ความคิดเห็นที่ 1 จำ Chinese radicals 214 ตัว (ซึ่งเป็นตัวหนังสือจีนในระดับพื้นฐาน) ก็เขียนตัวหนังสือจีนยากๆได้ครบทุกตัว  โดยการเอา Chinese radicals 214 ตัว ไปเล่นแร่แปรธาตุผสมผสานกัน ใครไปจำตัวหนังสือจีนหมดไม่มีทางทำได้หรอก เท่าที่รู้ตอนนี้ภาษาจีนน่าจะมีคำศัพท์ทั้งหมดอยู่ประมาณ 800,000 คำ! จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 14:09:31

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณนะคะ คุณลุง fortuneteller แต่เราหมายถึงเวลาเด็กๆเขาเรียนกันน่ะค่ะ ครูเขาจะสอนกันอย่างไร และมีวิธีไหนที่จะทำให้เด็กจำได้ หรือมีวิธีไหนที่จะจำได้โดยที่ไม่ใช้วิธีท่องจำแบบ นกแก้ว นกขุนทอง น่ะค่ะ จากคุณ : วันพระไม่ได้มีหนเดียว เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 14:44:51

ความคิดเห็นที่ 3 สมัยนี้พจนานุกรมจีนแบบเป็น software หาศัพท์ง่าย บางทีไม่ต้องคัดลายมือตัวหนังสือจีนให้แม่น แต่จำๆแบบผ่านๆตาก็พอเรียนจีนได้ เพราะแค่จับตัวหนังสือวางใน software หรือวางใน online dictionary ก็ค้นศัพท์เจอแล้ว ถ้าเรียนจีนโดยอ่านแต่ ebooks ที่ตัวหนังสือเป็น texts จะง่าย แต่ถ้าเรียนจีนจากหนังสือกระดาษก็ยาก แต่สมัยก่อนไม่มี dictionary ที่เป็น software การเปิดพจนานุกรมกระดาษนี่และ เป็นตัวช่วยให้จำอักษรจีน จำได้เพราะวิธีการเปิดพจนานนุกรมนั่นแหละ ซึ่งประกอบไปด้วยกระบวนการต่างๆดังนี้ (เท่าที่จำครูสอนมาได้อะนะ) 1. ไล่หาศัพท์จากรายการ Chinese radicals 214 ตัว 2. ไล่หาศัพท์จากรายการตัวออกเสียงของคำศัพท์ที่เขียนเป็น pinyin หรือ zhuyin 3. กำหนดเงื่อนไขไปว่าคำศัพท์ที่กำลังหามีกี่ขึด 4. ใช้วิธีการ 3 อย่างข้างบนผสมผสานกัน ^ กลไกการหาศัพท์แบบนี้ถ้าหมั่นเปิดพจนานุกรมบ่อยๆมันต้องใช้ตรรกะคล้ายๆกับทำโจทย์ calculus ในวิชาคณิตศาสตร์มากๆเลยหละ (จีนถึงมีนักคณิตศาสตร์ชั้นนำของโลกตั้งมากมาย) ซึ่งจะทำให้จำอักษรจีนได้แม่นมากๆ ซึ่งมันจำเป็นต้องเรียนแบบนี้ในยุคก่อนๆ แต่สมัยนี้ใช้ software ช่วย แค่จำอักษรจีนได้คลับคล้ายคลับคลาก็ไปรอด เพราะพิมพ์ pinyin มั่วๆไป software มันช่วยเขียนคำศัพท์ที่จำไม่แม่นให้พิมพ์ออกมาได้ เด็กสมัยใหม่ก็เลยออกแรงเรียนจีนน้อยหน่อย ก็พอไปรอด จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 15:36:09

