ความคิดเห็นที่ 1 ส่วนตัวเข้าใจว่า สูญหายไปตอนเสียกรุ่งครั้งที่สองครับ จากคุณ : pixelchio เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 15:18:26

ความคิดเห็นที่ 2 หายไปตอนเสียกรุงครั้งที่ 2 ครับ จากคุณ : Niceguy_C3 เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 16:38:40

ความคิดเห็นที่ 3 หายไปตอนเสีย กรุงเทพมหานครบวรทวารวดีศรีอยุธยา ครั้งที่ 2 ครับ ไม่รู้ว่าหายด้วยฝีมือ พม่า หรือ คนสยาม นะครับ สมบัติส่วนมากของกรุงศรีอยุธยา พม่าก็ขนกลับไปพม่าเสียส่วนใหญ่ ตั้งแต่ ปี พุทธศักราช ๒๓๑๐ หากจะถามหาตัวจริงคงยากแก่การค้นหาปัจจุบันเหลือแต่เพียงของจำลองที่รัชการที่ ๑ ทรงทำขึ้นมา เฉยๆ จากคุณ : ชาวสยามประเทศ เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 17:58:00

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่ทราบว่าของจำลองที่ว่าเก็บอยู่ที่ไหนเหรอครับ ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าชมได้มั๊ยครับ ว่าแต่ถ้าร.1ทรงสร้างของจำลองขึ้นมา แสดงว่าของจริงก็คงเคยมีสินะครับ เพราะพระองค์ท่านคงทันเห็นของจริง สมัยเป็นขุนนางอยุธยา จากคุณ : ผมรู้ เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 18:13:43

ความคิดเห็นที่ 5 ของจำลองน่าจะเก็บอยู่ที่ พระบรมมหาราชวัง นะครับ แต่ไม่น่าจะเข้าชมได้นะ จากคุณ : วิคเตอร์ เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 18:51:31

ความคิดเห็นที่ 6 http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2011/03/K10327815/K10327815.html จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 20:46:16

ความคิดเห็นที่ 7 รู้สึกว่าท่านมุ้ยจะนำไปจัดแสดงที่กองถ่ายนเรศวร ไม่รู้ว่า ตอนนี้จะอยู่ที่นั้นไหม จากคุณ : ชาวสยามประเทศ เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 00:16:28

ความคิดเห็นที่ 8 ทำไมเราไม่ทวงคืนสมบัติชาติ จากพม่า ครับ จากคุณ : สุดยอดเทพ เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 00:41:40

ความคิดเห็นที่ 9 เชื่อเถอะครับว่า พระคลังมหาสมบัติของอยุธยา ไม่ได้หายไปไหน และไม่ได้ไปอยู่พม่า ถ้าอยู่จริง ก็คาดว่าพม่าต้องเอามาแสดงแล้ว โดยส่วนตัวเชื่อว่า ของเหล่านี้ยังอยู่ในเมืองไทย เพราะ กว่าพม่าจะตีกรุงศรีอยุธยาแตก ฝ่ายอยุธยาก็มีเวลาเตรียมตัวอยู่มาก จึงเป็นโอกาสให้ขนสมบัติไปเก็บไว้ที่ไหนสักแห่งที่เราไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่า สมบัติเหล่านี้อยู่ที่ใด และโปรดเชื่อเถอะครับ เจดีย์เชวดากอง และเครื่องประดับทั้งปวงนั้น พม่าเค้าสร้างและถวายเป็นพุทธบูชามานานแล้ว ก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจะแตกอีก จากคุณ : พระนายไวย เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 09:12:04

