ความคิดเห็นที่ 1 ความเก่าแก่ มีลำดับดังปรากฏในตารางนะครับ เรียงตามลำดับปีที่สถาปนา เก่าแก่ที่สุดได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อย่างที่รู้กันดี ส่วนน้องใหม่ได้แก่ มหาวิทยาลัยพะเยา อันที่ที่ใหม่กว่าคือ มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ข้อมูลที่เสนอในกระทู้นี้จะไม่ได้รวม มหาวิทยาลัยเปิด (ราม สุโขทัย) นิด้า ราชภัฏฯ ราชมงคลฯ ขออภัยด้วยครับ จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 01:52:54

ความคิดเห็นที่ 2 งบประมาณแผ่นดิน ในการดำเนินการบริหารงานมหาวิทยาลัย งบประมาณหลักมีสองส่วน ได้แก่ งบประมาณแผ่นดิน และ งบรายได้ (ค่าเทอม ค่าบริการวิชาการ งบวิจัยจากภายนอก ฯลฯ) ในตารางนี้แสดงงบประมาณแผ่นดินเท่านั้นครับ ไม่ได้รวมงบรายได้ ข้อสังเกตคือ ม.มหิดล ได้รับงบประมาณแผ่นดินสูงที่สุด อาจเนื่องมาจากเป็นงบดำเนินการโรงพยาบาลขนาดใหญ่หลายแห่งของมหาวิทยาลัยนั่นเอง ที่มาจาก งบประมาณโดยสังเขป พ.ศ. 2554 http://www.mua.go.th/~budget/doc/budget_54.pdf จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 01:58:54

ความคิดเห็นที่ 3 จำนวนนักศึกษา ตัวเลขเหล่านี้รวมทุกวิทยาเขตนะครับ ใหญ่ที่สุดได้แก่ เกษตรศาสตร์ รองลงมาได้แก่ ขอนแก่น มหาสารคาม สงขลานครินทร์ และบูรพา ข้อมูลจาก สารสนเทศอุดมศึกษา สกอ. ปี 2553 แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 55 07:30:58 จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 02:03:42

ความคิดเห็นที่ 4 ร้อยละนักศึกษาระดับปริญญาเอก ร้อยละนักศึกษาปริญญาเอกเป็นตัวบ่งบอกกิจกรรมการวิจัยในสถาบันนั้น ๆ ได้ (สาเหตุที่ไม่นับปริญญาโทเนื่องจากสมัยนี้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ เปิดหลักสูตรปริญญาโทแบบไม่มีวิทยานิพนธ์มากเสียยิ่งกว่าแบบมีวิทยานิพนธ์เสียอีก) มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติควรมีร้อยละนักศึกษาระดับปริญญาเอกสูง โดยห้าอันดับแรกได้แก่ จุฬาฯ มหิดล สุรนารี บางมด มศว. ตามลำดับ ข้อมูลจาก สารสนเทศอุดมศึกษา สกอ. ปี 2553 แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 55 07:31:16 จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 07:05:19

ความคิดเห็นที่ 5 จำนวนอาจารย์ จะเห็นได้ว่ามหาวิทยาลัยใหญ่และเก่าแก่ของไทยล้วนมีจำนวนอาจารย์เกิน 2000 คน (เกษตร มหิดล จุฬาฯ เชียงใหม่ สงขลา ขอนแก่น) ในส่วนมหาวิทยาลัยที่เน้นด้านศิลปะและการเมืองการปกครอง อย่าง ศิลปากรและ มธ. มีจำนวนอาจารย์น้อยกว่า แม้ว่าจะจัดอยู่ในกลุ่มมหาวิทยาลัยเก่าแก่ก็ตาม ข้อมูลจาก สารสนเทศอุดมศึกษา สกอ. ปี 2553 แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 55 07:31:42 จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 07:09:25

ความคิดเห็นที่ 6 ข้อมูลน่าสนใจ แต่ละประเด็น นำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไรบ้าง แค่สงสัย จากคุณ : newcomer (gpvtu2009) เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 07:12:44

ความคิดเห็นที่ 7 ร้อยละอาจารย์ที่มีคุณวุฒิปริญญาเอก เป็นตัวบ่งชี้ศักยภาพการวิจัยของอาจารย์ได้ โดยมหาวิทยาลัยที่เน้นด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะมีแนวโน้มที่มีดัชนีตัวนี้สูงกว่าด้านศิลปะ ห้าอันดับแรกได้แก่ สุรนารี มหิดล จุฬาฯ บางมด และเชียงใหม่ ข้อมูลจาก สารสนเทศอุดมศึกษา สกอ. ปี 2553 แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 55 07:32:02 แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 55 07:14:29 จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 07:13:18

ความคิดเห็นที่ 8 จำนวนบทความวิชาการ เป็นตัวบ่งชี้ความสามารถด้านการวิจัยของมหาวิทยาลัย โดยมหาวิทยาลัยที่มีจำนวนอาจารย์มากและสอนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีแนวโน้มที่จะมีจำนวนบทความวิชาการต่อปีมากกว่า สังเกตได้ว่า 10 อันดับแรกเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ 9 แห่ง ตัวเลขในตารางนี้ได้มาจากจำนวนบทความที่ปรากฏในฐานข้อมูล SCOPUS ในปี 2010 ครับ จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 07:19:19

ความคิดเห็นที่ 9 จำนวนบทความตีพิมพ์ต่ออาจารย์ เนื่องจากมหาวิทยาลัยมีจำนวนอาจารย์ตั้งแต่ 3000 คน ไปจนถึงไม่กี่ร้อยคน ดังนั้นหากนำจำนวนบทความหารด้วยจำนวนอาจารย์ ก็จะเป็นตัวบ่งชี้ถึงประสิทธิภาพการวิจัยของแต่ละมหาวิทยาลัยได้ ห้าอันดับแรกได้แก่ สุรนารี บางมด ลาดกระบัง จุฬาฯ มหิดล ข้อสังเกตคือสามอันดับแรกเป็นสถาบันเฉพาะทางเทคโนโลยีทั้งสิ้น 10 อันดับแรก เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ 9 แห่ง ดูมาหลายตาราง ผมคิดว่า ลาดกระบัง สมควรเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติครับ ติดเพียง %ดร. ไม่ถึง 40% ตามที่ปรากฏในข่าวเมื่อสองสามปีก่อน แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 02:07:51 แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 02:06:30 จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 07:23:29

ความคิดเห็นที่ 10 ร้อยละของบัณฑิตที่ได้งานทำหรือเรียนต่อ อาจเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญที่สุด ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ได้มาจากเวปไซต์ สารสนเทศอุดมศึกษา สกอ. ห้าอันดับแรกได้แก่ สุรนารี มหิดล จุฬาฯ บางมด ลาดกระบัง จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 07:28:30

ความคิดเห็นที่ 11 ประเด็นที่นำมาเสนอ สอดคล้องกับตัวชี้วัด ที่นิยมใช้ เพื่อการจัดอันดับมหาวิทยาลัย ในทางสากล หรือไม่อย่างไร จากคุณ : newcomer (gpvtu2009) เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 07:33:19

ความคิดเห็นที่ 12 อัตราส่วนนักศึกษาต่ออาจารย์ เป็นตัวบ่งชี้ได้ว่าห้องเรียนในมหาวิทยาลัยจะมีขนาดใหญ่เล็กเท่าใด (ยิ่งน้อยยิ่งดี) ห้าอันดับแรกได้แก่ มหิดล จุฬาฯ มศว. เชียงใหม่ สงขลา จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 07:35:20

ความคิดเห็นที่ 13 ตารางรวมครับ ข้อมูลของ ม.พะเยา ยังไม่สมบูรณ์ครับ จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 07:36:35

ความคิดเห็นที่ 14 หมดแล้วครับ ตัวชี้วัดเหล่านี้ บางตัวถูกนำไปใช้ในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยด้วยเช่นกัน จึงพอนำไปดูเป็นแนวทางได้ ตัวชี้วัดที่ใช้ในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยขึ้นกับแต่ละสถาบันจัดอันดับ ยกตัวอย่างเช่น QS World University Ranking   Academic peer review (40%)   Recruiter review (10%)   Faculty student ratio (20%)   Citations per faculty (20%)   International orientation (10%) http://en.wikipedia.org/wiki/QS_World_University_Rankings Times Higher Education World University Ranking    Research income from industry (per academic staff)    2.5%    Ratio of international to domestic staff 3%    Ratio of international to domestic students 2%    Reputational survey (teaching) 15%    PhDs awards per academic 6%    Undergrad. admitted per academic 4.5%    Income per academic 2.25%    PhDs/undergraduate degrees awarded 2.25%    Reputational survey (research) 19.5%    Research income (scaled) 5.25%    Papers per research and academic staff 4.5%    Public research income/ total research income 0.75%    Citations     32.5% http://en.wikipedia.org/wiki/Times_Higher_Education_World_University_Rankings จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 07:46:47

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้านำเสนอเป็นกร๊าฟได้น่าจะเห็นชัดเจนขึ้นค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ สุดยอดมาก แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 55 08:00:07 แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 55 07:58:51 จากคุณ : mangpongja เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 07:56:37

