ความคิดเห็นที่ 1 ก็ต้องท่องด้วย บางอย่างไม่รู้ศัพท์ ก็แปลไปคนละอย่าง ทั้ง ๆ ที่เข้าใจว่าถูก this is a... ไม่ท่องจะรู้ไหมว่า มันแปลว่าอะไร จากคุณ : อืมม์ เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 18:49:30 A:58.11.129.147 X: TicketID:344469

ความคิดเห็นที่ 2 กระทู้นี้ยืนยันอีกครั้งนึงว่าครูสอนภาษาอังกฤษหลายๆคนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ จากคุณ : Potter (lze0001) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 19:37:45

ความคิดเห็นที่ 3 รู้แต่ เคยเรียนกับ อาจารย์ท่านหนึ่ง ทานอายุมาก เกือบ 70 แล้วแต่ก็ยังสอนได้ ตอนที่เรียนนะ ท่านบอกว่า ย่าให้ท่านท่องศัพท์ที่เป็นดิกชินนารีตั้งแต่เด็กจน ถึง ม.6 ท่านสอบเข้าอักษรได้ แล้วก็ไปเรียนโทที่อังกฤษได้ ก็เพราะส่วนหนึ่งมาจาก ท่องศัพท์ตั้งแต่เด็กเลย เด็กบางคนอ่านจะไม่ชอบอ่านเหมือน จขกท แต่ท่องมันจะช่วยเด็กอ่อน ไปด้วย เป็นครูก็ต้องมีจิตวิทยา ต้องรู้ว่าเด็กอ่อนเด็กอ่อนเก่งต้องทำอย่างไง เด็กเรียนแค่ ประถมมัธยม ไม่ได้เรียน ป.ตรี ป.โท อยากที่จะอ่านแล้วเข้าใจความหมายเลย จากคุณ : mak2010 เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 20:19:51

ความคิดเห็นที่ 4 แต่ก็มีบางคนในนี้น่ะ เค้าบอกประมาณว่า เกิดมาแล้วอ่านเป็นเลย ไม่เคยท่องศัพท์ พระเจ้าจีเนียสมาก จากคุณ : ปีเตอร์นอร์ธ เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 21:41:45

ความคิดเห็นที่ 5 ^ ^ ^ คุณเข้าใจอะไรผิดๆอย่างแรงมากๆ คำว่า "ไม่ท่องศัพท์" เขาหมายถึงไม่ท่องศัพท์+คำแปลเป็นคำๆโดดๆ การสอนให้เด็กท่องศัพท์เป็นคำๆโดดๆเป็นวิธีการสอนสมัยโบราณ ที่ต้องทำเพราะสมัยนั้นครูไทยหลายๆคนอ่านอังกฤษได้แต่พูดอังกฤษเป็นประโยคที่เป็นธรรมชาติไม่ได้ การท่องศัพท์เป็นคำๆโดดๆสร้างปัญหาอย่างแรงในการพูดหรือเขียนภาษาอังกฤษให้ถูกธรรมชาติ ต่อให้เรียน grammar มาสักเท่าใหร่ก็ยังพูดหรือเขียนผิดๆ เนื่องจากมี grammar อยู่ชนิดหนึ่งที่สอนกันเป็นกฎเกณฑ์ไม่ได้ นั่นก็คือ "สัมผัสพิเศษในเรื่อง collocations" ^ นั่นก็คือการไม่รู้ว่า คำศัพท์ตัวไหนแแปลเป็นกลุ่มคำ มันทำให้อ่านแล้วตีความผิดหมด แล้วเวลาพูดหรือเขียนต่อให้เรียน grammar มาอย่างหนักก็พูดกับเขียนผิดหมด  คนไทยที่เรียนแบบโบราณๆแบบนี้กว่าจะปรับสมองให้พูดหรือเขียนอังกฤษแบบเป็นธรรมชาติได้ ต้องใช้เวลานานมาก ซึ่งคนบางคนทำไม่สำเร็จเลยในชีวิต อย่างเช่นอาจารย์มหาลัยคนหนึ่งจบปริญญาเอกมาจากเมืองนอก อ่านภาษาอังกฤษยากๆรู้เรื่อง เขียนตำราเรื่องพุทธปรัชญายากๆเป็นภาษาไทย แล้วให้ technical terms เป็นภาษาอังกฤษยากๆเต็มตำราที่ท่านเขียนเป็นภาษาไทยไปหมด ทางมหาลัยต้องการแปลตำราท่านเป็นอังกฤษ ก็เลยจะจ้างอาจารย์ฝรั่งที่อ่านไทยได้แตกฉานให้แปล แต่อาจารย์คนไทยไม่ยอม ท่านจะแปลเอง พอแปลออกมา มหาลัยก็ส่งคำแปลภาษาอังกฤษให้อาจารย์ฝรั่ง edit (ตรวจแก้) อาจารย์ฝรั่งเอาไปอ่านอยู่ 2-3 วันแล้วส่งกลับคืนมา แล้วบอกว่า "ผมฝันร้ายครับ! คือพออ่านคำแปลภาษาอังกฤษแล้วผมนอนแล้วหลับไม่ลงเพราะเห็น syntactic errors in the writing of second language learners (ภาษาอังกฤษผิดธรรมชาติแบบไทยๆ) มันลอยมาหลอกมาหลอนจนเต็มสมองไปหมดจนถึงขั้นบ้าได้!" ไปดูตัวอย่างคำว่า raise ดูว่า ต้องจำศัพท์เป็น phrases เป็น sentences ไม่ใช่จำเป็นคำๆโดดๆ ในกระทู้นี้ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2011/01/K10107155/K10107155.html หลังจากถูกสอนแบบผิดๆคือสอนให้จำศัพท์เป็นคำๆตอนเด็กๆ โดยครูไทยที่พูดอังกฤษไม่ได้ เราต้องไปปรับสมองอีกหลายปี และพบปัญหาของการท่องศัพท์เป็นคำๆโดดๆ ดังนั้นเราจึงเปลี่ยนวิธีการสอนภาษาอังกฤษใหม่หมด นั่นก็คือเวลาสอนนักเรียนระดับพื้นฐานมากๆ เรากลายเป็นชอบ เพราะ 1. เขาไม่เคยถูกสอนมาผิดๆ เราก็เลยไม่ต้องแก้ไขนิสัยการเรียนรู้ผิดๆ 2. เขาอ่อนเพราะเคยถูกสอนมาผิดๆ แต่ลืมหมดแล้ว นี่ก็ยิ่งดีใหญ่ เราจะได้สอนให้ถุูกต้องไปเลย นั่นก็คือเวลาสอนนักเรียนระดับพื้นฐานมากๆ เราเอาเสียงฝรั่งให้ฟังก่อน แล้วให้นักเรียนพูดตาม แล้วให้นักเรียนเอาประโยคตัวอย่างที่เพิ่งฟังฝรั่งพูด มาพูดใหม่พลิกแพลง (เปลี่ยน subject, verb, object และ modifier) กลับไปกลับมาให้ถูก grammar และพอเราอธิบาย grammar กับอธิบายศัพท์ การสอนศัพท์แต่ละคำจะให้ตัวอย่างประโยคควบไปโดยตลอด ไม่มีการสอนศัพท์เป็นคำๆโดดๆอย่างเด็ดขาด ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ 1. การท่องศัพท์เป็นคำๆโดดๆ จำยากมากๆ เพราะไม่มี association คือจะจำได้มันต้องสร้างความสัมพันธ์ นั่นก็คือถ้าเรามี self-explanatory sentences ให้จำ นักเรียนจะจำศัพท์ได้รวดเร็วกว่าตั้งหลายเท่าเนื่องจากประโยคที่สอนให้จำหรือจดไป (จดแต่ประโยคตัวอย่าง แต่ไม่จดคำแปลเลย) พออ่านอีกสมองมันจะทำงาน actively มันจะคิดหาความสัมพันธ์และหาเหตุผลมาจำศัพท์ได้ แต่ถ้าท่องเป็นคำๆโดดๆ มันง่วงหลับเพราะสมองตายด้าน 2. การท่องศัพท์เป็นคำๆโดดๆ เรียนไปเรื่อยๆ พอเรียน writing ก็ตายเน่าสนิท เพราะจะเขียนอะไรออกมาก็ผิดธรรมชาติหมด เพราะขาด "สัมผัสพิเศษในเรื่อง collocations" แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 55 22:19:46 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 22:15:10

