ความคิดเห็นที่ 1 หม่อมเจ้ากิติปปียา กิติยากร ทรงเป็นพระธิดาของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาท กับหม่อมละเมียด กิติยากร ประสูติเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2466 ซึ่งถือเป็นหม่อมเจ้าองค์สุดท้ายของราชสกุลกิติยากร ภายหลังเสกสมรสกับหม่อมเจ้าจิริดนัย กิติยากร มีโอรสหนึ่งคนคือ หม่อมราชวงศ์ดนัย กิติยากร แล้วได้เสด็จพำนักยังประเทศอังกฤษเพื่อติดตามสวามีซึ่งทรงประกอบอาชีพวิศวกร ซึ่งภายหลังในปี 2541 จึงได้เสด็จกลับมาพำนักยังประเทศไทย แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 55 20:55:09 จากคุณ : HOONOGTE เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 14:45:52

ความคิดเห็นที่ 2 ดูจากข่าวในพระราชสํานักช่อง 7 แล้ว รู้สึกว่าทางสํานักพระราชวังจะไม่ค่อยให้เกียรติพระอนุวงศ์สักเท่าไหร่ ดังเห็นได้จากเมื่อครั้งงานพระราชทานเพลิงพระศพพระวรวงศ์ พระองค์เจ้าวิมลฉัตร แทบจะไม่มีคําราชาศัพท์ตามพระยศเลย ครั้งนี้ก็เช่นกัน เวลา 18.30 น. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เสด็จแทนพระองค์ไปยังศาลาสุวรรณวนิชกิจ วัดเทพศิรินทราวาส ในการพระราชทานน้ำหลวง"อาบศพ"(สรงพระศพ)หม่อมเจ้ากิติปปียา กิติยากร ซึ่งสิ้นชีพิตักษัย ด้วย"โรค"(พระโรค)มะเร็งลำไส้ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2555 สิริพระชันษา 88 ปี หม่อมเจ้ากิติปปียา กิติยากร"เป็น"(ทรงเป็น)พระธิดาของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาท กับหม่อมละเมียด ประสูติเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2466 ซึ่งถือเป็นหม่อมเจ้าพระองค์สุดท้ายของราชสกุลกิติยากร ภายหลังเสกสมรสกับหม่อมเจ้าจิริดนัย กิติยากร มี"บุตร"(โอรส)หนึ่งคนคือ หม่อมราชวงศ์ดนัย กิติยากร แล้ว"ได้ไป"(เสด็จไป)พำนักยังประเทศอังกฤษเพื่อติดตาม"สามี"(สวามี)ซึ่งประกอบอาชีพวิศวกร ซึ่งภายหลังในปี 2541 "จึงได้กลับ"(จึงได้เสด็จกลับ)มาพำนักยังประเทศไทย จากคุณ : Medhawint_CPSK เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 18:08:33

ความคิดเห็นที่ 3 หม่อมเจ้านั้นจะใช้ราชาศัพท์ก็จริง แต่จะใช้อย่างง่ายที่สุด อย่างเช่น กรณีนี้ ก็จะใช่แค่คำว่า "ศพ" ครับ ไม่ได้ถือว่าไม่ได้ให้เกียรติ แต่เป็นไปอย่างถูกต้องแล้ว จากคุณ : Canon in Science Major เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 18:16:08

ความคิดเห็นที่ 4 เอ่อ เดี๋ยวนะคะ งงอ่ะค่ะ ขอโทษนะคะ พี่น้องสมรสกันเองเหรอคะ o_O" จากคุณ : SHOMSIPANG เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 19:01:24

ความคิดเห็นที่ 5 ไปดูข้อมูลเพิ่มเติมมา พี่น้องสมรสกันเองจริงด้วย แต่คนละแม่กัน จากคุณ : Timin2101 เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 19:12:39

ความคิดเห็นที่ 6 ผมว่า ใช้คำว่า 'เป็นพระธิดา' ก็น่าจะถูกต้องแล้วนะครับ  ลองตรวจสอบการใช้คำราชาศัพท์ เกี่ยวกับคำว่า ..ทรงมี.. และ ..ทรงเป็น.. ดูนะครับ จากคุณ : i-imer เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 20:44:05

ความคิดเห็นที่ 7 หรือว่าเนื่องจากต้องลาออกจากฐานันดรศักดิ์ เพื่อเสกสมรส ครับ จึงไม่ใช้ราชาศัพท์ จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:27:14

ความคิดเห็นที่ 8 หม่อมเจ้าใช้ ศพ และโรค ถูกต้องแล้วครับ การใช้คำราชาศัพท์ทรงมี และทรงเป็นต้องต่อท้ายด้วยคำสามัญ ดังนั้นถูกต้อวแล้วเช่นกัน ที่ผิดคือเสด็จกลับมาประทับไม่ใช่กลับมาพำนัก ขอถวายความไว้อาลัยท่านหญิงด้วยครับ จากคุณ : ohmygodness เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:57:34

