สามก๊กฉบับอัศวิน
ชุดที่ ๒ อัศวินแห่งเสฉวน
ตอนที่ ๖ ยอดทหารของจ๊กก๊ก
" เล่าเซี่ยงชุน "
จูล่ง ได้เป็นทหารเสือของเล่าปี่ต่อมาอีกหลายปี จนเล่าปี่ตีเมืองฮันต๋งของโจโฉได้ และชาวเมืองยกเล่าปี่ขึ้นเป็นอ๋อง ซุนกวน กับ โจโฉ จึงร่วมมือกันเข้าตีเมืองเกงจิ๋ว ซึ่งเล่าปี่ให้ กวนอู รักษาอยู่ กวนอูเสียทีแตกพ่ายจากเมืองเกงจิ๋ว ไปจนมุมอยู่ที่เมืองเป๊กเสีย เล่าปี่ส่งกำลังไปช่วยไม่ทัน กวนอูจึงถูกจับตัวไป แม้ซุนกวนจะได้พยายามเกลี้ยกล่อมเท่าไร กวนอูก็ไม่ยอมอ่อนน้อม ด้วยถือคำสัตย์สาบาน ว่าเป็นพี่น้องกับเล่าปี่และเตียวหุย ซุนกวนจึงสั่งประหารชีวิต แล้วส่งศรีษะไปให้โจโฉ ทำให้โจโฉป่วยหนัก และถึงแก่ความตายไป
เมื่อ โจผี บุตรชายคนโตของโจโฉ ชิงราชสมบัติจาก พระเจ้าเฮี่ยนเต้แล้ว ชาวเมืองเสฉวนก็ยกย่องเล่าปี่ขึ้นเป็นฮ่องเต้ สืบต่อราชวงศ์ฮั่นบ้าง เล่าปี่จึงคิดจะยกทัพไปรบกับซุนกวน เพื่อแก้แค้นแทนกวนอู โดยไม่ฟังคำทัดทานของขงเบ้ง และจูล่งซึ่งชี้แจงว่า
".....ซึ่งโจผีขบถนั้นเป็นข้อใหญ่ มิใช่แต่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินจะเจ็บแค้น ถึงเทพดาก็มีความแค้น......ถ้ามิกำจัดโจผีเสียก่อนแล้ว จะยกไปตีซุนกวนทีเดียว เห็นว่าโจผีจะยกไปช่วย ซุนกวน เห็นการเราจะทำไปนั้น จะขัดสน....."
ก่อนที่พระเจ้าเล่าปี่จะยกกองทัพออกจากเสฉวน เตียวหุยก็ถูกฆ่าตายอีกคนหนึ่ง โดยฝีมือของลิ่วล้อ แล้วก็หนีไปอยู่กับซุนกวน เป็นการเพิ่มความแค้นให้เล่าปี่ยิ่งขึ้น จึงยกทัพไปรบด้วยความบ้าบิ่น จนสามารถฆ่าศัตรูได้ถึงเจ็ดคนก็ยังไม่หายแค้น ในที่สุดก็ถูก ลกซุน แม่ทัหนุ่มของซุนกวน วางแผนอย่างสุขุมรอบคอบ ตีกองทัพแปดสิบหมื่นของพระเจ้าเล่าปี่ แตกพ่ายอย่าง ยับเยิน
บังเอิญจูล่งซึ่งคุมทหารมาขนข้าว ไปเป็นเสบียงในเมืองเสฉวน ได้ผ่านมาทางตำบลกังจิว มีข่าวว่ากองทัพพระเจ้าเล่าปี่ถูกเผา เสียหายย่อยยับ ก็คุมทหารเข้ารบข้าศึกเที่ยวหาพระเจ้าเล่าปี่ซึ่งถูก ทหารเอกฝ่ายกังตั๋งล้อมอยู่ จึงฆ่าทหารเอกผู้นั้นตาย พาพระเจ้าเล่าปี่หนีข้าศึกไปอยู่ที่เมืองเป๊กเต้
พระเจ้าเล่าปี่พักอยู่ที่เมืองเป๊กเต้ได้ไม่นาน ก็ประชวรด้วยความตรอมพระทัย คิดถึงพี่น้องร่วมสาบานสองคนที่ตายไป อาการก็ทรุดหนักลงทุกที ขงเบ้งจึงรีบมาเฝ้า พร้อมด้วยบุตรคนรองของพระเจ้าเล่าปี่สองคน คือ เล่าเอ๋ง กับ เล่าลี พระเจ้าเล่าปี่ก็ตรัสฝากฝังบ้านเมือง และบุตรทั้งสามรวมทั้งอาเต๊าหรือ เล่าเสี้ยน ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ ให้ช่วยทำนุบำรุงต่อไป ขงเบ้งก็รับปากเป็นอันดี
พระเจ้าเล่าปี่ก็เรียกจูล่งเข้ามาสั่งว่า
".....ท่านผู้เป็นน้อง ได้ช่วยทำนุบำรุงเรามาแต่ต้นมือ บัดนี้เราจะลาแล้ว ท่านอยู่ภายหลังช่วยทำนุบำรุงลูกเราต่อไปเถิด....."