ความคิดเห็นที่ 16 ประเด็นต่างๆ นำไปทำเป็นคะแนนรวม ของแต่มหาวิทยาลัย ได้หรือไม่ จะให้ความสำคัญ หรือน้ำหนัก แต่ละประเด็นอย่างไร หลายประเด็นนำไปสู่สิ่งเดียวกัน เช่น ประเด็น 7 8 9 บ่งบอกการวิจัย ทำไมต้องเสนอซ้ำกัน จะมีวิธีการคัดเลือกประเด็นดีที่สุด ให้คงไว้ได้อย่างไร โดยไม่มีความซ้ำซ้อนกัน จากคุณ : newcomer (gpvtu2009) เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:01:15

ความคิดเห็นที่ 17 ตอบ #6 ครับ หลายตารางในนี้เหมาะสำหรับผู้บริหารการศึกษา เพื่อที่จะได้รู้ว่าสถาบันการศึกษาของตนเองนั้นอยู่ที่ใดเมื่อเปรียบเทียบกับมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เพื่อที่จะได้แก้ไขจุดอ่อน เสริมจุดแข็งได้ ตัวอย่างตามความเห็นส่วนตัวของผม เช่น ร้อยละอาจารย์ปริญญาเอก ม.เกษตรศาสตร์ ลาดกระบัง ศิลปากร ยังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยชั้นนำด้วยกัน ควรสนับสนุนให้คณาจารย์รุ่นใหม่เรียนต่อปริญญาเอก จำนวนบทความตีพิมพ์ ศิลปากร มศว. ถือว่าน้อยเมื่อคำนึงว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ของไทย ซึ่งทั้งสองแห่งมีการเปิดสอนสายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างกว้างขวางอยู่แล้ว ผู้บริหารควรรีบส่งเสริมการวิจัยด่วน อัตราการได้งานทำหรือเรียนต่อ หลายมหาวิทยาลัยต่ำกว่า 80% รวมถึงที่มีชื่อเสียงมาก เช่น ธรรมศาสตร์ ศิลปากร พระนครเหนือ ผู้บริหารควรส่งเสริมกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือการหางานทำ หรือตั้งหน่วยงานให้คำแนะนำการสมัครงานและการสมัครศึกษาต่อ ให้บริการสำหรับผู้ใกล้จบการศึกษา เป็นต้น อัตราส่วน นศ. ต่อ อาจารย์ หลายมหาวิทยาลัยมีอัตราส่วนนี้สูงมาก เช่น สุรนารี มหาสารคาม ทักษิณ แม่โจ้ บ่อยครั้งที่อัตราส่วนนี้มีความเกี่ยวข้องกับอัตราการตกออกของนักศึกษา เสียดายที่ผมไม่สามารถหาตัวเลขอัตราการรีไทร์มาได้ ไม่เช่นนั้นอาจจะเห็นความสัมพันธ์ได้ อย่างไรก็ดีผู้บริหารแต่ละสถาบันควรรู้จักตัวเองว่ามีการตกออกสูงหรือไม่ ควรจ้างอาจารย์เพิ่ม หรือรับ นศ. น้อยลงหรือไม่ จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:14:53

ความคิดเห็นที่ 18 คห 15 ไอเดียดี ขอบคุณครับ คห 16 ขอบคุณครับ แต่ผมตั้งใจจะเสนอข้อมูลดิบเป็นพื้นฐานไว้ก่อน เพราะหากจะให้คะแนนอาจจะต้อง Normalize ข้อมูล ผู้อ่านจะได้ทราบข้อมูลดิบครับ จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:17:02

ความคิดเห็นที่ 19 จากตารางจำนวนบทความตีพิมพ์ต่ออาจารย์ และอัตราส่วนนักศึกษาต่ออาจารย์ ส่วนใหญ่ อาจารย์มีภาระสอนน้อย คือมีนักศึกษาที่รับผิดชอบน้อย จึงทำวิจัยหรือตีพิมพ์บทความได้มากใช่หรือไม่ครับ แต่ทำไมม.สุรนารีซึ่งมีอัตราอจ.น้อยเมื่อเทียบกับนศ.เป็นลำดับท้ายๆ ของตาราง กลับมีบาทความตีพิมพ์เฉลี่ยต่อคนมากที่สุด? อาจารย์ที่นี้ทั้งสอน ทั้งทำวิจัยมากกว่าที่อื่่นเท่าตัว? กลับกันมศว.ซึ่งมีอัตราส่วนนักศึกษาต่ออาจารย์น้อยเป็นลำดับต้นๆ กลับมีบทความตีพิมพ์ท้ายตาราง แปลว่าอาจารย์ไม่สนใจวิจัย? จากคุณ : TVC เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:40:28

ความคิดเห็นที่ 20 สุดท้าย ข้อมูลดิบ ได้มาจากไหน อย่างไร ทันสมัยแค่ไหน ตรวจสอบความถูกต้องอย่างไร ตารางที่เสนอมีความน่าเชื่อถือ และความเชื่อมั่นขนาดไหน จะพิสูจน์อย่างไร ผู้ใช้ควรระมัดระวัง เรื่องอะไรบ้าง จากคุณ : newcomer (gpvtu2009) เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:43:52

ความคิดเห็นที่ 21 ข้อมูลที่ระบุว่ามาจาก สารสนเทศอุดมศึกษา มาจากเวปไซต์ของ สกอ. ครับ http://www.info.mua.go.th/information/index.php ข้อมูลเหล่านี้ได้จากการที่แต่ละมหาวิทยาลัยส่งข้อมูลให้กับ สกอ. ซึ่งชุดข้อมูลที่ค่อนข้างสมบูรณ์ที่สุดคือปี 2553 (2554 ยังขาดหลายมหาวิทยาลัย) สำหรับภาวะการมีงานทำมาจากปี 2552 ข้อมูลจำนวนบทความสืบค้นจากฐานข้อมูล SCOPUS เมื่อปลายปี 2011 โดยระบุปีที่ต้องการสืบค้นคือ 2010 หากสืบค้น ณ วันนี้ตัวเลขอาจคลาดเคลื่อนไปบ้าง แต่ไม่มากครับ อนึ่งฐานข้อมูลบทความตีพิมพ์อื่นก็มี เช่น ISI web of science เป็นต้น ซึ่งไม่ได้นำมาเสนอในที่นี้ ดูเพิ่มเติมได้ใน (จะเห็นได้ว่าตัวเลขคลาดเคลื่อนกันเล็กน้อย ขึ้นกับวันเวลาที่สืบค้น) http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2011/12/K11422209/K11422209.html หากผู้ใช้ต้องการนำไปอ้างอิงควรสืบค้นด้วยตนเองเพื่อให้ได้ตัวเลขล่าสุด และควรใช้คำค้นที่เหมาะสมครับ กระทู้นี้ไม่ได้มีเจตนาจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดยรวม เนื่องจากมีอีกหลายปัจจัยที่ต้องนำมารวม ท่านที่สนใจควรสืบค้นหาอันดับที่มีการจัดไว้แล้วโดยหลายสถาบันที่มีความน่าเชื่อถือครับ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 09:09:00

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ มีประโยชน์มากจริงๆ ค่ะ ^^ จากคุณ : yunjaelove เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 12:42:47

ความคิดเห็นที่ 23 น่าสนใจมากครับ มีเรื่องที่ผมอยากรู้อยู่พอดีเลย ^^ จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 13:29:47

ความคิดเห็นที่ 24 ไม่เอา ม.พะเยามาคิดเนื่องจากข้อมูลไม่ครบ ลองทำ cluster analysis ดู โดยแบ่งเป็น 5 กลุ่ม จะได้ดังนี้ ปล. ใช้ข้อมูลทุกตัวแปรที่ให้มาเลย จากคุณ : สิริธีรีน เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:14:13

ความคิดเห็นที่ 25 #24 KMUTL ไม่มีครับ มีแต่ KMITL ลาดกระบังไม่ได้เปลี่ยนชื่อเป็นมหาวิทยาลัยครับ ยังใช้ชื่อสถาบันอยู่ครับ จากคุณ : ปั๊ปโปะจัง เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:33:49

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล แล้วไม่มีข้อมูลจำนวนศาสตราจารย์ด้วยหรือครับ  น่าจะเป็นดรรชนีวัดได้ตัวหนึ่ง จากคุณ : ชาวทัวร์ เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:20:01

ความคิดเห็นที่ 27 ตัวย่อภาษาอังกฤษน่าจะผิดนะ (มั่วตัวย่อเอา) ให้ดูตัวเลขเป็นหลักแล้วกัน อ้อ เพิ่งเห็น มี MSU สองที่อีกต่างหาก ผิดพลาดยังไงก็ขออภัยด้วย ยังไงก็ให้ดูที่ตัวเลขเป็นหลักนะ จากคุณ : สิริธีรีน เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:20:36

ความคิดเห็นที่ 28 SUT ครับ ไม่ใช่ SU ย่อมาจาก Suranaree University of Technology จากคุณ : dokya_pladuk เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:53:05

ความคิดเห็นที่ 29 ข้อมูลเชื่อถือได้ขนาดไหน จากคุณ : ริมน้ำคาน เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 16:25:02

ความคิดเห็นที่ 30 ดีมากเลยครับ ชื่นชมจขกท. ขยันหาข้อมูลมากๆ :) จากคุณ : แมลงภู่บนหูกระต่าย เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 19:09:14