ความคิดเห็นที่ 10 เห็นด้วยกับคุณพระนายไวยครับ ส่วนตัวเชื่อมาเสมอว่าของสำคัญคู่กรุงศรีอยุธยาที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ของเหล่านี้ได้ถูกนำเก็บไว้อย่างดี ณ สถานที่แห่งหนึ่งแห่งใดที่เตรียมไว้  ฝ่ายผู้ปกครองมีหรือจะไม่รู้ว่าอย่างไรเสียคงรักษากรุงไว้ไม่ได้ สิ่งที่เป็นศักด์และศรีของกรุงต้องรอดพ้น ยังมีอีกหลายอย่างที่เราอาจจะยังไม่รู้ หรือยังหาไม่พบครับเกี่ยวกับกรุงศรีอยุธยา ผมเชื่อเช่นนั้นครับ จากคุณ : Indy_Colts เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 15:12:51

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าไปอยู่ที่พม่าจริงอาจจะโดนอังกฤษเอาไปตอนพม่าเสียเมืองเมื่อ พ.ศ 2428 ก็ได้คะ จากคุณ : giggsmay เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 15:59:20

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้างั้นคงซ่อนในวัดแถว นั้น จากคุณ : สุดยอดเทพ เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 16:23:47

ความคิดเห็นที่ 13 โดยส่วนตัวเชื่อว่าชาวพม่าจะไม่เอาทองคำที่ไม่ได้ด้วยความบริสุทธิ์ถวายเป็นพุทธบูชาบนเจดีย์ชเวดากองค่ะ จากคุณ : biebie999 เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 18:37:17

ความคิดเห็นที่ 14 แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่าต้องมีทองไทยไม่มากก็น้อยครับ เพราะว่า เจดีย์ที่เห็นเพิ่งจะซ่อมหรือครอบใหม่ในช่วงประมาณสมัยอลองพญานี้เอง แล้วอย่างที่ทราบพม่ามิได้เป็นประเทศการค้า การที่จะได้ทองมามาก ๆ ขนาดนี้ แน่นอน อาจจะเป็นของสะสมมาหลายชั่วอายุคนก็จริงอยู่ แต่คงมีบ้างที่ได้มาใหม่ แล้วช่วงสมัยนั้น ก็ทำแต่การรบจะเอาเวลาที่ไหนมาทำการค้า (ราชวงศ์คองบอกก็แค่ร้อยกว่าปีเอง) สมทรัพย์ และก็ยังปรากฎพระพุทธรูปแบบขอมปรากฎที่พม่า ซึ่งคาดว่าก็ขนมาจากที่อยุธยานี่แหละ ก็ถวายเป็นพุทธบูชานะถึงได้เอาไป ส่วนเรื่องทอง ผมเชื่อว่า คนไทยก็คงปล้นสดมภ์อะไรกันบ้าง เพราะพม่ามาล้อมเป็นปี แต่เชื่อเหมือนกันว่า ทองหรือสมบัติเหล่านั้น ก็คงไว้ไถ่ตัวเอาชีวิตรอดเสียมากกว่า เพราะว่าเสียทรัพย์สินไปคงดีกว่าเสียชีวิตครับ เพราะคนไทยจำนวนมากก็หนีเล็ดรอดได้ ถึงได้กอบกู้ชาติ ผมว่าตอนนั้น ก็คงจะเอาทรัพย์สินฯ แลกกับชีวิตกันบ้างไม่มากก็น้อย ช่วงชุลมุนหน่ะครับ ปล.ทองสมัยอดีต เราไม่รู้หรอกครับ ว่ามันเปื้อนเลือดหรืออะไร แล้วผมคิดว่า สมัยก่อนทองค่อนข้างเปื้อนเลือดด้วย เพราะว่า มันไม่ใช่ระบบการทำแบบอุตสาหกรรมแบบนี้ มันมาจากเหมืองขั้นต้นฉะนั้น การปล้มสดมภ์มันง่ายมาก จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 20:42:47

ความคิดเห็นที่ 15 # คุณชาวสยามประเทศ ที่ว่าเอาไปแสดง พระแสงองค์จำลองของจริง หรือที่ผู้กำกับสร้างขึ้นมาเองครับ ? ของจริง กับ ของจากจินตานาการบางครั้งก็ต้องแยกให้ออกนะครับ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 21:30:11

