http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1338444822&grpid=01&catid=&subcatid=
    
กำลัง กลายเป็นเรื่องราวที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักในอินเตอร์เน็ต ตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา  โดยเฉพาะที่เฟซบุ๊กและเว็บบอร์ดพันทิบ กรณี  นิสิตชายผู้หนึ่ง ซึ่งมีบุคลลิกเป็นสาวประเภทสอง ได้เข้าไปฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู  เป็นอาจารย์ฝึกสอน วิชาศิลปะ ที่โรงเรียนชายล้วนชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร 
ได้เพียง ไม่กี่วันจากนั้น ทางโรงเรียนได้มีการทำหนังสือส่งตัวนิสิตชายคนดังกล่าวกลับไปทางมหาวิทยาลัย ที่นิสิตชายผู้นั้นศึกษาอยู่ในคณะศิลปศาสตร์โดยข้อความในหนังสือระบุว่า "เพื่อไปปฏิบัติการสอนและฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูที่สถานศึกษาอื่นให้เหมาะสมกับบุคคลิกลักษณะของนิสิตฝึกสอน"
ทั้ง นี้  เหตุการณ์ก่อนที่จะมีการเผยแพร่กันไปทั่วสังคมออนไลน์   เริ่มต้นมาจากที่มีผู้เข้าไปตั้งกระทู้ใน "ห้องสมุด" ของเว็บไซต์พันทิบ พร้อมกับแสดงภาพเอกสารการส่งตัวของโรงเรียน โดยใช้ชื่อเรื่องว่า "อยากให้เรื่องนี้ถึงผู้บริหารโรงเรียน..."  โดยระบุชื่อโรงเรียนดังกล่าว
สมา ชิกเว็บไซต์พันทิปผู้ตั้งกระทู้ ได้นำข้อความ ที่อ้างว่า มาจากทางฝั่งนิสิตฝึกสอนมาแสดงเพื่อต้องการหาความจริง  พร้อมออกตัว ไม่ได้มีเจตนาทำลายสถาบัน และไม่ได้รู้จักกับบุคคลในเหตุการณ์นี้เป็นการส่วนตัว ว่า 
"เรื่อง ราวมีอยู่ว่า นิสิตผู้นี้เป็นสาวประเภทสอง ก่อนเข้าไปทำการฝึกสอน ก็ได้เข้าไปติดต่อกับทางโรงเรียนเรื่องกฎข้อบังคับในการปฏิบัติตัวให้เรียบ ร้อย (เพราะเธอรู้ว่าอาจจะมีปัญหา) แล้วอาจารย์หัวหน้าหมวดศิลปะก็ยอมรับได้ เพียงแต่มีกฎข้อบังคับมากหน่อยคือ ให้แต่งชุดนิสิตชาย มัดผมเรียบร้อย และไม่แต่งหน้า เธอก็ปฏิบัติเรียบร้อยดี ทั้งวันมาประชุมก่อนเปิดเทอมและทุกครั้งที่เข้าโรงเรียน รวมถึงได้ทำข้อตกลงกับอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นผู้ดูแลการฝึกสอนของเธอเรียบร้อยไม่มีอะไรขัดข้อง 
จน กระทั่งเปิดเทอมได้ไม่กี่วัน เรื่องราวก็ใหญ่โต เพียงเพราะมีอาจารย์ท่านอื่นไม่พอใจที่เธอเป็นสาวประเภทสอง โดยให้ความเห็นว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษ และเรื่องก็ถึงผู้ใหญ่ในคณะบริหาร ผู้ใหญ่คนนี้ก็พูดตัดบทว่า "แค่คุณเบี่ยงเบนทางเพศ คุณก็สอนไม่ได้แล้ว" ซึ่ง อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยที่เป็นผู้ดูแลการฝึกสอนของเธอ ก็พยายามมาพูดคุยเจรจาให้ แต่ทางโรงเรียนยืนยันแน่นอนหนักแน่นว่าไม่รับสถานเดียว" 
กระทู้ ดังกล่าวมีผู้สนใจเข้ามาอ่านเป็นจำนวนมาก และต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นหลากหลาย ตามเหตุผล  บ้างก็วิพากษ์วิจารณ์โรงเรียนดังกล่าว โดยกล่าวหาว่ามีการกีดกันเรื่องเพศ   บ้างหลายคนเข้ามาแสดงตัวและโต้แย้งข้อกล่าวหา โดยระบุว่า อยากให้ฟังความทั้งสองฝ่าย  จนกลายเป็นกระทู้แนะนำและมีการเผยแพร่ ส่งต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในโซเชี่ยลมีเดีย  
 
