ความคิดเห็นที่ 1 เห็นด้วย แต่สำเร็จยาก ก็คนในกระทรวง คุรุสภา มาจากไหน ก็รู้ๆ กันอยู่ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 00:46:08

ความคิดเห็นที่ 2 แล้วเขาจะคัดค้านทำไมหละครับ ถ้าจะเป็นเรื่องที่เป็นคุณประโยชน์แก่เยาวชนของชาติ เป็นบุญกุศลแก่เด็กๆที่จะได้ครูเก่งๆมีความรู้ /หรือว่านั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ และรัฐบาลก็มีหน้าที่ต้องแก้ปัญหานี้อยู่แล้ว -ซึ่งใครๆก็รู้ว่า ครูที่จบจากครุศาสตร์ไม่มีความรู้อย่างแท้จริงที่จสอนเด็ก จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 07:14:41

ความคิดเห็นที่ 3 ช่วยโหวตค่ะ จากคุณ : mangpongja เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 08:00:26

ความคิดเห็นที่ 4 เรามองว่าถ้าเป็นจริงและเป็นไปได้มันจะมีความเป็นสากลเหมือนประเทศที่เขาเจริญแล้ว ที่เปิดโอกาสให้คนที่มีความรู้ความสามารถมาเป็นครู   ขอเพียงให้เรามีเป้าหมายเดียวกันคือคุณภาพทางการศึกษาของเยาวชนของชาติซึ่งจะเป็นอนาคตของประเทศและของโลก   ถ้าเพียงผู้ใหญ่บางกลุ่มจะลดอคติ คิดให้กว้างมากขึ้น อย่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้้องจนลืมไปว่า  หน้าที่ในการดูแลเด็กและเยาวชนให้เขาเจริญเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีเป็นหน้าที่ของคนทุกคน จากคุณ : mangpongja เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 09:40:38

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่ทราบว่าตามพรบ.นี้ คนที่จบคณะอื่นก็สมัครครูได้เลย หรือว่าต้องเรียนวิชาเฉพาะสำหรับครูเพิ่มเติมครับ อย่างที่ประเทศญี่ปุ่น คนที่ไม่ได้จบครุก็เป็นครูได้ แต่ต้องลงวิชาเพิ่มจากปกตินะครับ เป็นวิชาที่สอนเกี่ยวกับการสอน เพราะคนที่เก่งไม่จำเป็นต้องสอนเก่งเสมอไป อีกอย่างคนจะเป็นครูประถม มัธยม ต้องมีความอดทนกับเด็ก และต้องมีพรหมวิหาร 4 สูงมากครับ จากคุณ : ผมรู้ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 09:59:02

ความคิดเห็นที่ 6 คนเก่ง ต้องสอนเก่งครับ   และสอนเก่งเสมอ เพราะคนไม่เก่ง(จริง) ก็สอนใครไม่ได้  ทำได้เองคนเดียวเป็น ไม่ใช่ครูครับ คนสอนเก่ง ไม่จำเป็นต้องจบครู  จริง  ไปดูตามโรงเรียนสอนพิเศษสิ เขาจบครูกันมาหรือเปล่า   เขาสอนเก่งไหม คงไม่ต้องบอก รายได้เดือนหนึ่งมากกว่ารัฐมนตรีประจำกระทรวงอีก จากคุณ : ปากจัดกัดไม่ปล่อย (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 10:47:36

ความคิดเห็นที่ 7 เอา คน จบ ดร ในมหาวิทยาลัยเป็นตัววัด ก่อนดีไหม เก่ง มากมาย แต่สอนไม่รู้เรื่องก็เยอะๆ ใช่ว่าเก่งจะสอนเก่ง จากคุณ : mak2010 เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 11:37:39

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นด้วยกะคุณผมรู้และขอเห็นค้านคุณmak2010 การถ่ายทอดกระบวนการเรียนรู้เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง คนเก่งถ่ายทอดไม่ค่อยเป็นก็มี  แต่ถ้าได้ฝึกฝนเพิ่มเติมเรียนรู้สักพักก็จะยิ่งเก่งเพราะทุนเดิมดีอยู่แล้ว ที่แน่ๆคนไม่เก่งถึงถ่ายทอดเก่งแต่ก็ไม่มีประโยชน์เพราะไม่ได้รู้จริง(ได้แต่กระพี้ไม่ใช่แก่น)แมงโม้กระจาย  ผู้รู้ในสมัยก่อนที่ได้รับการยกย่องเชิดชูเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้นหรือเป็นครูในแต่ละวิชาชีพ เพราะเขา"รู้จริง"ไม่ใช่เพราะเขา"สอนเก่ง" จากคุณ : mangpongja เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 12:40:46