จูล่งก็ร้องไห้ กราบลงแล้วถวายสัตย์ว่า
"...พระองค์อย่าได้ปรารมภ์เลย ถ้ามีสงคราม ข้าพเจ้าจะขอตายก่อนพระราชบุตร....."
เมื่อพระเจ้าเล่าปี่สิ้นพระชนม์ไปแล้ว จูล่งก็ได้เป็นทหารเอกผู้อาวุโส ของขงเบ้ง มหาอุปราชของพระเจ้าเล่าเสี้ยน และได้ไปในกองทัพปราบ เบ้งเฮ็ก ที่เมืองมันอ๋อง และทำการรบร่วมกับ อุยเอี๋ยน และ ม้าต้าย อย่างเข้มแข็ง จนได้ชัยชนะถึงเจ็ดครั้ง
เมื่อปราบฮวนเบ้งเฮ็กเรียบร้อยแล้ว ขงเบ้งก็เตรียมจัดกองทัพ จะยกไปตีวุยก๊กเพื่อกำจัด โจผี ให้พระเจ้าเล่าเสี้ยนเป็นฮ่องเต้แต่ผู้เดียว ตามที่ได้รับปากไว้กับพระเจ้าเล่าปี่ โดยมีทหารเอกถึงสามสิบคนแต่ไม่มีจูล่ง เมื่อจูล่งรู้ข่าวจึงมาหาขงเบ้งแล้วบอกว่า
"....ตัวข้าพเจ้าแก่ก็แต่อายุและความคิด อันกำลังฝีมือจะรบพุ่งยังกล้าหาญอยู่....."
ขงเบ้งก็ว่า
".....เราไปปราบเบ้งเฮ็กครั้งนี้ ม้าเฉียว ตายเราคิดเสียดายนัก เหมือนแขนหักข้างหนึ่ง ตัวท่านก็สูงอายุอยู่แล้ว เกลือกจะไปพลาดพลั้งในสนามรบ จะเสียเกียรติยศในเมืองเสฉวนไป...."
จูล่งก็ยืนยันว่า
".....ข้าพเจ้าทำศึกมาแต่หนุ่มจนอายุเพียงนี้ ก็ยังไม่เพลี่ยงพล้ำเสียทีให้ข้าศึกดูหมิ่นได้ เกิดมาเป็นชายชาติทหารแล้ว ถึงจะตายก็ไม่เสียดายแก่ชีวิต จะให้ปรากฎ ชื่อไปภายหน้า....."