ทางด้านในเฟซบุ๊กหน้าเว็บเพจที่ใช้ชื่อว่า "ศาสดา"   เขียนข้อความว่า  ได้รับข้อความจากนิสิตคนที่กำลังมีการพูดถึง  ให้ช่วยนำเสนอเรื่องราวของเธอ โดยอ้างว่า ถูกรองผู้อำนวยการเลือกปฏิบัติ ในการส่งตัวกลับมหาวิทยาลัย   ด้วยเหตุผลมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ   ทั้งที่ตลอดการฝึกสอนเธอก็ทำตามระเบียบของโรงเรียนด้วยการแต่งกายเป็นนิสิต ชาย  มัดผม และไม่แต่งหน้า    พร้อมระบุ ขณะนี้ นิสิตคนดังกล่าวได้เข้าฝึกสอนทีี่อีกโรงเรียนหนึ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  















ขณะที่  ผู้สื่อข่าวมติชนออนไลน์ได้ โทรศัพท์ติดต่อไปทางโรงเรียนดังแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นวันที่ 30 พฤษภาคม ที่ผ่านมา  โดยตอนแรกได้คุยกับอาจารย์ผู้หญิงท่านหนึ่งก็ได้รับการชี้แจงว่า  นิสิตชายคนดังกล่าว มีพฤติกรรมแต่งหน้า ทาปาก และนุ่งกระโปรงมาฝึกสอน ซึ่งอยากถามว่า เหมาะสมแล้วหรือทั้งที่เพศภาพของนิสิตคนนั้นเป็นชายและเข้ามาฝึกสอนนักเรียน ในฐานะอาจารย์ฝึกสอน  
ทาง โรงเรียนไม่ได้มีการกีดกันเรื่องเพศ แต่เพื่อความเหมาะสมในฐานะวิชาชีพครู ก็ควรแต่งกายให้เรียบร้อย มีลักษณะของความเป็นครู และดูกฏระเบียบของโรงเรียนว่าควรปฏิบัติตัวเช่นไร พร้อมกับให้ติดต่อเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับทางผู้บริหารอีกครั้ง ในวันที่ 31 พฤษภาคม 
สอด คล้องกับข้อความที่เจ้าของกระทู้ในห้องสมุด  เว็บไซต์พันทิบ  นำมาลงเพิ่มเติม  โดยอ้างได้ข้อมูลมาจากรุ่นน้องที่เป็นครูที่ร.ร.นี้  ระบุว่า นิสิตชายฝึกสอนผู้นั้น ถูกตักเตือนจากอาจารย์ท่านอื่นๆ รวมถึงฝ่ายบริหารเรื่องการแต่งกายที่มีพฤติกรรมไว้ผมยาวสลวย แต่งหน้า ทาปาก รวมถึงใส่ยกทรงมาสอนหนังสือ  แต่ก็ไม่ได้มีการปรับปรุงตัวแก้ไขตลอดมา  นอกจากนี้ ยังขาดประชุมวันปฐมนิเทศฝึกสอน วันส่งตัว และวันสัมมนาซึ่งมาช่วงเวลานิดเดียวแล้วก็หายไป   พร้อมกับชี้แจงเพิ่มเติมว่า ที่โรงเรียนนี้   อาจารย์ผู้หญิงที่ใส่กระโปรงสั้น นั่งแล้วดูไม่สุภาพ  ก็ถูกไล่ออกเหมือนกัน  ส่วนอาจารย์ผู้ชายที่ไว้หนวดไว้เครา  ก็ถูกฝ่ายบริหารตักเตือนเหมือนกัน  ใครทำอะไรไม่เหมาะสม ฝ่ายบริหารก็ตักเตือนเสมอหน้ากัน
 
