 |
ในที่สุด..เราก็มาถึงกองพันทหารม้า Hussars ที่ ๑๐ เพื่อการผลัดเปลี่ยนเวรให้กับหน่วย พร้อมกับนำม้ามาให้หน่วย Dragoons อีกร้อยตัว ทันที่ที่ไปถึง ก็เกิดเสียงไซเรนดังขึ้น ที่ทุกคนต้องวิ่งหลบเข้าที่กันภัย ข้าศึกได้ทำการโจมตีทางอากาศโดยการหย่อนระเบิดมาทักทายสองสามลูก(เล็กๆ) ผลคือ. ทหารตายไปหนึ่ง ม้าบาดเจ็บไปสามสี่ตัว.... นี่คือการลิ้มรสของสงครามเป็นครั้งแรก...ของ จอร์จิ ซูคอฟ
ในที่สุด..หน่วยของเขาได้พากันเดินทัพเลียบไปตามแม่น้ำดีสเตอร์ เพื่อไปสมทบกับหน่วยลาดตระเวณที่ตั้งค่ายอยู่ทางฝั่งตะวันตก. ที่นั่น เขาได้ทราบมาว่า โรเมเนียเพิ่งจะประกาศสงครามกับเยอรมัน และจะส่งทัพมาร่วมกับรัสเซีย ทางแนวหน้าฝั่งนี้..
ในเดือนกันยายน..หน่วยของเขาได้รับมอบหมายให้ขึ้นไปลาดตระเวณบนเส้นทางตามไหล่เขา ในแนวป่าที่ Bystrita ซึ่งที่นั่นเอง ที่เขาได้เกิดการปะทะกับข้าศึกขึ้นจริงๆ แต่เป็นการปะทะแบบไล่ยิงกันอย่างในหน่วยทหารพราน เพราะภูมิประเทศอันเป็นป่าบนภูเขานั้น วิชาทหารม้าต้องพับเก็บไปก่อน..
จากนั้นมา..เราได้รับรู้ข่าวว่า กองทัพโรเมเนีย อันเป็นความหวังว่าจะมาช่วยกันทำศึกนั้น หมดสภาพไปแล้วอย่างเรียบร้อยในการปะทะกับออสเตรียและเยอรมันเพียงครั้งเดียว...เพราะด้อยในเรื่องอาวุธ และ สมรรถนะในเกือบทุกด้าน..
การหน่ายในเรื่องทำศึกนั้น..ได้โหมประดังไปในทุกหย่อมหญ้า เพราะข่าวจากแนวหลังที่ส่งมาว่า เดือดร้อน อดอยาก ไม่มีจะกิน อีกทั้งทหารก็ได้ประจักษ์กับตัวเองด้วยสายตา จากประชาชนชาวบ้าน ในแถบที่ทำศึกอยู่ (คือ ยูเครน, มอลเดเวีย และ บุโควินา) ว่าพวกเขานั้นมีความเป็นอยู่อย่าง ข่นแค้นแสนสาหัส ทั้งๆที่เป็นชาวไร่ชาวนาแท้ๆแต่ไม่มีข้าวจะกิน ทหารทุกคนเริ่มมีคำถามกับตัวเองว่า....สงครามครั้งนี้..เรารบไปเพื่ออะไร หรือ เพื่อใคร?
ในเดือนตุลาคม 1916 ที่ดูเหมือนจะเป็นช่วงเวลาแห่งเคราะห์กรรมของเขาจริงๆ ในขณะที่ออกลาดตระเวณกับหน่วยอยู่นั้น..เกิดการโดนกับดักระเบิด ที่ทำให้ทหารหลายคนบาดเจ็บ ตัวเขาเองนั้น โดนแรงอัดขนาดกระเด็นตกจากหลังม้า..และหมดสติวูบแน่นิ่งไป มารู้ตัวอีกที..ก็ถูกหามส่งโรงพยาบาลสนาม ที่ใช้เวลากว่าหนึ่งวันกว่าจะเดินทางไปถึง หลังจากที่พักรักษาตัวได้ชั่วระยะหนึ่ง ทั้งๆที่ยังไม่หายดี แถมหูยังไม่สามารถทำการรับฟัง รับยินได้อย่างเต็มที่ (อาการหูดับนี้..ท่านจอมพลยังเป็นต่อเนื่องมา แม้ล่วงไปกว่ายี่สิบปี จนมาทำสงครามกับเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่สอง..ก็ัยังรบกันทั้งในสภาพดับๆอื้อๆอย่างนั้น..)
