PANTIP.COM : K12357037 เพิ่งจบใหม่ อยากเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยค่ะ รบกวนขอคำปรึกษา [การศึกษา]

ความคิดเห็นที่ 11

ไม่รู้ว่ายังกลับมาอ่านไหม

ดูเหมือน จขกท จะขาดความมั่นใจอยู่พอสมควร แต่อยากบอกว่าทำใจร่มๆ การเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยด้านภาษาอังกฤษในไทยไม่ได้ยากเย็นอย่างนั้นหรอก ถ้าคุณไม่ aim high ขนาดว่าจะสอนมหาวิทยาลัยรัฐใหญ่ๆ (มหาวิทยาลัยวิจัย) ในเขตเมืองตั้งแต่ตอนนี้ (เพราะเท่าที่อ่านคุณสมบัติของคุณ อาจต้องแข่งกับคู่แข่งตัวเบ้งๆ อีกเยอะ)

การรับสมัครอาจารย์ด้านภาษาอังกฤษมหาวิทยาลัยรัฐในแต่ละครั้งเท่าที่ผมสังเกตจะแบ่งคุณสมบัติค่อนข้างชัดเจน เช่น ว่าจะรับไปเพื่อเน้นสอน หรือเพื่อรับไปทั้งสอนทั้งทำวิจัย หรือรับไปเพื่อสอนแต่เน้นวิจัยมากๆ

ถ้าเป็นอย่างแรกเกณฑ์อาจไม่เข้มงวดมาก คือแค่จบโทในมหาวิทยาลัยมีชื่อหน่อยก็เป็นอาจารย์สอนได้ อีกอย่างเขามักไม่ได้กำหนดเกรดไว้สูงหรือไม่ได้ระบุด้วยซ้ำ หรือไม่ได้บังคับว่าต้องจบแผน ก. เท่านั้นถึงจะสมัครได้ ซึ่งก็เข้าข่ายการประกาศของ มอ.สุราฏซึ่งเป็นวิทยาเขตย่อยของ มอ.ใหญ่ วิทยาเขตย่อยของมหาวิทยาลับรัฐใหญ่อื่นๆ อย่างมอเกษตรกำแพงแสน หรือม.รัฐขนาดกลางๆ ต่างจังหวัดอย่าง มออุบลฯ ก็จะเกณฑ์คล้ายๆ กันแบบนี้ มหาวิทยาลัยกลุ่มราชภัฏ/ราชมงคล หรือมอเอกชนเองก็จะอยู่ในขอบข่ายนี้เช่นกัน ซึ่งส่วนตัวแนะนำว่าเท่าที่คุณสมบัติที่คุณมีอยู่ ลองสอบเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยกลุ่มนี้ก่อนโอกาสจะง่ายกว่า

ส่วนอีกกลุ่ม

แต่ถ้าดูประกาศของมอรัฐ (มหาวิทยาลัยวิจัย) ในวิทยาเขตหลักอย่าง มอ หาดใหญ่ เกษตร บางเขน มศว หรือมหาวิทยาลัยหัวเมืองขนาดใหญ่อย่าง ม.เชียงใหม่ ม.นเรศวร ม.ขอนแก่น เขามักจะระบุไว้เลยว่าเน้นรับแต่ปริญญาเอก เกรดป.ตรี โท เอก ต้องเท่านั้นเท่านี้ หรือถ้าจบแค่โทต้องเป็นแผนก.เท่านั้น (หรือเป็นแผนข.ที่มีผลงานเทียบเท่างานวิจัย) และต้องเรียนต่อป.เอก ภายในเท่านั้นเท่านี้ปี หรือจะสมัครได้ต้องอย่างน้อยกำลังเรียนป.เอก อยู่ (เกณฑ์อาจต่างกันนิดหน่อยแต่จะคล้ายๆ กันแบบนี้) การเข้าเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยกลุ่มนี้ค่อนข้างยากยิ่ง ผมว่าถ้าคุณเกรดยังไม่ได้ตามกำหนด หรือไม่มีงานวิชาการอื่นใดในระดับป.โทที่เชิดหน้าชูตา คุณควรจบอย่างน้อยป.เอก เท่านั้นถึงจะมีสิทธิไปแข่งขันเพื่อเป็นอาจารย์ในม.กลุ่มนี้ได้ เว้นแต่เนื้อหาการประกาศจะบอกกลายๆ ว่ารับสมัครไปสอนวิชาภาษาอังกฤษ(พื้นฐาน) ซึ่งประกาศแนวนี้นานนนนนจะมีทีหนึ่ง ซึ่งว่าไปถ้าเข้าไปสอนก็จะอยู่ในตำแหน่งอาจารย์หางแถวในที่ๆ มีแต่อาจารย์เก่งๆ ระดับดร. หรือมีตำแหน่งวิชาการสูงๆ รอบตัวอยู่ดี สอนไปก็กดดันไป T-T

ส่วนประสบการณ์เรื่องการโรงแรมเรื่องการแปลงานไรนั้นทิ้งไปได้เลยเพราะแทบไม่มีผลต่อการพิจารณาค่อนข้างมาก การวัดคุณสมบัติแต่ละครั้งเขาจะเน้นดูผลการเรียนส่วนหนึ่ง การทำวิจัยผลงานตอนเรียนเช่น มีเขียนเปเปอร์ หรือนำเสนอในที่ประชุมอะไรมากกว่า จากนั้นก็ดูความสามารถทางภาษา + การสอบสอนเป็นหลัก

สรุปคือเลือกสมัครเป็นอาจารย์กลุ่มแรกไปก่อน สอนไปสักพักก็รีบเรียนต่อเอกให้ไวที่สุด จบแล้วก็ขยันสอนขยันทำงานวิจัย ถ้ายังมีใจไฟแรงอยู่ อยากสอนมอ.วิจัยใหญ่ๆ ก็ค่อยขยับขยายไปเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยกลุ่มหลังต่อไป (แต่ปกติก็ไม่ค่อยเห็นมีใครทำกัน)

ส่วนที่ว่าแผนข. ที่มีผลงานเทียบเท่าผลงานวิจัยนั้น จริงๆ คำนี้ริเริ่มจากมหาวิทยาลัยวิจัยอย่าง มอออ หาดใหญ่ เพราะเล็งเห็นว่ายังมีสารนิพนธ์ดีๆ หลายเล่มที่ควรได้รับโอกาสเทียบเท่ากับวิทยานิพนธ์ ถ้าสารนิพนธ์นั้นมีระบบระเบียบวิธีวิจัย ความเข้มข้นในเนื้อหาใกล้เคียงกับวิทยานิพนธ์หรืออาจดีกว่าวิทยานิพนธ์บางเล่มด้วยซ้ำ (อาจได้รับการตีพิมพ์ หรือมีการนำเสนอในงานประชุมวิชาการที่มีคุณภาพใดๆ) ฉะนั้นที่ว่าเป็นอาจารย์ต้องจบป.โท แผน ก. สำหรับสายภาษานั้น บอกได้เลยว่าไม่เป็นความจริงเสมอไป (ข้อมูลนี้เก่าไปแล้ว)
แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 55 17:55:28

จากคุณ : โจโฉ (joechou)

เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 55 17:48:58