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณที่นำข้อมมูลมาแชร์ครับ วิธีคิดน่าเชื่อถือว่า แร้งกิ้ง ตามข่าวหนังสือพิมพ์เพราะอันนั้นไม่รู้ที่มา ใครที่จะนำไปใช้ ก็ตาม link ที่ จขกทแปะมาครับ เอาจากนี้ไปอ้างคงไม่ได้ เพราะจุดมุ่งหมายของ จขกท น่าจะเอามาแชร์ไม่ได้เอามาให้เป็นเร็ฟ ส่วนใครมีวิธีคิดอื่นที่น่าสนใจก็เชิญครับรอดู ป.ล.ผมไม่เห็นด้วยกับปีตั้งแค่นั้น ^^ จากคุณ : หว่างฮั่น2011 เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 19:16:29

ความคิดเห็นที่ 32 ทำไมไม่มีสถาบันผมอ่ะครับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ไม่ได้กวนนะครับ แต่ไม่ทราบจริงๆ จากคุณ : เซียนหวย เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 19:40:33

ความคิดเห็นที่ 33 #17 มหาวิทยาลัยเรารู้สึกจะอ่อนด้อยทั้งจำนวนอาจารย์จบปอเอก บทความทางวิชาการ และจำนวนนักศึกษาได้งานเลยวุ้ย ไหวมั้ยเนีย จากคุณ : Joannekaku เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 21:03:33

ความคิดเห็นที่ 34 ดัชนีหลายตัวผมสังเกตว่าไม่น่าจะเอามาเป็นตัวชี้วัดในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยนะครับ อย่างเช่น จำนวนน.ศ. งบประมาณต่อปี  จำนวนอาจารย์ บทความวิชาการ เป็นต้น เนื่องจากมันเป็นตัวแปรที่ต่อเนื่องกันครับครับ เช่น หากสถาบันไหนมาทางด้านสังคม ศิลปะ อย่าง มศก. มธ. ย่อมมีนศ.น้อย และงบที่จะจัดมาก็จะน้อยตามลงไปด้วย หรือคณะที่ไปทางสังคม-ศิลปศาสตร์ อ.วุฒิ ป.เอกหาได้ยากในสาขาที่ขาดแคลน และการทำวิจัยก็ใช้เวลาทำนานกว่าสายวิทยาศาสตร์ เป็นที่สังเกตนะครับ จากคุณ : กินอะไรหรือยัง เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 22:05:41

ความคิดเห็นที่ 35 ตอบ #26 จำนวนอาจารย์ จำแนกตามตำแหน่งวิชาการครับ แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 55 22:45:15 จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 22:32:00

ความคิดเห็นที่ 36 ผล Correlation Analysis บน Excel ตัวเลขบวก แสดงแปรผันตรง ตัวเลขลบ แสดงว่าเป็นแบบแปรผกผัน จะมีนัยสำคัญต่อเมื่อตัวเลขเข้าใกล้ 1 หรือ -1 จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 22:38:41

ความคิดเห็นที่ 37 เช่น ปีก่อตั้งยิ่งเก่าแก่ (ตัวเลขน้อย) มีแนวโน้มที่จะมีจำนวนอาจารย์มาก จำนวนอาจารย์มาก มีแนวโน้มที่จะมีผลงานตีพิมพ์รวมมาก จำนวนบทความต่ออาจารย์ ขึ้นกับ ร้อยละ อ. ปริญญาเอกพอสมควร เป็นต้น จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 22:41:18

ความคิดเห็นที่ 38 อ่านๆ แล้ว คิดไปเองมั้ยนี่ว่า มหาวิทยาลัยหลายแห่ง เก่าแก่อันดับต้นๆ เลยก็จริง ไหงออกมาแนวอินดี้กับหลายส่วน อาทิ งานวิจัย จำนวนอาจารย์ระดับ ป. เอก จำนวนงานวิจัย เป็นต้น ทั้งที่ สิ่งเหล่านี้ มีผลต่อการจัดอันดับคะแนนมหาวิทยาลัยในระดับนานาชาติทั้งนั้น แล้วจะมาบ่นทำไมว่าคะแนนตัวเองน้อยกว่าคนอื่นในระดับเอเชีย ระดับโลก ผมว่าข้อมูลนี้น่าสนใจมากครับ จากคุณ : Mr. Polar Bear เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 23:08:47

ความคิดเห็นที่ 39 อยากทราบว่า #24 ดูยังไงหรอคะ? ใครรู้ช่วยอธิบายหน่อยได้มั้ยคะ? ขอบคุณค่ะ ;) แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 55 23:23:29 จากคุณ : N_Foxtrot เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 23:23:13

ความคิดเห็นที่ 40 ข้อมูลเดียวกับ #35 แต่เรียงตามร้อยละผู้มีตำแหน่งวิชาการ ผมคิดว่าสะท้อนภาพรวมได้ดีกว่าศาสตราจารย์อย่างเดียวครับ จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 23:26:24

ความคิดเห็นที่ 41 อยากเป็น ศ. บ้างจัง มหาวิทยาลัยของเราจะได้มิอัตราส่วน ศ. มากกว่านี้ จากคุณ : FBlock เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 02:20:26

ความคิดเห็นที่ 42 อืม...จากข้อมูลนะคับ เกษตร มีนักศึกษา 58365 คน  ได้งบ 3223.2  ล้านบาท = 0.055 ล้านต่อคน จุฬา มีนักศึกษา 35599 คน ได้งบ 4164.1ล้านบาท = 0.1169 ล้านต่อคน แปลกดี ทั้งๆที่ เกษตรมีนักศึกษามากว่า ตั้ง 63% จากจำนวนนักศึกษาของจุฬา แต่ได้งบ น้อยกว่า จุฬาแต่ 22.5% จากงบของจุฬา... แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 02:58:01 จากคุณ : Dearz เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 02:54:02

ความคิดเห็นที่ 43 ความคิดเห็นที่ 36 ผล Correlation Analysis ได้มาโดยวิธีอะไร ให้คะแนนตัวแปรต่างๆอย่างไร เช่น Established Total faculty Paper ฯลฯ  คืออะไร กำหนดคะแนนอย่างไร Established,Total faculty และ Established,Paper ทำไมมีความสัมพันธ์เชิงผกผัน หมายความว่าอะไร จากคุณ : newcomer (gpvtu2009) เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 06:53:01

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณท่าน จขกท. ที่นำข้อมูลมาเปิดโลกทัศน์ให้ครับ อ่านจบ ก็ให้เป็นงงกับหลายๆ คห. .. อย่างแรง นี่คือ กระทู้บนเว็บบอร์ด มาเค้นถามหาความถูกต้อง,น่าเชื่อถือ, อ้างอิง ฯลฯ โดยไม่ยอมไปค้นคว้า ค้นหา ศึกษาเพิ่มเติม ด้วยตัวเอง จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 08:06:40

ความคิดเห็นที่ 45 Correlation Analysis ได้มาโดยวิธี Pearson r ซึ่งให้ผลไม่ขึ้นอยู่กับสเกลและหน่วยของตัวแปร เนื่องจากตัวแปรต่าง ๆ ถูกคิดแบบ interval scale ด้วยวิธินี้ (Pearson r) ตัวแปรต่าง ๆ มีน้ำหนักเท่ากันทั้งหมดครับ ได้แก่ Established = ปีก่อตั้ง Budget = งบประมาณแผ่นดิน Total Student = จำนวนนักศึกษารวม %Dr student = ร้อยละนักศึกษาระดับปริญญาเอก Total faculty = จำนวนอาจารย์รวม %Dr faculty =  ร้อยละอาจารย์คุณวุฒิปริญญาเอก Paper = บทความตีพิมพ์ในฐานข้อมูล SCOPUS ปี 2010 Paper/faculty = จำนวนบทความต่อจำนวนอาจารย์ %Employ = ร้อยละการได้งานทำหรือเรียนต่อของบัณฑิต ตัวเลขผลการวิเคราะห์ในตารางคือ ค่า R^2 หรืออีกชื่อ Correlation coefficient ซึ่งบอกความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร R^2 มีค่าเป็น 1.00 เมื่อตัวแปรทั้งสองสัมพันธ์กันแบบ แปรผันตรงโดยสมบูรณ์ R^2 มีค่าเป็น -1.00 เมื่อตัวแปรทั้งสองสัมพันธ์กันแบบ แปรผกผันกันโดยสมบูรณ์ จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 08:07:54

ความคิดเห็นที่ 46 ตัวอย่างการวิเคราะห์ผล เช่น Established vs. Total faculty; R^2 = -0.75 ในภาษาพูดคือ มหาวิทยาลัยเก่าแก่กว่า (ตัวเลขปีก่อตั้งน้อย) มีแนวโน้มที่จะมีจำนวนอาจารย์มากกว่า (ตัวเลขมาก) ซึ่งก็สมเหตุสมผลดี อย่างไรก็ดีจะเห็นได้นะครับว่ามีค่าเพียง -0.75 แทนที่จะใกล้ -1 มากกว่านี้ ก็เป็นผลมาจากมหาวิทยาลัยใหม่ ๆ หลายแห่ง เติบโตอย่างรวดเร็วเช่น มหาสารคาม บูรพา นเรศวร %Dr faculty vs. Paper/faculty; R^2 = 0.78 แสดงว่ามหาวิทยาลัยที่มีร้อยละอาจารย์ ดร. สูงกว่ามีแนวโน้มที่จะมีผลงานตีพิมพ์ต่อหัวอาจารย์สูงกว่า แต่ก็มีข้อยกเว้นเช่น ลาดกระบัง มี %Dr ไม่ถึง 40% ตามเกณฑ์ของมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติแต่ทำผลงานได้ดี หากดูตารางผู้มีตำแหน่งวิชาการจะเห็นว่า ลาดกระบังมี ผศ. รศ. ค่อนข้างสูง %Dr faculty vs. %Employ; R^2 = 0.75 แสดงว่ามหาวิทยาลัยที่มี %Dr สูงมักจะทำให้มีโอกาสได้งานทำสูง อาจเป็นเพราะมหาวิทยาลัยเหล่านี้ส่วนใหญ่มีชื่อเสียงเป็นทุน มีอาจารย์คุณวุฒิสูง จึงทำให้จบแล้วหางานได้ง่าย กรณีที่น่าสนใจคือ สุรนารี ซึ่งมีชื่อเสียงน้อยแต่มีอัตราการได้งานทำสูงสุด ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากการเน้นสอนเฉพาะสาขาวิชาที่มีความต้องการสูงและการจัดให้มีระบบสหกิจศึกษา เป็นต้น ขอบคุณครับ จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 08:24:14

