ความคิดเห็นที่ 1 คำแนะนำของผมคือ ลองหาซื้อแบบที่เป็นหนังสือแทนครับ ราคาคงซัก 400-500 มั้งครับ ประสบการณ์ของผมคือ การเรียนรู้เกิดจากความขี้เกียจต้องเปิดดิกฯ หาศัพท์บ่อย ๆ เลยต้องเตือนตัวเองให้จำคำศัพท์ไว ๆ อะไรที่มันได้มาง่าย ๆ ผมจะไม่ค่อยจำครับ จากคุณ : เอาชื่อรัยอ่ะ เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 55 05:20:24

ความคิดเห็นที่ 2 talking dictionary เหมาะสำหรับไป shopping ต่างประเทศ แบบจะซื้อของคุยกันไม่รู้เรื่องก็กดหาศัพท์ง่ายๆ แล้วไม่อยากแบบ dictionaries หนักๆ แต่ไม่เหมาะสำหรับเรียนภาษาอังกฤษเพราะงบน้อยๆได้ dictionary แค่เล่มเดียว กดๆไปเดี๋ยวก็พังแล้ว คนเก่งภาษาอังกฤษส่วนใหญ่ใช้ dictionaries อังกฤษ-อังกฤษ หลายเล่มมากๆ (มากเล่มที่สุดเท่าที่จะหามาได้) และไม่เคยอ่านตำราภาษาอังกฤษที่เขียนโดยคนไทยเลย แต่จะอ่านตำราภาษาอังกฤษที่เขียนโดยฝรั่งเจ้าของภาษาซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษล้วนๆ ( ถ้างบน้อยใช้ online dictionaries เพื่อการเรียนรู้จะดีกว่า เราทั้งเรียนรู้ภาษาอังกฤษและทำงานแปลเอกสารกับสอนภาษาอังกฤษ โดยเวลาค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อการเรียนรู้ด้วยตัวเองหรือเพื่อเอาข้อมูลไปสอนคนอื่น ใช้ online dictionaries ของฟรีลูกเดียว อ้นนี้หมายถึงเวลาอยู่กับบ้านทำงานด้านภาษาอังกฤษ(แปลเอกสาร) หรือเรียนรู้ภาษาอังกฤษ หรือเตรียมการสอนภาษาอังกฤษให้คนอื่น แต่เวลาออกนอกบ้านเมื่อก่อนเราใช้ netbook ใช้ aircard ใส่ 3g sim ต่อเน็ตเพื่อเข้า online dictionaries แต่ตอนนี้เราต้องการลดน้ำหนักที่แบก ก็เลยเพิ่มงบ เปลี่ยนเป็นใช้ อุปกรณ์เบาๆที่ต่อเน็ตด้วย 3g ได้และทำงานได้ใกล้เคียง netbook เช่นพวก tablet  และ/หรือ smart phone สรุปแล้วถ้าคุณงบน้อยและอยากเรียนภาษาอังกฤษ อยู่กับบ้าน ต่อเน็ตด้วย adsl แล้วใช้ online dictionaries จะเรียนรู้ได้มากกว่า ไม่ต้องไปซื้อมันหรอก talking dictionary มันเป็นเทคโนโลยีที่ล้าสม้ยเสียแล้ว แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 55 13:02:27 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 55 12:58:05

ความคิดเห็นที่ 3 ขอคำแนะนำคุณ fortuneteller ว่าใช้ออนไลน์ดิกของที่ไหนดีคะ ตอนนี้ใช้ Longdo อยู่ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : เพชร เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 55 15:17:34 A:58.9.192.3 X: TicketID:282336

ความคิดเห็นที่ 4 ขอคำแนะนำคุณ fortuneteller เพิ่มเติมว่าควรอ่านตำราเล่มไหนดีคะ เท่าที่เคยอ่านคือ Grammar in Use (intermediate) เป็นภาษาอังกฤษ กับอีกเล่มที่เป็นภาษาไทย Advanced English Grammar (สำราญ คำยิ่ง) ส่วนเรื่องการเลือกใช้ dictionary เคยได้ยินว่าถ้าอยากจำศัพท์ได้ดีควรใช้แบบเป็นเล่มจะดีกว่า จริงหรือเปล่าคะ เคยลองแล้วปรากฎว่าใช้เวลานานมาก แต่ก็อาจจะเพราะเปิดไม่คล่องด้วยค่ะ เห็นเพื่อนบางคนเปิดหาศัพท์ได้ไวมาก ส่วนตัวใช้วิธีกดดิกเอาค่ะ และมักจำศัพท์ที่เปิดไปแล้วไม่ค่อยได้ ต้องเปิดซ้ำอีกหลายรอบค่ะ ขอคำแนะนำหน่อยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : เพชร เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 55 15:28:19 A:58.9.192.3 X: TicketID:282336

ความคิดเห็นที่ 5 รบกวนขอคำปรึกษาเพิ่มเติมอีกนิดนะคะ อยากให้ช่วยแนะนำวิธีการอ่านภาษาอังกฤษให้เร็ว (พวกวารสารวิชาการ บทความ ตำราวิชาการภาษาอังกฤษ) โดยที่จับใจความได้ดี ตอนนี้รู้สึกว่าอ่านได้ช้าเกินไป เข้าใจว่าเป็นเพราะไม่คุ้นกับศัพท์วิชาการด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนรู้สึกว่ารูปประโยคซับซ้อน อ่านแล้วต้องแปลเป็นภาษาไทยอีกรอบถึงจะจับใจความได้ ลองศึกษาศาสตร์เกี่ยวกับ Speed Reading แต่ก็ติดที่ภาษา กลายเป็นอ่านเร็วแต่จับใจความไม่ได้ กลุ้มใจไม่รู้จะแก้ยังไงดีค่ะ จากคุณ : เพชร เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 55 15:38:11 A:58.9.192.3 X: TicketID:282336