ความคิดเห็นที่ 6 การสอนศัพท์เป็นคำๆโดดๆใช้ได้กับสอนภาษาไทยหรือภาษาจีน แต่ใช้สอนภาษาอังกฤษไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะภาษาอังกฤษผันพลิกโครงสร้างประโยคกลับไปกลับมาได้น่ากลัวกว่าภาษาไทยหรือภาษาจีนตั้งหลายเท่า! ลองมาดูประเด็นที่น่าสนใจกันคือ 4 ประโยคข้างล่างนี้ ผิด grammar หมด Can you suggest me a good dictionary?   He suggested us to go for a drink.   What do you suggest us to do?   I suggest to wear something warm. ^ ^ ^ คนที่เรียนโดยการท่องศัพท์เป็นคำๆโดดๆ ต่อให้เรียน grammar มาดีๆ ก็จะไม่มีทางรู้ได้โดยสัญชาติญาณเลยว่า มันผิด grammar เพราะอะไร แต่คนที่เรียนศัพท์โดยจำเป็นประโยค จะมีสัมผัสพิเศษหยั่งรู้ได้ทันที่ว่ามันผิด แล้วก็จะไม่พูดหรือเขียนแบบนี้ ผิดเพราะอะไร ไปดูเฉลยได้ที่กระทู้เก่าอันนี้ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/04/K7806691/K7806691.html จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 22:38:00

ความคิดเห็นที่ 7 กระทู้นี้ยืนยันอีกครั้งนึงว่าครูสอนภาษาอังกฤษหลายๆคนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ จากคุณ : Potter (lze0001) พูดเป็นไปเล่น ขำอ่ะ เอาเป็นว่าลองให้ครูภาษาอังกฤษทุกคนสอบวัดระดับการพูดดู แล้วคุณจะพบว่าไม่ใช่ครูสอนภาษาอังกฤษหลาย ๆคนที่พูดไม่ได้ แต่ความจริงก็คือ ส่วนใหญ่เลยล่ะ ปฏิรูปการศึกษาอยากให้เด็กไทยพูดอังกฤษเก่ง เออ ปฏิรูปครูก่อนดีมั้ย ว่าแต่จะทำอะไรได้ ไอ้เรามันแค่เด็กบรรจุใหม่เมื่อวานซืน (คำพูดที่ผอ. ชอบใช้กดเด็กรุ่นใหม่) แรก ๆเราก็ตกใจและรู้สึกรับไม่ได้ กลัวว่าอยู่ ๆไป ตัวเองจะเป็นแบบนั้น พอมองดูคนอื่นเราไม่มีความสุขกับชีวิตการเป็นครูเลย รู้สึกแปลกแยกตลอด เราก็เลยเปลี่ยนมุมมอง ใครจะเป็นอย่างไร จะทำอะไร ก็ช่าง แต่เราจะพัฒนาตัวเราไม่หยุดยั้ง เพื่อนักเรียนของเรา ถึงจะเหนื่อยหนัก เราก็ยอม สำหรับคนที่พูดไม่ได้ แต่ก็พยายามพัฒนาตนเอง เราก็ชื่นชอบน่ะ สำหรับเด็กม.1 สิ่่งที่เราเพิ่มเติมให้เด็กก็คือ ทำหนังสือคำศัพท์ประกอบบทเรียนให้ แล้วให้นักเรียนไปเปิดดิกชันนารี่หาความหมายเอง อย่างน้อย ๆ เขาก็จะได้ค้นพบด้วยตนเองและได้เขียนไปด้วย แล้วก็จะเจอคำศัพท์เหล่านั้น ในบทเรียนอีกรอบ น่าจะเพียงพอมั้ย สำหรับการไม่ต้องท่อง แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 55 23:14:54 จากคุณ : AunRak เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 23:01:34

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่เห็นด้วยกับการท่องศัพท์ เพราะ การท่องศัพท์ไม่สำคัญเท่าการเข้าในใจคำศัพท์นั้นๆ รร ประถมในแคนาดา มีบางโรงเรียนเลิกให้เด็กท่องศัพท์ และไม่มี spelling test เพราะถือว่าไม่ได้ช่วยเด็กจำศัพท์แต่อย่างใด แต่ไปเน้นการเข้าใจ การอ่านให้ได้มากกว่า แต่มี ผู้ปกครองหลายคนไม่เห็นด้วยเพราะติดกับระบบเก่าๆ จากคุณ : yinnerella เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 23:29:58