ความคิดเห็นที่ 47 เอ่อ  รามคำแหงของผม ไม่อยู่ในโผ แฮ๊ะ จากคุณ : วิถีคนกล้าควบม้าสีหมอกออกทะเล เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 08:29:52

ความคิดเห็นที่ 48 กึงคห. 39 วิธีดูดังนี้จ้า... การทำ cluster analysis คล้ายๆ จะบอกว่ามาจาก ต้นตอ(บรรพบุรุษ) มาจากที่เดียวกันหรือไม่ เช่น เราจะเห็นได้ว่า 10 (KMITL) จะอยู่ห่างจาก 4 (KU) มากๆๆๆๆ ซึ่งหมายความว่า ความเหมือน ของ 10 และ ของ 4 ต่างกันมาก แต่ไม่ได้บอกว่าของใครดีกว่าของใครนะ และสมมุติว่า....เราจัดกลุ่มมหาวิทยาลัยออกเป็น 5 กลุ่ม เราจะพบว่า กลุ่มสีส้มจะมีความเหมือนกลุ่มสีน้ำเงินมากกว่ากลุ่มสีเขียว ถ้าใช้เฉพาะตัวแปรเท่าที่มีมาคิดและสรุป ปล.ในส่วนตัว ถ้าจะให้ full options เราว่า ต้องนำตัวแปรทั้งหมดมาทำ Facter Analysis ก่อนจะได้คำตอบว่าตัวแปรใหนที่มีผลจริงๆ สำหรับการแบ่งกลุ่ม แล้วค่อยมาทำ Cluster Analysis อีกทีน่าจะได้ผลที่ดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น ส่วนในความเห็นที่ 24 เราทำแต่ Cluster Analysis ให้เป็นตัวอย่างดูเฉยๆ ว่าถ้าจัดกลุ่มแล้วจะเป็นยังไงบ้างก็เท่านั้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางวิชาการใดๆได้ อย่างจริงจัง จากคุณ : สิริธีรีน เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 09:33:00

ความคิดเห็นที่ 49 อยากรู้ว่าทำไมคุณ Dearz (คห42) ถึงเปรียบเทียบระหว่าง ม.เกษตรศาสตร์ กับ จุฬาฯ เหรอครับ จากคุณ : Antares Kung เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 10:14:50

ความคิดเห็นที่ 50 ความคิดเห็นที่ 45 ขอขอบคุณ และน่านับถือมากครับ ที่อดทนและมีวุฒิภาวะ ไม่ได้แสดงอาการหงุดหงิด ต่อคำถามของผม ที่หวังให้ข้อมูลที่คุณนำมาเสนอ ได้เกิดความกระจ่าง และส่งผลให้ผู้สนใจอย่างผม ได้เข้าใจอย่างชัดเจน ไม่รู้จักคุณ แต่พออนุมานได้ว่า ต้องเป็นผู้มีประสบการณ์ และเข้าใจกระบวนการ นำเสนอข้อมูลเป็นอย่างดี เช่น การเก็บรวมรวบ วิเคราะห์ทางสถิติ และการนำเสนอข้อมูลเชิงวิชาการ ที่จะต้องถูกซักถามเป็นธรรมดา ประหนึ่งว่ากำลังโดนจับผิด แต่มันไม่ใช่ ในทางกลับกัน น่ายินดีว่า มีผู้สนใจงานของเรา อนึ่ง คุณคงเข้าใจดีว่า ผู้ซักถามส่วนใหญ่ มักจะเป็นผู้มีความรู้ในเรื่องนั้น มิฉะนั้นจะไม่สามารถ ตั้งคำถามต่างๆได้ อย่างเหมาะสม หวังว่า คงได้เห็นกระทู้ที่มีสาระ และนำไปสู่การพูดคุย ที่มีประโยชน์จากคุณอีก แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 13:07:41 จากคุณ : gpvtu2009 เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 10:34:03

ความคิดเห็นที่ 51 ที่ศึกษามหาวิทยาลัย ในเมืองงามของนาม เชียงใหม่ ติดตรึงฤทัยใฝ่ฝัน ^^ เป็น(พวง)หรีดเก่าค้า จากคุณ : ขวัญเจ้าจอม เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 13:16:57

ความคิดเห็นที่ 52 กระทู้นี้บรรยากาศเหมือน Defend งานวิจัย //ฮ่้าฮ่าฮ่า จากคุณ : ไม่งงครับ ไม่งง เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 14:18:18

ความคิดเห็นที่ 53 จากตารางแรก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก่อตั้งก่อนมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ไม่ใช่หรือ ถึงเกษตรศาสตร์  แพทย์ศาสตร์ และศิลปากรจะตั้งปีเดียวกัน แต่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 2 ก.พ. 2486 มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ 7 ก.พ. 2486 มหาวิทยาลัยศิลปากร  12 ต.ค. 2486 แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 14:20:28 จากคุณ : dial-up เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 14:18:39

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณสำหรับข้อมูล ข้อมูลเหล่านี้เป็นตัวชี้วัดศักยภาพ ที่จะผลิตนิสิตเป็นอย่างดี ขอบคุณจริงๆ สำหรับบางคน ที่ถามว่าเอาไปทำอะไรเอิ่ม..... จากคุณ : เพลย์บอยก๊องแก๊ง เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 14:19:28

ความคิดเห็นที่ 55 (นอกเรื่อง) ล็อกอินเจ้าของกระทู้เก๋มาก เรียกไม่ถูกเลยทีเดียว ^^ จากคุณ : xls_k เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 18:32:20

ความคิดเห็นที่ 56 คห. 42 และ 49 ตัวงบประมาณ อันนี้เคยฟังในที่ประชุมมานะครับ งบประมาณด้านการแพทย์จะมีค่าใช่จ่ายสูงครับ ดังนั้นมหาวิทยาลัยที่มีสาขาวิชานี้อยู่ก็จะได้งบประมาณสูงไปด้วยครับ สังเกตได้จากลำดับด้านบน แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 19:39:21 จากคุณ : Athrun jus เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 19:38:27

ความคิดเห็นที่ 57 ส่วนตัวไม่ได้เรียนจบ มทส(ม.เทคโนโลยีสุรนารี) แต่เคยทำงานด้วย บางคนบอกว่าอยู่อีสาน อยู่โคราช สถานที่ที่ไม่น่าจะคิดว่าเป็้นสถานศึกษาได้ แต่เรา เรากลับคิดว่าที่นี่มีความเป็น team work สถานที่ทำงาน modern เหมือนอยู่ใน lab ต่างประเทศ และความพร้อมหลายๆ อย่าง เป็นมหาลัยที่มาแรงมากในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เห็นตัวเลขหลายๆ อย่างในนี้ถือว่าสอดคล้องกับที่คิดว่ามกค่ะ จากคุณ : ชีนะ เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 19:41:01

ความคิดเห็นที่ 58 ขอ แสดงความคิดเห็นนะคะ เนื่องจากเคยอยู่ใน ม แห่งหนึ่ง จาก ร้อยละของการมีงานทำ เพราะเนื่องจาก ม แพทย์ ส่วนใหญ่เป็นสายอาชีพมาเลย เช่น เรียนพยาบาลจบก็ต้องใช้ทุนพยาบาลไป 2-3 ปี จากนั้น หากต้องการเรียนต่อโท สามารถขอได้ และกลับมาทำงานใช้ทุน หรือเรียนแพทย์ จบก็ต้องใช้ทุน เช่นเดียวกับพยาบาล จบทันต เภสัช สาธา กีฬา กายภาพ วิทย์ ก็ประมาณเดียวกัน สายตรงมีตำแหน่งงานรองรับ ส่วนจำนวน นศ ต่อ อาจารย์ อันนี้ไม่รู้ว่านับรวมบัณฑิต หรือเปล่า แต่ด้วยภาระงานของอาจารย์ ม แพทย์ ส่วนใหญ่จะต้องเน้นทำวิจัย และ ม แพทย์ ไม่เน้นรับภาคพิเศษ จะเน้นรับภาคปกติ ซึ่งทั้ง อาจารย์ และนักศึกษา จะมีเวลาเรียนเต็มเวลา จากคุณ : houisjung เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 20:19:44