ขงเบ้งก็ห้ามถึงสามครั้ง จูล่งก็มิฟัง จึงมอบทหารเอกสิบคน ทหารเลวห้าพัน ให้จูล่งยกทัพหน้าเข้าตีวุยก๊กตามที่ขอ
ในการศึกครั้งนี้จูล่งได้แสดงฝีมือ ให้ปรากฎแก่ข้าศึกอย่างสมศักดิ์ศรี ที่เขาฮองบองสันใกล้เมืองเตียงฮันนั้น กองทัพของวุยก๊กมี แฮหัวหลิม บุตรของ แฮหัวตุ้น และเป็นบุตรเขยของ โจโฉ เป็นแม่ทัพและ ฮันเต๊ก กับบุตรสี่คน คุมทหารแปดหมื่นเป็นทัพหน้า เมื่อมาพบกับจูล่ง ฮันเต๊กก็ควงขวานใหญ่ด้ามยาวออกหน้าทหาร มาด่าจูล่งว่า
".....อ้ายพวกโจรขบถต่อแผ่นดิน เหตุไฉนมืงไม่รักชีวิต บังอาจล่วงเข้ามาในแดนกู...
จูล่งได้ฟังดังนั้นก็โกรธ ไม่ยอมตอบโต้ ควบม้ารำทวนเข้ารบกับฮันเต๊กทันที ฮันเอ๋ง บุตรชายคนโตก็ควบม้าเข้ามารบกับจูล่งแทนบิดา ได้เพียงสามเพลงก็ถูกจูล่งแทงตกม้าตายไป ฮันเอี๋ยว บุตรคนที่สองก็รำดาบเข้ามาแก้มือ ฮันเขง บุตรคนที่สามเกรงพี่ชายจะเสียทีแก่จูล่ง จึงชวน ฮันกี๋ บุตรคนสุดท้องควบม้ารำดาบเข้ารุมรบจูล่งเป็นสามเส้า
จูล่งก็เอาทวนแทงฮันกี๋ตกจากม้า แต่ทหารของฮันเต๊กช่วยประคองหลบเข้าเมืองไปได้ พอจูล่งไล่ตามฮันเขงก็ยิงเกาทัณฑ์เข้าใส่ถึงสามดอก แต่จูล่งเอาทวนปัดเสียได้ พอฮันเขงควบม้าเงื้อง่าดาบเข้ามาจะฟัน จูล่งกลับเอาเกาทัณฑ์ยิงถูกหน้าผากตกม้าตายไปอีกคนหนึ่ง
ขณะนั้นฮันเอี๋ยวก็ควบม้าเข้ามาใกล้ จูล่งจึงชิงดาบรวบจับตัวไว้ได้ แล้วส่งให้ทหารคุมไว้ จากนั้นก็ควบม้าลุยทหารเข้าไปหาฮันเต๊กอย่างรวดเร็ว ฮันเต๊กตกใจรีบควบม้าหนีเข้าไปปนกับหมู่ทหารเลว แล้วพากันหนีกลับไปเข้าเมืองโดยมีจูล่งไล่ตามไปติด ๆ ฮันเต๊กเห็นจวนตัวก็ถอดเกราะทิ้งเสีย แล้วโดดลงจากหลังม้าวิ่งหนีเข้าเมืองไปอย่างหวุดหวิด
เมื่อกลับมาถึงค่ายแล้ว เตงจี๋ นายทหารรองก็ออกปากชมเชยจูล่ง ว่า
"...ไม่เสียทีท่านเป็นชาติทหาร อายุถึงเจ็ดสิบแล้ว ยังมีฝีมือเข้มแข็งหาผู้เสมอมิได้.."
จูล่งก็ว่า
".....มหาอุปราชดูหมิ่นว่าเราแก่แล้ว จะได้ความอัปยศแก่ข้าศึก ตัวเราถึง มาตรว่าแก่ฉะนี้แล้ว แม้จะให้สู้กับทหารหนุ่มที่มีวิชาแลฝีมือ เราก็ไม่กลัว...."