ความคิดเห็นที่ 9 คนเก่ง ต้องสอนเก่งครับ   และสอนเก่งเสมอ ^ ^ ตรรกกะนี้ผิดครับ ในต่างประเทศ มีคนเก่งระดับมหาเทพหลายคน มหาวิทยาลัยรับมาเป็นอาจารย์แต่ไม่ให้สอน ให้ทำวิจัยอย่างเดียว เพราะผลงานวิจัยสุดยอด แต่ความสามารถในการสื่อสารถ่ายทอดต่ำครับ แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 55 13:33:53 แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 55 13:33:44 จากคุณ : ผมรู้ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 13:33:30

ความคิดเห็นที่ 10 จริงๆ แล้วในโรงเรียนรัฐบาลนั้นครูไม่ได้มีหน้าที่เฉพาะสอนหนังสืออย่างเดียว แต่ยังมีหน้าที่อีกหลายอย่างต้องรับผิดชอบ เช่นภาระการเป็นครูประจำชั้น จัดทำเอกสารชั้นเรียน เยี่ยมบ้านนักเรียน งาน 4 ฝ่ายในโรงเรียน เป็นต้น จนบางครั้งทำให้ไม่สามารถสอนหนังสือได้อย่างเต็มที่ จะไม่ทำงานพิเศษเหล่านั้นก็ไม่ได้เพราะเป็นคำสั่งของนายหลายระดับชั้น ด่วนมาก ด่วนที่สุดกันทั้งนั้น จนต้องละทิ้งการสอนไป แล้วครูก็กลายเป็นแพะเมื่อผลการเรียนนักเรียนตกต่ำ ส่วนครูโรงเรียนกวดวิชาหรือโรงเรียนสอนพิเศษนั้น จะเอามาเปรียบเทียบกับครูในโรงเรียนทั่วไปคงไม่ได้ เพราะเด็กที่เรียนพิเศษเป็นเด็กที่มีศักยภาพทั้งด้านการเรียนและการเงิน และที่สำคัญคือครอบครัวมีความพร้อม พ่อแม่มีความรู้สูง แต่เด็กในโรงเรียนทั่วไปคละเคล้าร้อยพ่อพันแม่ สารพัดปัญหามากองรวมกันอยู่ในห้องเรียน สอนกันไปสะสางกันไป จนครูก็เหนื่อยล้า ครูส่วนใหญ่ก็อยากสอนอย่างเดียวเหมือนพวกติวเตอร์นั่นแหละ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ถ้าคิดว่าเปิดช่องแบบนี้แล้วจะทำให้การศึกษาไทยรุ่งเรืองเทียบเท่านานาชาติก็ต้องลองดู จากคุณ : bookworm เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:20:10 A:113.53.222.67 X: TicketID:186053

ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เช้าไปรับเอกสารบางอย่างในมหาลัยเก่า..เดินผ่านซุ้มของปี.1 ซึ่ง รุ่นพี่ปี 3 กับปี 4 กำลังติว math บ้าง physic บ้าง ให้น้องๆปีหนึ่งที่เข้ามา.ทำนองลองปรับพื้นฐาน ระหว่างนั้นก็มีน้องปี 1 เดินออกมา เลยเข้าไปถาม ว่า  " ให้พี่ๆ ปี 4 ติว/สอนนะ ติวยังไง แล้ว รู้เรื่องเหรอ" คำตอบ  " โอ้ พี่. รุ่นพี่ที่ติวนี้ สอนดีกว่า อาจารย์ที่โรงเรียนหลายเท่าเลย. ผมเรียนจบนี่ ยังไม่รู้เลยว่า MATRIX มันคืออะไร มีประโยชน์ อย่างไร เพิ่งมาเข้าใจที่นี่เอง"  ผมก็ถามว่า แล้ว ครูอาจารย์ที่โรงเรียนมัธยมเขาไม่สอนเหรอ. คำตอบ" สอนครับ แต่ สอนไม่รู้เรื่อง ถามอะไรก็ตอบไม่ได้" .. คนที่ไม่รู้ ไม่ชำนาญ ไม่เก่งด้านนั้น ต่อให้มีความรู้ ความชำนาญเรื่องวิธีการสอน การถ่ายทอด."ก็รังแต่จะถ่ายทอดวิชาขี้เลื่อย ไปให้ศิษย์ของตน" คำที่ชอบอ้างกันมากที่สุด ที่จะกีดกันคนอื่นไม่ให้มาเป็นครูสอนเยาวชนคนไทยก็คือ  ต่อให้เก่งเรื่องไหน.ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี่ หรืออักษรศาสตร์..แต่ถ้าไม่มี จิตวิทยาการสอนหนึ่ง บุรณภาพแห่งวิวัตน์ในการถ่ายทอดหนึ่ง สำนึกแห่งความลึกซึ้งแห่งความเป็นครูและการซึมซับในความเป็นอาจาย์หนึ่ง ย่อมจะสู้คนเรียนครุศาสตรืไม่ได้ แหม.ประดิษฐ์ประดอยคำได้เลิศหรูเหลือเกิน..จิตวิทยาการสอน/ บูรณภาพฯในการถ่ายทอด  สำนึกแห่งความลึกซึ้งในความเป็นครู.. เอาคนที่จบครุศาสตร์ซึ่งคะแนนเฉลี่ยต่ำที่สุดในประเทศมาเป็นครู..มันก็เป็นเหตุให้เยาวชนของชาติ มีสติปัญญา อารมณ์ ความคิดสร้างสรร๕ ความรับผิดชอบได้แค่ที่เห็นนี่แหละ  คนเรียนเก่ง ย่อมมีความรับผิดชอบ /คนไม่เก่ง ไม่ตั้งใจเรียนแล้วไปเรียนครู ย่อมไม่มีความรับผิดชอบ.ก็เท่านั้น แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 55 16:24:48 จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 16:18:45

ความคิดเห็นที่ 12 ที่ คคห 9 ว่า "คนเก่ง ต้องสอนเก่งครับ   และสอนเก่งเสมอ ^ ^ ตรรกกะนี้ผิดครับ ในต่างประเทศ มีคนเก่งระดับมหาเทพหลายคน มหาวิทยาลัยรับมาเป็นอาจารย์แต่ไม่ให้สอน ให้ทำวิจัยอย่างเดียว เพราะผลงานวิจัยสุดยอด แต่ความสามารถในการสื่อสารถ่ายทอดต่ำครับ" ^ เราว่าตรรกะคุณต่างหากที่ผิด เพราะคุณไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าคนเก่งระดับมหาเทพที่สอนไม่เป็น มีจำนวนประชาการมากกว่าคนเก่งระดับมหาเทพที่สอนเป็น หากแต่วิธีการพูดของคุณโน้มน้าวจิตใจคนอ่านมากเกินไปให้หลงผิดคิดว่าไม่เก่งระดับเทพสอนเก่งมีตั้งมากมาย ซึ่งมันไม่เป็นจริง เพราะเราเคยเจอคนเก่งระดับเทพที่สอนก็เก่งเป็นจำนวนมากมาในชีวิตจริง และข้อสรุปที่แม่นเรื่องตรรกะที่สุดที่คุณพยายามไม่พูดถึง เพราะต้องการให้คนอ่านไขว้เขวคล้อยตามคุณนั่นก็คือ "เอาคนเก่งกับคนไม่เก่งวิชาใดวิชาหนึ่งมาเทียบกัน คนไม่เก่งไม่มีทางสอนได้ แต่คนเก่งมีทางสอนได้" แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 55 18:26:49 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 18:18:38