ความคิดเห็นที่ 59 #50 ขอบคุณครับ ยินดีรับฟังทุกความเห็นโดยเฉพาะที่ตรงกับประเด็นของกระทู้ครับ กระทู้ที่ดีบางกระทู้ถูกบดบังด้วยดราม่าครับ คิดเหมือนกันไหม #53 จริงด้วยครับ ตอนแรกผมได้ป้อนข้อมูลเป็นวันเดือนปีแล้ว แต่พอสั่งให้เรียงปรากฏออกมาไม่เป็นลำดับ เลยตัดให้เหลือแต่ปี เพื่อที่จะนำไปใช้ใน Correlation Analysis คห 36 ครับ #32 และ #47 ไว้โอกาสหน้าผมจะทำของมหาวิทยาลัยเปิด ราชภัฏ ราชมงคล ด้วยครับ คาดว่าน่าจะเป็นสถิติที่น่าสนใจ จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 20:50:31

ความคิดเห็นที่ 60 นิด้า ผมไปไหนละครับ อาจารย์ที่จบ Phd เยอะอยู่นา จากคุณ : goho เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 23:15:33

ความคิดเห็นที่ 61 อัพเดต จำนวนนักศึกษา จำแนกตามเพศของแต่ละมหาวิทยาลัยครับ ที่มา: สารสนเทศอุดมศึกษา สกอ. http://www.info.mua.go.th/information/index.php ข้อมูล ณ วันที่ 18 เมษายน 2555 ข้อสังเกต - ภาพรวม มีนักศึกษาหญิงมากกว่าชายพอสมควร 60.5 : 39.5 ไม่ใช่เรื่องที่รู้สึกไปเอง แต่ข้อมูลจาก CIA - The World Factbook ระบุว่า Sex ratio at birth: 1.05 male(s)/female under 15 years: 1.05 male(s)/female 15-64 years: 0.98 male(s)/female 65 years and over: 0.82 male(s)/female total population: 0.98 male(s)/female (2012 est.) ที่มา https://www.cia.gov/library/publications/the-world-factbook/geos/th.html ผู้ชายหายไปไหนกันหมด...??? - มีเพียง 4 มหาวิทยาลัย/สถาบัน ที่มีนักศึกษาชายมากกว่าหญิง ล้วนเป็นมหาวิทยาลัย/สถาบันเทคโนโลยีทั้งสิ้น (บางมด ลาดกระบัง พระนครเหนือ สุรนารี) - มหาวิทยาลัยที่มีร้อยละนักศึกษาหญิงมากที่สุดคือ มหาวิทยาลัยทักษิณ - มหาวิทยาลัยที่มีร้อยละนักศึกษาชายมากที่สุดคือ มจพ. จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 23:40:16

ความคิดเห็นที่ 62 อาจารย์มหาวิทยาลัยรัฐของไทย จำแนกตามคุณวุฒิ เรียงตามร้อยละอาจารย์คุณวุฒิปริญญาเอก ข้อมูลจาก สารสนเทศอุดมศึกษา สกอ. ข้อมูล ณ วันที่ 1 มกราคม 2554 ในตอนต้นผมไม่ได้รวม มหาวิทยาลัยเปิด (รามฯ, มสธ.) มหาวิทยาลัยชุมชน (นครพนม, นราธิวาส) นิด้า ไว้ เนื่องจากมีโครงสร้างและรูปแบบการดำเนินการค่อนข้างแตกต่างจากในกลุ่มที่เสนอไปพอสมควร เช่น มสธ. มีนักศึกษานับแสนคน, NIDA มีอาจารย์คุณวุฒิสูงมากเพราะสอนแต่ระดับปริญญาโทเอก เป็นต้น แต่เมื่อมีผู้สนใจ ผมจึงนำมารวมไว้ในตารางนี้นะครับ แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 01:25:35 จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 01:24:15

ความคิดเห็นที่ 63 อาจารย์มหาวิทยาลัยเอกชนของไทย จำแนกตามคุณวุฒิ เรียงตามร้อยละอาจารย์คุณวุฒิปริญญาเอก ข้อมูลจาก สารสนเทศอุดมศึกษา สกอ. ข้อมูล ณ วันที่ 1 มกราคม 2554 **** พบข้อผิดพลาด ย้ายไป #72 **** (ลบสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันออก ไม่ใช่สถาบันเอกชน) แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 10:44:22 จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 01:29:35

ความคิดเห็นที่ 64 อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏ จำแนกตามคุณวุฒิ เรียงตามร้อยละอาจารย์คุณวุฒิปริญญาเอก ข้อมูลจาก สารสนเทศอุดมศึกษา สกอ. ข้อมูล ณ วันที่ 1 มกราคม 2554 จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 01:39:42

ความคิดเห็นที่ 65 อาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล จำแนกตามคุณวุฒิ เรียงตามร้อยละอาจารย์คุณวุฒิปริญญาเอก ข้อมูลจาก สารสนเทศอุดมศึกษา สกอ. ข้อมูล ณ วันที่ 1 มกราคม 2554 จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 01:47:49

ความคิดเห็นที่ 66 You are doing a great job. จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 03:56:16

ความคิดเห็นที่ 67 ไม่ได้อวยนะครับ แต่เรียนตรีจุฬา โท มทส มีความรู้สึกว่า มทส ให้อะไรผมมากกว่าจุฬาเยอะเลย เด็กจบไปมีคุณภาพแน่นอน เพราะ ดร.สอนทั้งนั้น ข้อสอบหินมาก จากคุณ : pittboy2603 เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 05:05:36

ความคิดเห็นที่ 68 ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ เห็นบาง คห. ถามถึง ม.เอกชน ถ้าอ่านตาม หัวข้อกระทู้ก็ชี้แจงอยู่แล้วเฉพาะ ม.รัฐ ส่วนเหตุผลที่ไม่มีบางมหาวิทยาลัย อย่างเช่น ม.เอกชน ม.สุโขทัยธรรมธิราช ต้องมาดูว่า ม.ที่ไม่ได้อยู่ในรายการนี้ มีอาจารย์ประจำมากน้อยแค่ไหน อย่างเช่น ม.นิด้า กับ ม.รามคำแหง สำหรับการสอนระดับปริญญาโท โดยส่วนใหญ่ (หรือบางส่วน) ก็เป็นอาจารย์ที่สอนประจำตาม ม.รัฐ อยู่แล้ว (เป็นแค่การคาดเดานะครับ ไม่รู้ถึงเหตุผลจริงๆที่ไม่รวม ม.อื่นๆ ในรายการหรอกนะครับ อาจจะเป็นเรื่องของความยากลำบากในการรวบรวมข้อมูลก็ได้ หรือ กำหนดขอบเขตของหัวข้อวิจัยอยู่ที่ ม.รัฐ เ่ท่านั้นก็เป็นได้ครับ) จากคุณ : LightBlaze เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 09:01:14

ความคิดเห็นที่ 69 #67 ขอชื่อเต็ม มทส ด้วยครับ จากคุณ : ตู้ต้า (ตู้ต้า) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 09:35:58

ความคิดเห็นที่ 70 เหตุผลที่ผมไม่ได้รวมบางมหาวิทยาลัยตั้งแต่ต้น - รามคำแหง สุโขทัยธรรมาธิราช เพราะธรรมชาติของทั้งสองแห่งคือ รามฯ การสอนห้องเรียนใหญ่ ใช้สื่อทัศนูปกรณ์เข้าช่วย มสธ. การเรียนทางไกล สถิติต่าง ๆ จึงย่อมแตกต่างออกไป - นราธิวาสฯ นครพนม เนื่องจากทั้งสองแห่งเป็นมหาวิทยาลัยชุมชน ไม่ได้มุ่งเน้นการวิจัยและการสอนระดับบัณฑิตศึกษาเหมือนมหาวิทยาลัยอื่น ๆ - NIDA เพราะเป็นสถาบันที่ไม่ได้สอนระดับปริญญาตรี จึงมีนักศึกษาน้อย และมีอาจารย์คุณวุฒิสูงกว่าทั่วไป - นวมินทราธิราช เนื่องจากเพิ่งเปิดใหม่จึงยังขาดข้อมูลส่วนใหญ่จาก สกอ. (เช่นเดียวกับ พะเยา) คห. 67 มทส. เป็นชื่อย่อ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (SUT) มีตัวย่อของอีกหลายมหาวิทยาลัยที่คนอาจไม่คุ้นหรือผิดบ่อย เช่น มวล. มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ (WU) มฟล. มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (MFU) ม.อบ. มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (ม.อบ. ไม่ใช่ มอบ.) (UBU) มมส. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (MSU) ม.อ. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ. ไม่ใช่ มอ.) (PSU : Prince of Songkla University) มนพ. มหาวิทยาลัยนครพนม (NPU) มนร. มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ (PNU : Princess of Naradhiwas University) มทษ. มหาวิทยาลัยทักษิณ (TSU) มมจ. มหาวิทยาลัยแม่โจ้ (MJU) มพ. มหาวิทยาลัยพะเยา (UP : University of Phayao) แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 10:37:25 จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 10:30:50

ความคิดเห็นที่ 71 คห.69 มทส. คือ มหาลัยเทคโนโลยีสุรนารีค่ะ จากคุณ : kanoksiri เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 10:36:48

ความคิดเห็นที่ 72 อาจารย์มหาวิทยาลัยเอกชนของไทย จำแนกตามคุณวุฒิ เรียงตามร้อยละอาจารย์คุณวุฒิปริญญาเอก ข้อมูลจาก สารสนเทศอุดมศึกษา สกอ. ข้อมูล ณ วันที่ 1 มกราคม 2554 **** ย้ายมาจาก #63 **** จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 10:42:49