ความคิดเห็นที่ 9 ที่ถูกคือ เวลา 18.30 น. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดมาตุ เสด็จแทนพระองค์ไปยังศาลาสุวรรณวนิชกิจ วัดเทพศิรินทราวาส ในการพระราชทานน้ำหลวงสรงศพหม่อมเจ้ากิติปปียา กิติยากร ซึ่งสิ้นชีพิตักษัย ด้วยโรคมะเร็งที่อันตะคุณ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2555 สิริชันษา 88 ปี หม่อมเจ้า ตามหลักแล้วไม่มีคำว่า พระ เช่น พระศพ ใช้ว่า ศพ พระโกศ ใช้ว่า โกศ จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 11:18:00

ความคิดเห็นที่ 10 คห.7 หม่อมเจ้าเสกสมรสกับหม่อมเจ้า ไม่ต้องลาออกจากฐานันดรศักดิ์นะครับ และแม้หม่อมเจ้าจะลาออกจากฐานันดรศักดิ์เพื่อเสกสมรส ก็ยังต้องใช้ราชาศัพท์อยู่นะครับ จากคุณ : arawadee เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 11:25:07

ความคิดเห็นที่ 11 ร.5 ก็ทรงสมรสกับพี่น้องต่างมารดาเหมือนกันคือ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (พระราชมารดาของ ร.6 , ร.7) สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี (พระนางเรือล่ม) สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (ย่าของในหลวง) เรารู้ครั้งแรกก็ตกใจเหมือนกัน แต่คิดเอาเองว่าคงเพราะสมัยก่อนการแต่งงานระหว่างพี่น้องของบุคคลชั้นสูงอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาก็ได้(มั้ง) จากคุณ : ~CaRaMelLoVer~ เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 11:44:02

ความคิดเห็นที่ 12 หม่อมเจ้ากิติปปียา กิติยากร พระชันษา ๘๘ ปี กราบถวายบังคมลาถึงชีพิตักษัย ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานหีบทองทึบประกอบศพ ฉัตรเบญจาตั้งประดับ ปี่ กลองชนะประโคมเวลาพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ และรับศพอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์โดยตลอด มีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมเวลากลางคืน กำหนด ๗ คืน จากคุณ : พฤกษิรา เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 16:25:04

ความคิดเห็นที่ 13 บางช่องวันประสูติ ยังใช้วันเกิดอยู่เลยครับ จากคุณ : HOONOGTE เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 20:55:31

ความคิดเห็นที่ 14 ที่รับไม่ได้ คือ เคยมีบางช่องทีวีเมื่อไม่นานมานี้ (ไม่ถึงสองปีเต็ม) ออกคำนำพระนามของหม่อมเจ้าหญิงที่กราบบังคมทูลลาออกจากฐานันดรศักดิ์องค์หนึ่งว่า "นาง" จริงอยู่ที่ในเอกสารทางการต่างๆใช้คำว่า นาง แต่หลักปฎิบัติที่ถูกคือควรออกคำนำพระนามด้วยสกุลยศเดิมแบบลำลองว่า ท่านหญิง เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติ และยังคงใช้คำราชาศัพท์ตามชั้นยศดังเดิมด้วย เพราะยังทรงเป็นพระบรมวงศานุวงศ์อยู่ จากคุณ : ไข่มุขราตรี เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 23:35:04

ความคิดเห็นที่ 15 ลาออกจากฐานันดรศักดิ์แล้ว  บางองค์ก็ยังใช้ราชาศัพย์ก็มีครับ จากคุณ : ต้องผ่านไปให้ได้ เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 23:51:48

ความคิดเห็นที่ 16 พระบรมวงศานุวงศ์ ที่ลาออกจากฐานันดรศักดิ ใช้ นาง ถูกแล้วครับ ไม่ว่าจะเป็น สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา หรือ ทูลกระหม่อมหญิงพระองค์ใหญ่ เมื่อครั้งลาออกจากฐานันดรศักดิ์ ต้องเข้าใจว่า การลาออกจากฐานันดรศักดิ์ คือ การลาออกจากตำแหน่งในพระราชวงศ์ แต่มิได้หมายความว่า เจ้านายพระองค์นั้น ลาออกจากการเป็นพระญาติได้ จึงใช้คำราชาศัพท์ถวายพระเกียรติ และต้องเข้าใจว่า มีทูลกระหม่อมหญิงพระองค์ใหญ่ พระองค์เดียว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขนานพระนามอย่างเป็นทางการว่า "ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ" ทั้งในการกล่าวถึงทั่วไป และในทางราชการ (แต่ก่อนเรียกว่า ท่านผู้หญิงอุบลรัตนราชกัญญา เจนเสน) นอกเหนือจากนี้ เรียกนาง คุณหญิง ท่านผู้หญิง ตามปรกติ จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 00:15:27