ความคิดเห็นที่ 16 เจดีย์ ชเวดากองมีมาก่อนเสียกรุงก็จริงครับ แต่มีการสร้างครอบไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น ทองที่สร้างเพิ่มนั้นก็น่าจะมีมาจากอยุธยาบ้างไม่มากก็น้อย แต่ก็ถือเป็นสิทธิของผู้ชนะ ตามกฎของสงครามสมัยก่อน จากคุณ : Niceguy_C3 เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 22:49:39

ความคิดเห็นที่ 17 เห็นตาม #9 ครับ เท่าที่สัมผัสคนที่นับถือพุทธศาสนาในพม่าส่วนตัวแล้วค่อนข้างมั่นใจว่า หากพม่าได้สมบัติจากอยุธยาไปจริงไม่น่าจะนำไปเป็นพุทธบูชา เนื่องจากคนพม่าเคร่งครัด ในพระพุทธศาสนามากๆ ยิ่งสมัยก่อนแล้วผมว่าน่าจะเคร่งครัดยิ่งกว่านี้ อีกอย่างพม่าก็เป็นเมืองค้าขายกับชาติตะวันตกอยู่แล้วมั่งคั่งไม่แพ้อยุธยาแน่นอน ส่วนที่ว่า อังกฤษอาจยึดจากพม่าไปอีกที ถ้ามีจริงอังกฤษก็น่าจะจัดแสดงให้เห็นบ้างนะครับ เครื่องทอง ที่ยึดไปบางส่วนพม่าก็ได้แจ้งขอคืนมาได้ บ้านเราชอบขุดกรุที่ฝังไว้ ทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าวไม่รู้ว่าสมบัติเหล่านี้สูญหายจากคนของเรา เองน่าจะเป็นจำนวนมาก จากคุณ : EspressoFx เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 22:52:33

ความคิดเห็นที่ 18 ทางฝ่ายไทยเราย่อมมองว่านี่คือการปล้น เป็นของไม่บริสุทธิ์ ย่อมไม่เหมาะจะนำไปเป็นพุทธบูชา แต่กษัตริย์พม่าเขามองอย่างนี้รึเปล่าล่ะ เขาอาจจะคิดว่านี่คือสิทธิธรรม หรือความชอบธรรมที่รบชนะ เป็นสิ่งที่คู่ควรกับบุญบารมีแห่งพระองค์ก็ได้นะครับ จะเอาไปทำอะไรก็ตามพระราชอัธยาศัย จากคุณ : RX-ALCHEMIST เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 23:13:28

ความคิดเห็นที่ 19 พม่าล้อมอยู่นานหลายเดือนมาก ยกทัพมาก็ไกลได้รับความลำบากแสนสาหัสกว่าจะตีกรุงศรีแตก ฉะนั้นพอตีได้แล้วมันก็ต้องมีรายการเอาคืนเป็นธรรมดา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่่จะมีการปล้นหลังแพ้สงคราม และความหมายของการปล้นก็คือ มือใครยาวสาวได้สาวเอา ไม่มีการยืนรอให้แม่ทัพสั่งว่าอันไหนของฉันอันไหนของเธอแน่นอน พอกรุงแตก พระราชวังและพระราชฐานชั้นในจะกลายเปนจุดที่ทหารเลวทั้งหลายอยากไปถึงให้เร็วที่สุด จุดประสงค์หนึ่งคือจะไปยึด แต่อีกจุดประสงค์หนึ่งคือไปเก็บกวาดทรัพย์สินมีค่า ลองคิดดูน่ะครับว่าถ้าเปนทหารเลวไปถึงเขตพระราชฐานก่อนและหยิบได้ฉวยเอาของเหล่านั้นไป ทหารเลวพวกนั้นจะเดินถือไปคืนให้นายกองของเค้าไหม? ผมว่าไม่แน่นอน และถ้าเกิดทหารเลวเกิดนึกสนุดเดินถือไปคืนให้นายกองของเค้า คุณคิดว่านายกองคนนั้นจะเวรคืนของเหล่านั้นให้แม่ทัพใหญ่หรือองค์เหนือหัวใหม่? ไม่ให้ก็ไม่มีใครรู้ ถึงจะอมไปจะไม่เหนจะเป็นไร? ฉะนั้นผมว่าหายแน่นอนครับ และการเคลื่อนย้ายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ถือเป็นเรื่องใหญ่ บรรดาขุนนางเสนอไม่ได้แน่นอน ในภาวะสงครามแล้ว การพูดเรื่องย้ายสมบัติหนี ถึงแม้ว่าทำเพื่อความปลอดภัยเผื่อแพ้สงครามก็เถอะ แต่มันเปนการพูดเปนลาง ทำให้ไพร่พลเสียขวัญได้ และอาจถูกสั่งประหาร ผมว่าขุนนางไม่น่าจะกล้าเสี่ยงตายกราบทูล ฉะนั้นพอขุนนางแนะนำไม่ได้ ก็ต้องให้พระเจ้าแผ่นดินทรงดำริเอง และส่วนตัวผมมองว่าพระเจ้าเอกทัศน์คงจะไม่ดำริให้ย้ายหรอก พระองค์อาจจะไม่คิดว่ากรุงศรีจะแตกเลยก็ได้ ทรงอาจจะเชื่อว่าพอถึงหน้าน้ำหลาก พม่าก็คงไป จากคุณ : Iluvatar เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 55 08:37:02