ความคิดเห็นที่ 13 ที่ คคห 10 อ้างว่า "ติวเตอร์สอนพิเศษเก่งกว่าครูในระบบเพราะครูในระบบต้องทำงานอื่นที่ไม่ใช่การสอน" ^ เราว่าคุณก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ใช้เหตุผลผิด ถ้าคุณมั่นใจว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆก็ลองพิสูจน์โดยการเอาติวเตอร์สอนพิเศษเก่งๆมาแข่งขันกับครูที่มีใบอนุญาตและสอนในระบบการศึกษาไทยที่คัดตัวมาแล้วว่าเก่งที่สุดดิ แล้วให้มาดวลก้นในเรื่องวิชาที่สอนๆกันเลย ดวลกันต่อเนื่องสัก 3 เดือนโดยไม่ให้ครูในระบบต้องทำงานที่เจ้านายสั่ง แล้วมาดูกันว่าสถิติแพ้ชนะติวเตอร์เก่งๆกับครูในระบบเก่งๆอันไหนจะมากกว่ากัน เราไม่เชื่อว่าครูมีใบอนุญาตในระบบเก่งๆจะชนะติวเตอร์เก่งๆได้ ด้วยเหตุผลตรงไปตรงมา นั่นก็คือ "ถ้าครูในระบบเก่งจริงเขาไม่ทนเป็นครูต่อไปเพื่อรายได้ต่ำๆหรอก เขาต้องกระโดดออกมาเป็นติวเตอร์เต็มตัวอย่างแน่นอน" แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 55 18:28:35 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 18:25:57

ความคิดเห็นที่ 14 #1,2 ค้านซิครับ เพราะนโยบายที่เป็นอยู่ตอนนี้มันของขรก.ประจำ เหตุผลที่ค้าน ดูย่อหน้าสุดท้ายcopy&pasteได้เลย ตอบเหมือนเดิมทุกครั้ง http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K12299677/K12299677.html รมต.คนนี้ออกข่าวแต่ละที โดนหน่วยงานในสังกัดออกข่าวตอกกลับวันรุ่งขึ้นอยู่เรื่อย แล้วก็ตอนนี้รมต.กำลังจะเด้งแล้วนะ 2-3สัปดาห์ก่อน คุยกับครูท่านนึง อายุพอควรแล้วละ เป็นอัตราจ้าง แกพูดถึงรุ่นน้องคนนึงจะเลิกสอนแล้วเพราะสอบ9มาตรฐานไม่ครบซะที แกบอกว่าปีก่อนๆนู้นมีเปิดอบรมก็ไม่ยอมรีบไปลงซะ เพราะเขาจะเลิกแล้ว น้องแกมัวแต่บ้างาน อดเลย แกบอกอีกว่า แต่ก็นะ ก็พวกเราๆมันสอบบรรจุกันไม่ค่อยได้เพราะคนจบคณะอื่นสอบติดกันเยอะ เราสู้ไม่ได้ ก็ประท้วงเรียกร้องกันหลายทีกว่าจะยอมออกกฎต่างๆมาได้ทีละขั้นๆ คราวนี้จะได้มีโอกาสบรรจุซะที (ปอลิง.พี่ไม่ได้ประท้วงกะเขานะ พี่ไม่ชอบสู้ แต่ผลมันเป็นประโยชน์ก็ไม่เถึยงล่ะจ้ะ) วานซืน ได้ยินแว่ว โครงการใหม่มาแน่ (ผมเคยเกริ่นในพันทิพนี่มาทีนึง เดือนก่อนนู้น แต่ตอนนั้นคงเพิ่มเริ่มดำริกัน เพราะเขาบอกว่ารู้แล้วเหยียบไว้ก่อนนะ) เงินกู้เพื่อเทคโนโลยีการศึกษา(ผมตั้งชื่อเอง) ให้ครูกู้ซื้อ ipad tablet notebook cam. etc.(อุปกรณ์ITทั้งหลาย) เรื่องความเก่งนี่ คือผมไม่ได้คิดว่าครูต้องเก่งมหาเมพหรอกนะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเจ้าเทคนิคเบสิกไม่มี งี้ไม่เอาน่อ บางทีคนคะแนนดี มันก็ไม่ได้เก่งนะ แต่คนเก่งจริงๆน่ะ ถ้ามันจะเรียน ยังไงมันก็ออกมาคะแนนดี หาตัวเลือกให้กว้างไว้ ถึงตัวเลือกชนิดที่ไม่ดีจะมีมากขึ้นด้วยตามขนาดประชากรที่เข้าแข่ง แต่ระบบคัดเลือกไม่ได้ใช้แบบสุ่มนี่นา ที่นั่งมีจำกัด แข่งเรียงลำดับกันมา ยังไงโอกาสได้ของดีติดมาก็มากกว่าแหละ ปล.เหตุการณ์สมมุติ ใครเคยเรียนสุขศึกษาแล้วพบว่า เอดส์ไม่ใช่โรคติดต่อมั๊ยครับ มีเด็กกลุ่มนึงบ่นว่าเข้าใจผิดมาตลอดเลยเหรอเนี่ยกรูว่ามันติดต่อ เถียงแล้วครูก็ไม่เชื่อ แต่คิดว่าเด็กคงไม่ตั้งใจเรียนเลยฟังมาผิดประเด็นมากกว่าแฮะ -เพิ่มลิ้งค์,ปล.,ปอลิง- -แก้คำผิด- แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 55 23:37:50 แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 55 23:22:01 แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 55 23:12:10 แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 55 23:07:07 แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 55 23:04:15 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:51:21

