Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
อัศวินแห่งเสฉวน (๕) ติดต่อทีมงาน

สามก๊กฉบับอัศวิน

ชุดที่ ๒ อัศวินแห่งเสฉวน

ตอนที่ ๕ ฝากชื่อให้ลือเลื่อง  

"เล่าเซี่ยงชุน "

เมื่อ เล่าปี่ ได้ยึดเมืองเกงจิ๋ว และเมืองบริวารอีกหกหัวเมือง ไว้ไม่นาน เล่ากี๋ บุตรของ เล่าเปียว ที่เล่าปี่เชิดไว้เป็นหุ่น ก็ป่วยตายลง จิวยี่ก็ใช้ให้ โลซกมาเจรจาว่า

"......เดิมท่านว่าแก่ข้าพเจ้าว่า ถ้าหาบุญเล่ากี๋ไม่แล้ว จะคืนเมืองเกงจิ๋วให้ซุนกวน บัดนี้เล่ากี๋ตายแล้ว ท่านจะคืนเมืองให้เมื่อไรเล่า....."

ขงเบ้ง ก็กลับว่าไปอีกทางหนึ่งว่า

".....ทุกวันนี้แผ่นดินก็ไม่ราบคาบ ขุนนางหัวเมืองทั้งปวงที่มีสติปัญญากำลังมากก็ไม่ปรองดองช่วยกันบำรุงพระเจ้าเหี้ยนเต้ ต่างคนต่างแข็งเมืองอยู่สิ้น เล่าปี่นายเราเป็นเชื้อพระวงศ์ ติดพันมาครั้งพระเจ้าเฮ้าเก๋งเต้ได้ยี่สิบสี่ชั่วกษัตริย์จนถึงเล่าปี่ เล่าปี่ก็เป็นอาพระเจ้าเฮี่ยนเต้ แผ่นดินเมืองเกงจิ๋วเท่านี้ จะเอาไว้ไม่ได้หรือ....."

แล้วทวงบุญคุณต่อไปอีกว่า

".....อนึ่งเมื่อโจโฉยกเรือมาตีเมืองกังตั๋งนั้น เล่าปี่ก็ได้ยกทหารมาช่วยรบพุ่งเป็นสามารถ เราก็เรียกลมให้ ซุนกวนจึงไม่เป็นอันตราย แม้เราไม่ไปช่วย ก็อย่าว่าแต่บุตรหญิงนางเกียวก๊กโล่เลย ถึงภรรยาและญาติท่าน ก็จะเป็นของโจโฉสิ้น……..."

โดนเข้าอีไม้นี้ โลซกก็จำต้องกลับเมืองกังตั๋ง ด้วยมือเปล่าเท่านั้นเอง ต่อมาจิวยี่จึงออกอุบาย ให้ซุนกวนหลอกเล่าปี่ไปแต่งงานกับ นางซุนหยิน น้องสาวต่างมารดา และจะได้จับตัวฆ่าเสีย ขงเบ้งก็วางแผนซ้อนกลให้เล่าปี่ไปแต่งงานโดยให้ จูล่งเป็นองครักษ์ติดตามไป พร้อมกับทหารอีกห้าร้อยคน และมอบหนังสือลับให้จูล่งสามฉบับ กับสั่งกำชับว่า

".....บัดนี้เล่าปี่นายเรา จะไปแต่งงานกับน้องสาวซุนกวน ท่านไปด้วยจงเอาใจใส่อย่าให้เล่าปี่เป็นอันตราย ถ้าอับจนประการใด จงทำตามหนังสือที่เราเขียนไปนั้นเถิด....."