ความคิดเห็นที่ 20 พ.ศ. 2310 กรุงศรีอยุธยาแตก จากทัพพม่ารามัญ หัวเมืองที่ร่วมรบ(เหนือ ตะวันตก) และฝ่ายอยุธยาที่แปรพักตร์ เป็นกองกำลังหลายฝ่ายเข้ารุม พ.ศ. 2317 พระเจ้ามังระโปรดให้ปฏิสังขรณ์และก่อเสริมพระเจดีย์ชเวดากองในเมืองย่างกุ้ง(ดากอง)เป็นการใหญ่นั้น มีความสูงเท่าปัจจุบัน ยกฉัตรใหม่ ขยายฐาน มีปรากฏเรื่องนายขมนต้ม พ.ศ.2319 พระเจ้ามังระสวรรคตอย่างกระทันหัน หลังจากอะแซหวุ่นกี้ แม่ทัพพม่าได้ตีพิษณุโลกแตกแล้วเตรียมจะกรีฑาทัพสู่กรุงธนบุรี เป็นผลให้อะแซหวุ่นกี้ต้องยกทัพกลับทันที พ.ศ.2414 เกิดแผ่นดินไหว ยอดฉัตรหัก บูรณะใหม่ สมัยพระเจ้ามินดง พ.ศ.2473 เกิดแผ่นดินไหว ยกยอดฉัตรใหม่ โดยรัฐบาลทหารพม่า สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นโจมตีพม่าอย่างหนัก ย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ ไฟไหม้พินาศจากสงคราม ที่เห็นๆกันทุกวันนี้บูรณะ สร้างใหม่ไม่ถึงร้อยปี สมบัติพม่าที่อังกฤษนำไป แถบหมดประเทศ แต่โมก๊อกยังทำเหมืองพลอยอยู่จนทุกวันนี้ บางส่วนญี่ปุ่นอาจได้ไป อาณาเขตพม่ารวมมณีปุระ จิตตะกองด้วย แต่โดนแบ่งไปรวมกับอินเดียและแยกตัวเป็นบังกลาเทศในเวลาต่อมา พม่าเหนือมีทางเส้นการค้าจากหยุนหนาน เชื่อมกับชมพูทวีป ภายหลังเสื่อมความนิยมลงเพราะทางเรือมีปัญหาน้อยกว่า ความมั่งคั่งของพม่าใต้ ไม่ด้อยความอยุธยา และทำเหมืองพลอย ทองคำ ส่งออกมานานมาก จากอ่าวเบงกอล ต้องพักเรือที่เมาะตะมะก่อน(เป็นอ่าวเว้าลึก ปากแม่น้ำอิรวดีคลื่นลมไม่แรง) ผ่านมะริด ทวาย จึงอ้อมแหลมมลายู มาพักเรือที่อ่าวไทย โดยมากมักเข้าที่อยุธยา ก่อนล่องเรือไปชวา หมู่เกาะเครื่องเทศ ฮ่องกง กวางตุ้ง พระธาตุสร้างแบบก่ออิฐถือปูนประดับด้วย "แผ่นทองจังโก" แผ่นทองเหลือง ทองสัมฤทธิ์ มีปิดทองประดับ(ทางล้านนา อยุธยา เขมรใช้วิธีการสร้างคล้ายๆกัน) ฐานเจดีย์ราย สร้างสมัยหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง โดยศรัทธาชาวพม่า ถ้าจะนับว่าพม่ารามัญได้ทองไปจากอยุธยา ส่งกลับไปย่างกุ้งได้มากแค่ไหนคงตอบยาก เพราะพม่าติดศึกกับต้าชิง สมัยเฉียนหลง ที่รู้ข่าวว่าเสียนหลอแตก ต้องเคลื่อนพลโดยเร่งด่วนไปทางเหนือเพื่อยันทัพ ทัพหลายหัวเมือง หลายเหล่าที่ร่วมรบ ต้องได้แบ่งหรือแล้วแต่จะแย่งได้ อาจมีฆ่ากันเองแย่งสมบัติด้วยซ้ำ มิเช่นนั้นคงไม่สามารถตั้งก๊กเหล่าได้มากขนาดนั้น ในเวลาไม่กี่เดือน แล้วพม่าตึงมือจากศึกหลายด้าน ถ้ามีทองมากขนาดนั้น น่าจะซื้ออาวุธ บำรุงเมืองสร้างป้อมกำแพงก่อน แถมต้องกวาดต้อนคนไปเป็นแรงงาน ซึ่งใช้ทรัพยากรมาก(หลักฐานที่เหลืออยู่คือ หอสูงเมืองอังวะ) เจ็ดปีให้หลังถึงจะมายกยอดฉัตร ขยายฐาน พระธาตุชเวดากองได้ ภาพชเวดากอง สมัยสงครามโลกครั้งที่2 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 55 12:30:04 จากคุณ : ต็กโกวคิ้วป้าย เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 55 10:26:02