ความคิดเห็นที่ 9 ครูสอนภาษาอังกฤษในเมืองไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งครูที่มีใบอนุญาตครู และสอนตามโรงเรียนประถมและมัธยมต่างๆตามระบบการศึกษาแบบไทยๆ ส่วนใหญ่จะพูดอังกฤษไม่ได้ และเขียนอังกฤษก็ไม่ได้ คือพูดเขียนอังกฤษผิดธรรมชาติเยอะมากๆ ถึงต้องสอนให้เด็กท่องศัพท์เป็นคำๆโดดๆ เพราะตัวครูเองสร้างประโยคภาษาอังกฤษไม่ได้แบบธรรมชาตินั่นเองจึงไม่สามารถสอนอะไรพลิกแพลงไปกว่านี้ได้ ถ้าใครไม่เชื่อก็ต้องพิสูจน์กันโดยเกณฑ์ครูพวกนี้มาให้หมดประเทศ แล้วทดสอบให้พูดหรือเขียนภาษาอังกฤษกัน โดยไม่ให้พูดหรือเขียนจากท่องจำมานะ แต่ให้พูดกับเขียนโต้ตอบแบบ interactively ทันที แล้วอัด videos ไว้เป็นจำนวนมากๆ แล้วมาทำสถิติเพื่อพิสูจน์ให้เห็นกันจะๆว่ามีครูกี่คนในประเทศไทยที่สอนภาษาอังกฤษถูกต้องตามกฎหมายแต่พูดกับเขียนภาษาอังกฤษเพื่อรักษาชีวิตตัวเองไว้ไม่ได้เลย (แบบที่ฝรั่งพูดว่า They can't speak or write English to save their lives.) นั่นแหละ นั่นก็เพราะว่าระบบการศึกษาไทยออกใบอนุญาตครูตามเกณฑ์ที่ว่าจบปริญญาด้านการศึกษามา หรือสอบผ่าน 9 มาตรฐานวิชาครูมา แต่ไม่ได้รับการทดสอบด้านความเชี่ยวชาญในวิชาที่ตัวเองสอนเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะสังคมไทยมักจะตีความว่า "จบปริญญามาก็ต้องเก่งอยู่แล้ว" แต่อนิจา มันไม่จริงเสมอไป เพราะเดี๋ยวนี้ในเมืองไทยมันมีมหาลัยที่ต่ำกว่ามาตรฐานผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด เพื่อช่วยคนที่เอ็นเข้ามหาลัยดีๆไม่ติด ไม่่ให้ไร้ปริญญาแล้วต้องไปทำงานเป็นกรรมกร บ้านเมืองมันถึงยุ่งแบบนี้นั่นแหละ นี่ถ้าเปลี่ยนกฎหมายขึ้นค่าแรงกรรมกรให้สูงกว่าเเงินเดือนคนทำงานนั่งโต๊ะระดับบริหารได้เหมือนในประเทศอังกฤษ คนไทยที่เรียนไม่เก่งก็จะแห่กันไปเป็นกรรมกรหมดด้วยความสมัครใจ แล้วมหาลัยต่ำกว่ามาตรฐานก็จะปิดกันไปหมด เพราะไม่มีคนเรียน กรรมกรเก่งๆสร้างประเทศชาติให้เจริญงอกงามได้ดีกว่าคนจบปริญญามาแล้วไม่เก่ง แต่มาสวมหน้ากากหลอกลวงกันไปวันๆ ว่า "ข้าก็มีการศึกษาสูงๆนะเฟ้ย แต่ที่แท้สมองกลวง" ตัวเราเองเรียนจบมาแค่มัธยมต้นเอง แต่หมั่นศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเองมาโดยตลอดโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการสอนภาษาอังกฤษ ลองไปอ่านกระทู้นี้เรื่องวิธีการสอนศัพท์และสอนการอ่าน ที่เราเขียนแนะนำครูสอนภาษาอังกฤษเอาไว้ ดูสิว่าพอใช้การได้เหมือนคนเรียนจบสูงๆมาหรือไม่ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K12077457/K12077457.html จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 09:13:16

ความคิดเห็นที่ 10 จากประสบการ์ที่เรียนภาษาอังกฤษแบบมวยวัดของผม   การท่องศัพท์มันเป็นการปูพื้นฐานอย่างหนึ่ง   อย่าลืมว่าภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาที่ 1 ของเรา   เพราะฉะนั้นจะมาอนุมานว่าเด็กต้องรู้คำศัพท์เองไม่ได้   ทดสอบได้ด้วยการให้เด็กเขียนคำศัพท์ที่รู้ออกมา   ผมว่าต่อให้เป็นมัธยมปลายก็เถอะ   บางคนอาจเขียนได้ไม่ถึง 500 คำ การจะทำอย่างเจ้าของกระทู้ว่าได้นั้น   ต้องมีพื้นฐานดีพอใช้ได้ระดับหนึ่งก่อนครับ   สิ่งที่คุณสอนเด็กนั่นไม่ผิดหรอก   แต่เป็นก้าวที่สองแล้ว คำถามคือตอนนี้เด็กของคุณได้เดินก้าวแรกหรือยัง   ถ้ายัง   ต้องเดินก้าวนี้ให้ได้ก่อน จากคุณ : Tanis เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 09:19:16

ความคิดเห็นที่ 11 การท่องคำศัพท์เป็นคำๆ ไม่ได้ผิดเสมอไป แต่เป็นทางเลือกหนึ่งในการจำ อาจจะเหมาะสมกับเด็กบางคนก็ได้ นิสัยในการเรียนภาษาอังกฤษของเด็กก็มีหลายแบบ บางคนชอบจำในปริบท ต้องมีประโยคตัวอย่าง บางคนก็ชอบท่องเป็นคำๆ แล้วจะจำได้ดี ครูน่าจะเสนอวิธีการจำคำศัพท์ หลายๆแบบ แล้วให้เด็กเลือกว่าจะจำโดยวิธีไหน แล้ววัดผลโดยการทำข้อสอบหรือวิธีอื่นๆ แต่ก็นั่นแหละ...ก็จะเป็นการเพิ่มงานครูอีกมากมาย ดังนั้น คาดว่าการที่ครูให้เด็กท่องคำศัพท์ เป็นการทำให้เด็กจำ โดยเสียเวลาของครูน้อยให้ที่สุด จากคุณ : จิน ณ จันทร์ เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 11:39:01

ความคิดเห็นที่ 12 ผมว่าท่องศัพ  มันสู้ใช้งานจริงไม่ได้เลย .............ผมเปิดร้านอาหาร  ไม่เคยรู้ภาษาญี่ปุ่นมาก่อน  วันนึงมีลุกค้าชาวญี่ปุ่น  2 ผัวเมีย   มากินอาหารที่ร้าน  วันแรกผมพูดไม่เป็นสื่อสารไม่ได้  ..... หลังจากนั้นเขาก็มาอีก  ผมก็เลยคิดว่าเขาคงมาบ่อย  เลยหา Google  พยายามท่องศัพ  ประโยคสื่อสาร ของญี่ปุ่น  ท่องไปท่องมาหลายวันจำไม่ค่อยได้   ......  วันนึงลุกค้าญี่ปุ่น 2 ผัวเมียก้มาอีก  ผมก็พยายามพูดสื่อสารกับเขาที่ไปฝึกๆจำๆมา  ปรากฏว่าจำไม่ได้ ผิดๆถูกๆ  2 ผัวเมีย  เห็นผมพยายามสื่อสาร   เลยช่วยสอนผมพูด  ปรากฏว่าผมพุดๆได้  ไม่ได้จำ  ไม่ได้ท่อง  แต่เพราะใช้งาน  ถุกบ้างผิดบ้างแต่ก็ได้ใช้  ไม่เลือนหายไป  แต่ผมแค่หัดพูดแค่ไม่กี่ประโยคเท่านั้น  เพราะหลังจากนั้นเขากลับญี่ปุ่นไม่ได้มาอีกเลย หายไปนานจนผมลืมไปหมดแล้ว   แต่พอเขากลัยมารอบใหม่ เขาดันพูดภาาาไทยได้พอสมควร ก็เยพูดภาษาไทยแทน ป.ล  คนที่สอนภาษาญี่ปุ่นใน Google ที่ผมเจอ สอนภาษาญี่ปุ่นผิดด้วยหล่ะ  ผมหน้าแตกเลย  ( เป็นครูสอนด้วยนะ ) จากคุณ : Dek Chan เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 11:40:22

ความคิดเห็นที่ 13 ความเห็นส่วนตัวคือ ท่องก็ดี แต่ไม่ท่องก็ได้ การท่องคำศัพท์เป็นแค่ส่วนประกอบหนึ่งของการเรียนภาษา ท่องไปแล้ว ยังไงก็ต้องเรียนไวยกรณ์ และฝึกฟัง-อ่าน ด้วยอยู่ดี การเรียนการสอนในปัจจุบัน เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ก็ดูซิครับว่าสอนเด็กวัยไหน ควรใช้วิธิให้ท่อง หรือเน้นประสบการณ์ จากคุณ : chawawa เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 11:54:32