ความคิดเห็นที่ 73 ไม่ทราบว่าพอจะมีข้อมูลจำนวนอาจารย์จบป.เอกแต่ละมหาวิทยาลัยตามเปอร์เซ็นต์ที่จบไทย หรือจบนอกไหมครับ(ตามประเทศที่จบ) อยากรู้ครับ แฮะๆ จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 10:44:21

ความคิดเห็นที่ 74 #73 ไม่ทราบจริง ๆ ครับ แต่มีข้อมูลนักเรียนทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์ (กำลังศึกษา) จำแนกตามประเทศ ตาม Link นี้ครับ http://stscholar.nstda.or.th/sis/index.php?info=inprogress จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 10:48:57

ความคิดเห็นที่ 75 อีกฐานข้อมูลที่น่าสนใจครัับ http://www.nap.mua.go.th/FacultyRecord/index.aspx มีข้อมูลที่น่าสนใจอีกเยอะเลยครับ ลองสังเคราะห์ แล้วเอามาเสนอดูครับ ข้อมูลที่ #73 ต้องการทราบก็มีระบุไว้ครับ http://www.nap.mua.go.th/FacultyRecord/Report/UniversityType/Education1.aspx จากคุณ : Antares Kung เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 11:34:21

ความคิดเห็นที่ 76 นเรศวร บูรพา มหาสารคาม ทักษิณ เหล่านี้จะนับปีก่อตั้งอย่างไรดี เพราะเดิมเป็นวิทยาเขตของ มศว.มาก่อน ถ้านับประวัติความเป็นมา ก็ต้องย้อนกลับไปอีกหลายปี มีนัยสำคัญในแง่ที่ว่ามหาวิทยาลัยเหล่านี้ไม่ใช่มหาวิทยาลัยใหม่ มีทรัพยากร บุคลากร และพื้นฐานที่ดีกว่ามหาวิทยาลัยตั้งใหม่หลายแห่ง รวมถึงงบประมาณรายปี ที่มีส่วนหนึ่งแบ่งไปใช้ในการก่อสร้างอาคารน้อยกว่ามหาวิทยาลัยตั้งใหม่ จากคุณ : vandyman เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 11:38:20

ความคิดเห็นที่ 77 โอว ไม่อยากจะเชื่อ พระจอมเกล้าพระนครเหนือ เนี่ยอะครับ อัตราการมีงานทำ ต่ำที่สุด =_=" รุ่นผม คณะวิศวะ ก็เห็นมีงานทำกันมดนะครับ แล้วที่เหลืออีกกว่า 40 เปอเซนต์ นั่นคือ อยู่บ้านเฉยๆเหรอครับนั่น จากคุณ : ฟ้าสั่งให้ฉันรักคนที่มีเจ้าของ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 16:18:32

ความคิดเห็นที่ 78 คห 77 ก็นั่นมันคณะวิศวะ นี่ครับ ผมว่าที่ไหนๆ คณะนี้ก็หางานได้เหมือนๆกันหมดแล่ะครับ แต่นี่เค้ารวมทุกคณะครับ ไม่ได้แยกเฉพาะวิดวะ ผมตีความแบบนี้นะ คิดกว้างๆ จากคุณ : dokya_pladuk เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 16:38:51

ความคิดเห็นที่ 79 คำว่า "ปีที่ก่อตั้ง"  อาจจะไม่ใช่ปีที่เริ่มประวัติมหาวิทยาลัยนะครับ  บางสถาบันจะเป็นปีที่ยกฐานะขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยโดยเอกเทศ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ก่อตั้งปี 1994  หรือ พ.ศ.2537  จริงๆแล้วสามารถนับย้อนไปถึงปี พ.ศ.2511 ที่เริ่มตั้งเป็นวิทยาลัยวิชาการมหาสารคาม  แล้วยกฐานะขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรจน์ วิทยาเขตมหาสารคาม แล้วเป็นมหาวิทยาลัยมหาสารคามในปัจจุบัน จากเสียงเล็กๆของศิษย์เก่าคนหนึ่งครับ จากคุณ : NetStar เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 19:34:12

ความคิดเห็นที่ 80 กลับมาดูอีกรอบ ประเทศเรา มหาลัยเยอะจริงๆ ประเทศเราน่าจะพัฒนา มามากมายผู้มีความรู้เพียบ.. จากคุณ : Dearz เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 00:38:51

ความคิดเห็นที่ 81 เป็นที่น่าสังเกตว่า ตัวเลขเหล่านี้เกือบจะไม่มีผลต่อการตัดสินใจของเด็ก ๆ นักเรียนในการเลือกสอบเข้ามหาวิทยาลัยสักเท่าใดเลย และที่สำคัญ ตัวเลขเหล่านี้ ก็เกือบจะไม่ค่อยมีผลต่อการนำมาใช้พิจารณาในการตัดสินใจขององค์กรธุรกิจเอกชนในการพิจารณาเลือกที่จะรับคนเข้าทำงานเลยครับ จากคุณ : SengKun เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 06:47:29

ความคิดเห็นที่ 82 มีบริษัทแห่งหนึ่งเมื่ออาทิตย์ที่แล้วประกาศรับสมัครงาน ระบุคุณสมบัติพิเศษเอาไว้ว่า หากจบจากจุฬาฯหรือ มธ.จะพิจารณาเป็นพิเศษ อืมมม.. น่าคิดนะ ที่ยังมีบริษัทแนวๆนี้มาให้เห็นอยู่ จากคุณ : yothint เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 13:28:13

ความคิดเห็นที่ 83 Great JOB!!! สิงที่ผมสนใจคือข้อมูล ของ ม ราชภัฎ มากกว่า อย่างที่ทราบ ว่า กลุ่มของ มหาลัยทัวไป มีตัวแปรที่หลากหลาย ทั้ง ที่ตั้ง ที่มา จุดประสงค์การตั้ง ม คณะ ที่บางครั้ง แค้ข้อมูลพวกนี้ ก็พอ บอกเปอร์เซนต์สูงตำ ของค่าวัดต่างๆ ได้ ดังเช่นที่ หลายคน ให้ความเห็น ดังนั้น การจัดอันดับ คุณภาพของ มหาลัย จึงยากขึ้นอยู่กับว่าจะให้หนักที่ ตัวแปรไหนมากกว่า แต่ ราชภัฎ ส่วนใหญ่ แทบจะเหมือนกันเลย เวลาที่เปลียนเป็น มหาลัย งบประมาณแตละปี คณะ คือ มันคล้ายๆ กัน ถ้าได้ข้อมูล สถิติ ของ ม ราชภัฎ ให้มากกว่านี้ บางที่เราอาจเห็นความแตกต่าง ของ ม ราชภัฎในแต่ละแห่งได้ ว่า ที่ไหนคุณภาพเป็นอย่างไร (ถ้าความคิดผม ก็จะมี สวนดุสิต กับ สวนสุนันทา ที่เหนือกว่าเพื่อน) ที่เหลือผมแทบจะบอกไม่ได้ เลยว่าที่ไหนดีหรือแย่กว่ากัน (ส่วนมากก็จะอุปมาไปว่า ม ราชภัฎที่ตั้ง ใน เขต จ ใหญ่ จะดีกว่า เพราะต้นทุนเด็กที่เข้าเรียนมากกว่า) ถ้าไม่มากเกินไปรบกวนด้วยครับ จากคุณ : Nitty.M เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 13:37:40

ความคิดเห็นที่ 84 ^^ ถูกครับ เพราะอย่างไร ตลาดแรงงาน เด็กที่เลือกก็ เลือกไม่พ้น จุฬาฯ มหิดล มธ เกษตร พระจอม เชียงใหม่ มศว ศิลปากร ขอนแก่น สงขลา  ถ้าเป็นราชมงคลก็เป็นราชมงคลใหญ่ หรือราชมงคลในกรุงเทพชั้นใน แหละครับ จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 14:41:27

ความคิดเห็นที่ 85 ผมว่าข้อมูลบางอันมันแปลกๆ นะครับ พอดีผมสงสัยว่าทำไม ม.ราชมงคลมีอาจารย์แค่ 12 คน แล้วมันจะเข้าระเบียบการจัดตั้งมหาวิทยาลัยหรือไม่ ก็เลยไปตามดูในเวปของมหาวิทยาลัยนั้นๆ เช่น ม.ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง เฉพาะสาขาเทคโนโลยีการประมง คณะวิทยาศาสตร์ฯ มีอาจารย์ประจำอยู่ 14 คน เป็น ดร. 3 คน http://fishtech.rmutsv.ac.th/fishtech2/index.php?option=com_content&view=article&id=66:2012-02-16-07-22-07&catid=1:2012-01-29-10-14-34&Itemid=8 ดูจากข้อมูลที่นำมาของ จขท พบว่าเป็นข้อมูลตั้งแต่ 1 มกราคม 2554 แต่ข้อมูลบนเวป ม.ราชมงคลศรีวิชัย อัพเดทเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2555 แต่ยังไงก็สงสัยอยู่ดีครับ ว่าอาจารย์ประจำสาขา 14 คน แต่ทั้งมหาวิทยาลัยเมื่อปีที่แล้วมีแค่ 12 คน ถ้าบอกว่าจะเพิ่มมาจากอาจารย์ใหม่ มันก็แปลกๆ นะครับ จากคุณ : นายอ๋ำน้อย เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 20:41:59