ความคิดเห็นที่ 4 ยิ่งใช้ google ยิ่งง่ายใหญ่เลย ยกต้วอย่างเช่นเวลาเราทำงานแปล บางที่เราสะกดภาษาไทยไม่ถูก หรือสะกดภาษาอังกฤษไม่ถูก แทนที่จะไปไล่หาใน dictionaries ให้เหนื่อย เราแค่พิมพ์คำศัพท์มั่วๆเข้าไปใน google เดี๋ยว google มันก็เสนอตัวสะกดมาให้เรา จนเราสะกดถูกจนได้นั่นแหละ ซึ่งเราคาดว่าคนที่เรียนจีนแล้วจำอักษรจีนไม่แม่นก็น่าจะใช้ google ช่วยได้เช่นกัน ยิ่งเวลาออกนอกบ้านในยุคไฮเทค เราต่อเน็ตได้ด้วยอุปกรณ์น้ำหนักเบาๆแบบพกพาได้ทุกหนแห่ง การเรียก google ให้มาช่วยไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนก็ตามมันก็ยิ่งทำได้ง่ายใหญ่เลย ดังนั้นตอนนี้ใครเรียนภาษาอะไรแล้วจำไม่แม่นใช้ google ช่วยได้สบายๆเลยหละ แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 55 15:43:51 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 15:40:41

ความคิดเห็นที่ 5 เราถาม老师คนจีนมา เค้าบอกว่าก็จำตรงๆนี่แหละค่ะ ไม่มีเทคนิคอะไร เพราะเค้าต้องเจอทุกวัน ใช้ทุกวัน ต่อให้จำยากแค่ไหน เขียนยากแค่ไหน ใช้บ่อยๆ ใช้ทุกวัน ก็จำได้เอง จากคุณ : โซดาซู่ซ่า เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 18:11:36

ความคิดเห็นที่ 6 จริงๆมันจะมีสอนขีดของภาษาจีนอยู่ค่ะ เห็นภาษาจีนดูเหมือนจำยาก จริงๆลักษณะขีดมีอยู่ไม่กี่สิบตัว บางคนเช่นเราไม่เรียนรู้ลักษณะขีดที่ว่าอย่างจริงๆจังๆ นั่งเปิดพจนานุกรมเล่ม สัก2-3เดือนทุกวันก็จำได้แล้วค่ะ ไม่จำเป็นต้องเรียนให้เหมื่อยตุ้มแต่อย่างใด วิธีคุณหมอดูก็ใช้ได้ดี เราก็ใช้บ่อยค่ะเวลาเขียนบทความ อิอิ คุณจะจินตนาการเกี่ยวกับอักษรจีนก็ได้ คือแยกส่วนประกอบมันออกมา เห็นปุ๊บก็เดาเลยว่าควรออกเสียงแบบไหน ฝึกเอาไว้ จะช่วยจำได้ดีขึ้น เห็นอักษรที่อยู่ส่วนหน้า ก็พอเดาได้ว่าความหมายน่าจะออกมาแนวไหน เดาจากรูปประโยคอีกทีนึงก็ได้ บางคำไม่จำเป็นต้องท่องด้วยซ้ำค่ะ การค้นหาในกูเกิ้ลอาจจะเจอหลุมพรางนิดหน่อย เพราะคนจีนชอบใช้ภาษาวิบัติเหมือนกันค่ะ เช่น 有木有 จริงๆแล้วควรเขียนเป็น 有没有 ถ้าจะอ่านอะไรที่เป็นภาษาวิบัติ หรืออยากแยกภาษาวิบัติออกจากภาษาธรรมดาได้ ควรเรียนภาษาธรรมดาก่อน จากนั้นใช้วิชาเดาค่ะ แต่จขกท.ไม่ต้องกังวลนะคะ ส่วนมากเขียนไม่ออก แต่อ่านออกค่ะ พิมพ์พินอินไปสัก2ตัวอักษร (คำในภาษาจีนส่วนมากจะมี2ตัวอักษร ส่วนสำนวนส่วนมากจะเป็น4ตัวอักษรค่ะ) จากนั้นคอมหรือมือถือจะช่วยเราเอง โดยเอาคำที่มันคิดว่าเราจะพิมพ์มาให้เลือก  ถึงบางครั้งคอมหรือมือถือเดาไม่ออกก็ไม่มีปัญหาค่ะ  คนจีนหรือคนต่างชาติที่เรียนจีนส่วนมากไม่มีปัญหาในการอ่าน แต่มักจะมีปัญหาในการเขียน จากการเรียน2ภาษาไทยจีน เราว่าภาษาไทยยากกว่านะ(มองในมุมคนต่างชาติ) ถ้าเราเรียนไทยได้ ทำไมจะเรียนจีนไม่ได้ ไม่ต้องกลัวค่ะ จากคุณ : นางสาวคานทอง เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 18:16:53