ความคิดเห็นที่ 14 ที่ คคห 11 บอกว่า "การท่องคำศัพท์เป็นคำๆ ไม่ได้ผิดเสมอไป แต่เป็นทางเลือกหนึ่งในการจำ อาจจะเหมาะสมกับเด็กบางคนก็ได้" ^ ยืนยันว่าเรียนแบบนี้ไป ฟังก็ไม่รู้เรื่อง พูดก็ผิดเละ อ่านก็ไม่รู้เรื่อง พูดก็ผิดเละ ถ้าคุณมีความรู้เรื่องภาษาอังกฤษลึกมากๆ และมีประสบการณ์ด้านการสอนภาษาอังกฤษสูงมากๆ คุณจะเข้าใจว่า "คำศัพทฺ์ภาษาอังกฤษส่วนใหญ่ไม่ได้แปลเป็นคำๆแบบคำศัพท์ไทยหรือจีน แต่มันแปลเป็นกลุ่มคำ (collocations) และสื่อความหมายพลิกผันไปตามโครงสร้างประโยคที่พลิกแพลงไปได้เรื่อยๆอย่างน่าตกใจมากๆ ถ้าจะนั่งคำนวน probability กัน" แล้วที่ คคห 11 พูดต่อไปว่า "ครูน่าจะเสนอวิธีการจำคำศัพท์ หลายๆแบบ แล้วให้เด็กเลือกว่าจะจำโดยวิธีไหน แล้ววัดผลโดยการทำข้อสอบหรือวิธีอื่นๆ แต่ก็นั่นแหละ...ก็จะเป็นการเพิ่มงานครูอีกมากมาย ดังนั้น คาดว่าการที่ครูให้เด็กท่องคำศัพท์ เป็นการทำให้เด็กจำ โดยเสียเวลาของครูน้อยให้ที่สุด" ^ ใช่สิ เสียเวลาครูน้อยที่สุด เพราะครูไม่มีความรู้พอที่จะสอนได้ และไม่รู้วิธีสอนอย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่แรก นักเรียนก็เลยพูดผิดเขียนผิดธรรมชาติจนเละ ครูก็ต้องเสียเวลาน้อยที่สุด คือ "ไม่เยียวยา" เพราะเยียวยาไม่ได้ เนื่องด้วยเหตุผลง่ายที่ว่า "ตัวครูเองก็พูดเขียนอังกฤษผิดเละ!" ตามที่เราบอกไปแล้วว่าครูสอนภาษาอังกฤษที่มีใบอนุญาตครูในปริมาณล้นประเทศ ไม่มีความรู้มากพอที่จะสอนภาษาอังกฤษได้เลย แต่เข้าไปสอนภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะนโยบายการศึกษาที่ผิดพลาดของไทย แก้ไขเมื่อ 28 มิ.ย. 55 12:47:15 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 12:45:05

ความคิดเห็นที่ 15 เพื่อความชัดเจนเราขอยืนยันอีกทีว่าคำว่า "ไม่ท่องศัพท์(ที่คนเก่งๆภาษาอังกฤษพูดถึงบ่อยๆ)" มันหมายความว่า "ไม่ท่องศัพท์เป็นคำๆโดดๆแบบนกแก้วนกขุนทองให้นั่งหลับบ่อยๆ หากแต่เป็นฝึกทำความเข้าใจศัพท์และจดจำ collocations, phrases และ sentences  เพื่อนำไปใช้เป็นตัวอย่างในการพูดหรือเขียนภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องเป็นธรรมชาติได้" ครูที่พูดและเขียนอังกฤษได้อย่างเป็นธรรมชาติสามารถสอนนักเรียนในระดับพื้นฐานมากๆ ให้เข้าใจศัพท์และจดจำมันเป็น collocations, phrases และ sentences ซึ่งสร้าง association (ความสัมพันธ์) ที่ช่วยให้เข้าใจและจดจำสิ่งที่เรียนได้คราวละตั้งมากมาย ใช้สอนนักเรียนที่ไม่กระดิกหูเลยเรื่องภาษาอังกฤษกลายเป็นยิ่งดีเยี่ยมมากๆ จากประสบการณ์และจากการค้นคว้าเรื่องการสอนภาษาอังกฤษของเรานั้น เราพบว่า สอนนักเรียนจากความรู้ภาษาอังกฤษศูนย์เลยให้ฟัง พูด อ่าน เขียนได้นั้น มันง่ายกว่าสอน writing ให้นักเรียนที่อ่านศัพท์ยากๆรู้เรื่องเป็นคำๆแต่เขียนอังกฤษผิดธรรมชาติเละเกือบทุกประโยค! นั่นก็เพราะว่านักเรียนกลุ่มหลังนี้เรียนมาด้วยวิธีการที่ผิดๆจนเป็นนิสัยที่แก้ได้ยากมากๆ การฟังติวเตอร์บรรยายเป็นภาษาไทยยาวๆแล้วนั่งจดก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักเรียนกลุ่มนี้คิดเป็นภาษาอังกฤษไม่ได้ เพราะไม่เคยฝึกฟังกับฝึกพูดเพื่อกระตุ้นสมองให้คิดเป็นอังกฤษได้ไวๆ ตอนนี้ยังมีคนไทยอีกหลายคนที่ท่องศัพท์เป็นคำๆโดดๆ รู้ศัพท์มาก แต่เขียนภาษาอังกฤษผิดเละ ที่เชื่อว่าไปเรียน writing กับติวเตอร์ชื่อดังแค่ไม่กี่เดือนจะเขียนเก่งได้ ซึ่งเรายืนยันว่า "มันเป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด" เพราะมันต้องมีการเยียวยาเยอะมากๆ โดยการสอนให้นักเรียนหัดมองคำศัพท์เป็น collocations ใน sentence structure types ที่หลากหลาย ก่อนที่จะเอาประโยคสั้นๆมาหัดเขียนเป็นประโยคยาวๆ หรือเอาประโยคยาวๆมาแยกธาตุเพื่อหัดเขียนเป็นประโยคสั้นๆได้ ซึ่งเป็นวิธีการ 2 อย่างในหลายๆอย่างของการสอน writing ที่มีตั้งมากมายหลายวิธี ^ ซึ่งกระบวนการ "เยียวยา" ใช้เวลาหลายปี! ดังนั้นหลักสูตร writing สำหรับคนพวกนี้ เรียนแค่ 2-3 เดือนมันไม่ได้ผลหรอก แต่ในทางกลับกันคนที่เรียนจากไม่กระดิกหูเลย แต่ได้รับการสอนมาอย่างถูกต้องแค่ปีสองปีจนฟัง พูด อ่าน เขียนด้วยศัพท์ง่ายๆพอได้ แต่พวกเขาใช้ภาษาอังกฤษง่ายๆได้อย่างเป็นธรรมชาติ พอจะเรียนอ่านเขียนระดับยากๆกลายเป็นก้าวหน้าไปได้ไกลและรวดเร็วมากๆกว่าคนที่รู้ศัพท์ตั้งมากมายที่นั่งท่องมาตั้งเป็นสิบๆปีแต่สร้างประโยคง่ายๆผิดธรรมชาติเละหมดเพราะเรียนโดยการท่องศัพท์เป็นคำโดดๆ ซึ่งใช้ได้กับการเรียนภาษาไทยหรือจีน (ที่คำศัพท์แปลเป็นคำๆซะเป็นส่วนใหญ่)  แต่ใช้เรียนภาษาอังกฤษไม่ได้ผลแน่ๆ (เพราะคำศัพท์ภาษาอังกฤษสื่อความหมายเป็นกลุ่มคำซึ่งความหมายจะพลิกผันไปตามโครงสร้างประโยคที่พลิกผันไปอีกได้ตั้งมากมายซะเป็นส่วนใหญ่) ^ เรื่องที่เราพูดนี้คนที่ประกอบอาชีพที่ต้องเขียนภาษาอังกฤษสวยๆอ่านปั๊บจะเข้าใจทันที แต่คนที่เรียนครูมาโดยตรงแต่ไม่ได้เรียนด้านภาษาอังกฤษมาหรือไม่เคยทำงานด้านภาษาอังกฤษมา แต่ใช้วุฒิครูสมัครเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ อ่านไปก็ไม่รู้เรื่องและไม่เชื่อหรอก แล้วก็ยังหลงคิดผิดต่อไปเรื่อยๆว่า "คนจบครูมาต้องสอนภาษาอังกฤษเก่งกว่าคนไม่จบครู" เคยเจอมาเยอะแล้วข้อโต้แย้งแบบนี้น่ะ จนป่านนี้การเรียนการสอนภาษาอังกฤษในเมืองไทยมันถึงดิ่งลงเหวลงเรื่อยๆ ยังไงล่ะ แก้ไขเมื่อ 28 มิ.ย. 55 12:50:51 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 12:45:17

