ความคิดเห็นที่ 1 สิ่งแวดล้อมไง แหล่งรวมเด็กที่มาจากครอบครัวชั้นดี (ชนชั้นกลาง-ชั้นสูง) อย่างน้อยๆ ถึงมันจะเกเร แต่ก็ไม่รุนแรงเหมือน ร.ร.ระดับล่างๆ แวนซ์ สก๊อย ยาเสพติด นักเรียนนักเลงส่วนใหญ่ระบาดในสถาบันระดับไหน ก็นั่นละ ขนาดประมุขใหญ่แห่งองค์กรกวดวิชายังพูดแบบนี้เลย “การปฏิรูปการศึกษาไทยไม่ได้ผลิตครูที่มีคุณภาพ โรงเรียนไม่สามารถมีครูผู้สอนที่มีคุณภาพ ไม่สามารถบริหารจัดการคุณภาพ ถ้าทุกโรงเรียนมีครูที่มีคุณภาพซึ่งสะท้อนถึงการมีผู้บริหารที่ดีด้วย แต่ทุกวันนี้ทั้งระบบทำให้ครูมีปัญหา พอครูมีปัญหา โรงเรียนก็มีมาตรฐานต่างกัน ถ้าโรงเรียนมีคุณภาพเท่ากันหมด เด็กไม่ต้องออ มาเข้าไม่กี่โรงเรียน ทั้งที่ผู้ปกครองทุกคนไม่อยากให้ลูกไปเรียนไกลๆ แต่โรงเรียนใกล้บ้านไม่มีคุณภาพและกลายเป็นที่รวมของเด็กที่ไม่มี คุณภาพ เกิดปัญหาในชุมชน ตีรันฟันแทง ทะเลาะวิวาท” http://www.gotomanager.com/news/details.aspx?id=93881 http://www.naewna.com/scoop/6820 จากคุณ : Siam Shinsengumi เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 06:51:39 A:58.10.64.148 X: TicketID:360979

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้า จขกท สมัครเรียน จะอยากเรียนกับครูไม่เก่งเหรอครับ . . . สอนเก่งยังไง ถ้าไม่มีความรู้เรื่องที่สอน ไม่เก่งเรื่องที่สอน ก็เละอยู่ดีครับ เด็กถามอะไรก็ตอบไม่ได้ จากคุณ : J-Renderer เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 07:10:14

ความคิดเห็นที่ 3 มันอยู่ที่แต่ละบุคคลนะคะ ครูต่อให้ดี ให้เก่ง สอนเลิศแค่ไหน แต่ถ้าเด็กไม่ตั้งใจเรียน ยังไงก็ไม่ได้อะไรอยู่ดีค่ะ เดาเอานะว่าเด็กที่ได้เกรดน้อยๆ เป็นเด็กที่จับสลากได้ แต่เรียนอ่อน ผลเลยเป็นแบบนี้ เพราะเคยรู้จักเด็กที่ใช้เส้นเข้าโรงเรียนดีๆ แต่ตัวเด็กน่ะเรียนไม่ไหว ผลสุดท้ายก็สอบตกจนต้องออกไปเข้าโรงเรียนอื่นอยู่ดี ไม่เหมือนสมัยเรา จะเข้าโรงเรียนรัฐบาลคือสอบเข้าเท่านั้น อาจมีเด็กฝากเด็กเส้น (ลูกหลานอาจารย์บ้าง แต่เป็นเรื่องปกติที่โรงเรียนจะให้สิทธิ์ลูกหลานอาจารย์ที่สอนเข้าเรียนได้) ผลก็คือ โรงเรียนสมัยก่อน เด็กจะเก่งกว่านะ เพราะส่วนใหญ่ต้องสอบเข้าน่ะ แต่สมัยนี้รับกันที่เขต และการจับสลาก ก็เลยได้เด็กเรียนอ่อนมาปะปนเข้าไป แล้วก็เรียนไม่รอด เราว่าโรงเรียนเขาก็จัดหาโรงเรียนอื่นรองรับแล้ว ไม่ได้ตัดหางปล่อยวัดเด็ดขาด แต่เด็กๆ คงติดเพื่อน และชื่อเสียงโรงเรียนด้วย โดยไม่ได้ดูศักยภาพของตัวเองว่า ขนาดระดับที่ต้องสอบให้ผ่าน เกรดยังหน่อมแน้มขนาดนี้ แล้วถ้าให้ขึ้นชั้นมอสี่ ซึ่งเรียนยากกว่ามอสาม เกรดมันจะไม่ยิ่งเน่าสนิทเข้าไปใหญ่หรือ จากคุณ : ข้าวปั้น เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 07:11:13 A:122.111.4.24 X: TicketID:188044