ความคิดเห็นที่ 15 ^^ ^^ อ่านจบขอนั่งไว้อาลัยให้กับระบบการศึกษาไทย  เอวัง จากคุณ : mangpongja เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 55 07:47:42

ความคิดเห็นที่ 16 ครับ..คุณ temp003184 ใช่เลยครับ แถวๆบ้านผมเขารู้กันอยู่แล้วว่า"ครู"นี่มีเงินกู้เข้ามาให้กู้มากมายโครงการมากมายทั้ง ของรัฐและของธนาคารต่างๆที่เน้นครู ที่เขาเปิดให้กู้กันจำนวนมาก.แล้วมีครูเข้าไปกู้แล้วแทบทุกโรงเรียนขณะนี้คือ "เงินกู้กระดูก"ครับ เงินกู้กระดูก คือ การกู้ชนิดใหม่ที่สถาบันการเงินปล่อยกู้ให้ครูโดยง่ายดายในวงเงินคนละ ๓ ล้านบาทครับ.โดยแค่ส่งดอกเบี้ย.ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งกระเกษียณ.แล้วตาย เมื่อตายก็จะเอาเงินก้อนสุดท้ายที่มีทั้งหมดมาใช้ได้.ถ้ายังไม่ตายก็สามารถส่งเฉพาะดอกเบี้ยได้ครับ เงินที่กู้มาสามล้านอย่างญาติๆผมนี่เกือบหมดแล้วครับ.ซื้อรถ ซื้อเสื้อผ้า.จัดงานกินเลี้ยงบ่อยๆ.เพราะเขาเชื่อว่า เดี๋ยวรัฐบาลก็ยกเลิกหนี้ให้  อ้อ.ผมเอาlink เก่าๆเรื่อง การเรียน ป.บัณฑิตนี้มาให้อ่านอีกรอบครับ    http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2011/05/K10610756/K10610756.html แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 55 07:58:43 จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 55 07:56:44

