“ยินดี” เป็นนามอันไพเราะยิ่งอยู่แล้ว แต่น้ำใจของเธองามยิ่งกว่าสิ่งใด
เธอ ‘ตื่น’ อยู่เสมอกับสิ่งไม่ชอบมาพากลของบ้านเมืองนี้
เดือดร้อนกับความทุกข์ของผู้คน และ ‘ให้’ โดยไม่หวังผลใดมาตลอดชีวิต
มีความสุขเสมอต้นเสมอปลายกับความงดงามภายในจิตวิญญาณ
ยิ่งกว่าหน่วยงานที่เธอ นั่งทำงานอยู่อยู่มากมาย
ตอนที่บ้านเพื่อนๆจมน้ำอยู่เยียบเย็นเมื่อปลายปีก่อน
ยินดีอยู่ในบ้านที่แห้งผากย่านหัวลำโพง แต่เธอเดือดร้อนมากว่า
พวกเราที่ถูกน้ำท่วมเสียอีก
ยินดีวิ่งวุ่นหาซื้อชุดกันน้ำสำหรับลุยเข้าไปดูบ้านพร้อมกับเรือยาง แบบพาย
พอที่จะให้คนจมน้ำเอาตัวรอดได้บ้าง แล้วเธอก็ขนของเหล่านั้นมาประเคน
ให้ถึงตัวเราทุกคน พร้อมกับถามไถ่ไม่หยุดหย่อนว่ายังต้องการความช่วยเหลือ
อื่นใดอีกหรือไม่
เธอมักจะเดินทางอยู่เสมอ ไปกับทีมงานสหประชาชาติเพื่อช่วยเหลือ
ผู้ที่อยู่กันดารห่างไกล โดยเฉพาะผู้ประสบภัยพิบัติ น้ำท่วม แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด สึนามิ ฯลฯ
ที่ปากีสถาน..บังคลาเทศ..เกาหลีเหนือ และสารพัด
ประเทศที่คนทั่วไปไม่ค่อยไปกัน
และทุกครั้งยินดีมีของฝากเล็กๆน้อยๆมาให้เพื่อนเสมอ อาจไม่ได้มากมาย
ในราคาค่างวด แต่ยิ่งใหญ่เสมอสำหรับคุณค่าทางใจที่เรามีให้กัน
กาลานุกรมฯ เป็นของฝากที่ไม่คาดคิด
ฉันได้ข่าวการจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้มานานแล้ว
แต่ก็ไม่ทันได้คิดวางแผนจัดหา ยินดีก็ส่งทางพัสดุไปรษณีย์มาให้
เป็น “ธรรมทาน” ที่เธอปฏิบัติปกติวิสัยตลอดมา
เห็นแล้วเป็นสุข และปลื้มใจอย่างยิ่งกับเนื้อหาหนังสือ
ที่มีคุณค่าและประโยชน์มหาศาล
เป็นเรื่องที่แปลกมาก...ฉันจับต้องหนังสือเล่มนี้
ด้วยความรู้สึกพิเศษเหมือนของสูงค่า
ทั้งที่เป็นหนังสือไม่มีราคา
ไม่มีราคาเพราะซื้อขายไม่ได้
การพิมพ์ครั้งล่าสุดนี้ เป็นการพิมพ์พิเศษครั้งที่ ๖/๑
เนื่องในวันวิสาขบูชา ๒๕๕๕ มีการเพิ่มภาคพิเศษ ท้ายเล่มอีก ๑๐ บทความ จำนวนพิมพ์ทั้งสิ้น ๙,๕๐๐ เล่ม
โดยคณะกรรมการอำนวยการจัดงาน “วิสาขบูชา พุทธบารมี” ประจำปี ๒๕๕๕ จำนวน ๓,๐๐๐ เล่ม
และคณะผู้ศรัทธาอีก ๖,๕๐๐ เล่ม เป็นธรรมทาน-ให้เปล่า-ห้ามจำหน่าย
ที่น่าสนใจยิ่งก็คือ ผู้ริเริ่มอุปถัมภ์การจัดทำเป็นหนังสือภาพ ได้แก่
บริษัทมหพันธ์ไฟเบอร์ซีเมนต์ จำกัด(มหาชน)
หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องอะไรหรือ? และบริษัทมหพันธ์ไฟเบอร์ซีเมนต์นี่
เป็นใครมาจากไหน ถึงได้บริจาคเงินมากมายจัดพิมพ์หนังสือปกแข็งเล่มใหญ่
กระดาษปอนด์หนาหนักพิมพ์สี่สีทั้งเล่ม ถึง ๒๗๖ หน้า
สมองฉันหมุนติ้ว ย้อนเวลากลับไปหาอดีต
ช่วงที่เป็นนักข่าวของหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
แล้วภาพนั้นก็ลอยเข้ามาในวาบความจำ “กระเบื้องมุงหลังคาตราห้าห่วง”
และโฆษณาสุดฮาชุด “นิเชา” กับชุดอวกาศที่นักบินอวกาศสามคน
นั่งมองโลกแล้วคิดถึงบ้าน
นักบินอวกาศคนแรกบอกว่า...นั่นไง อเมริกาบ้านผม
คนที่สองเป็นรัสเซียก็บอกว่า...นั่นไงรัสเซีย บ้านผม
ส่วนคนที่เหลือตัวเตี้ยกว่าใครร้องไห้ ฮือๆๆแล้วชี้มือบอกว่า ...
