PANTIP.COM : K12268978 โฆษณาที่โดนใจผมที่สุดใน 3 โลก!! []

ความคิดเห็นที่ 11

เราเคยติดบุหรี่อย่างแรง แต่เราเลิกบุหรี่ได้ด้วยวิธีการที่ตรงกันข้ามกับชาวบ้านเขา

เราเริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่อยู่ ม.5 - ม.6 (เทียบเท่า ม.3 - ม.4 สมัยนี้) สูบเพราะติดจากเพื่อน สูบๆไปติดงอมแงมโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนกินเบียร์กินเหล้า บุหรี่ออกรสชาติถึงใจมากๆ เราเรียนต่อ ม.ปลายที่โรงเรียนอำนวยศิลป์ได้แค่ 2-3 เดือนก็ลาออกแล้วไปเรียนต่างแดน แต่ในช่วง 2-3 เดือนที่อำนวยศิลป์นั่นเรายิ่งติดบุหรี่มากขึ้นเรื่อยๆเพราะการแอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำเป็นเรื่องที่เชยมากๆ คือนักเรียนที่นั่นสมัยนั้นจะสูบบุหรี่กันแบบเปิดเผยในโรงอาหารจนครูชินไม่ว่าอะไรซะแล้ว

ตอนไปอยู่ต่างแดนยิ่งเป็นอิสระมากยิ่งขึ้น เพราะอยู่ห่างไกลพ่อแม่ ไม่ต้องคอยหลบๆซ่อนๆ สูบอย่างหนักจนถึงวันละ 1 ซองครึ่งถึง 2 ซองต่อวัน ซึ่งตอนนั้นเราอายุแค่ประมาณ 16 เอง พออายุย่างเข้า 19 บุหรี่ออกฤทธิ์อย่างแรงกับเรา คือเราเดินๆไปแล้วโดนฝรั่ง 2 คนเยแล้วรุมทำร้ายเราแบบ 2 รุม 1 เราป้องกันตัวรอดมาได้ไม่เจ็บนักแค่ถลอก แต่โห ความรู้สึกมัน "เหนื่อยๆเหมือนจะสิ้นใจตาย"...คือมันเหมือนกับไม่มีลมหายใจอยู่ในปอดหรือในท้องเลยหละ ได้กลิ่นแต่บุหรี่ แล้วมีความรู้สึกว่าอะไรมันอุดแน่นอยู่ในส่วนที่เป็นรูๆเหมือนฟองน้ำในปอดเรา!

เราเลยไปสมัครเรียนมวยจีนแห่งหนึ่ง แล้วเรียนมวยไทยอีกแห่งหนึ่ง เรียนๆไปแล้วมันไม่มีแรงฝึกซ้อมน่ะ ก็เลยพยายามขจัดความขี้ยาของเราโดยการงดบุหรี่ แต่สิ่งที่ทำให้เราอดบุหรี่ไม่สำเร็จนั่นก็คือ "การเข้าสังคม เช่นไปงานเลี้ยงสังสรรค์ที่ต้องมีการดื่มเหล้าหรือเบียร์เป็นต้น" คือเห็นคนอื่นสูบมันทำให้ "ตะบะแตก" ตะบะแตกอย่างแรงที่สุดก็คือมีอยู่ครั้งหนึ่งอดบุหรี่มาได้ปีกว่าๆ พอไปเที่ยวที่เยอรมันเจอพวกเพื่อนๆสูบแล้วพ่นควันใส่หน้าเราเลยต้องมาสูบใหม่อีก

เราพยายามอดๆแล้วทำไม่สำเร็จต้องกลับไปสูบใหม่ซ้ำๆกันแบบนี้เกิน 10 ครั้งในชีวิต แล้วทำไงเราถึงงดได้ในที่สุด

จริงๆแล้วอย่าพูดว่างดได้สำเร็จเลย เอาเป็นว่า "เราหมดความอยากบุหรี่ไปเองด้วยเหตุผลที่ประหลาดที่สุด"

นั่นก็คือ "เราค้นพบวิธีการที่จะสูบบุหรี่ได้โดยไม่ทำให้มีสารพิษตกค้างอุดตันอยู่ในปอดเรา"

^
ด้วยเหตุนี้เราจึง "ไม่กล้วบุหรี่"

มันเป็นหลักจิตวิทยา คือ "คุณยิ่งกล้วบุหรี่ทำลายสุขภาพคุณยิ่งอยากสูบมัน แต่ถ้าคุณรู้วิธีผลักดันสารพิษจากบุหรี่ให้หลุดจากปอดไปได้ จนทำให้หายใจได้โล่ง คุณจะเลิกกลัวบุหรี่"

และการเลิกกลัวบุหรี่จะทำให้คุณ

"จะสูบก็ได้ ไม่สูบก็ได้ จนนานๆเข้าไม่อยากสูบไปเอง"

เคล็ดลับในการป้องกันไม่ให้บุหรี่ทำร้ายคุณ นั่นก็คือ

ความเข้าใจในเรื่องคำสอนของการแพทย์จีนแผนโบราณที่บอกว่า

"ปอดกับลำไส้ใหญ่ ทำงานประสานงานกัน"