ความคิดเห็นที่ 17 สำหรับการแต่งงานในหมู่ญาติ หรือพี่น้องร่วมบิดา(อาจจะน้อย) ร่วมมารดา หรือร่วมสายสกุลปู่ยาตายายเดียวกัน(ไม่มีร่วมทั้งบิดาและมารดา) เป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ คหบดี หรือสามัญชน ครับ เคยเรียนมาว่านอกจากเรื่องความบริสุทธิ์ของโลหิตตามคติอินเดีย(ลองอ่านเรื่องวรรณะในกระทู้ข้างล่าง) แล้ว ยังเป็นคติเรื่องเศรษฐกิจ ในแง่ของสมบัติพัสถาน ตลอดจนเรื่องแรงงาน ที่ทุกครอบครัวจำเป็นต้องมีแรงงานไว้มาก ในการดำรงอยู่ของวงศ์สกุล(ในสมัยก่อนคือ การดำรงอยู่ของบ้านหลังนั้น คือ ลูกหลานในครอบครัว เป็นแรงงานในการเก็บเกี่ยวพืชผล ฯลฯ) จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 00:21:08

ความคิดเห็นที่ 18 ตามความเห็นของเรานะคะ เป็นเจ้า เขามีกฎว่าไม่ให้แต่งกับคนที่ยศต่ำกว่า ไม่อย่างนั้นต้องลาจากฐานันดร ก็เลยเกิดเป็นแต่งในหมู่เครื่องยาติอะไรแบบนั้น อาจจะมาจากทางปู่ ย่า อย่างที่คุณnatthaset บอกค่ะ อย่างทางแทบตะวันออกกลาง เขาก็แต่งงานแบบเครื่อยาติเหมือนกันล่ะมั้งคะ พอทางรับเอาวัฒนธรรมของต่างชาติ ก็เลยกลายเป็นว่าแต่งงานในเครื่อญาติหรือเป็นพี่น้องกัน แต่งไม่ได้ อะไรแบบนั้นหรือเปล่าคะ อันนี้จากที่เราเข้าใจ จากคุณ : ~kutsuku~ เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 15:18:25

ความคิดเห็นที่ 19 จริงๆแล้วเจ้านายทุกพระองค์เมื่อสืบเชื้อสายขึ้นไปก็ต้องเป็นพื่เป็นน้องกันทั้งนั้นแหละครับ  เพียงแต่ว่าจะห่างมากห่างน้อย  เพราะอย่าลืมว่าการจะเป็นเจ้าต้องสืบเชื้อสายจากพระมหากษัตริย์ทั้งสิ้น และพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ก็สืบสายโลหิตต่อกันมาทุกรัชกาล จากคุณ : FPR (FPR) เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 15:34:16

ความคิดเห็นที่ 20 ถึงเเม้หม่อมเจ้า องค์ต่างๆ จะทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์ ส่วนตัวคิดว่าราชาศัพท์ในการทูล หรือ ถวายเกียรติองค์ท่านเหล่านั้นก็เหมาะสมดีนะครับ เพียงเเต่คำนำนามขององค์ท่านอาจใช้ต่างกัน อาจจะเเล้วเเต่สำนักข่าวก็เป็นได้ บางช่องออกคำนำนามว่า นาง บางช่อง ออกคำนำหน้านามว่า ท่านหญิง เเต่ร้อยละ 98 ผมคิดว่ามีการใช้ราชาศัพท์มนการถวายเกียรติเสมอเช่น คำว่า ประสูติ เป็นต้น เเต่ในกรณีท่านหญิงกิติตปียา มิทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์ ทรงเป็นพระอนุวงศ์ ในมหาจักรีบรมราชวงศ์เเต่ใช้ราชาศัพท์น้อยมาก หากพูดเเล้วท่านหญิงบางองค์ ทรงลาออกเพื่อเสกสมรมเเล้วเเต่ยังออกคำนำนามว่า หม่อมเจ้า อยู่เลย ไม่ขอยกตัวอย่างนะครับว่าองค์ใดคิดว่าหลายท่านคงทราบ ทั่งที่จริงควรออกเป็น คุณหญิง........... ยุคล ด้วยซ้ำ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 55 18:10:35 จากคุณ : HOONOGTE เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 18:09:33

ความคิดเห็นที่ 21 ขอถวายความไว้อาลัยท่านหญิงค่ะ จากคุณ : สการะวาตี เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 19:13:51