ความคิดเห็นที่ 17 คิดว่าคุณ fortuneteller มีอคติกับครูในระบบมากเกินไป หลายกระทู้ก็พร่ำเพ้อแต่การให้มาสอบสอนแข่งขันกันระหว่างครูในระบบกับติวเตอร์ดังๆ ซึ่งขอบข่ายภาระงานต่างกันอย่างชัดเจน ในขณะที่ติวเตอร์ดังกำลังสอนอย่างออกรสอยู่ในห้องเรียนแอร์เย็นฉ่ำ ครูในระบบอาจกำลังเดินทางไปบ้านของนักเรียนเพื่อหาสาเหตุว่า ทำไมถึงขาดเรียนไปหลายวัน อาจกำลังหาทางแก้ไขปัญหานักเรียนหญิงท้องก่อนวัยอันควรและคิดจะเอาเด็กออกอย่างเคร่งเครียด การจะมาเป็นครูโรงเรียนรัฐบาลไม่ใช่การมาแสดงความสามารถขั้นเทพในการสอนอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีอะไรอีกเยอะที่คุณคาดไม่ถึง "แล้วให้มาดวลกันในเรื่องวิชาที่สอนๆกันเลย ดวลกันต่อเนื่องสัก 3 เดือนโดยไม่ให้ครูในระบบต้องทำงานที่เจ้านายสั่ง" ตรรกะของคุณไม่แปลกเลยนะครับ ถามหน่อยว่าคุณจะทำตรงนี้ให้เกิดขึ้นจริงได้อย่างไร ใครจะเป็นเจ้าภาพหลัก คุณเป็นนายตัวเองคุณจะพูดอะไรอย่างไรก็ได้ "ถ้าครูในระบบเก่งจริงเขาไม่ทนเป็นครูต่อไปเพื่อรายได้ต่ำๆหรอก เขาต้องกระโดดออกมาเป็นติวเตอร์เต็มตัวอย่างแน่นอน" หลายคนเค้าพอใจที่ได้อยู่ในถิ่นฐานบ้านเกิดของตัวเอง พัฒนาเยาวชนในท้องถิ่น ชีวิตนี้ไม่ได้กระสันแต่เม็ดเงินมาหล่อเลี้ยงชีวิตเพียงอย่างเดียว เหมือนคนในเมืองใหญ่ชอบคิดกัน ส่วนตัวเป็นครูในระบบ จบจากมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้เป็นสถาบันผลิตครูโดยตรง สอบบรรจุได้จากข้อสอบกลางของมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของไทย เห็นความเน่าเฟะของระบบมาโดยตลอด และไม่คัดค้านนโยบายนี้ ดีใจด้วยซ้ำที่จะมีคนเก่งมาร่วมพัฒนาการศึกษาไทย จากคุณ : bookworm เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 55 10:45:34 A:113.53.214.49 X: TicketID:186053

ความคิดเห็นที่ 18 "และไม่คัดค้านนโยบายนี้ ดีใจด้วยซ้ำที่จะมีคนเก่งมาร่วมพัฒนาการศึกษาไทย จากคุณ : bookworm ขอชื่นชมครับ.ครูที่ได้มองเห็นปัญหาและยอมรับความจริง. ผมเองไม่เข้าใจว่า ประเด็นของการกำหนดหลักสูตรให้เรียนครู 5 ปีและมีใบประกอบวิชาชีพนั้น มีความหวังดีต่อประเทศชาติอย่างไร.ผมกลับมองว่า "นั่นคือการทำลายรากแก้วการศึกษาของชาติอย่างถึงที่สุด.อย่างมีการเตรียมการวางแผนไว้อย่างดี เพื่อจะทำให้พวกหมู่ตัวเองได้มายึดอาชีพครู.แล้วทำการต่อรองหาผลประโยชน์กับรัฐ อย่างไม่สิ้นสุด โดยไมคำนึงถึงอนุชนรุ่นหลัง นักเรียนตาดำๆ เยาชนของชาติที่จะได้รับเคราะห์กรรมจาก ครูที่เรียนไม่ได้เรื่อง ขี้เกียจ ไม่รับผิดชอบ แต่ได้มาผูกขาดเป็นครู มาเป็นแม่พิมพ์ของเขา." เหมือนที่ผมได้ยินมา.ดังที่กล่าว แม้กระทั่งวิชาmath ที่สำคัญๆ ยังไม่ได้เรื่อง ไม่รู้เลย.ปล่อยให้ลูกศิษย์ไปประสพชะตากรรมเอาเอง..แล้วพวกนั้นก็จะไปถูกคัดออก รีไทน์ เสียอนาคตไปในที่สุด จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 55 17:24:26