จูล่งก็ได้ติดตามเล่าปี่ไปถึงเมืองลำชี ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของ นางงอก๊กไถ่ มารดาของนางซุนหยิน และคอยเฝ้ารักษาเล่าปี่อยู่ทุกหนแห่งแม้กระทั่งเวลากินเลี้ยง ซึ่งนางงอก๊กไถ่จัดขึ้นที่วัดกำลอ นางจึงถามเล่าปี่ว่าองครักษ์ผู้นี้ชื่อใด เล่าปี่ก็บอกว่าชื่อจูล่งชาวเมืองเสียงสัน นางงอก๊กไถ่รู้เรื่องที่จูล่งตีฝ่าทหารโจโฉพาบุตรภรรยาของเล่าปี่ ออกจากที่ล้อมได้ จึงสรรเสริญว่ารูปจริตกิริยา สมควรเป็นนายทหารเอก แล้วก็ให้คนใช้รินสุราให้จูล่งกิน

เมื่อเล่าปี่ได้แต่งงานกับนางซุนฮูหยินเรียบร้อยแล้ว มัวหลงเสพสุขอยู่มิได้คิดกลับ จูล่งก็เปิดหนังสือลับของขงเบ้งดู แล้วก็ปฏิบัติตามเป็นขั้นตอน จนสามารถพาเล่าปี่กับนางซุน ฮูหยิน กลับมาเมืองเกงจิ๋วได้โดยปลอดภัย

และต่อมาเล่าปี่ได้ไปทำสงครามชิงเมืองเสฉวน โดยไม่ได้เอาจูล่งไปด้วย นางซุนฮูหยินก็อยู่กับอาเต๊า ซึ่งนางรักดังบุตรในอุทร ซุนกวนกับจิวยี่ก็วางแผนให้จิวเสี้ยน ไปหานางซุนฮูหยินที่เมืองเกงจิ๋ว แจ้งว่ามารดาป่วยหนัก ขอให้กลับไปดูใจและ ให้พาอาเต๊าไปให้เห็นหน้าด้วย นางซุนฮูหยินเชื่อว่าเป็นความจริง จึงพาอาเต๊าลงเรือของจิวเสี้ยน โดยมิได้ลาขงเบ้ง

จูล่งรู้ข่าวก็พาทหารสี่คนตามไปจนถึงท่าเรือ แล้วขอเจรจากับนางซุนฮูหยินก่อน จิวเสี้ยนไม่รู้จักจูล่งจึงสั่งทหาร เตรียมศัสตราวุธไว้พร้อมมือ และถอยเรือออกไป จูล่งก็พาทหารลงเรือหาปลาแจวตามไปไม่ลดละ จิวเสี้ยนให้ทหารยิงเกาทัณฑ๎สกัดไว้ จูล่งก็ควงทวนคู่มือปัดลูกเกาทัณฑ์ ไม่ให้ถูกต้องตัว พอเทียบเรือได้ก็ชักกระบี่ออกต่อสู้กับทหารของจิวเสี้ยนจนแตกหนีไปหมด จูล่งก็สอดกระบี่เข้าฝักแล้วเข้าไปหานางซุนฮูหยินในเก๋งเรือ แล้วถามว่าจะไปไหนทำไมไม่แจ้งให้ขงเบ้งรู้ก่อน

นางซุนฮูหยินก็บอกว่ามารดาป่วยหนักจะรีบไป จูล่งก็ท้วงว่าทำไมต้องเอาอาเต๊าไปด้วย นางซุนฮูหยินก็แก้ว่า ตนรักอาเต๊าเหมือนลูกตัว จึงไม่อาจทิ้งไว้ได้เพราะไม่ไว้ใจผู้ใด จูล่งก็พูดด้วยความน้อยใจว่า

"...เมื่อครั้งทุ่งเตียงปันโบ๋ ข้าพเจ้าอุตส่าห์ตีฝ่าทหารร้อยหมื่นเข้าไป มิได้คิดแก่ชีวิต ก็เพราะประสงค์อาเต๊าแก้วตาของเล่าปี่ ปิ้มตัวข้าพเจ้าจะตายในท่ามกลางทหารโจโฉ ควรหรือท่านจะมาพาอาเต๊า ดวงใจของเล่าปี่ไปด้วย....."