ความคิดเห็นที่ 16 สมัยก่อนผมก็ท่องศัพท์เป็นคำๆในดิกส์ ท่องมันเข้าไปแบบนั้นแหละไม่รู้ noun verb adj adv ต่างกันยังไง ไม่รู้โครงสร้างภาษาอังกฤษเป็นยังไง พอไปอ่านหนังสือภาษาอังกฤษต่อให้เจอคำที่เคยท่องมาก็เอามาใช้ไม่เป็นอยู่ดี แถมคำศัพท์อังกฤษหนึ่งคำมีความหมายไม่รู้กี่สิบอย่าง แล้วก็สำนวนพวก phrasal verb  และ collocations อย่างที่คุณหมอดูกล่าวไว้ เพราะฉะนั้นในความคิดผมการจำคำศัพท์ได้ดีที่สุดคือการอ่านซํ้าๆเจอหลายๆรอบแล้วเปิดดิกส์ดูความหมายดูการใช้ดูรูปประโยคให้ซึมซับไม่ใช่เฉพาะความหมายแต่รวมถึงรูปประโยค ซึ้งผมว่าควรจะสอนตั้งแต่เด็กยังเล็กๆโดยการให้อ่านนิทานจะดีมากๆ ผมว่าการท่องศัพท์เหมาะกับคนที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ดีแล้วและกำลังเตรียมตัวสอบมากกว่านะ เพราะชีวิตจริงเรามีตัวช่วยเยอะแยะทั้งอินเตอร์เนต หรือดิกส์ แล้วมันจะซึมซับไปเอง จากคุณ : OMG เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 13:12:38

ความคิดเห็นที่ 17 ท่องไปก็ใช้ไม่ได้ ไม่ต่างจากให้ google แปลให้เลย คือไม่รู้เรื่อง Girls Bring the boys out! จากคุณ : Darigaaz เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 13:32:26

ความคิดเห็นที่ 18 จากประสบการณ์ของผมเอง การท่องศัพท์มีประโยชน์ระดับหนึ่ง ผมขออธิบายว่าการท่องศัพท์มีประโยชน์อย่างไร ผมเป็นเด็กบ้านนอก สมัยผมเป็นเด็กไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา ไม่มีถนน ไม่มีรถ จะมากรุงเทพต้องนั่งเรือไอมาที่รังสิตแล้วต่อรถเมล์เข้ากรุงเทพ ผมเรียน ป.1-4 ที่บ้านนอก ไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษเลย พอจบ ป.4 ทางบ้านก็ให้เตรียมตัวไปสอบเข้าโรงเรียนอัสสัมชัญที่กรุงเทพ ซึ่งบรรดาพี่ๆผมไปเรียนกันหมดแล้ว ผมก็ต้องท่องศัพท์ภาษาอังกฤษซีครับ โดยเอาหนังสือเรียนของพี่ๆที่มีคำศัพท์ไทยเป็นอังกฤษและอังกฤษเป็นไทยมาท่องศัพท์ ผมก็ท่องครับเพราะต้องรู้ภาษาอังกฤษพอสมควรไม่งั้นสอบสู้คนอื่นที่เรียนอังกฤษมาตั้งแต่ ป.1 ไม่ได้ ผลก็คือผมสอบสู้เขาไม่ได้จริงๆ ผมได้คะแนนสอบประมาณ 75% ซึ่งไม่พอสำหรับ 50 อันดับแรก ก็ต้องไปขอเข้า ซึ่งโรงเรียนก็ให้เข้าเพราะเหตุผล 2 ข้อ คือ 1. ผมนับถือศาสนาคริสต์ 2. ผมมีพี่ชายเรียนที่โรงเรียนนี้ 4 คนแล้ว ดูเหมือนนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมท่องศัพท์อังกฤษ หลังจากนั้นผมก็เรียนภาษาอังกฤษจากเพลงสากลที่ผมฟังแล้วร้องตามทุกวัน แล้วผมได้ Oxford Dictionary มาเล่มหนึ่ง ซึ่งผมเปิดดูแทบทุกวัน เพื่อดูวิธีอ่านคำและศึกษาความหมายของคำและวลีต่างๆ ขอสรุปว่าการท่องศัพท์อังกฤษมีประโยชน์ระดับหนึ่งครับ ช่วยให้รู้จักคำง่ายๆที่ใช้กันบ่อยๆจำนวนหนึ่ง เป็นจุดเริ่มต้นการเรียนภาษาอังกฤษ จากคุณ : นายชัย เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 13:34:22