 














ในช่วงดึกวันเดียวกัน   สมาชิกเว็บพันทิบที่ชื่อ "ครูวันใหม่"  ได้เข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงในกระทู้  "อยากให้เรื่องนี้ถึงผู้บริหารโรงเรียน..."    อ้างว่า ตนเป็น นิสิตคนที่ถูกส่งตัวกลับมหาวิทยาลัย    โดยยืนยัน  เรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวกับสถาบันเป็นเรื่องของทัศนคติเฉพาะบุคคล   
และ ยืนยันว่า ตลอดระยะเวลาการฝึกสอน   ตนใส่ชุดนิสิตชายไม่มีการแต่งหน้า  ทาแป้งเด็กเล็กน้อย ผมก็มัดเก็บเรียบร้อยไม่มีการปล่อยสยายใดๆ ทั้งสิ้นตามข่าว   เพราะได้ทำข้อตกลงกับอาจารย์ที่สาขาวิชา และอาจารย์หัวหน้าหมวดศิลปะที่โรงเรียนก็ได้เห็นสมควรตกลงตามที่ได้ทำข้อ ตกลงกับทางมหาวิทยาลัยไว้ข้างต้น 
 
" คดีไม่พลิกแน่นอนค่ะ   ดิชั้นไม่ได้ต้องการกลับไปสอนที่...นะคะ ดิชั้นได้ที่ฝึกสอนตามบุคลิกที่ท่านว่าไว้ในหนังสือชี้แจงแล้วค่ะ   แต่ประเด็นอยู่ที่การให้เหตุผลมาในหนังสือชี้แจงของท่าน ผอ นะคะ ที่ต้องชี้แจงต่อสังคม และประชาชนเองค่ะ    ส่วนเรื่องที่ใส่ร้ายดิชั้น เรื่องการแต่งกาย ทรงผม การแต่งหน้า ดิชั้นมีพยานบุคคลชัดเจนที่จะเป็นพยานให้ " ผู้ใช้ชื่อ ครูวันใหม่ เขียนอ้าง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้  ผู้สื่อข่าวมติชนออนไลน์  ได้พยายามติดต่อนิสิตผู้นั้น โดยการส่งข้อความเพื่อให้ช่วยอธิบายความจริงผ่านทางเฟซบุ๊กแต่ก็ยังไม่ได้ รับการตอบรับ หรือติดต่อกลับมาแต่อย่างใด กระทั่งมาเห็นว่ามีการโพสต์ข้อความชี้แจงผ่านทางกระทู้ในเว็บไซต์พันทิปดัง กล่าว 
 