ปลายปี 1916 ข่าวการสไตร์คงาน การเดินขบวนในมอสควาได้ขึ้นอย่างอย่างถี่ยิบ จนทหารอย่างพวกเขาไม่เป็นอันทำงาน. ทุกคนถอดใจในการสู้รบ..เกิดการเบื่อหน่ายไปหมด..ตั้งแต่ระดับสูงจนไปถึงระดับหางแถว มีแต่คนอยากกลับบ้าน กลับไปทำไร่ทำนา..ไปหาความสุขสงบอยู่อย่างที่เคยเป็น มาถึงในช่วงนี้..คณะบอลเชวิคได้ทำการปราศรัย อภิปราย..ในนโยบายของการโปรประกันดา ที่ทุกคนเห็นจริงตามนั้น..เห็นจริงด้วยว่า..การรวยกระจุก จนกระจายนั้น..มันไม่มีความเป็นธรรม ซาร์ และเหล่าเสนาบดี ไม่ได้สร้างคุณประโยชน์อะไรให้กับประเทศชาติ..ซ้ำยังจะพาไปล่มจม ล้มตายกันอย่างมากมาย.. กระแสการจงชังซาร์และพระราชวงค์ได้กระจายไปทั่วในชนชั้นล่างอันเป็นชนส่วนใหญ่ของประเทศ
จอร์จิ...ตอนนี้คือ ทหารยศชั้นประทวน (ที่มีเหรียญกล้าหาญเซนต์ จอร์จติดอกมาด้วย) ยอมรับกับตัวเองว่า..เขานั้นช่างไร้เดียงสาในเรื่องการเมือง การปกครอง นัก... ทางเดียวที่จะพัฒนาตัวเองให้ทันต่อเหตุการณ์อย่างเขาบ้าง คือเริ่มสนใจฟังข่าวสารจากฝ่ายโน้นบ้าง.. จากนั้น...เขาเริ่มเห็นด้วยว่า..การที่ประชาชนในชาติจะมีสุขสงบได้นั้น..ทุกคนจะต้องมีสิทธิเท่าเทียมกัน...เขาหวังเสมอว่า...รัสเซียน่าจะมีวันนั้นมาถึงในเร็วๆนี้... ซึ่ง...ไม่นานต่อมา...มันก็ได้เกิดขึ้นจริงๆ แบบไม่นานจนเกินรอ.. มันเป็นวันที่ 27 กุมภาพันธุ์ 1917 ที่หน่วยของเขามีการเรียกเตรียมการรับมือฉุกเฉิน ทุกคนจะต้องไปตั้งแถวที่ หน้าบ้านพักของท่านผบ. Baron von der Goltz โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น..เขาจึงถามกับหัวหน้าหน่วยว่า "เราจะไปที่ไหนกันหรือขอรับ?" "นายคิดว่าที่ไหนล่ะ?" "กระผมถาม เพราะเห็นให้ติดอาวุธพร้อมน่ะขอรับ" "เออ..เผื่อไว้น่ะ..อาจจะได้ใช้" สักพัก...ท่านผบ.ได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมเหล่านายทหารติดตาม ท่านผบ. คนนี้ เป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดกับพระราชบัลลังก์ ถึงกับได้รับพระราชทานดาบทองคำ ในความรู้สึกของจอร์จิเอง..เป็นคนที่ไม่น่าไว้วางใจอย่างที่สุด นอกเหนือไปจากเป็นคนที่โหดแบบชอบใช้แต่พระเดช
ท่านบารอนได้เอ่ยคำทักทายกับเหล่าทหารที่อยู่ในท่าที่เตรียมพร้อม และเดินก้าวยาวๆไปตรวจพลที่กองทหารม้าทั้งฮัสซาส์ และ ดรากูน อยู่ในการเตรียมพร้อมเช่นกัน ไม่ทันไร...จากถนนข้างนอก..พวกเราก็ได้ยินเสียงประชาชนจำนวนมากที่กำลังร่วมกันเดินขบวนต่อต้านซาร์ ด้วยธงแดง และ แผ่นประกาศด่าทอ ขับไล่ที่เขียนด้วยตัวอักษรสีแดง และนั่นคือคำตอบ...ที่พวกเราพอเดากันได้...
ท่านบารอนได้กล่าวก้องว่า.. "บัดนี้...เราขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า..ทหารจะยืนอยู่ข้างประชาชน..สนับสนุนความต้องการของประชาชน ที่จะไม่ยอมรับซาร์และพระราชวงค์อีกต่อไป...และเราจะหยุดการเข้าร่วมในสงครามที่ไม่เข้าท่านี้อย่างไม่มีข้อแม้ใดๆ เพราะพวกเราทุกคนตองการความสงบสันติกลับคืนมา...ต่อแต่นี้..จะไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ ขอสาบส่งซาร์และสงคราม...และขอให้ความสุขสงบจงกลับมาสู่ชาติและบ้านเมือง...ฮูรา..ฮูรา...***"
(*** ฮุรา ฮูรา...หมายถึง ไชโย ไชโย.....วิวันดา)
จากคุณ |
:
WIWANDA
|
เขียนเมื่อ |
:
18 มิ.ย. 55 15:19:09
|
|
|
|
 |