ทั้งสองไม่สามารถตกลงกันได้ จูล่งจึงชิงเอาตัวอาเต๊า จากมือนางซุนฮูหยิน แล้วกวัดแกว่งกระบี่ป้องกันตัวอยู่ที่หัวเรือ เพราะไม่สามารถกลับขึ้นฝั่งได้ พอดีเตียวหุย รู้ข่าวทีหลังจึงพาทหารลงเรือมาดักหน้า แล้วโดดลงมาในเรือ ฆ่าจิวเสี้ยนตาย แล้วก็พาจูล่งกับอาเต๊าขึ้นบก ปล่อยให้นางซุนฮูหยินกลับไปแต่ผู้เดียว

เมื่อนางซุนฮูหยินไปถึงเมืองกังตั๋ง ซุนกวนก็กักตัวไว้ และตัดไมตรีกับเล่าปี่ตั้งแต่บัดนั้น ต่อมาอีกไม่นานเมื่อเล่าปี่ได้ครองเมืองเสฉวนแล้ว โจโฉก็วางแผนจะตีเมืองเสฉวน โดยให้โจหอง ญาติผู้น้องซึ่งอยู่รักษาเมืองฮันต๋งบุกนำไปก่อน แต่พอส่งเตียวคับทหารเอกไปตีด่านแฮบัง ก๋วน ก็พลาดท่าแก่ เตียวหุยเสียทหารไปร่วมสามหมื่น ครั้นให้ไปแก้ตัวใหม่ ก็เสียทีแก่ ฮองตงและ เงียมหงัน ต้องแตกจากเขาเทียนตองสัน ถอยไปตั้งหลักที่เขาเตงกุนสัน อาศัย แฮหัวเอี๋ยนอยู่ป้องกันหน้าด่านเมืงฮันต๋งไม่ให้กองทัพของเล่าปี่ล่วงล้ำเข้าไปได้

คราวนี้โจโฉต้องยกทัพใหญ่จากเมืองฮูโต๋มากำกับเอง แต่ยังไม่ทันถึงเมืองฮันต๋ง ฮองตงก็ตีค่ายเขาเตงกุนสันแตก แฮหัวเอี๋ยนก็ถึงแก่ความตายกลางสมรภูมิ โจโฉแค้นนักเร่งยกทหารร่วมสี่สิบหมื่น จะเข้าลุยค่ายเขาเตงกุนสันที่ถูกยึดได้

ฮองตงก็อาสาจะออกไปต้านทานกองทัพของโจโฉ ขงเบ้งจึงให่จูล่งไปด้วยคอยช่วยเหลือ เมื่อถึงทุ่งฮันซุยซึ่งเป็นที่เก็บเสบียงของกองทัพโจโฉ ทั้งสองก็แย่งกันจะเป็นผู้เข้าตีค่ายคุมเสบียงจนถึงกับต้องจับฉลาก ฮองตงก็ได้ฉลากเข้าตีก่อน จูล่งจึงว่า

".....ท่านได้ฉลากสำคัญแล้วจงยกเข้าตีก่อน พรุ่งนี้เวลาตะวันเที่ยง แม้ไม่เห็นท่านกลับมา ข้าพเจ้าจึงจะยกทหารหนุนตามเข้าไป....."

ฮองตงก็ยกทหารของตน ออกจากค่ายไปในเวลายามสาม เข้าตีค่ายของโจโฉจนสว่าง แล้วก็ถูกทหารเอกของโจโฉสองนาย ล้อมไว้จนถึงเที่ยงก็แหวกออกมาไม่ได้

จูล่งก็ขึ้นม้าถือทวนนำทหารสามพัน ยกไปตามฮองตงที่ตำบลฮันซุย เจอกับนายทหารของโจโฉ ควบม้ารำดาบเข้ามาสกัด ก็เอาทวนแทงตกม้าตาย บุกต่อไปอีกก็เจอ เจาเปง ออกมาดักหน้า จูล่งนึกว่าเป็นทหารของฝ่ายตนก็ถามว่าทหารเราอยู่ไหน เจาเปงก็ตอบว่าทหารท่านนั้นเราฆ่าเสียสิ้นแล้ว ว่าได้เท่านั้นจูล่งก็เอาทวนแทงตกม้าตาย แล้วก็ไล่ฆ่าทหารของเจาเปงแตกหนี กระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง

จูล่งควบม้าไปทางทิศเหนือ ก็พบเตียวคับกับ ซิหลง คุมทหารล้อมฮองตงอยู่ ทหารฝ่ายตนก็รบพุ่งป้องกันเป็นสามารถ จูล่งก็ตวาดด้วยเสียงอันดังแล้วขับม้ารำทวนเข้าตลุยทหารข้าศึก ตลบทางซ้ายย้ายไปทางขวาแคล่วคล่องไม่มีใครต้านทานได้ โจโฉตั้งกองทัพอยู่บนที่สูงจำไม่ได้ ก็ถามทหารของตนว่าคนนี้คือใคร ทหารก็บอกว่าเป็นชาวเซียงสันชื่อจูล่ง โจโฉจึงนึกออกแล้วร้องว่า

"....แต่ก่อนเรายกทหารแปดสิบหมื่นไปที่เมืองลกเอี๋ยง สะพานเตียงปันโบ๋ มีทหารฝีมือกล้าแข็งคือคนนี้...."