ความคิดเห็นที่ 4 ความรู้มันไม่อยู่ที่ครูเพียงอย่างเดียว แต่ความรู้มันอยู่รอบตัวเรา เราต้องแสวงหามันให้มากๆ ใครขยันก็จะได้เปรียบ จะรอให้ครูป้อนให้อย่างเดียวไม่ได้ การศึกษาสมัยนี้เขาเน้นให้เด็กรู้จักคิด รู้จักแสวงหาความรู้ ไม่ใช่นั่งรอครูป้อนให้อย่างเดียว เดี๋ยวนี้ครูเขาจะทิ้งงานบ้านไว้ให้เด็กไปค้น ไปอ่านเอง ครูเป็นเพียงผู้กำกับ และ ตรวจสอบ จากคุณ : แสงตะวัน เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 07:42:50 A:125.24.201.114 X: TicketID:107970

ความคิดเห็นที่ 5 เห็นด้วยว่าต้องเข้ากันได้ทั้ังครูและเด็ก ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอก ครูสอนดีแค่ไหน เด็กไม่รับก็เสร็จ ว่าแต่จะทำไงดีกับเด็กประเภท "..ช่วยแต่งกลอนแปดให้หน่อยสองบท เรื่องวันพ่อ ต้องการด่วน" แล้วพอถูกติงว่า "หนูๆ การบ้านหนูต้องทำเองนะ" ก็ตอบว่า "ไม่ช่วยไม่ต้องสอน" (ฮา) ความเกรียนไม่เคยปรานีใคร จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 08:39:39

ความคิดเห็นที่ 6 การใช้เหตุผลของ จขกท เป็นอะไรที่น่าสนใจ น่าตีความให้ดีๆ จขกท บอกว่า "ครูเก่ง แล้วไม่ได้หมายความว่าเด็กต้องเก่งตามนะครับ" ^ เราต้องคำนวณความเป็นไปได้ให้หมด (exhaust all possibilities) ครูเก่งถ้าเก่งวิชาที่สอนแต่ไม่เก่งการสอน (อย่างที่ จขกท พยายามจะโน้มน้าวให้คนอ่านคิด) มันแก้ไขได้ง่ายโดยการที่ครูศึกษาค้นคว้าหาวิธีการสอนโดยอาศัย ตรรกะที่แม่นยำและจินตนการที่สร้างสรรค์ (precise logic and creative imaginations) ตอนเราเริ่มสอนภาษาอังกฤษใหม่ๆเราไม่รู้วิธีการสอน พูดง่ายๆก็คือ "ถ่ายทอดไม่เป็น" แต่เราศึกษาค้นคว้าจากตำราต่างประเทศเป็นจำนวนมากเพื่อหาความรู้และหาวิธีการใหม่ๆอยู่เสมอ ความน่าจะเป็นไปได้ก็คือ ครูเก่งๆในวิชาที่ตัวเองสอน บางคนถ่ายทอดไม่เป็น แล้วก็ไม่พยายามศึกษาค้นคว้าเรียนรู้เพื่อแก้ไขและปรับปรุงวิธีการสอน หรือ ครูเก่งๆในวิชาที่ตัวเองสอน บางคนถ่ายทอดไม่เป็น แต่ก็พยายามศึกษาค้นคว้าเรียนรู้เพื่อแก้ไขและปรับปรุงวิธีการสอน ผลที่ออกมาก็คือ "มีนักเรียนเก่งบ้างไม่เก่งบ้างคละกันไป" แต่ในทางกลับกัน ครูที่ไม่เก่งวิชาที่สอน ยกตัวอย่างเช่น พูดเขียนอังกฤษผิด grammar เละ แต่สอนเก่งหรือคิดว่าตัวเองสอนเก่ง เวลาไปสอนภาษาอังกฤษ ผลที่ออกมาก็คือ "นักเรียนไม่เก่งสถานเดียว เพราะนักเรียนจะพูดเขียนอังกฤษผิดเละเหมือนครู" ดังนั้น เวลาเราอ่านหัวข้อกระทู้แบบนี้คือ "ครูเก่ง แล้วไม่ได้หมายความว่าเด็กต้องเก่งตามนะครับ" ^ เราต้องหัดคิด หัดตีความให้ไกล อย่าได้อยู่ดีๆด่วนสรุปไปว่า "ดังนั้น เราจึงควรยอมเรียนกับครูไม่เก่ง" ^ เพราะการสรุปแบบนี้ มันเป็นการคิดแบบ "หลงทาง" เพราะไม่รู้จักการใช้เหตุผลในระดับพื้นฐานนั่นเอง แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 55 09:04:49 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 08:57:45