ความคิดเห็นที่ 19 ครับโดยส่วนตัวไม่ได้คัดค้าน เห็นดีเห็นงามด้วยซ้ำ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คนเก่งที่เข้ามา จะทนกับระบบแบบเดิมๆ ได้หรือไม่ ตรงนี้คือจุดที่น่าเป็นห่วง เพราะโรงเรียนรัฐบาลไม่ได้มีหน้าที่สอนอย่างเดียว คนเก่งๆ คงอยากสอนโรงเรียนดังๆเช่น เตรียมอุดมศึกษา สวนกุหลาบ บดินทร์เดชา ฯลฯ ซึ่งครูน่าจะได้สอนอย่างเต็มที่ นักเรียนก็ตั้งใจเรียน แต่โรงเรียนรอบนอกหรือต่างจังหวัด มีปัญหาให้ต้องแก้ไขอีกเยอะ อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า สอนกันไปแก้ปัญหากันไป ไม่ได้สอนอย่างเดียวเหมือนติวเตอร์ ก็เหนื่อยล้ากันไป ทั้งกายและใจ และทุกวงการมีทั้งคนดีและคนไม่ดี เก่งมาก เก่งปานกลาง หรือเก่งน้อยคละเคล้ากันไป วงการครูก็เช่นกัน เหลือบวงการครูก็มีเยอะ ไม่ปฎิเสธ แต่ยังมีครูดีๆ อีกเยอะที่ช่วยขับเคลื่อนการศึกษาชาติอย่างสุดกำลัง แม้ไม่เก่งขั้นเทพ เป็นนักแปลนามอุโฆษ หรือล่ามฉับพลัน เราก็ทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนตรรกะที่ว่าอยู่ในระบบเพราะไม่เก่ง ถ้าเก่งต้องออกไปเป็นติวเตอร์สิ ทำลายความรู้สึกครูดีๆ มากนะครับ คนเรามีมุมมองต่อการดำเนินชีวิตต่างกัน ไม่ควรเอาไม้บรรทัดตัวเองไปวัดคนอื่น กล้ายืนยันว่าคนเก่งในระบบยังมีอีกเยอะครับ จากคุณ : bookworm เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 55 19:57:02 A:113.53.212.92 X: TicketID:186053

ความคิดเห็นที่ 20 ให้กำลังใจค่ะคุณ"bookworm"น่าจะเป็นหนอนหนังสือ เราเชื่อว่าระบบปัจจุบันถูกขับเคลื่อนจากครูที่เก่ง แต่ที่เราๆเป็นห่วงเนื่องจากคนเก่งคงชักจะเหลือน้อยหรือล้าเต็มที และผลลัพธ์ก็จะกระทบต่อเด็กๆโดยตรงซึ่งก็ไม่ใช่ใครก็เป็นเยาวชนของชาตินั่นแหละ  การเปิดระบบให้การรับครูกว้างขวางขึ้นย่อมทำให้มีตัวเลือกเยอะขึ้น  ดีกว่าการจำกัดไว้ในวงแคบๆ  ซึ่งก็ต้องยอมรับกันว่าเด็กที่ไปเรียนราชภัฎส่วนใหญ่เป็นเด็กที่เรียนไม่เก่ง ดังนั้นโอกาสที่เขาจะจบไปเป็นครูที่เก่งถ่ายทอดความรู้ต่อไปให้ลูกศิษย์ก็ริบหรี่เต็มที บวกกับระบบที่ห้ามตกห้ามซ้ำชั้นเข้าไปอีก การศึกษาของไทยเลยตกต่ำลงไปเรื่อยๆ โรงเรียนกวดวิชาบานเป็นดอกเห็ดบานในฤดูฝน เพราะเด็กหมดหวังในการศึกษาในระบบก็เลยต้องดิ้นรนขวนขวายช่วยเหลือตัวเอง คนที่สิ้นเปลืองก็คือพ่อแม่ผู้ปกครอง เป็นระบบที่จ่ายแพงเกินจริง  ขอเพียงผู้ใหญ่ทุกคนยอมรับปัญหาที่เกิดขึ้น แล้วช่วยกันแก้ไข ดีกว่าคิดแบบอคติ เราเชื่อว่าสักวันการศึกษาไทยจะดีขึ้นอย่างแน่นอน จากคุณ : mangpongja เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 55 20:41:11

ความคิดเห็นที่ 21 อยากกดไลค์คห.17 ซักพันครั้ง จากคุณ : ผมรู้ เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 22:45:26