ความคิดเห็นที่ 19 ตอบ คคห 18 ใช่ การท่องศัพท์เป็นคำๆให้จำได้บ้างก็ยังดีกว่าไม่รู้ศัพท์เอาซะเลย แต่มันก็มีโทษอย่างมห้นต์ ต้องแยกแยะเหตุผลคือ 1. ถ้าครูพูดและเขียนภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นธรรมชาติสอนให้เข้าใจศัพท์และจดจำเป็น collocations, phrases และ sentences ไปตั้งแต่แรกเริ่มเลยได้มันก็จะดีกว่า ที่มันทำไม่ได้ก็เพราะว่าครูในโรงเรียนประถมหรือมัธยมส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดพูดกับเขียนอังกฤษไม่ได้เป็นธรรมชาตินั่นเอง ถึงไม่มีทางสอนแบบนี้ได้ 2. การสอนให้ท่องศัพท์เป็นคำๆ ก็ส่งผลอย่างที่คุณพูดนั่นแหละ คือต้องเยียวยาด้วยการเปิด Oxford Advanced Learner's Dictionary เรียนตัวอย่าง collocations, phrases กับ sentences อีกนานหลายปีกว่าจะเยียวยาได้สำเร็จ ซึ่งเราก็เคยเยียวยาตัวเองด้วยการซื้อ  Oxford Advanced Learner's Dictionaries มา 3 เล่ม 2 เล่มแรกเอาไว้ตัดแปะตัวอย่างประโยค (ขี้เกียจจด) ไว้ใกล้ๆประโยคที่อ่านไม่รู้เรื่องตอนเรียนอ่าน โดยการตัดแปะบทความลงใน scrapbooks ที่ต้องใช้ dictionaries 2 เล่มตัดเพราะแต่ละแผ่นที่ตัดมันจะได้ยังมีด้านหน้ากับด้านหลังยังไงล่ะ ส่วนเล่มที่ 3 ก็เอาไว้เปิดหาศัพท์เพื่อดูว่าจะตัดแปะตรงไหนนั่นแหละ ซึ่งถ้าเราได้รับการสอนมาอย่างถูกต้องตั้งแต่แรกเริ่มเราก็คงไม่ต้องทำกิจกรรมเยียวยานานตั้งหลายปีหรอก แต่เดี๋ยวนี้เราไม่ใช้ dictionaries กระดาษและไม่ใช้ปากกากับกระดาษเรียนภาษาอังกฤษเลย เราใช้แต่ computer software ล้วนๆ ในการเรียนรู้ ดังนั้นถึงคุณจะอ้างว่าท่องศัพท์เป็นคำๆโดดๆมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่มันก็มีโทษมหันต์ เพราะหนังสือแปลที่แปลผิดๆกันเต็มท้องตลาดก็เกิดจากท่องศัพท์เป็นคำๆโดดๆ และนักเรียนที่เรียนท่องศัพท์เป็นคำๆก็หลงทางไปเรียน writing กับติวเตอร์ดังๆ แต่ไม่เคยเปิด Oxford Advanced Learner's Dictionary หรือเปิด esl dictionaries ยี่ห้ออื่นเพื่อเยียวยา แล้วหลงผิดคิดว่าเรียน writing แล้วจะเขียนได้ภายใน 2-3 เดือนก็มีอยู่จนล้นประเทศ เพราะนักเรียนหลายๆคน คงไม่รู้กันทุกคนหรอกว่าตำราภาษาอังกฤษดีๆในโลกมันอยู่ที่ไหนบ้าง ถ้าไม่มีครูเก่งๆชี้แนะ   สรุปแล้ว ไม่ควรสอนเด็กท่องศัพท์เป็นคำๆถ้าหลีกเลี่ยงได้ วิธีหลีกเลี่ยงได้ก็คือเปลี่ยนกฎระเบียบการศึกษาใหม่ จ่ายเงินเดือนครูตามความสามารถ ไม่ใช่จ่ายตามวุฒิ แล้วทดสอบความสามารถครูสอนภาษาอังกฤษก่อนว่าจ้างด้วยวิธีการที่โปร่งใส เช่นให้ฝรั่งเจ้าของภาษาซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญดัานการสอนภาษาอังกฤษสัมภาณ์ผู้สมัครงานแล้วให้ผู้สมัครงานเขียนภาษาอังกฤฤษอธิบายว่าเขาจะวางแผนการสอนยังไง สร้างสื่อการสอนยังไง วัดผลยังไง ให้ฝรั่งตรวจดูความถูกต้องของภาษาอังกฤษที่เขียน และตรวจสอบดูความคิดอันหลักแหลมที่เขียนออกมา ไม่ใช่วัดกันด้วยวุฒิครู หรือวัดกันด้วยการสอบผ่าน 9 มาตรฐานวิชาครู ซึ่งมันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษหรือด้านการสอนภาษาอังกฤษของครูเอาซะเลย สนุกดี เรากำลังทดสอบสมองเราว่าจะคิดถ้อยคำได้รวดเร็วขนาดไหนตอนอายุมากๆ คือตอนนี้เรากำลังแปลงานด่วนไทยเป็นอังกฤษเรื่องยากๆเกือบๆ 60 หน้า เพิ่งเริ่มแปลมาตั้งแต่วันจันทร์ แล้วต้องส่งวันศุกร์นี้ เราอยากจะทดสอบสมองเราดิว่ายิ่งแก่ตัวเราจะคิดไวพอที่จะแปลงานส่งทันกำหนดทั้งๆที่ยังปั่นกระทู้ยาวๆคลายเครียดได้หรือไม่ หลังจากที่แฟนเราเพิ่งแอบมาดูเราปั่นกระทู้แล้วโทรมาต่อว่าเรา ให้เราเลิกปั่นกระทู้ pantip เพราะกลัวเราแปลงานส่งลูกค้าไม่ทัน...555+++... เราอยากฝึกพิมพ์ภาษาไทยอ่ะ ถึงปั่นกระทู้ pantip เพราะวันๆไม่ค่อยได้พิมพ์ภาษาไทยมากเท่าไหร่นักกล้วจะพิมพ์ช้าเกินไป และจะพิมพ์ผิดมากเกินไป...อิๆๆๆ... เอ้า แล้วกัน ผิดพิมพ์ไปบ้าง  รีบแก้ (ไม่รู้มีผิดอีกหรือเปล่า?) แล้วรีบเผ่นกลับไปแปลงานต่อ สนุกดีฝึกเล่นกายกรรมสมองแบบนี้เมื่อยามแก่เฒ่า เคยมีนักแปลริแปลเร็วแบบนี้ตอนอายุมากๆเล้วเส้นเลือดในสมองแตกตายไปแล้ว แต่เรามั่นใจว่าเราไม่เป็นไรแน่ๆ...เพราะเรามีพล้งมากพอ...555+++... แก้ไขเมื่อ 28 มิ.ย. 55 15:00:23 แก้ไขเมื่อ 28 มิ.ย. 55 14:47:18 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 14:43:20

ความคิดเห็นที่ 20 ส่วนผม ก็เริ่มเรียนอังกฤษตอนอยู่ ป.5 รร วัดครับ ไม่เคยท่องศัพท์หรืออะไร พูดง่ายๆ ตลอดชีวิตการเรียนภาษาอังกฤษ ตั้งแต่ รร. วัด ป.5 จนจบ ป.7 และเข้ามัธยม รร รัฐที่มีชื่อ ไม่เคยท่องศัพท์สักครั้ง เรียนในตำรา เข้าใจในตำรา สงสัยเปิดดิก อ่านให้เข้าใจความหมาย อาศัยอ่านหนังสือ graded readers แยะมาก อาจพูดได้มากที่สุดในประเทศไทยสำหรับคนรุ่นเดียวกันตอนอยู่ มศ4-5 ในสมัยก่อนโน้นแล้ว เพราะอ่านจนหมดในห้องสมุด British Council ในสมัยโน้น การได้อ่านมากๆ ได้เห็นรูปประโยคจากเจ้าของภาษา ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ได้ใช้ Oxford Advanced Learners Dictionary ในปีสุดท้าย มศ5 ทำให้เก่งอังกฤษระดับที่สอบไปเรียนต่างประเทศตอนจบ มศ.5 ได้ นั่นก็ 42 ปีที่แล้ว คนอื่นอาจเรียนจากท่องศัพท์ได้ผล แต่ผมเรียนโดยวิธีจำจากรูปประโยคที่เจ้าของภาษาแต่งไว้ อาศัยได้อ่านมากถึงมากที่สุด มีบางคนตามจิกผมโดยตลอด ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่เรื่องเก่งอังกฤษเทพ ไม่ได้ท่องศัพท์ ก็มันเรื่องจริง ไม่ได้ิอิงนิยาย ก็ผมขยันกว่าคนอื่นๆ นี่ครับ ผมเชื่อเรื่องฝนทั่งให้เป็นเข็ม อาจเป็นเพราะผมเคยเสนอความเห็นแย้งเขาไปเมื่อหลายปีก่อน จำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร แก่แล้ว  อาจเป็นเรื่องที่ผมยกย่องอักษรจุฬามากกว่ามหาวิทยาลัยอื่นๆ มั้ง เขาอาจมีปมด้อยที่เรียนเอกชน 555 จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 14:43:53