ความคิดเห็นที่ 7 จขกท ต้องให้ความชัดเจนกับคำว่า "เก่ง" มากกว่านี้ ไม่งั้นมันจะเป็นการเหมารวมแบบไม่เป็นเหตุเป็นผล ครูเก่งที่แท้จริงควรต้อง 1. เก่งในความรู้ที่ใช้สอน กับ 2. เก่งในการสอน เพราะถ้าครูเก่งของคุณกินความหมายแค่อย่างแรกแต่ขาดอย่างที่สองก็คงไม่สามารถเรียกครูคนนั้นว่าเป็น "ครูเก่ง" ไปได้ และไม่ควรเรียกว่าเก่งด้วย เพราะหน้าที่ของครูคือการสอนการถ่ายทอดความรู้ที่ดีที่ถูกต้องให้แก่ศิษย์ เห็นด้วยกับพี่หมอดู ครูเก่งที่ความรู้ดีหากยังสอนไม่เก่งก็สามารถเรียนรู้ได้ แต่ครูที่ความรู้ไม่ดีต้นทุนต่ำจะรู้วิธีสอนยังไงก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี เหมือนสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ในประเทศเราตอนนี้ไงละ ครูส่วนใหญ่ไม่มีประสิทธิภาพ ระบบการบริหารจัดการด้านการศึกษาถอยหลังเข้าคลอง hopeless สิ้นดี จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 10:50:41

ความคิดเห็นที่ 8 เป็นธรรมดาที่เด็กมักจะนิยมครูเก่ง ทำให้อยากเก่งตามไปด้วย แต่ถ้าบังเอิญเด็กรู้สึกว่าเก่งกว่าครูแล้ว มันแย่  เรียนไม่สนุก (จากประสบการณ์สมัยเด็กที่ เคยใจตุ่มๆต่อมๆไปกับการอ่าน ภาษาอังกฤษผิดๆถูกๆของคุณครู) จากคุณ : akebi1 เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 12:49:21

ความคิดเห็นที่ 9 "ครูเก่งๆ แต่ถ่ายทอดไม่เป็น" ถ้าเป็นครูเก่ง แล้วต้องสอนเป็นถ่ายทอดเป็นครับ มิเช่นนั้น จะถือว่าเก่ง หรือ มืออาชีพมิได้ ในชีวิตที่ผ่านมา ถือว่าเราโชคดีมาก ที่ส่วนใหญ่ เจอแต่ครูเก่ง ทำให้ เรามีวันนี้ได้ พิมพ์ไม่ได้ และจะให้ขนม หรือ ประติมากรรมออกมางามได้อย่างไร จากคุณ : ปากจัดชะมัดยาด (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 22:58:01