นั่นไงหลังคาบ้านผม...
เพื่อนนักบินอวกาศจากประเทศมหาอำนาจสองคนหันมามอง
งงเป็นไก่ตาแตกว่าหลังคาบ้านเจ้านี่มันลอยเด่นทะลุอวกาศขึ้นมาให้เห็นได้ยังไงกัน
ฉับพลันก็มีภาพอินเสิร์ชบ้านหลังหนึ่งเข้ามาในเฟรม
เป็นบ้านที่มุงด้วยกระเบื้องตราห้าห่วง สีน้ำเงินเจิดแจ่มแบบสีของดาวโลก
พร้อมข้อความโฆษณาปิดท้ายที่หลายคนจำติดปากว่า
“สีสวยโดดเด่นเห็นแต่ไกล กระเบื้องสีตราห้าห่วง สวยสด ทนหายห่วง”
นั่นมันหลายปีมาแล้วที่กลุ่มมหพันธ์ เน้นทำโฆษณาเครื่องหมายการค้าตรา
"ห้าห่วง" (Ha-Huang) ที่ประกอบไปด้วย กระเบื้องไฟเบอร์ซีเมนต์มุงหลังคา (Fibre-Cement Roof Tiles)
กระเบื้องคอนกรีตมุงหลังคา (Concrete Roof Tile)
และแผ่นหินประดิษฐ์ทดแทนหินทรายธรรมชาติ (Artificial Sand Stone)
ปัจจุบันบริษัทมหพันธ์ไฟเบอร์ซีเมนต์(มหาชน) เป็นที่รู้จักมากกว่า
ภายใต้เครื่องหมายการค้าตรา "เฌอร่า" (Shera)
ซึ่งเป็นไม้ฝาสังเคราะห์(Synthetic Wood)
และเวลาเป็นข่าว ก็มักจะถูกเรียกชื่อกลุ่มธุรกิจสั้นๆว่ากลุ่ม “เฌอร่า”
ปัจจุบันธุรกิจของมหพันธ์กรุ๊ปอยู่ในมือทายาทสามคนนี้ คือ
องเอก เตชะมหพันธ์ องอาจ เตชะมหพันธ์ และ องอร เตชะมหพันธ์
เป็นครอบครัวที่ โลว์-โพรไฟล์ อย่างยิ่งในวงสังคม แม้ธุรกิจจะ ไฮ-โพรฟิต
อย่างแรง และที่แรงกว่าทุกสิ่งก็คือการทำคุณงามคุณดีตอบแทนแผ่นดิน
โดยเฉพาะการทำนุบำรุงพุทธศาสนา
ฉะนั้นอย่าได้แปลกใจ ถ้าท่านจะไม่เคยได้ยินชื่อคนในครอบครัวนี้
ปรากฏตามสื่อที่รายงานข่าวของเหล่า “เซเล็บฯ” กันอย่างเอาเป็นเอาตาย
ความเป็นมาของกาลานุกรมมีผู้เคยเล่าไว้ว่า เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๔
ในโอกาสที่พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต) แห่งวัดญาณเวศกวัน
จะตีพิมพ์หนังสือ "จาริกบุญ-จารึกธรรม" ท่านได้มองเห็นว่าหนังสือดังกล่าว
มีเนื้อหามาก ทำให้เล่มหนาเกินไป จึงดำริที่จะจัดปรับและตัดบางส่วนลดขนาดลง
พร้อมกับคิดว่าน่าจะจัดทำกาลานุกรม ลำดับเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์
พระพุทธศาสนามาพิมพ์ไว้ต่อท้ายเป็นภาคผนวกของหนังสือจาริกบุญ-จารึกธรรม
จะได้ช่วยให้ผู้อ่านได้ความรู้ความเข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น
ปรากฏว่าพอดำเนินการไปแล้ว กาลานุกรมนั้นกลับมีความยาวมาก
ประกอบกับหนังสือ “จาริกบุญ-จารึกธรรม” แม้จะจัดปรับใหม่แล้วก็ยังหนาอยู่