ความคิดเห็นที่ 86 มศว ไม่มีจุดนะค้าาาาา;) จากคุณ : ||..NaMiz3e..|| เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 06:36:43

ความคิดเห็นที่ 87 #85 ผมเช็คกับข้อมูลต้นฉบับแล้ว ตัวเลขเป็นตามนั้นครับ ประกอบด้วย ผศ. 3 คน และอาจารย์ 9 คน อาจเป็นได้ว่าทางมหาวิทยาลัยส่งข้อมูลให้ สกอ. ไม่ครบถ้วน หรือจริงแล้วต้องรวมกับอีก 50 คน (แถวล่างสุด) #81 84 ผมคิดว่ามหาวิทยาลัยใหม่คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ ๆ หากดูจากมหาวิทยาลัยที่ก่อตั้งตั้งแต่ปี 1990  เป็นต้นมา ศิษย์เก่ารุ่นแรกจะยังอายุไม่ถึง 40 ด้วยซ้ำไปครับ และแน่นอนว่าตัวเลขพวกนี้คนส่วนใหญ่ของประเทศไม่ทราบจึงไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกเข้าเรียน หรือเลือกเข้าทำงานแต่อย่างใด ผมเชื่อว่ามหาวิทยาลัยใหม่สามารถสร้างชื่อเสียงแซงมหาวิทยาลัยเก่าแก่ได้ ถ้าหากมีผลงานโดดเด่นกว่าอย่างต่อเนื่อง ตามความเห็นของผม ตัวเลขพวกนี้ที่เป็นตัวอธิบายประสิทธิภาพการทำงานและการบริหารงานของมหาวิทยาลัย ซึ่งเราควรได้รับรู้ในฐานะผู้เสียภาษี ไม่ต่างจากการติดตามผลการดำเนินการของการบินไทย การรถไฟ ฯลฯ นอกจากนี้ตัวเลขพวกนี้ยังช่วยอธิบายผลการจัดอันดับ โดย สมศ. สกว. สกอ. และการคัดเลือกมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติได้ดีระดับหนึ่ง ในตอนแรกผมเคยสงสัยว่าทำไม ม.สุรนารี จึงได้รับคัดเลือก (เป็นมหาวิทยาลัยใหม่แห่งเดียว) แต่มหาวิทยาลัยที่ดังกว่าหลายแห่งไม่ได้รับคัดเลือก เมื่อค้นคว้าแล้วจึงหายสงสัยครับ จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 12:13:06

ความคิดเห็นที่ 88 มหาวิทยาลัยที่เน้นด้านสายมนุษย์กับสายสังคมดูอันดับจะด้อยกว่าสายวิทย์ อย่างธรรมศาสตร์หรือศิลปากรทำไมเป็นอย่างนั้นหละครับ หรือเพราะการไม่เด่นด้านวิทย์ เทคโนโลยีจะมีผลต่อจำนวนอาจารย์ งบประมาณ งานวิจัยหรือเปล่า จากคุณ : หิ่งห้อยน้อยใต้ต้นลำพู เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 13:05:43

ความคิดเห็นที่ 89 อาจารย์บางท่านที่จบโท หรือแม้แต่อาจารย์เก่าแก่บางท่านจบแค่ปริญญาตรี เราว่าสอนดีกว่าดร. อีกนะ จากคุณ : โคอาล่าบ้องแบ๊ว เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 13:10:47

ความคิดเห็นที่ 90 ทางไทยน่าจะมีการทำข้อมูลเรื่องการได้ทุนวิจัยด้วยนะคะ เพราะการมึทุนวิจัยเป้นปัจจัยหนึ่งต่อการผลิตจำนวนบทความวิชการเช่นกัน ไม่ทราบว่าในไทยเรามีทุนวิจัยใหญ่ๆประจำปีสนับสนุนหรือไม่ เช่น  ของ Singapore มี A-Star       ของ Australia มี ARC       ของญี่ปุ่นมี Mext ทุนดังกล่าวข้างต้นถือว่าเป็นทุนใหญ๋ของประเทศหรือทุนหลักของประเทศเหล่านั้น ที่ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอสมัคร เป็นประจำทุกปี ช่วงเวลาการสมัครแน่นอนตายตัว ในแต่ละปีจะมีการสรุปออกมาว่าแต่ละมหาวิทยาลัยมีการส่งหัวข้อวิจัยสมัครไปกี่หัวข้อ ผลลัพธ์ออกมาได้รับผลการตัดสินเท่าไหร่ โดยมีการแบ่งประเภทหมวดหมู่ของทุนออกมาชัดเจน ว่าแต่ละหมวดหมู่สมัครไปเท่าไหร่ ได้เท่าไหร่ ทำเป็น % ออกมา ตนเองมองว่าข้อมูลดังกล่าวทำให้เห็นภาพชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางการสนับสนุนการวิจัยของประเทศว่าเน้นไปทางใด นอกจากนี้ยังเป็นดัชนีบ่งบอกให้เห็นว่าแต่ละมหาวิทยาลัยมีการส่งหัวข้อวิจัยเข้าไปมากน้อยแค่ไหน  และผลการประเมินผลการคัดเลือกเป็นอย่างไร ข้อมูลเหล่านี้น่าจะช่วยให้เห้นภาพชัดมากขึ้น โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัยที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยวิจัย ว่ามีกิจกรรมหรือความกระตือรือร้นในการนำเสนอส่งหัวข้อวิจัยมากน้อยแค่ไหน จากคุณ : jinjung เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 22:59:20

ความคิดเห็นที่ 91 สงสัยตรงหัวข้อมีงานทำ ยังไม่เคลียร์ค่ะ ทำงานเอกชน/รัฐ ... อันนี้เรียกว่า มีงานทำแน่นอน เรียนต่อ ... อันนี้ก็นับ แล้ว%ที่ไม่มีงานทำ คือ ตกงาน หรือ ไม่ยอมทำงาน หรือ ยังไงคะ แล้วช่วงเวลาที่บอกว่า มีงาน หรือ ไม่มีงาน นับเวลากี่เดือนหลังเรียนจบ คิดว่า หัวข้อนี้ นับยาก เพราะบางคน ไปเรียนภาษาต่างประเทศหนึ่งปี ก็ไม่ได้ทำงาน และไม่ได้เรียนต่อ แต่ก็ไม่ใช่คนตกงาน จากคุณ : ไข่เจียวต้นหอม เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 23:39:09

ความคิดเห็นที่ 92 ข้อมูลถูกต้องครบถ้วนมาก แต่อัตราการได้งานทำ mislead อย่างมาก เพราะกรอบเวลาการเก็บข้อมูลกับวันสำเร็จการศึกษาของแต่ละมหาวิทยาลัยไม่เท่ากัน หลายที่เก็บข้อมูลในวันรับปริญญาซึ่งบางแห่งรับปริญญาเร็ว จากคุณ : หนุ่มน้อยหน้าใสวัยสิบแปด เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 55 02:08:34

ความคิดเห็นที่ 93 ผมว่า ข้อมูลเอามาจัดรวมยังไม่ถูกต้อง ยกตัวอย่างเช่น คณะทางสายวิทย์ของ มธ อายุน้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับ อายุ มหาลัย หรือ คณะ ทางสายศิลปื ของมหิดลก็เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีในแง่มุมของการตีพิมพ์ ซึ่งชัดเชนว่าทางสังคมศาสตร์ ทำได้ยากกว่าอยู่แล้ว ผมว่า จขกท ต้องแยก สาย มนุษย์ สังคม และ วิทย์ ออก จากกัน ถึงจะทำให้มองเห็นภาพกว่า เพราะ อย่าง มาหลัยที่เน้นสายวิทย์ ซึ่งการจะหา อจ วุฒิ ดร นั้น หาได้ง่ายมากอยู่แล้ว ในทางกลับกัน มหาลัย สายศิลป์ หาได้ยากกว่า สกอ เคยยประกาศว่าแทบไม่มีคนต่อ ดร ทางสังคมเลย อีกประเด็น เรื่องการนำ ดร มาคำนวณ ยังมีจุดด้อย เพราะ บางมหาลัย รับแค่คนที่จบ ดร โดยไม่สนใจ ว่า ตรีโท เป็นอย่างไร ในขณะที่บางที มีข้อจำกัด ว่าต้องจบตรี สามกว่า โท อะไร ก็ ว่ากันไป ผมว่า มองที่ ตำแหน่งทางวิชาการ น่าจะถูกกว่า ยังไงก็ยังไม่เหนด้วยกับข้อมูล ทั้งหมด เพราะ แต่ละสาขา มีข้อจำกัดต่างกันมาก การที่จะหา คน จบ ดร ทางศิลปะ อย่างศิลปากร นี่ก็หาได้ยากมาก ในขณะ จะหา ดร จากทางสายวิทย์ ซึ่งมีเต็มเมือง จากคุณ : shinigami (shinigamikung) เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 55 23:17:50

ความคิดเห็นที่ 94 น่าจะมี "ค่าเทอม" เฉลี่ยๆด้วยนะครับ แหะๆๆ จากคุณ : Mdiic~* เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 01:10:05

ความคิดเห็นที่ 95 เอาเลยครับ ค่าเทอม เอาให้เห็นจะๆ ไปเลย จากคุณ : 7-Scene เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 21:43:47