ความคิดเห็นที่ 7 กด พินอิน ใน คอม  ผิด ๆ ถูก ๆ เดี๋ยวก็มี ตัว ขึ้นมาให้เลือกเอง เด็กจีน สมัยนี้ จึงเหมือนเด็กไทย ที่เขียนหนังสือไม่เป็นตัว อ่านได้แต่ ตัว ที่เป็น font อ่านลายมือ ไม่ออก   อ่าน ตัวหวัด ไม่ได้ จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 18:49:51

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ ^ ^ เห็นด้วยกับนายช่างปลูกเรือนค่ะ เด็กเดี๋ยวนี้เขียนหนังสือบนคีย์บอร์ด เลยเขียนบนกระดาษไม่ค่อยเป็นแล้วค่ะ แต่อ่านเก่ง พิมพ์เก่ง จริงๆค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ จากคุณ : วันพระไม่ได้มีหนเดียว เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 21:02:30

ความคิดเห็นที่ 9 คคห.ส่วนตัว เราว่าก็น่าจะเหมือนภาษาไทยแหละนะ คือเด็ก ๆ เราก็ต้องมาจำเองอ่ะนะว่าคำไหนสะกดอย่างไร มีการันต์หรือเปล่า เป็นคำควบแท้ไม่แท้ ฯลฯ ก็น่าจะเหมือนกับเด็กจีนท่องภาษาจีน คำไหนเขียนยังไง ไรเงี้ยะ จากคุณ : :D keigo :D เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 21:37:37

ความคิดเห็นที่ 10 ตอบแบบกำปั้นทุบดิน คือ ใช้เวลาในการจำ เด็กจีนต้องเรียนหนังสือ ต้องอ่าน ต้องเขียน ด้วยภาษาจีนมาทั้งชีวิต ก็ต้องจำได้อยู่แล้วครับ ตอนผมเรียนจีนปีแรก ๆ จำคำศัพท์ได้น้อยมาก แต่เรียนไปเรื่อย ๆ คำศัพท์ที่สะสมไว้ก็มากขึ้นเรื่อย ๆ ท่องบ้าง เขียนบ้าง อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง ได้หมดครับ จากคุณ : chawawa เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 11:38:10

ความคิดเห็นที่ 11 Smart quote / 格言...... Practice makes perfect : [精神愈用愈出/ การฝึกฝนทำให้สมบูรณ์] * 说口里顺,常做手不笨 * [พูดบ่อยคล่องปาก ทำบ่อยคล่องมือ] * 手越用越巧, 脑子越用越灵。熟能生巧, 勤能补拙。 * 久练为熟, 熟能生巧; 勤能生巧, 巧能生精。[ฝึกฝนจนเจนจัด ทำให้สมบูรณ์แบบในที่สุด] * 聪明靠努力学习，知识靠平时积累； 刀儿越使越亮，知识越积越多。 (ความฉลาดเฉลียวต้องขยันฝึกปรือ ความรู้ต้องอาศัยการสั่งสมอย่างสม่ำเสมอ; มีดนั้นยิ่งลับยิ่งคม ความรู้ยิ่งสะสมยิ่งเพิ่มพูน) • Knowledge advances by steps not by leaps!/ ความรู้นั้นก้าวหน้าไปทีละขั้น ไม่ใช่อย่างกระโดด!) * 一天生, 两天熟 [刚开始不熟悉。时间长了就熟悉了。[ช่วงเริ่มต้นอาจจะไม่ช่ำชอง เวลานานเข้าก็จะชำนาญไปเอง] * 工多出巧艺 [下苦功多学多练，技艺才能精巧。[ ลงทุนลงแรงฝึกฝน ฝีมือ/ความถนัดจึงจะชำนาญช่ำชอง] จากคุณ : ร่วมด้วยช่วยกัน เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 19:22:40 A:115.87.221.225 X: TicketID:255444

