ความคิดเห็นที่ 1 มันกำหนดตายตัวลงไปไม่ได้หรอกว่าคนที่จบอักษรศาสตร์หรือภาษาศาสตร์จะต้องเขียนหรือตีความภาษากฎหมายได้ดีกว่าคนเรียนสาขาอื่นมา ยกตัวอย่างฝรั่งในอังกฤษหรืออเมริกาที่จบกฎหมายมาก็เขียนภาษาอังกฤษและภาษากฎหมายได้รัดกุมมากๆ และตีความภาษากฎหมายได้แม่นมากๆ เนื่องจากมหาลัยฝรั่งบังคับนักศึกษาวิชากฎหมายให้เรียนวิชา logic เพราะตัวตัดสินว่าใครเขียนหรือตีความภาษากฎหมายได้ดีมากๆ แท้จริงแล้วมันคือ 1. เก่งวิชา logic 2. รู้เรื่องกฎหมายลึกซึ้ง ถ้าขาดคุณสมบัติ 2 สองอย่างนี้แล้ว จบอะไรมาก็เขียนภาษากฎหมายหลุดๆหรือตีความเละเทะไปเลย ไปดูการตีความและแปลภาษากฎหมายจากไทยเป็นอังกฤษ (รายงานการสอบสวนคดีคนตาย) ที่เราจับผิดภาษาไทย แล้วแก้ให้เขาใหม่ เพราะคนเขียนระบบตรรกะชำรุด ถ้าระบบตรรกะชำรุดเรียนจบอะไรมาก็เขียนภาษาไทยหรืออังกฤษแล้วหลุดอยู่ดีนั่นแหละ การที่เราจับผิดภาษาไทยได้ และแก้ให้เขาได้นั้น เราไม่ได้เรียนอักษรศาสตร์หรือภาษาศาสตร์มา แต่เราเรียน logic กับเรียนการแปลจากประสบการณ์การทำงานจริง (ไม่เคยเรียนภาษาอังกฤษหรือการแปลในมหาลัยมาก่อน) โดยลงมือแปลบ่อยๆจากประสบการณ์จริงมาหลายปี ประสบการณ์จริงของเราในเรื่องการเรียนวิชา logic กับฝึกเขียนภาษากฎหมายบ่อยๆ ในการทำงานแปลภาษากฎหมายมาหลายปี ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า "ใช้การได้" เพราะเมื่อปีที่แล้วเรารับจ้างเขียน thesis วิชากฎหมายเป็นภาษาอังกฤษให้นักศึกษาไทยที่เรียนมหาลัยในประเทศอังกฤษระดับเลยปริญญาตรีแน่ๆ (เพราะนักศึกษาคนนั้นจบปริญญาตรีในไทย) แต่เราไม่ได้ไปถามลูกค้าว่าเรียนระดับไหน เราเขียนไปเป็นร้อยๆหน้า มีตั้งแต่นิติปรัชญา การแสดงความคิดเห็นเรื่องคดีตัวอย่างที่ตัดสินไปแล้ว เรื่องการใช้ logic ตีความภาษากฎหมายว่ากฎหมายลูกขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยเปรียบเทียบคดีความในไทยกับในต่างประเทศ และอื่นๆอีกมากมาย ฯลฯ แล้วอาจารย์ฝรั่งให้ผ่านฉลุยเลย ไปดูกระทู้เก่าอันนี้ เรื่องการใช้ logic แก้ภาษาไทย (ที่เขียนเป็นภาษากฎหมาย) ที่หลุดๆ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2010/06/K9353525/K9353525.html ไปอ่าน คคห 13 กระทู้นี้ นี่ก็เป็นการใช้ logic แก้ภาษาไทย (ที่เขียนเป็นภาษากฎหมาย) ที่หลุดๆ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/03/K7593415/K7593415.html แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 55 16:58:36 แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 55 14:53:46 แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 55 14:22:42 แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 55 14:19:11 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 14:13:36

ความคิดเห็นที่ 2 อ้อแล้วลืมบอกอีกอย่างหนึ่งนะ แฟนเรานี่หละจบอักษรศาสตร์จุฬา เธอเก่งการแปลงานวรรณกรรมหรือการแปลงานโฆษณาภาษาหรูๆมากๆ แต่เธอกลัวการแปลภาษากฎหมายเอาซะมากๆ เพราะไม่มั่นใจว่าจะแปลได้ถูกต้อง พอเธอเจอภาษากฎหมายก็โยนมาให้เราช่วยแปลบ่อยๆ คุณอย่าไปคิดว่าคนจบอักษรศาสตร์หรือภาษาศาสตร์ทุกคนจะต้องเก่งภาษากฎหมาย ยิ่งภาษากฎหมายเป็นภาษาอังกฤษแล้วโครงสร้างซับซ้อนมากๆ บางทีต่อให้รู้ศัพท์หมด อ่านหลายๆรอบก็ยังมึนหัว! สมัยเราหัดแปลหัดตีความภาษากฎหมายที่เป็นภาษาอังกฤษใหม่ๆ เราอ่านรู้เรื่องแต่แปลไม่ได้ เพราะมันกลับหัวกลับหางกับภาษาไทย กว่าจะตีความและแปลมันได้สำเร็จ ทั้งแปลไทยป็นอังกฤษ กับแปลอังกฤษเป็นไทย เราใช้เวลาเรียนโดยการลงมือแปลในการทำงานจริงๆหลายปีมากๆ จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 14:59:38