ความคิดเห็นที่ 22 เราก็ไม่รู้ว่าจะให้คำจำกัดความของคำว่า "เก่ง" ได้ขนาดไหน เอาเป็นว่า ในชีวิตการเรียนของเรา พอเจอมาทั้งครูและอาจารย์ที่เก่ง และไม่เก่ง เก่ง สำหรับเราคือ สอนแล้วเราเก็ต เรารู้เรื่อง เราเข้าใจ คือท่านอธิบายเป็น (ในระดับมหาวิทยาลัยที่เราเรียนมา อาจารย์ที่สอนเราไม่ได้จบครูสักกะท่าน เช่น รองศาสตราจารย์ วิลาศวงศ์ พงศะบุตร  คุณหญิงจินตนา ยศสุนทร  รศ สุขุม นวลสกุล รศ นพพร ประชากุล ฯลฯ คือท่านเหล่านี้ สอนแบบ พูดของยากให้เป็นของง่าย พูดอะไร ก็เห็นภาพตามได้หมด พูดครั้งเดียว เก็ต อธิบายอะไร เป็นขั้นเป็นตอนเป็นระบบ ไอ้ที่บอกว่าการสอนเป็นศาสตร์และศิลป์ แน่นอน ข้อนี้ไม่เคยเถียง แต่ท่านข้างบนที่กล่าวนามมานั้น มิได้จบศึกษาศาสตร์ ครุศาสตร์ แต่อย่างใด แต่ท่านได้เกี่ยวกับประสบการณ์ในการทำงานมาจนกลายเป็นปูชนียบุคคลด้านการศึกษา(การเรียนการสอน) ไปแล้ว ส่วนท่านที่จบมาจากศาสตร์ทางการสอนโดยตรง สำหรับก็มีบางท่านที่เป็นคนสอนเก่ง หรือเป็นครูที่เก่ง คือเรื่องอย่างนี้มันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่จะมาบอกว่า "ต้องเรียนครู เรียนศาสตร์การสอนมา แล้วจะเป็นอาจารย์ระดับท็อปเทพ ข้าพเจ้าขอเถียงหัวชนฝา เราไม่เคยดูถูกศาสตร์การสอน  แต่เราถือว่ามันเป็นศาสตร์ประยุกต์  มันเป็นเรื่องเทคนิก เรื่ององค์ความรู้มันเทียบกันไม่ได้กับศาสตร์บริสุทธิ์ (ซึ่งเรียนก็ยาก สอนก็ยาก) ขอย้ำอีกครั้งว่า  ครู(คน)เก่ง ต้องสอนเก่ง   ถ้าสอนไม่เก่ง ก็ไม่ใช่ครูที่เก่ง จากคุณ : ปากจัดชะมัดยาด (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 55 00:00:19

ความคิดเห็นที่ 23 คคห.ที่ 22 สมัยที่เราเรียน มัธยมปลาย.ครูแต่ละคนก็ไม่ได้อบรมเพิ่มเติมวิชาจิตวิทยาการสอน.ชั่วโมงเพิ่มเติมอะไร.บางท่านจบมาทางอื่นเช่น อักษรศาสตร์.ทางช่าง.มาสอนได้อย่างยอดเยิ่ยม สมัยนี้ จึงต้องประดิษฐ์ประดอย.ถ้อยคำให้ดูเลิศลอย.เฟ้อฝัน.ประมาณว่า คนอื่นฟังแล้วไม่เข้าใจ นึกภาพไม่ออก.ดูสูงส่ง เช่นคำว่า จิตวิทยาการถ่ายทอด บุรณภาพหรือบูรณาการทางการวิวัฒน์ในการผ่องถ่ายฯ (อะไรของมัน)แล้วก็ตั้งกฎห้ามคนอื่น มาสอบเป็นครู ถ้าอยากเป็นต้องไปเรียนเพิ่มอีก 1 ปี  ที่ จุฬา.คณะครุฯไม่ได้รับการรับรองดังที่กล่าวข้างต้น เพราะเด็กเรียนเก่ง จบก่อน 5 ปี.ไม่มีสิทธิจะมาเป็นครู เพราะดันทะลึ่ง เป็นคนเก่ง..ต้องโง่ๆ เรียนช้า จึงจะมาเป็นครูได้  คงทราบกันว่า เดี๋ยวนี้เกือบทุกมหาวิทยาลัย คนเก่งๆเรียนจบแค่ 3 ปี หรือ สามปีครึ่ง แทบทั้งนั้น  เห็นไหมว่า สร้างกฎได้ซับซ้อน ไร้ความรับผิดชอบมาก  บ้านเมืองจึงมีแต่ปัญหาอย่างนี้ เพราะ"ครู"ไม่ดี แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 55 11:52:45 จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 55 09:37:37