ความคิดเห็นที่ 21 ตอบ คห.19 ตามที่คุณบอกว่าการท่องศัพท์เป็นคำๆแบบที่ผมทำตอนจบ ป.4 โดยไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษมาเลยแล้วต้องมาเรียนกับเด็กที่เรียนอังกฤษมาตั้งแต่ ป.1 "มีโทษอย่างมห้นต์" แล้วผมต้องมา"เยียวยา"ด้วยการเปิด Oxford Dictionary นั้น คุณเข้าใจผิดแล้ว 1. การท่องศัพท์เป็นคำๆของผมไม่มีโทษมหันต์อย่างที่คุณคิดเอาเอง การท่องศัพท์อังกฤษของผมช่วยปูพื้นฐานภาษาอังกฤษให้ผม ทำให้ผมสามารถเรียนภาษาอังกฤษทันเพื่อนนักเรียนที่เรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่ ป.1 ได้ ทำให้ผมต่อยอดการเรียนภาษาอังกฤษอย่างราบรื่นมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ไม่มีโทษอะไรเลย เรื่องมีโทษมหันต์อยู่แต่ในจินตนาการของคุณ คุณคิดไปเอง 2. ผมไม่เคยป่วยจนต้องเยียวยาด้วยการใช้ Oxford Dictionary อย่างที่คุณพูด คุณอยากเยียวยาก็เรื่องของคุณ แต่ผมไม่เคยต้องเยียวยาแต่อย่างใด มีคนให้ Oxford Dictionary แก่ผมตอนอายุ 12 ขวบ แล้วผมก็ใช้ให้เป็นประโยชน์เรื่อยมา ผมไม่เคยป่วยด้านภาษาอังกฤษจนต้องเยียวยาอย่างที่คุณพูด ผมเรียนภาษาอังกฤษมาอย่างราบรื่น ไม่เคยสะดุดมีปัญหาอะไรจนต้องเยียวยา คุณ fortuneteller เลิกจิกกัดผมได้แล้ว ผมไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ความคิดเห็นของคุณ ความคิดเห็นของคุณในกระทู้นี้ผมไม่ได้อ่านด้วยซ้ำ คุณอยากโฆษณาตัวเองแค่ไหนก็เชิญตามสบาย อยากใช้ภาษาอังกฤษทำมาหากินแค่ไหนก็เป็นสิทธิของคุณ แต่กรุณาอย่าเหยียบคนอื่นเพื่อทำให้ตัวเองสูงขึ้นได้ไหม ผมมีจุดประสงค์เดียวในการตอบกระทู้ในห้องเรียนภาษาอังกฤษ คือให้ความรู้ภาษาอังกฤษแก่ผู้อื่นเป็นวิทยาทานเท่านั้น ไม่เคยนึกอยากจิกกัดคนอื่นอย่างที่คุณทำ ไม่เคยตอบกระทู้เพื่อให้ตัวเองดูดี จะได้มีนักเรียนมาเรียนด้วย หรือมีคนเอางานมาให้ทำเยอะๆในราคาแพงๆอย่างคุณ เราต่างคนต่างอยู่ได้ไหมครับ ขอย้ำว่าผมไม่ได้อ่านความคิดเห็นของคุณในกระทู้นี้ ผมเลิกอ่านความคิดเห็นของคุณนานแล้ว You are not worth my time. จากคุณ : นายชัย เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 16:19:55

ความคิดเห็นที่ 22 You can start thinking only when you have memory. Aristotle ท่องศัพท์ก็ดีนะครับ พอไปเจอประโยคจริงๆ สิ่งต่างๆเหล่านั้น ก็จะช่วยให้เกิด อ้ะ เอ้ะ โอ้ะ อย่างนี้นี่เอง สำหรับผม การจดจำคำต่างๆจากประโยคจริงๆนั้น เป็นหนทางที่ทำให้เราเข้าใจศัพท์นั้นๆได้ถูกต้องที่สุด แต่การที่เรามีความรู้ (ศัพท์) เอาไว้เยอะๆก่อน มันจะช่วยให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า critical thinking เวลาที่ไปอ่านจริงๆครับ และที่สำคัญที่สุด  "มันช่วยประหยัดเวลา" ไม่ต้องมารู้ทีละคำจากทีละประโยค แต่รู้ทีละหลายๆคำจากการอ่าน article เดียวไปเลย ลองนึกภาพนักเรียนที่ต้องมานั่ง derive สูตรฟิสิกส์ในห้องสอบเพื่อหาคำตอบ กับ นักเรียนที่จำสูตรได้ขึ้นใจดูสิครับ จากคุณ : WanderFoolLife (meanamide) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 01:28:40

ความคิดเห็นที่ 23 ตอบ คคห 21 เอาเป็นว่าคุณไม่กินเส้นกับเราก็แล้วกัน ให้เหตุผลยังไงก็ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้ เพราะคุณหาว่าเราจิกกัดคุณมาหลายทีแล้ว ตั้งแต่คุณหาว่าเราไปแก้ grammar คุณในกระทู้ก่อน ที่คุณบอกว่าฝรั่งใช้ภาษาผิด แต่เราบอกใช้ถูก เพราะแค่คิดต่างเพราะเราเห็นฝรั่งกับฝรั่งเองก็เห็นว่าประโยคทีคุณพูดว่าผิดมันถูก พอแค่คิดต่างคุณก็โวยวายให้เราเลิกแก้ grammar คุณ มันอะไรกันเนี่ย แค่คิดต่างก็โวยวายซะแล้ว ถ้ามีนิสัยแบบนี้ก็ไม่ควรมาเล่นกระทู้สาธารณะ ไปดูกระทู้นี้ดิ เรากับ genf คิดต่างไม่เห็นมีใครโวยวายเลย แต่ก็ช่วยกันคิดช่วยกันหาคำตอบ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K12296292/K12296292.html จริงๆแล้วถ้ามองในมุมกลับ เราใช้ Oxford Advanced Learner's Dictionary เยียวยาอาการป่วยของเราที่เคยท่องศัพท์เป็นคำๆโดดๆ แต่คุณบอกคุณไม่ได้ป่วยเหมือนเรา ก็แสดงว่าเราไม่ได้เหยียบคุณ แต่เราถ่อมตนโดยคิดว่าเราป่วย แต่คุณต่างหากที่คิดว่าคุณเก่งกว่าเราเพราะคุณไม่ป่วย แล้วมาเหยียบเรา ลองคิดให้ flexible กว่านี้ ในหลายๆมุมมอง และหลายๆความเป็นไปได้ ให้มากกว่านี้อีกหลายๆเท่า แล้วคุณจะมองเห็นอะไรดีๆอีกหลายอย่าง ส่วนเรื่องที่คุณคิดว่าเราโฆษณานั้น จริงๆแล้วเราแค่รำพึงให้ฟังว่าความคิดความอ่านเรื่องการเรียนการสอนภาษาอังกฤษของเราเปลี่ยนไปอย่างไรจากการที่ชอบคิดค้นด้านนี้ (ทั้งๆที่เราไม่ได้ทำงานสอนภาษาอังกฤษ แต่ทำงานแปลเอกสาร) บางทีคนที่สนใจด้านนี้ ถ้าไม่มีอคติแบบคุณนะ ก็จะมองเห็นประโยชน์ของการลองคิดอะไรพลิกแพลงหลายๆทาง เอาไว้เดี๋ยวว่างๆเราจะแปะกระทู้เก่าที่คุณบอกฝรั่งใช้ภาษาอังกฤษผิด แล้วเราบอกใช้ถูก ให้คนดูใหม่ ให้ตัดสินกันว่าเราจิกกัดคุณ หรือเราแค่คิดต่างแล้วคุณโวยวายไปเอง แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 55 09:38:57 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 09:34:25