ถ้าคุณกินอาหารที่มีใยมากๆเช่นข้าวกล้องหรือพวก whole grains อื่นๆ ผักที่มีใย และออกกำลังกายทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าฝึกโยคะหรือฝึกวรยุทธ์ คุณจะเพิ่มพลังให้ลำใส้ใหญ่จนมันทำกระบวนการที่เรียกว่า peristalsis ได้ดีเยี่ยม

peristalsis เป็นการบีบรัดกล้ามเนื้อในลำไส้ใหญ่เพื่อผลักดันของเสียออกไป เมื่อผลักดันออกไปจนลำไส้ใหญ่สะอาดไม่มีของเสียตกค้างสะสมเป็นจำนวนมาก ปอดคุณก็หายใจได้โล่งและมีพลังมากพอที่จะผลักดันสารพิษจากบุหรี่ออกไปได้

^
นอกจากอาหารพวก whole grains กับผักที่มีใยแล้ว miso (เต้าเจี้ยวบด) ของญี่ปุ่น ยังช่วยเพิ่มพลังลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย

พวกญุี่ปุ่นโบราณเคยเอากล้องยาสูบเก่าๆออกมา แล้วล้างด้วย miso soup ร้อนๆ ปรากฎว่ามันล้างคราบบุหรี่ออกไปได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ชาวญี่ปุ่นจึงเชื่อว่าการกิน miso soup ช่วยล้างคราบบุหรี่ออกจากปอดได้อีกด้วย ซึ่งฟังๆดูแล้วมันไม่น่าเชื่อ แต่เราเคยกิน miso soup ร้อนๆทุกวันแล้วขนาดสูบบุหรี่หนักๆปอดเรายังหายใจโล่งได้มากขึ้นเรื่อยๆ

^
ทุกอย่างมันต้องประกอบกัน

นั่นก็คือ

1. ออกกำลังทุกวัน
2. กินอาหารที่มีใย
3. กิน miso soup ร้อนๆทุกวัน

นานวันเข้าเมื่อฝึกแบบนี้ (ไม่ได้กินข้าวขาว กินแต่ข้าวกล้องมาหลายสิบปีแล้ว) เราเริ่มมั่นใจว่าเราอยู่ยงคงกระพันพอที่บุหรี่จะทำอันตรายเราไม่ได้
^
เมื่อรู้เช่นนี้ แล้วพิสูจน์เห็นจริง เราก็เลยไม่กลัวบุหรี่ ความไม่กลัวบุหรี่ทำให้รสชาติบุหรี่โอชาน้อยลงจนในที่สุดเราอยากสูบบุหรี่น้อยลง จนเราเลิกสูบบุหรี่ไปเองโดยไม่ต้องพยายามอดบุหรี่แต่อย่างใด

สรุป
เราและคนอื่นๆอีกหลายคนติดบุหรื่ก็เพราะว่า

1. มันต้องแอบๆทำ (ผู้ใหญ่คอยห้าม) การแอบทำแอบกิน (ในที่นี้คือการแอบสูบบุหรี่) มันทำให้มีรสโอชา มันเหมือนๆกับการกินมะม่วงที่ขโมยสอยเขามาได้มันอร่อยมากๆ หรือการแอบมี sex กับคนที่ผู้ใหญ่ห้ามคบด้วยมันก็มีรสชาติมากๆ นั่นแหละ

2. ความกลัวว่าบุหรี่จะทำอันตรายต่อสุขภาพทำให้อยากสูบบุหรี่มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะจิตมันได้แต่บอกว่า "ต้องเลิก ต้องเลิกนะ" แต่มันกลายเป็นยิ่งทำให้อยาก

ตอนนี้นะสถิติการสูบบุหรี่ของเรา ก็คือ ทุกๆ 4-5 ปี นึกสนุกซื้อมาสูบเล่นๆซักซอง ถ้าไปงานเลี้ยงสังสรรค์ที่มีคนสูบบุหรี่กันนะ สูบแค่ 2-3 มวน ที่เหลือก็ให้คนอื่นหรือโยนทิ้งไป แล้วก็ไม่ค่อยอยากสูบอีก คือนานๆสูบบุหรี่ทีก็รู้สึกเพลิดเพลินดีนะ แต่เราไม่ติดมัน ไม่สูบก็ไม่ลงแดง แต่ทำไปทำมามันกลายเป็นไม่อยากสูบบุหรี่ไปเองเอาเฉยๆเลย จนในที่สุดเรากลายเป็นไม่สูบบุหรี่มาตั้งหลายสิบปีแล้ว

ที่เราไม่ติดบุหรี่นั่นก็เพราะว่า "เราไม่กลัวพิษของบุหรี่" ที่เราไม่กลัวพิษของบุหรี่ นั่นก็เพราะว่า "เรารู้วิธีป้องกันตัวไม่ให้บุหรี่ทำร้ายเรา"
แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 55 23:23:37
แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 55 23:22:05

จากคุณ : fortuneteller

เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 22:39:11