything, that my chance of having a windfall is slimmer than the chance that a snowflake will survive in hell. จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 55 21:06:07

ความคิดเห็นที่ 26 ฟังแล้วได้แน่นอน เพราะการฝึกฝนแบบนี้ทำให้ผมจบปริญญาตรีจาก อินเดีย มาได้เลยครับ ฟังข่าวต้นชั่วโมง แนะนำว่า ถ้าฟังของ BBC จะฟังง่ายกว่าค่ายอื่นครับ ฟังเพลงสากล พร้อมกับเปิดเนื้อเพลงและร้องซ้ำไปซ้ำมา ไม่ต้องอายนะครับ ดูหนังเรื่องที่ชอบ พร้อมทั้งจดใส่สมุดโน๊ตด้วยว่าในเหตุการณ์แบบนี้ ตัวละครจะมีบทสนทนากันอย่างไร พร้อมทั้งพูดตาม และสุดท้าย ภาคสนามครับ อันนี้ขึ้นอยู่กับคุณมีมานะขนาดไหน จากคุณ : Scotch wisky เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 55 21:15:52

ความคิดเห็นที่ 27 Athens theater!  It sounds quite familiar. I must have been there before, but I just couldn't remember where it was. Does it exist now? จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 00:10:00

ความคิดเห็นที่ 28 หนูไม่ได้ค้านว่าใช้คำไหนถูกค่ะคุณ fortuneteller แค่เอามาบอกเท่านั้นเอง เพราะหนูเคยใช้ไอ้อย่างนี้ฟังกะแฟนสมัยสาวๆ อิๆ จากคุณ : yinnerella เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 04:06:21

ความคิดเห็นที่ 29 ถ้าเริ่มคลื่นไส้แล้ว ฟังต่อไปเรื่อย ๆ จนรู้สึกเฉย ๆ ประสาทหูจะเริ่มกระดิกกับเสียงและความถี่มากขึ้น จากนั้น ค่อยเริ่มดูสารคดี ดูหนังที่มีคำบรรยายอังกฤษใต้ภาพ  ฟังข่าวทีวีที่เป็นอังกฤษ ฟังให้มากกว่าพูด สมองจะบันทึกทุกสิ่งที่ได้ยินไม่ว่าจะเข้าใจหรือไม่ พอผ่านพ้นช่วงเวลา 1-3 เดือนต่อเนื่อง พร้อม ๆ กับการสั่งสมคำศัพท์จากแหล่งอื่น ๆ และดูสื่ออื่น ๆ สมองจะเริ่มฟังสิ่งที่ได้ยินแบบแปลผลได้ เพราะได้เรียนรู้การออกเสียง รู้การสะกด มันจะซึมเองโดยอัตโนมัติ ยิ่งถ้าอยู่ต่างประเทศ ไม่ได้ใช้ภาษาไทยเลย ฟังและพูดภาษาอังกฤษล้วน ๆ จนฝันเป็นภาษาอังกฤษเมื่อไหร่ แปลว่ากระบวนการแปลอังกฤษเป็นไทย ไทยเป็นอังกฤษ ก่อนสื่อสารนั้น ได้ถูกลดทอนเวลาลงแล้ว เมื่อฝึกฝนไปนาน ๆ จะคิดและพูดเป็นภาษาอังกฤษโดยไม่ต้องแปลเป็นไทย จากคุณ : Panjasila เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 07:51:07

ความคิดเห็นที่ 30 โรงหนังเอเธนส์อยู่บนถนนพญาไท ถ้ามาจากอนุสาวรีย์ก็อยู่ทางซ้ายมือระหว่างกรมปศุสัตว์กับแยกราชเทวี เป็นโรงหนังใหญ่โตแต่ไม่ได้อยู่ริมถนน มีทางเข้าไปสักร้อยเมตร เอารูปจากกระทู้ในคลังกระทู้เก่ามาให้ดู ด้วยความอนุเคราะห์ของคุณ tintila #77 ในกระทู้นี้ http://topicstock.pantip.com/isolate/topicstock/2010/07/M9444148/M9444148.html จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 12:06:26

ความคิดเห็นที่ 31 โรงหนังเอเธนส์ที่ผมว่า now-defunct นั้นไม่ใช่แค่เลิกฉายแต่ว่าถูกทุบทิ้งไปแล้ว ตายแหงแก๋ เดี๋ยวนี้เขาทำเป็นคอนโดสูงลิบลิ่ว ว่าแต่ในกระทู้เดียวกันนี้ ไปเห็นป้ายบอกราคาอาหาร ซึ่งคุณชายเดี่ยว #103 เอามาแปะ พอเห็นเล่นเอากลืนก๋วยเตี๋ยวที่สั่งไว้ไม่ลงคอเลยทีเดียว โห ผัดซีอิ๊วจานละ 2 บาท นี่มัน พ.ศ.ไหนฟะเนี่ย จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 12:11:35