ความคิดเห็นที่ 96 จขกท. อาจจะลองหาข้อมูลตาม คคห.ที่ 94-95 นะครับ แต่น่าจะเป็น "ค่าใช้จ่าย" มากกว่า "ค่าเทอม" นะครับ บางมหาวิทยาลัยเสียค่าหน่วยกิจน้อย แต่ค่าบำรุงการศึกษายิบย่อยนู่นนี่นั่นเต็มไปหมด เอาเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับปริญญาตรีสาขาทั่วไป 4 ปี น่าจะพอเห็นตัวเลขว่าในการสำเร็จการศึกษาต้องสิ้นค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษา (ที่ไม่รวมค่าใช้จ่ายส่วนตัว) เป็นเงินเท่าใด จากคุณ : vandyman เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 07:15:07

ความคิดเห็นที่ 97 . แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 55 22:08:13 แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 55 21:00:47 จากคุณ : dokya_pladuk เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 20:59:55

ความคิดเห็นที่ 98 รบกวน อยากทราบว่า มหาวิทยาลัยนครพนม ไม่มีในผลการสำรวจนี้เหรอครับ แล้วมหาวิทยาลัยนครพนมจัดเป็นมหาวิทยาลัยประเภทไหนครับ  ที่นี่เขาเด่นทางด้าน นักบิน ใช่เปล่าครับ??!!.....ขอบคุณครับ จากคุณ : หนุ่มตักสิลา เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 09:43:44

ความคิดเห็นที่ 99 เคยเรียนคณะหนึ่งที่มหิดลแต่ไม่ใช่คณะทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์นะคะ(ตอนหลังย้ายมาเรียนอินเตอร์ค่ะ)อยากบอกว่ามันแล้วแต่ผู้บริหารนะ มีงบมากอย่างมหิดลก็ใช่ว่าจะดี เพราะเค้าค่อนข้างจะทุ่มให้กับคณะแพทย์มากกว่า ตอนเข้าไปเรียนที่ศาลายาปีแรก ตอนนั้นที่ศาลายายังกันดารมาก(ย้ำว่ามาก)ลงรถเมล์จากประตูหน้าม. ต้องนั่งรถมอไซรับจ้างเข้าไปไม่ก็ต้องมีรถจักรยานหรือมอไซเป็นของตัวเอง แต่พอเปลี่ยนผู้บริหารในตอนที่เราอยู่ปีสองก็เริ่มดีขึ้นๆ จนตอนนี้ดีขึ้นมาก อยากจะให้ผู้บริหารเห็นใจเรื่องสภาพแวดล้อมและช่วยให้งบกับคณะเล็กๆอื่นๆด้วยนะ ไม่ใช่ว่าเอาไปเทให้แต่คณะแพทย์มากเกินไปโดยที่ไม่เห็นใจเด็กคณะอื่นๆ บ้าง เพราะเค้าเข้ามาเรียนก็หวังว่าจะมีการเรียนที่ดี สภาพแวดล้อมที่ดี ไม่ใช่ตึกเก่า อุปกรณ์การเรียนก็ไม่มี ถ้าอย่างนั้นคุณสร้างแต่คณะแพทย์เหอะคณะสายอื่นไม่ต้องสร้างมันแล้ว จากคุณ : ilovetakki เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 12:48:29

ความคิดเห็นที่ 100 ม.ตัวเองไม่ติดเลยครับ 5555 แต่กลับรู้สึกภูมิใจแทนม.ดีๆหลายๆที่ครับ ที่สร้างบุคคลากรให้กับประเทศมากมายครับ จากคุณ : สุขาพาเพลิน เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 02:07:26

ความคิดเห็นที่ 101 มีสาระมากๆเลยค่า จากคุณ : ลูกไก่สีดำ เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 02:38:44

ความคิดเห็นที่ 102 อันนี้เราขอถามแบบงงๆ มหาวิทยาลัยอย่างเครือพระจอมเกล้า หรือ มทส. นี่ บางที่มีจำนวนคณะน้อยมากๆ เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีคณะทางสายศิลป์เลย อย่างนี้ถ้าเราเอาสถิติแบบภาพรวมมาเทียบมันจะทำให้ดูแตกต่างเกินไปหรือเปล่าคะ แต่ผู้ชายไปกองกันอยู่มหาวิทยาลัยเหล่านี้เองเนอะ หุหุ ^^ จากคุณ : น้ำชายามเย็น เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 02:42:04

ความคิดเห็นที่ 103 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เราติด 5 อันดับแรกด้วยย เย้ๆๆๆๆ จากคุณ : คุณชายซอดอง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 23:09:34

ความคิดเห็นที่ 104 อาจจะนอกประเด็นหน่อย. ความจริงมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี่พระจอมเกล้านี่. ชื่อเดิมสมัยเก่า เขาใช้คำว่า สถาบันเทคโนโลยี่พระจอมเกล้านั่นดีกว่าอยู่แล้ว ทำไมจะต้องมาเปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัย.  เหตุผลที่ผมว่าดีกว่าอยู่แล้วนะ ๑.เป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานเต็มๆมาว่าอย่างนั้น.สมควรจะรักษาสิ่งสูงค่านี้ไว้ ๒.การเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนชื่อ คงจะได้เครดิตเฉพาะคนที่เปลี่ยนคิดเปลี่ยน แต่มรดกเก่าที่ดีก็จะหายไปฯ แบบนี้ใครที่มาใหม่ก็คิดเปลี่ยนไปอีก.เรื่อยๆ แล้วจะต้องเปลี่ยนไปอีกกี่ครั้งละนี่ ๓.ทำไมจะต้องมาบ้า..ไปใช้คำว่า"มหาวิทยาลัย". คำว่าสถาบันขลังกว่าเยอะ..ต่างประเทศก็มีเช่น MIT หรือ AIT ก็ไม่เห็นจะต้องเปลี่ยน ๔.มหาลัย.ไม่สื่อความเป็นexpert หรือเฉพาะทางเท่า สถาบันฯ .. แค่เหตุผลเพียงนี้ ก็คิดว่าไม่น่าเปลี่ยน.   ใช้  INSTITUTE นะดีกว่าอยู่แล้ว จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 06:46:00

ความคิดเห็นที่ 105 ผู้บริหารธรรมศาสตร์ทำอะไรกันอยู่  T__________T จากคุณ : Rabanastre เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 10:17:08

ความคิดเห็นที่ 106 มหาวิทยาลัยมีไว้เพื่อหาความรู้ ไม่ใช่เพื่อแข่งอันดับกันเอง เค้าจัดให้ดูเพื่อจะได้เข้าใจตัวชี้วัดต่างๆ ที่มีการนำมาจัดลำดับโดยสำนักต่างๆ อย่าดราม่านะจ๊ะ จากคุณ : pheebar เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 12:08:30

ความคิดเห็นที่ 107 เข้ามาดูหน่อยครับ ผมเรียนอยู่ ม.รัฐด้านศิลปะแห่งนึง(คงรู้นะ) งบถ้าดูจากในตารางก็น้อยอยู่ ค่าใช้จ่ายที่เก็บกับนักศึกษาไม่แพงเลย แต่เมื่อเทียบกับรายจ่ายของมหาวิทยาลัยแล้ว เหมือนจะไม่ค่อยพอยาไส้จริงๆ ไหนจะค่าเช่าที่(ไม่ได้มีที่ของตัวเองเหมือนที่อื่น) ค่าโน่นนี่นั่น แล้วยังต้องแบ่งกันไปแต่ละวิทยาเขต กระจัดกระจาย เลยพัฒนามหาวิทยาลัยได้ไม่ค่อยดีนัก แต่ว่าการเรียนการสอนก็ยังแน่นอยู่เหมือนเดิมแหละคับ แต่ผมก็ยอมรับว่าคงจะไปสู้กับทางมหาวิทยาลัยด้านวิทยาศาสตร์ไม่ไหว แต่ถ้านศิลปะก็แน่นอน ฮ่าๆ (ขอโม้นิดนึง แฮ่ๆ) ปล.ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ จากคุณ : Lericz เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 19:51:42

ความคิดเห็นที่ 108 เราว่าการจัดอันดับเป็นสิ่งที่ดี เพราะฝ่ายบริหารจะได้รู้ผลการบริหารของตนเอง คิดว่ามีผลต่อคนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารมหาวิทยาลัยมากกว่า เพราะเราไม่คิดว่าเด็กไทยจะใช้ข้อมูลนี้ตัดสินใจเลือกที่เรียน จากคุณ : แพนิดา เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 00:16:24

ความคิดเห็นที่ 109 %ของ นศ. ที่จบไปมีงานทำ คิดจากไหนครับ ระหว่าง 1.จำนวน นศ. ที่จบทั้งหมด เทียบกับ จำนวน นศ. ที่จบแล้วได้งานทำ 2.จำนวน นศ. ที่จบ และ มีความต้องการหางานทำ ทั้งหมด เพราะว่า อย่าง มธ. ที่เรียงลำดับมาแล้วอยู่น้อยนั้น อาจจะเป็นเพราะ เด็กที่จบมาจำนวนมาก ตั้งใจเรียนต่อ ก็ได้ครับ (อย่างรุ่นผมหลายคนมากๆในคณะ เรียนต่อกันหมด) จากคุณ : ปูเทียมไก่ชุบ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 15:17:12

ความคิดเห็นที่ 110 ขอเก็บเข้าคลังกระทู้และแชร์FBนะคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : mangpongja เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 20:21:39

ความคิดเห็นที่ 111 ขอบคุณ เจ้าของกระทู้ครับ.. จากคุณ : ลูกครูจุล เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:44:18