|
นิทานที่เราๆได้ยินได้อ่านกันมาเป็นของที่ผ่านการชำระแล้วค่ะ โดยนิทานพวกนี้จะมีเค้าโครงมาจากตำนาน เรื่องเล่า หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในท้องถิ่นนั้นๆ เป็นมุขปาฐะที่สืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน จนในที่สุดก็ถูกรวบรวมมาบันทึกหรือแต่งเติมโดยคนอย่างพี่น้องตระกูลกริมม์ หรือแอนเดอร์เซน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วเค้าเรื่องก็ยังคงความโหดร้ายอยู่ค่ะ รู้สึกว่าต้องมาถูกชำระจนใกล้เคียงกับของปัจจุบัน แต่คิดว่าตอนนั้นน่าจะโหดกว่าในตอนปัจจุบันอยู่ดีนะคะ
เรื่องเล่าของสโนไวท์และหนูน้อยหมวกแดง พบได้ในหลายประเทศค่ะ ทั้งจีนและแถบยุโรป เพราะตอนนั้นป่าไม้อะไรๆก็ยังเยอะอยู่ การที่สาวๆหรือเด็กๆออกมาจากบ้านแล้วหายตัวไปเพราะหลงป่าหรือถูกสัตว์ป่าฆ่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยจนชาวบ้านกลัวกันค่ะ ไม่รู้ว่ามีแต่เราคนเดียวหรือเปล่านะคะที่สงสัยว่าทำไมนิทานพวกนี้ตัวเอกต้องเป็นแต่ผู้หญิงกับเด็ก(โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง) พอดีเราได้มาเรียนเอกวรรณคดีตอนปริญญาตรีค่ะ ถึงเพิ่งเข้าใจว่า ความโหดร้ายหรือสิ่งที่ดูเหมือนจะวิปริตหลายๆอย่างในนิทานแบบดั้งเดิมน่ะความจริงแล้วมันเป็นsymbolที่มีนัยยะสำคัญ เพื่อสั่งสอน(แกมแนวข่มขู่หน่อยๆ)ผู้หญิงทั้งหลายในยุคนั้นค่ะ
อย่างหนูน้อยหมวกแดงของชาร์ล แปร์โรลต์ แรกเริ่มเขาเป็นขุนนางคนนึงในวังค่ะ ที่เกิดอยากจะเสี้ยมสอนตักเตือนให้คุณสาวๆในวังทั้งหลายรู้จักเก็บอาหาร สงบเสงี่ยม อย่าได้อยากรู้อยากเห็นเรื่องเพศตรงข้ามมากนัก เลยแต่งนิทานเรื่องนี้ขึ้นมาเล่าให้พวกเธอฟัง แปร์โรลต์แทนตัวหนูน้อยหมวกแดงเป็นเด็กสาวที่เพิ่งจะแตกเนื้อสาวใหม่ๆ คือเริ่มย่างก้าวสู่วัยรุ่น หลักฐานชิ้นสำคัญเลยคือแปร์โรลต์เลือกใช้ชุดคลุมตัวสีแดงใส่เด็กสาวใส่ค่ะ สีแดงเป็นตัวแทนของพรหมจรรย์,ประจำเดือนของผู้หญิงซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าเธอคนนั้นเติบโตได้ที่จนคุณผู้ชายสามารถเก็บเกี่ยวแล้ว ยิ่งชุดคลุมที่เด็กสาวใส่มีความโดดเด่นกระทั่งคลุมได้ทั้งหัวจรดเท้าก็ยิ่งแสดงถึงความเปล่งปลั่งของวัยที่สะดุดตาให้คนเห็นค่ะ(หรืออีกนัยยะหนึ่งคือการที่เด็กสาวจงใส่สวมเสื้อคลุมที่เด่นขนาดนี้ เพื่อดึงดูดความสนใจในทางsexualนั้นเองค่ะ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ความอยากรู้อยากเห็นตามวัยมันพาไป)