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่อยากไปโรงเรียนดังและครูเก่ง กลัวครูจะหงุดหงิด เพราะเรียนไม่เก่งและช้า อยากเรียนกับคนสอนที่เป็น "ครู" มีอภัย ปราณี เมตตา ปรารถนาให้ผู้อื่นได้ดี และเมื่อผ่านมือท่านไป ผมสามารถอาศัยอยู่ในสังคมนี้ ได้อย่างมีความสุข จากคุณ : newcomer (gpvtu2009) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:02:39

ความคิดเห็นที่ 11 สมัยเป็นวัยรุ่นใจแตก เกเรสุดขอบโลก เกิดดัดจริตอยากตั้งใจเรียน ทั้ง ๆ ที่สมองกลวงโบ๋ จ้างติวเตอร์มาสอนที่บ้าน เราตอบไม่ได้ เพราะไม่รู้จริง ๆ ติวเตอร์ทำหน้างง บอกว่า ใคร ๆ เค้าก็รู้กัน ท่าทางเอือมกรูสุดชีวิต แต่ก็นะ เพราะไม่รู้เลยอยากให้เค้าทำให้เรารู้ ตอนหลัง เรียนรู้ด้วยตัวเอง พอไปวัดไปวาได้ ตอนนี้เป็นติวเตอร์ซะเอง เจอเด็กไม่รู้ ๆ เนี่ย ของหวานเลย จากกลัว ๆ เงียบ ๆ ผมล่อซะขำกลิ้ง แย่งกันตอบ test แข่งกันหัวเราะกันสนุกสนาน มานึกอีกที บทเรียนในอดีต อาจจะทำให้เราอายเพราะโง่จริง แต่ก็ทำให้เข้าใจเด็กได้มากขึ้น ไม่ว่าเกรดจะต่ำเตี้ยเรี่ยดินแค่ไหน ก็เอาอยู่ ซ้ำชั้นมาก็มี ไม่มีปัญหา สมัยก่อนตอนติวเตอร์อายุเท่าหนูกากกว่าเยอะ 5 5 5 5 5 จากคุณ : เกรียนกลับใจ เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 23:43:58 A:27.130.53.156 X: TicketID:202545

ความคิดเห็นที่ 12 คห 11 ใช่เลยครับ ทุกคนล้วนคิดว่า ทำไมแค่นี้ถึงไม่รู้ ใครๆ ก็รู้กัน ผมเป็นครูคนหนึ่งครับ ซึ่งเคยเป็นครูที่นิสัยแบบนั้น แบบว่าเพิ่งบรรจุ ไฟแรง เด็กตอบไม่ได้ ก็ว่าครูคนเก่าสอนมายังไง ทำไมไม่รู้จักจำ... ยิ่งด่า ยิ่งว่า มันยิ่งไม่สนใจครับ กดดันแล้ว ให้กำลังใจแล้ว กระตุ้นแล้ว ดีขึ้น แต่อาทิตย์เดียว กลับมาเป็นเหมือนเดิม ปีแรก สับสน ปีสอง ค้นหา ปีสาม เข้าใจ เพราะก่อนหน้านั้น ผมเป็นติวเตอร์มาก่อน เด็กที่เรียนก็มีแต่คนที่อยากรับ อยากรู้ แต่ในโรงเรียนมันต่างออกไป มีเด็กนักเรียนทุกประเภท ทุกรูปแบบ มีก่อกวน  มีอันธพาล มีแข็งกระด้าง มีน้ำเต็มแก้ว...รวมอยู่ในห้องเดียว แต่ก่อนผมสอนไม่เป็นหรอก วิธีที่ง่ายที่สุดคือตัดส่วนที่เสียทิ้ง สอนแต่ส่วนดี สิบคน ยี่สิบคน ไล่ออกนอกห้อง ตะคอก ตะโกน ด่า ตี... มีหมดแหละครับ แต่ปัจจุบัน ไม่ใช่อีกแล้ว การตัดส่วนเสียทิ้ง กลับสร้างปัญหาที่เลวร้ายยิ่งกว่า ผลักภาระสู่สังคม...มันเป็นศิลปศาสตร์ จากคุณ : amnakim เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 15:14:22