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่ต้องจำอะไรมากมาย โปรแกรมนี้ Scan ได้แค่ยกมือถือขึ้นมาถ่าย http://www.pleco.com/ จากคุณ : สาหร่ายเกลียวทอง เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 21:13:16

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณ คุณร่วมด้วยช่วยกัน.. นะคะ จะจำไว้เป็นข้อเตือนใจ ค่ะ ^ ^ จากคุณ : วันพระไม่ได้มีหนเดียว เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 22:48:45

ความคิดเห็นที่ 14 ขอแก้ไข เพราะพิมพ์ตกไปหนึ่งคำ....“常” ใน คห.11 * 常说口里顺,常做手不笨 * [พูดบ่อยคล่องปาก ทำบ่อยคล่องมือ] ขอเพิ่มเติมอีกนิดเพื่อสร้างขวัญและเพิ่มพลังใจแก่ "ผู้ท้อ" ทั้งหลาย ดังนี้: • 学习根苦果 / Learning is a bitter root, but it bears sweet fruit. [การเรียนรู้คือรากที่ขมขื่น แต่ให้ผลที่หอมหวาน] * 要得会, 天天累。อยากได้มาซึ่ง "เราทำได้" ต้องยอมเหนื่อยฝึกปรือทุก ๆ วัน * 物体会热胀冷缩, 求知不能时紧时松。สสารนั้นขยายตัวเมื่อร้อน-หดตัวเมื่อเย็น แต่การศึกษาหาความรู้นั้นต้องสม่ำเสมอ ไม่อาจเดี๋ยวตรึงเดี๋ยวหย่อน * What is important to a student's achievement is that he can make gradual progress unceasingly and orderly. (ความสำเร็จของการศึกษาคือ ความสามารถที่จะสร้างความก้าวหน้าขึ้นได้อย่างสม่ำเสมอไม่หยุดยั้ง และอย่างเป็นระเบียบด้วย) * 我这个人走得很慢，但是我从不后退。/ "ถึงผมจะเป็นคนเดินช้า แต่ว่าผมไม่เคยเดินถอยหลัง / I am a slow walker, but I never walk backwards” …..คำคมของ "Abraham Lincoln" ปิดท้ายด้วยคำสอนจาก "孔子”............ * 学而不思则罔 / Learning without thought is labor lost; (การศึกษาโดยไม่คิด จะเลอะหลง) ； 思而不学则殆 / thought without learning is perilous. (คิดโดยไม่ศึกษา จะอันตราย) จากคุณ : ร่วมด้วยช่วยกัน เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 10:15:34 A:58.8.130.107 X: TicketID:255444

ความคิดเห็นที่ 15 พิมพ์ตกคำวำ "甜" ใน คห.14 ต้องขอโทษท่านผู้อ่านด้วย • 学习根苦果 "甜" / Learning is a bitter root, but it bears sweet fruit. [การเรียนรู้คือรากที่ขมขื่น แต่ให้ผลที่หอมหวาน] จากคุณ : ร่วมด้วยช่วยกัน เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 10:37:07 A:58.8.130.107 X: TicketID:255444