ถ้าใส่กาลานุกรมต่อท้ายเข้าไปก็จะหนาเกินสมควรจนไม่น่าอ่าน
ในที่สุดจำเป็นต้องเลือกพิมพ์เฉพาะหนังสือจาริกบุญ-จารึกธรรม
อย่างเดียว ส่วนกาลานุกรมที่เสร็จแล้ว ได้เก็บไว้เฉยๆ
กระทั่ง บริษัท มหพันธ์ไฟเบอร์ซีเมนต์ จำกัด (มหาชน)
ได้ให้ความสนใจที่จะจัดพิมพ์เพื่อเป็นธรรมทานแจกจ่ายเป็นความรู้
จึงได้มาขอความเห็นชอบและขอคำปรึกษาจาก
เจ้าประคุณพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต)
ซึ่งท่านได้อนุโมทนาศรัทธา จนหนังสือกาลานุกรมได้เสร็จเรียบร้อย
จัดพิมพ์ครั้งแรก วันวิสาขบูชา ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๒
“กาลานุกรม พระพุทธศาสนาในอารยธรรมโลก"
(Chronology of Buddhism in World Civilization)
เป็นหนังสือภาพที่เรียบเรียงเหตุการณ์ในพระพุทธศาสนาและเหตุการณ์
ที่เกี่ยวข้องในชมพูทวีป ตั้งแต่ยุคก่อนพุทธกาลมาจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งเป็นเรื่องของเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์
มีทั้งการสร้างสรรค์และการทำลาย
โดยมีภาวะจิตใจและภูมิปัญญาของมนุษย์แฝงเร้นอยู่เบื้องหลัง
รวมความแล้วในด้านหนึ่งหนังสือนี้เป็นประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนา
อีกด้านหนึ่งบอกเล่าอารยธรรมของมนุษยชาติควบคู่กันไป
เป็นประโยชน์ทั้งในแง่ความรู้ บทเรียน และเครื่องปรุงของความคิด
ให้นำความรู้ไปใช้ในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะการนำอารยธรรม
ไปสร้างสันติสุขอันถาวร
ผู้ที่สนใจต้องการหนังสือ น่าจะติดต่อรับหนังสือได้ด้วยตัวเองที่
วัดญาณเวศกวัน ถ้าหากยังโชคดีที่มีหนังสือเหลือแจกอยู่
แต่ถ้าไม่มีแล้วก็ให้เข้าไปดาวน์โหลดไฟล์เปนอีบุ๊คได้ที่
http://www.ebooks.in.th/ebook/1402/
หมายเหตุ copy มาเพื่อแจ้งที่มาของการนำไฟล์ดังกล่าวมาทำการ
แปลงเป็นไฟล jpeg เพื่อสะดวกในการอ่านใน www.pantip.com/cafe/library
และการนำไฟล์ภาพไปใช้งานในการเรียนการสอน/ฝังลงใน powerpoint
ปรับปรุงข้อบกพร่องและนำข้อความด้านล่างมาไว้ที่นี้
เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับผู้ต้องการแบบไฟล์ภาพ
เป็นไฟล์บีบอัดต้องขยายไฟล์ตาม link ย่อ
http://goo.gl/4QgTH
อีกไฟล์เป็นไฟล์ต้นฉบับที่นำมาทำเป็นไฟล์ภาพตาม link ย่อ
http://goo.gl/0E2yE