จากนั้น ในช่วงเช้าวันที่ 31 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวมติชนออนไลน์ ได้โทรศัพท์สัมภาษณ์ รองผู้อำนวยการ รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว เกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นก็ได้รับการชี้แจงว่า ตนเป็นผู้ลงนามแทนผอ.โรงเรียนในการส่งตัวนิสิตฝึกปฏิบัติการสอนและประสบการณ์ผู้นี้ กลับทางมหาวิทยาลัย ด้วยเหตุผลคือ ได้ รับแจ้งมาจากกลุ่มบริหารวิชาการของทางโรงเรียน รวมถึงอาจารย์ในโรงเรียนหลายคนที่ท้วงติงว่า นิสิตฝึกสอนผู้นี้ประพฤติปฏิบัติตัวไม่เหมาะสม กับคำนำหน้า"นาย"ในโรงเรียนชาย   ตามข้อมูลเบื้องต้น ระบุ ไม่มีการมารายงานตัวในวันปฐมนิเทศฝึกสอน หรือถ้ามาในวันที่ทางโรงเรียนมีการสัมนาก็จะเป็นไปในลักษณะหลบซ่อน  ตอนแรกที่ทางโรงเรียนรับตัวมาจากทางมหาวิทยาลัยก็เป็นการรับนิสิตฝึกสอนตาม ปกติ เป็นไปตามขั้นตอน    กระทั่งเข้ามาฝึกสอนเริ่มต้นในวันเปิดภาคเรียน 23 พฤษภาคม  ก็ได้รับแจ้งว่า เขามีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ  แต่งกายไม่เหมาะสม   กลุ่มรหัสทางวิชาการจึงได้มีการประชุมและลงความเห็นให้ส่งตัวกลับ   "เพื่อไปปฏิบัติการสอนและฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูที่สถานศึกษาอื่นให้เหมาะสมกับบุคคลิกลักษณะของนิสิตฝึกสอน" ตามที่มีการระบุในหนังสือ 
รอง ผู้อำนวยการ รักษาการผอ.โรงเรียน.... กล่าวต่อว่า  ส่วนตัวตนเองยังไม่เคยเห็นว่า นิสิตชายผู้นี้ แต่งกายเป็นหญิงเพราะวันที่มารับหนังสือส่งตัวกลับ  ก็เห็นว่าแต่งกายในชุดผู้ชายเรียบร้อย แต่ยอมรับว่า  มีการไว้ผมยาวมากคล้ายผู้หญิง   ตนยังมีการตำหนิเรื่องผมด้วยซ้ำ  
 พร้อมระบุ ตอนนี้ทางโรงเรียนก็กำลังรณรงค์ อบรมนักเรียนให้มีความเป็นชายเต็มตัว โดยเน้นไปที่การทำกิจกรรมต่างๆหรือแม้แต่กระทั่งกิจกรรมกีฬาสีที่ต้องมี เชียร์ลีดเดอร์ทางโรงเรียนก็ให้นักเรียนแต่งกายในชุดที่เป็นผู้ชาย ไม่ให้แต่งกายเป็นผู้หญิงเหมือนโรงเรียนอื่นๆ  แม้จะรับรู้อยู่แล้วว่า มีนักเรียนในโรงเรียนส่วนหนึ่งมีพฤติกรรมที่ค่อนข้างตุ้งติ้ง  แต่ก็ไม่ได้ห้ามหรือเหยียดเพศอย่างใด   เพียงแต่ขอให้ปฏิบัติตัวให้เหมาะสมกับความเป็นนักเรียนชายเท่านั้น
"เรา ไม่กีดกันเรื่องเพศอยู่แล้ว แต่พฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ ในโรงเรียนชายล้วนมันค่อนข้างไม่เหมาะสม  และที่โรงเรียนของเราเน้นความเป็นสุภาพบุรุษ  แทนที่เขาจะประพฤติตนเหมาะสมตามสภาพเพศ  ตามสถานะความเป็นครูแต่ก็ได้รับแจ้งว่า มีหลายพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม  
และ การที่ส่งตัวเขากลับเราก็ไม่ได้ตัดสินใจในฉับพลัน แต่มีการประชุมกันแล้ว และลงความเห็นตรงกัน  ทางรหัสวิชาการเลยมาแจ้ง ซึ่งผมก็ดำเนินการไปตามปกติ ให้เขาไปฝึกสอนในสถานที่ที่เหมาะสมกับบุคคลิกเท่านั้นเอง"
อย่าง ไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า  ที่ผ่านมา โรงเรียนนี้มี นิสิต หรือนักศึกษาฝึกสอนที่มีลักษณะเป็นเพศที่ 3 หรือไม่  รักษาการผอ.กล่าวว่า  เท่าที่ตนอยู่ที่นี่มา 5 ปี ก็ไม่พบเห็นว่า  มีเป็นลักษณะแสดงออกขนาดนิสิตคนนี้  ส่วนอาจารย์ในโรงเรียนบางคนก็อาจมีพฤติกรรมนุ่มนิ่ม แต่ทุกคนก็ปฏิบัติตามกฏระเบียบข้อบังคับของโรงเรียน และแต่งกายเป็นชายตามเพศของตัวเอง ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร  ผ่านมาได้ด้วยดีตลอด 