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่ใช่เจ้าของภาษาค่ะ แต่ตอนเด็กที่เริ่มเรียนไปเรียนร่วมกับเจ้าของภาษา ครูก็เลยสอนเหมือนกับเราเป็นเด็กจีน(ไต้หวัน)ไปด้วย เวลามีศัพท์คำใหม่ครูก็จะเขียนขึ้นกระดาน แล้วเขียนปู้โส่ว(หมวดของอักษร)กำกับไว้ เช่น 打 (手) / 吃 (口) เพื่อให้เราสังเกตว่าตัวอักษรตัวไหนแสดงความหมายหมวดหมู่อะไร เสร็จแล้วก็สั่งให้ทุกคนชูมือขวาขึ้น เอานิ้วชี้จิ้มไปในอากาศเขียนตามครู พร้อมกับนับ 1 2 3 4 ตามแต่ว่าอักษรตัวนั้นจะมีกี่ขีด เพื่อให้จำลำดับเส้น จำนวนเส้น และเกิดภาพในสมองคร่าวๆ ว่ามันเขียนยังไง วาดอากาศตามซักสามสี่รอบก็เริ่มมีเค้าๆ ว่าจะจำได้ แล้วครูก็จะสั่งการบ้านกลับไปคัดมาตัวละหกรอบ รุ่งขึ้นก็จับสอบเลย แล้วส่วนใหญ่ถ้าทำการบ้านมาก็จะเขียนได้ประมาณ 70% แต่ถ้าไม่ทำการบ้านมาก็จะเหลือเขียนได้แค่ตัวสองตัว (เคสนี้คือที่บ้านไม่พูดจีน และไม่มีคนเรียนจีนเลยนะคะ คัดเอง อ่านเอง แต่ถ้าเป็นเด็กเจ้าของภาษา ทำไม่ทำการบ้านส่วนใหญ่ก็สอบได้เกินครึ่งตลอด คิดว่าการที่พูดได้ รู้ว่าออกเสียงยังไง และรู้ความหมายของศัพท์ด้วยจะมีส่วนช่วยอีกมาก) ตอนหลังๆ (โตแล้ว) เริ่มหงุดหงิดคะแนนสอบตัวเอง เลยหาวิธีฝึกด้วยการ ดูหนังจีนที่พูดจีน และมีซับจีน เพราะการฟังเสียงพร้อมกับดูตัวหนังสือตาม จะช่วยให้สมองเชื่อมโยงสองอย่างนี้เข้าด้วยกันโดยอัตโนมัติ อีกวิธีคือฟังเพลงแล้วอ่านเนื้อตาม แต่การดูหนังจะได้เรื่องการเรียงประโยค การเลือกใช้คำศัพท์ และการตอบโต้ตามสถานการณ์ที่เป็นธรรมชาติมากขึ้นมาด้วย ตอนหลังอัพเลเวลด้วยการทดสอบตัวเอง เปิดเพลงจีนที่ยังจำเนื้อร้องไม่ได้ หรือเพลงใหม่ที่ยังไม่เคยฟัง นั่งฟังแล้วลองเขียนตาม ไม่ต้องแกะตามเป๊ะทุกตัวอักษร แต่เขียนสิ่งที่ได้ยินให้ได้มากที่สุด แล้วค่อยหาเนื้อเพลงมาเทียบ ดูว่าจะได้กี่คำ ช่วงแรกๆ เขียนได้แค่ 我~ 愛~ 你~ เพลงตั้งยาวเขียนได้สามคำ... = = แต่หลังๆ ก็ดีขึ้น เขียนได้เป็นประโยคเว้นประโยค เพราะตอนเขียนประโยคก่อนหน้าไม่ได้ฟัง เลยมีข้ามบ้าง เขียนอะไรมาซะยืดยาว... สรุปคือหาวิธีอยู่กับมันเยอะๆ ใช้เยอะๆ แล้วจะซึมซับได้เอง จะเจ้าของภาษา หรือผู้มายืมใช้ภาษาก็ล้วนต่างเดินอยู่บนเส้นทางเดียวกัน (เฉพาะเรื่องเขียนนะจ๊ะ) จากคุณ : ลูกแมวพเนจร เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 03:11:55

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณค่ะคุณลูกแมวพเนจร ตอนนี้อยู่ไทยหรือเปล่าคะ.. ถ้าอยู่ไทย แสดงว่ายังไม่ได้นอนรึเปล่าคะ ^^ ................................ ขอบคุณคุณ ร่วมด้วยช่วยกัน อีกรอบนะคะ ^^ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ค. 55 10:59:19 จากคุณ : วันพระไม่ได้มีหนเดียว เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 10:58:26