แปร์โรลต์ยังแทนตัวหมาป่าเป็นตัวแทนเพศชายค่ะ การที่หมาป่าเข้ามาเข้าท่าทีใจดีสนิทสนมกับหนูน้อยหมวกแดงในตอนแรกนั้น แปร์โรลต์ต้องการเตือนค่ะว่า บางทีผู้ชายที่หวังร้ายกับ(พรหมจรรย์)สาวๆก็ไม่ได้เข้ามาแบบอุกอาจ หรือมีท่าทางคุกคามน่ากลัวเหมือนลูกน้องของตัวร้ายในละครไทย แต่อาจเข้ามาแบบมีแผน ซ่อนเขี้ยวเล็บไว้เพื่อหลอกล่อให้หนูน้อยหมวกแดงมาติดกับ ก่อนจะฆ่าและกินเธอบนเตียงค่ะ(นี่ก็นัยยะอีกอันว่าเธอโดน...ซะแล้ว) ถ้าจขกท.ลองอ่านฉบับจริงที่หาได้ในอินเตอร์เน็ต ตอนท้ายของเรื่องหนูน้อยหมวกแดงจะมีข้อคิดของแปร์โรลต์ทิ้งท้ายไว้ค่ะ ว่าให้คุณสาวๆระวัง อย่าได้หลงคารมผู้ชายทุกคนที่เข้ามาหาง่ายๆ หมาป่าที่จะมาทำร้ายเธอน่ะอาจไม่ได้ท่าทางดุร้าย แต่เข้ามาแบบสุภาพนุ่มนวลดูไม่มีพิษมีภัย แต่อย่าได้หลงกล ไม่งั้นเธอจะต้องเสียใจค่ะ
ในเรื่องเจ้าหญิงนิทรา เหมือนว่าเป็นเป็นsymbolอีกเหมือนกันค่ะ การที่เจ้าหญิงเอานิ้วไปทุ่มเครื่องปั่นด้ายจนนอนสลบไสลไปเป็นร้อยปี ถือว่าเป็นนัยยะว่าเมื่อโตเป็นสาวแล้วก็ควรจะรู้จักการวางตัว ไม่ออกไปก๊ากั๊นข้างนอกเหมือนตอนเด็กๆค่ะ เลยต้องนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะถึงเวลาอันเหมาะสมที่จะออกครองเรือนได้ แต่สุดท้ายก็โดนข่มขืนจนมีลูกค่ะ ตรงนี้ไม่แน่ใจนักว่ามีความหมายยังไง คงต้องไปค้นคว้ามาอีกที
ส่วนเรื่องสโนไวท์ ก็เคยได้ยินการวิเคราะห์มาอีกแบบเหมือนกันค่ะว่า บางทีแม่เลี้ยงนั้นอาจไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำอะไรขนาดนั้น แต่เพราะถูกเล่าผ่านน้ำเสียงของสโนไวท์และโฟกัสไปที่ตัวสโนไวท์ เลยทำให็แม่เลี้ยงกลายเป็นคนร้ายเกินจริง ความจริงสโนไวท์ก็ร้ายไม่ใช่เล่นเลยค่ะ แต่งงานกับเจ้าชายเพื่อขอกองทัพไปถล่มเมืองของแม่เลี้ยง(ความจริงก็เมืองของตัวเองด้วย!) ลงทุนครั้งเดียวได้กำไรสองต่อ ได้แต่งงานกับเจ้าชายแล้วก็แก้แค้นแม่เลี้ยงด้วย โหดจริงๆเธอคนนี้
ที่นิทานออกมามีแต่ตัวละครเพศหญิงเป็นตัวเองก็เพราะต้องการสั่งสอนและขู่ไว้ให้เป็นอุทาหรณ์ว่า ถ้าเธอทำตัวเหมือนผู้หญิงในนิทานพวกนี้ เธอจะต้องพบกับชะตากรรมแบบเดียวกันกับในนิทานค่ะ อีกอย่างนิทานพวกนี้เขียนขึ้นโดยผู้ชายค่ะ เพราะฉะนั้นก็หวานหมูเลยถ้าจะสอนให้ผู้หญิงเป็นไปตามกรอบของสังคมที่คนเขียนต้องการ ส่วนนิทานที่มีผู้ชายเป็นตัวละครเอก แทบไม่มีเลยค่ะที่เจอเรื่องแย่ๆในตอนจบ ส่วนใหญ่จะHappy Ending เพราะถือว่าผู้ชายสามารถดูแลตัวเองและมีคุณสมบัติที่กล้าหาญ ฉลาดกว่าผู้หญิงค่ะ ผู้หญิงในทัศนะของคนเขียนนิทานยุคก่อนส่วนมากจะเป็นคนสอดรู้สอดเห็น เก็บความลับไม่อยู่ อยากรู้อยากเห็นเรื่องผู้ชาย ไร้ความหักห้ามใจตัวเอง หัวอ่อนและอ่อนแอค่ะ เรียกได้ว่าแย่สุดๆจนผู้ชายต้องออกมาคุมนั้นเอง
ในการชำระนิทานช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรม ยังเป็นการหาทางออกและให้ความหวังกับเด็กๆด้วยค่ะ ว่าชีวิตมันยังมีสิ่งสวยงามอยู่ แล้วก็เอาไว้เสียดสีสังคม สั่งสอนคนรุ่นใหม่ด้วยค่ะ ^ ^
ปล. ออกทะเลไปไกลเลย ขอโทษด้วยนะคะ =w="
จากคุณ |
:
พันตรีเหมียวๆ (พันตรีเหมียวๆ)
|
เขียนเมื่อ |
:
29 พ.ค. 55 23:23:31
|
|
|
|
|