ความคิดเห็นที่ 21 อ่าน จดหมายเหตุรายวัน โดยบาทหลวง เดอ ชัวซีย์  เข้ามาในสมัย สมเด็จพระนารายณ์ฯ และได้ท่องเที่ยวพบเจอสิ่งต่างๆ ระหว่างพำนักที่นครหลวงกรุงศรีอยุธยาฯและละโว้ รวมถึงได้เข้าไปถึงในเขตพระราชฐาน  ก็ได้เห็น พระแสงฯ นี้เช่นกัน และช้างทรงคู่บารมีของพระองค์ดำ ก็มีอายุยืนยาวจนบาทหลางท่านได้บันทึกไว้อย่างน่าสนใจ จากคุณ : Dalre2006 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 13:13:28

ความคิดเห็นที่ 22 จากจดหมายเหตุของ de Coutre ระบุว่าเจ้าพระยาปราบหงสา ล้มลงในปี ค.ศ. 1596 (พ.ศ. 2139) หลังศึกยุทธหัตถี 4 ปี สมเด็จพระนเรศวรทรงโปรดได้มีการสร้างเมรุ เผาศพช้างหลวงอย่างสมเกียรติยศเจ้าพระยา ถึง 7 วัน 7 คืน สมเด็จพระนารายณ์  ครองราชย์ พ.ศ. 2199 - พ.ศ. 2231 ช้างไม่น่าจะอายุยืนถึงขนาดนั้น เวลาตั้ง60กว่าปี น่าจะเป็นลูกหลาน ก้านกล้วยมากกว่า จากคุณ : ต็กโกวคิ้วป้าย เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 13:47:20