แล้วจูล่งก็เขียนหนังสือฉบับหนึ่ง ให้ทหารมัดตัวฮันเอี๋ยวไปส่งให้ขงเบ้ง และพอวันหลังฮันเต๊กก็ออกรบกับจูล่ง เพื่อแก้แค้นแทนลูก ก็สู้ได้เพียงสามเพลงก็ถูกแทงตกม้าตายตามลูกไป
ต่อมาแฮหัวหลิมให้ทหารเอกแปดคนเข้ารบ ล่อให้จูล่งตามไปจนถูกล้อมเกือบเสียที แต่ขงเบ้งได้ส่ง เตียวเปาบุตรเตียวหุย และ กวนหินบุตรกวนอู มาช่วยไว้ได้ทันการณ์ จูล่งก็รำพึงว่า
"....ตัวเราทำศึกมาแต่ครั้งพระเจ้าเล่าปี่ ไม่เคยอัปยศแก่ผู้ใด ควรหรือมาเสียทีแพ้รู้อ้ายแฮหัวหลิมลูกเล็กได้ หากว่าเตียวเปาและกวนหินหลานเรายกมาช่วย เราจึงรอดความตาย บัดนี้เตียวเปากับกวนหิน เขาก็ยกตามแฮหัวหลิมขึ้นไปแล้ว ตัวเราคนแก่นี้ก็จะลากกาย ตามไปแก้แค้นให้จงได้....."
แล้วก็ยกเข้าไปล้อมเมืองลำอั๋น ซึ่งแฮหัวหลิมหนีเข้าไปตั้งรับอยู่ ซึ่งต่อมาขงเบ้งก็ใช้อุบายจนเข้ายึดเมืองได้ ตัวแฮหัวหลิมก็ถูกจับเป็นเชลย ขงเบ้งก็แกล้งทำอุบายปล่อยแฮหัวหลิมไป แล้วหลอกเอาตัว เกียงอุย นายทหารหนุ่มผู้มีฝีมือมาอ่อนน้อม ยอมเป็นทหารเอกได้อีกคนหนึ่ง แต่ในที่สุด การรบครั้งนี้ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ต้องยกทัพกลับเมืองเสฉวน
พอขงเบ้งจะยกกองทัพไปตีวุยก๊กเป็นครั้งที่สอง ขณะที่เตรียมจัดทัพอยู่ที่เมืองฮันต๋ง ก็เกิดลมหัวด้วนพัดมาถูกกิ่งสน ตรงหน้าโรงประชุมขุนนางหักสบั้นลง พอดีกับบุตรชายของจูล่งคือ เตียวกอง กับ เตียวหอง ก็เข้ามาคำนับขงเบ้ง แล้วแจ้งว่า
"...เวลาคืนนี้ประมาณยามสาม บิดาข้าพเจ้าถึงแก่ความตายแล้ว.."
ขงเบ้งก็ร้องไห้อาลัยรักจูล่งจนสลบไป เมื่อฟื้นขึ้นมาก็รำพึงว่า
"....อันจูล่งถึงแก่ความตายนี้ เหมือนหนึ่งแขนซ้ายพระเจ้าเล่าเสี้นหัก ด้วยเป็นทหารผู้ใหญ่เคี่ยวศึกมา....."
เมื่อพระเจ้าเล่าเสี้ยนได้ทราบข่าว ก็ทรงพระกันแสง รำพันถึงความหนหลังที่จูล่งมีคุณแก่พระองค์ทุกประการ แล้วให้แต่งการศพฝังไว้ในที่อันควร กับปลูกเป็นศาลเทพารักษ์ไว้บูชามาตราบเท่าทุกวันนี้
ชีวิตของ เตียวจูล่ง นักรบผู้มีฝีมือเข้มแข็ง จากเมืองเสียงสัน มาเป็นทหารเสือหนึ่งในห้าของเล่าปี่ ผู้ซึ่งได้ผจญศึกมาตลอดชีวิต ฝ่าฟันข้าศึกหลายสิบหมื่นโดยมิได้ต้องคมอาวุธของผู้ใดเลย จนสร้างจ๊กก๊กแห่งเมืองเสฉวน ให้เป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ในภาคตะวันตก ก็ถึงกาลอวสานลงอย่างสงบด้วยความชรา
ทิ้งชื่อเสียงอันโด่งดังให้เป็นที่เล่าขานกันต่อมา อีกนับพันปี ดังนี้.
##########
จากคุณ |
:
เจียวต้าย
|
เขียนเมื่อ |
:
26 พ.ค. 55 08:27:16
|
|
|
|