แล้วก็สั่งแก่ทหารทั้งปวงว่า

"....ซึ่งจะรบกับจูล่งนั้นอย่าได้ประมาทเป็นอันขาดทีเดียว....."

จูล่งก็พาฮองตงออกจากที่ล้อมมาได้ แล้วเดินทางมุ่งหน้าจะกลับมาค่าย พวกทหารก็บอกว่า เตียวคี นายทหารของฮองตง ถูกข้าศึกล้อมอยู่ทางทิศใต้ จูล่งจึงให้ทหารเอาธงประจำตัวซึ่งเขียนเป็นอักษรสี่ตัวว่า เซียงสันจูล่ง ถือนำหน้าไป พอเข้าใกล้ทหารของโจโฉเห็นชื่อในผืนธง ซึ่งต่างก็รู้จักฝีไม้ลายมือเป็นอันดี จึงพากันถอยหนีไปสิ้น เตียวคีจึงรอดตัวมาได้

เมื่อจูล่งพาทหารกลับมาจนเกือบจะถึงหน้าค่าย เตียวเอ๊ก ผู้รักษาค่าย ก็บอกว่าเห็นผงคลีตลบตามหลังมา เข้าใจว่าข้าศึกได้ติดตามมาใกล้จะทันแล้วจงเร่งเข้าค่ายปิดประตู ขึ้นหอรบเตรียมต่อสู้ให้เข้มแข็ง แต่จูล่งกลับบอกว่า

".....อย่าให้ปิดประตูค่ายเลย เจ้าไม่รู้หรือ เมื่อครั้งเรารบที่เมืองลกเอี๋ยง เราขี่ม้าถือทวนอยู่แต่ผู้เดียว ทหารโจโฉถึงแปดสิบหมื่นดูเหมือนหญ้าแพรก บัดนี้มีทั้งนายแลพลทหาร เหตุใดจะกลัวข้าศึกเล่า...."

ว่าแล้วก็สั่งให้ทหารลดธงที่หน้าค่ายลงเสีย ไม่ให้ตีม้าล่อแลกลองให้อึกทึก แล้วให้ทหารถือเกาทัณฑ์ไปซุ่มอยู่ในคูนอกค่าย ส่วนตนเองนั้นขี่ม้าถือทวนยืนอยู่ที่หน้าค่ายแต่ผู้เดียว

เตียวคับกับซิหลงนำทหารติดตาม มาถึงหน้าค่ายเป็นเวลาใกล้ค่ำ แลไปเห็นประตูค่ายเปิดอยู่ มีจูล่งนั่งสง่าอยู่บนหลังม้าอย่างสงบสงัด แต่ผู้เดียวหน้าค่าย ก็ประหลาดใจไม่อาจจะรุกเข้าไปได้ ต้องรีรออยู่ จนกองทัพของโจโฉตามมาทัน จูล่งก็ชูทวนขึ้นกวัดแกว่งให้สัญญาณ ทหารที่ซุ่มอยู่ก็ระดมยิงเกาทัณฑ์กระหน่ำไป ถูกทหารข้าศึกล้มตายลง โจโฉไม่รู้ว่าจูล่งมีทหารมากน้อยเพียงใดด้วยเป็นเวลาค่ำมืดลง ครั้นได้ยินเสียงโห่ร้องติดตามมา ก็พากันตกใจวิ่งหนีเหยียบกันไปด้วยความกลัว ล้มตายลงเป็นอันมาก

ตั้งแต่นั้นมาชื่อเสียงของจูล่งก็ระบือลือลั่นยิ่งกว่าเดิมอีกหลายเท่า.

##########

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 19:58:52




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com