ความคิดเห็นที่ 24 To #21 You say "You are not worth my time." ^ If I'm not worth your time, why bother to respond? จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 09:56:43

ความคิดเห็นที่ 25 ผมตอบ คห.19 ของคุณเพราะผมเห็นตั้งแต่บันทัดแรกว่าคุณอ้างถึง คห.18 ของผม และเห็นคุณบอกว่าการท่องศัพท์แบบที่ผมใช้เป็นโทษมหันต์และต้องเยียวยา (คนป่วยถึงต้องเยียวยา) ในเมื่อคุณอ้างถึง คห.18 ของผม ผมก็ต้องตอบว่าที่ผมท่องศัพท์ตอนจะเข้าเรียน ป.5 ที่โรงเรียนอัสสัมชัญนั้นไม่ได้เป็นโทษมหันต์แต่อย่างใดและผมไม่ได้ป่วยจนต้องเยียวยาอะไรทั้งสิ้น เพราะการท่องศัพท์ของผมช่วยให้ผมเรียนทันเพื่อนๆที่เรียนอังกฤษมาตั้งแต่ ป.1 นอกจากนั้นผมสอบได้ที่ 1 ติดๆกัน 5 ครั้งตอนผมเรียน ป.5 นั่นแหละ จนพอจบปีผมพาส (pass) ชั้นขึ้นไปเรียน ป.7 (สมัยนั้นมี ป.7) โดยไม่ต้องเรียน ป.6 แล้วยังงี้จะเรียกว่าการท่องศัพท์ของผมมีโทษมหันต์ได้ยังไง เรื่องกระทู้เก่านี่จบไปแล้วไม่ใช่หรือ ทั้งคุณและผมต่างก็อธิบายเหตุผลของแต่ละคนไปแล้วไม่ใช่หรือ หรือว่าคุณจะย้ำคิดย้ำทำอยู่นั่นแหละ ไม่ยอมจบสักที ผมขี้เกียจโต้เถียงกับคุณแล้ว บอกตรงๆ จากคุณ : นายชัย เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 12:13:34

ความคิดเห็นที่ 26 ตอบ คคห 25 อ้าวแล้วพูดทำไมใน คคห 21 ว่า "แต่กรุณาอย่าเหยียบคนอื่นเพื่อทำให้ตัวเองสูงขึ้นได้ไหม" ถ้าเราป่วยแต่คุณไม่ป่วย แสดงว่า "คุณเหยียบเราใช่ไหม?" แล้วไอ้ที่พูดใน คคห 21 ว่า "ผมมีจุดประสงค์เดียวในการตอบกระทู้ในห้องเรียนภาษาอังกฤษ คือให้ความรู้ภาษาอังกฤษแก่ผู้อื่นเป็นวิทยาทานเท่านั้น ไม่เคยนึกอยากจิกกัดคนอื่นอย่างที่คุณทำ ไม่เคยตอบกระทู้เพื่อให้ตัวเองดูดี จะได้มีนักเรียนมาเรียนด้วย หรือมีคนเอางานมาให้ทำเยอะๆในราคาแพงๆอย่างคุณ" ^ คุณก็สรรเสริญเยินยอตัวเองว่าเป็น angel แค่ดูว่า sensitive ขนาดใครแตะไม่ได้ก็รู้แล้วว่า "เข้ามาแค่โชว์ฟอร์ม" ถ้า "คือให้ความรู้ภาษาอังกฤษแก่ผู้อื่นเป็นวิทยาทานเท่านั้น" คนอื่นเขาคิดต่างทำไมต้อง sensitive ขนาดนั้น มันบ่งบอกว่าตัวคุณเองมาโชว์ฟอร์มแล้วกล้วเสียหน้าต่างหาก ไอ้ที่คุณพูดใน คคห 21 ว่า You are not worth my time. ^ คุณก็เหยียบเราว่าคุณแน่ เรามันทาบรัศมีคุณไม่ได้หรอก แต่ You're contradicting yourself. แต่พอเอาจริงๆเข้าคุณก็ "วัวส้นหลังหวะ" จริงๆแล้วเราน่าจะพูดว่า "ถ้าคุณคิดว่าคุณเก่งจริงนะ คิดไปเถอะ แต่อย่ามาตอแยเราจะดีกว่า อยู่ห่างๆเราซะจะได้ไม่มากเรื่องมากความ" แต่เรามีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นต่างจากคุณ ถ้าคุณอยากจะเถึยงก็เถึยง แต่ถ้าไม่มีเหตุผลดีๆที่จะเถียงก็หุบปากซะ อย่าได้แต่พูดว่าตัวเองเป็น angel เพื่อดึดดูดคนสติปัญญาต่ำๆที่ใช้เหตุผลไม่เป็น ให้มาชื่นชมคุณ อยากมีคนปัญญาอ่อนมาให้ gifts คุณเยอะๆใช่ไหมล่ะ ก็complain ต่อไปดิว่าเราจิกกันคุณ ทั้งๆที่เราแค่ "คิดต่างจากคุณ แต่คุณ sensitive เพราะคุณมาโชว์ฟอร์มความเก่งแต่ไม่ม้่นใจในความสามารถของตนเองต่างหาก ถึงต้องมาโวยวายเวลามีคนเขาคิดต่างจากคุณ!" If I'm not really worth your time, don' ever respond to me again. Just stay away from me. สรุปแล้วถ้าไม่อยากหาเรื่องทะเลาะวิวาท คณน่ะแหละ หยุดปากคุณก่อน แล้วเลิกทำตัวเป็น angel จอมปลอมโอดครวญหาว่าโดนจิกกัด ทั้งๆที่คนอื่นเขาแค่คิดต่างจากคุณ แต่คุณก็ใช้เล่ห์เหลี่ยมพูดจาดูถูกคนคิดต่างแล้วโอดครวญว่า "โดนจิกกัด" เพื่อล่า gifts จากคนปัญญาอ่อน ที่ใช้เหตุผลไม่เป็น ได้แล้วหละ เราพร้อมที่จะเป็นผู้ร้าย แต่ผู้ร้ายที่จริงใจ คนที่เข้าใจอะไรที่ดูเหมือนผิดแต่ถูกแบบ paradoxical เท่านั้นที่จะรู้ว่าใครเป็นเทวดาหรือผู้ร้ายตัวจริงหรือตัวปลอมกันแน่ คุณเป็นหนึ่งในสมาชิกสังคมที่เล่นละครตบตาชาวบ้านได้เก่งมากๆ โดยการพูดให้คนที่คิดต่างจากคุณเป็น "ผู้ร้ายไป" ซะฉิบ แก้ไขเมื่อ 03 ก.ค. 55 12:41:17 แก้ไขเมื่อ 03 ก.ค. 55 12:35:45 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 12:32:07