ความคิดเห็นที่ 3 พูดจริงๆถามงี้เคยอ่านกฎหมายมาจริงๆหรือเปล่า อ่านแล้วได้คิดทบทวนแบบใช้ความคิดไหม? ไม่มีข้อสงสัยเลยเหรอว่าทำไมต้องเขียนแบบนี้หรือแบบนั้น ประโยคธรรมดาไม่พอ? แล้วคนใช้ภาษามนุษย์เป็นนี่จำเป็นต้องเด็กอักษรอย่างเดียว? จากคุณ : Kein Zeit เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 16:08:11 A:115.87.97.203 X: TicketID:362508

ความคิดเห็นที่ 4 อยากให้ จขกท. ลองหากฎหมายมาอ่านดูมาก ๆ ก็น่าจะเข้าใจ ลองดู พระราชบัญญัติพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๐๔ ก็ได้ ใน พ.ร.บ. นี้ มีนิยามคำว่า “พลังงานปรมาณู” หมายความว่า พลังงานไม่ว่าในลักษณะใดซึ่งเกิดจากการปลดปล่อยออกมาในเมื่อมีการแยกรวม หรือแปลงนิวเคลียสของปรมาณู หรือพลังงานจากรังสีเอ็กซ์ ถามว่านักวิทยาศาสตร์ด้านพลังงานปรมาณู หรือนักอักษรศาสตร์ จะอธิบายความหมายได้ดีกว่ากัน แต่นี่กล่าวถึงศัพท์เทคนิคนะ เพราะว่าถ้าเป็นคำทั่ว ๆ ไป ไม่ต้องให้ใครมาร่างเป็นพิเศษหรอก เพราะหลักการร่างกฎหมายต้องทำให้คนทั่วไปอ่านเข้าใจได้ง่าย เว้นแต่กฎหมายเทคนิคอย่างที่ยกตัวอย่าง จากคุณ : พระนาย เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 16:31:59

ความคิดเห็นที่ 5 เพราะกฎหมายมีการตีความ2แบบ 1 ตีความตามตัวอักษร 2 ตีความตามเจตนารมย์ ถ้าตีความตามตัวอักษรนั้นก็พอจะให้คนเก่งภาษามาร่วมด้วยได้    แต่หากตีความตามเจตนารมย์นั้น   คนที่จะเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ก็มีแต่ผู้ที่ศึกษากฎหมาย คล้ายๆกับกรณีของกฎหมายทหาร     กฎหมายทหารบัญญัติขึ้นตามรูปแบบการปกครองของทหาร     บางสิ่งที่สำหรับพลเรือนไม่ใช่เรื่องสำคัญ    แต่ในทางทหารอาจเป็นเรื่องสำคัญชนืดคอขาดบาดตาย      ดังนั้นการที่จะให้ศาลพลเรือนมาตัดสินความผิดในกฎหมายทหารนั้น    ศาลพลเรือนซึ่งไม่ได้เป็นทหารย่อมขาดความเข้าใจในหลักการของทหาร    ไม่สามารถเข้าถึงเจตนารมย์ของกฎหมายได้เท่าทหาร      จึงไม่เหมาะด้วยประการทั้งสิ้นที่จะให้ศาลพลเรือนมาตัดสินกฎหมายของทหาร     เช่นนี้จึงมีศาลทหารขึ้นมาเพื่อตัดสินความผิดของทหารตามกฎหมายทหารโดยเฉพาะ จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 20:27:57

ความคิดเห็นที่ 6 ผมไม่ได้อ่านกฎหมายเก่งหรีอแตกฉาน  เพียงแต่ในปัจจุบัน  หลายๆครั้งที่กฎหมายไทย มีการตีความจากหลายๆฝ่ายที่ต่างกันออกไป โดยที่ คนตีความก็เป็นนักกฎหมาย เป็นคนที่ ทำงานด้านกฎหมาย  เป็นอาจารย์   ก็เลยคิดไปว่า การเขียนกฎหมายโดยนักกฎหมายนั้น มันมีปัญหาอย่างไรหรือครับ  ถึงตีความต่างออกไปได้อย่างนี้  แม้เจตนารมย์ก็เช่นกัน  ตอนร่าง บอกแบบหนึ่ง  พอตอนปฏิบัติ คนๆเดียวกันนี่แหละ กลับบอกอีกแบบหนึ่ง   ถึงได้ถามไงครับว่า การเขียนกฎหมายและการตีความกฎหมาย นี่ น่าจะให้วิชาชีพอักษรศาสตร์ เป็นผู้ทำหน้าที่ จะเหมาะกว่าไหม  ก็เท่านั้นครับ   แต่พออ่านความเห็นของคุณfortunetellerแล้ว  อาจจะต้อง เพิ่มนักตรรกะวิทยาอีกวิชาชีพ มั้งครับ ที่จะเข้ามาร่วมด้วย ขอบคุณทุกความเห็นครับ  ยินดีที่จะรับฟังความเห็นเพิ่มเติม นะครับ จากคุณ : กินลม ชมทะเล เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:38:11

ความคิดเห็นที่ 7 อ้อ  ให้กิฟท์คุณKein Zeit ไม่ได้ เพราะเป็นบัตรผ่าน  ขอบคุณในข้อความนี้แทนกิฟท์ ล่ะกันนะครับ จากคุณ : กินลม ชมทะเล เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:41:42