ความคิดเห็นที่ 6 1. ใช้ออนไลน์ดิกของที่ไหนดีคะ ตอนนี้ใช้ Longdo อยู่ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ ตอบ พิมพ์คำว่า dictionary เข้าไปใน google แล้วเลือกเอาตามใจชอบ มีบานเบอะ 2. ควรอ่านตำราเล่มไหนดีคะ เท่าที่เคยอ่านคือ Grammar in Use (intermediate) เป็นภาษาอังกฤษ กับอีกเล่มที่เป็นภาษาไทย Advanced English Grammar (สำราญ คำยิ่ง) ตอบ ถ้าหมายถึงตำรา grammar คุณก็พิมพ์คำว่า grammar เข้าไปใน google แล้วเลือกเอาตามใจชอบ มีบานเบอะ หมายเหตุ เราเรียนภาษาอังกฤษมาจนถึงระดับที่เราสามารถทำงานแปลไทยเป็นอังกฤษแล้วเขียนคำแปลภาษาอังกฤษสวยๆอย่างรวดเร็วสายฟ้าแล่บ แต่ความลับที่หลายคนไม่รู้ก็คือ "เราไม่เคยเรียน grammar มาก่อนเลย" ^ จริงๆแล้วเราเรียน grammar ไปโดยไม่ได้ตั้งใจ คือเราเรียนแต่ฟังกับพูดจนจำประโยคที่ฟังได้ยินมาไปพูดเลียนแบบพลิกกลับไปกลับมา แล้วก็เรียนอ่านกับเขียนโดยจำประโยคที่อ่านเจอมาไปเขียนพลิกแพลงกลับไปกลับมา แล้วเราก็พูดถูกเขียนถูกแบบเป็นธรรมชาติ ^ ที่เราทำได้ก็เพราะว่าเราไปอยู่ในสภาพแวดล้อมของการพูดภาษาอังกฤษตั้งแต่อายุยังน้อย แต่เราก็ไม่คาดหวังว่าคนที่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษใหม่ๆ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนที่เราสอน) จะต้องเรียนรู้ด้วยวิธีนี้ได้เสมอไป แต่ในช่วงหลังๆเราต้องสอนภาษาอังกฤษให้คนไทยเราก็เลยต้องมาเรียน grammar ซะเอง (เพื่อจะได้ไปสอน grammar ให้นักเรียนได้) และบอกตรงๆว่าเราเรียน grammar จาก websites ต่างประเทศเสียเป็นส่วนใหญ่โดยการพิมพ์คำว่า grammar ให้ google ม้นหามาให้นั่นแหละ เราก็เลยออกแรงสอน grammar ให้นักเรียน แต่สอนให้นักเรียนฝึก grammar โดยการพูดประโยคพลิกกลับไปกลับมา (ไม่ได้สอนโดยเอาตำรา grammar มากางให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดแบบที่ครูคนไทยทั่วๆไปสอน grammar กัน) คือเราเอาวิธีธรรมชาติที่เราเรียนมา มาผสมผสานกับการเรียน grammar โดยการพยายามทำความเข้าใจกฎกติกามัน และพูดออกมาเลย ซึ่งเป็นการสอน grammar ไปพร้อมๆกับสอนฟังกับพูดทีเดียวเลย (มีการแก้ ไข pronunciation ให้นักเรียนดัวย) ทั้งนี้ เพื่อปูพื้นฐานเตรียมเรียนอ่านเขียนในระดับยากๆต่อไป จะอย่างไรก็ตามตำรา grammar online หลายๆอันที่เราค้นเจอ เราว่าอันนี้ดีมากๆ คุณลองไปศึกษาดู http://grammar.ccc.commnet.edu/grammar/ 3. ส่วนเรื่องการเลือกใช้ dictionary เคยได้ยินว่าถ้าอยากจำศัพท์ได้ดีควรใช้แบบเป็นเล่มจะดีกว่า จริงหรือเปล่าคะ ตอบ ไม่จริง การที่คุณเปิด dictionary กระดาษจนเมื่อยมือ ถ้าคุณอ่อนศัพท์มากๆอยู่แล้วแทนที่จะจำศัพท์ได้เร็วคุณอาจป่วยทางจิตไปเสียก่อน (เราเคยป่วยทางจิตมาแล้วเพราะเปิด dictionaries กระดาษมากเกินไปตอนพยายามอ่านภาษาอังกฤษยากๆเกินตัว) ใช้ online dictionaries เร็วกว่าหลายเท่า หรือถ้ายอมเสียเงินซื้อพวก dictionaries ที่เป็น software อย่างเช่น Oxford Advanced Learner's Dictionary Longman Dictionary of Contemporary English Collins Cobuild Advanced Learner's Dictionary พวกนี้มี pop-up mode ซึ่งคุณแค่เอา mouse ชี้ไปที่คำศัพท์ในโปรแกรม Word ความหมายมันจะขึ้นมาทันทีไม่ต้องไปเปิดหาใน dictionaries กระดาษให้เสียเวลา แต่ถ้าอยากได้แบบของฟรี ก็ใช้ Chrome มันมี plug-in เป็น dictionary หา download ได้ฟรี ถ้าอ่านภาษาอังกฤษตาม websites ก็เอา mouse ชี้ (แต่ต้อง double click) ความหมายก็ขึ้นมา จริงๆแล้ว Oxford Advanced Learner's Dictionary Longman Dictionary of Contemporary English ที่มีตัวอย่างประโยคให้คนเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 เรียนรู้จดจำไปหัดพูดหัดเขียน ก็มีของฟรีให้ใช้ online (คุณลองใช้ google หาดูดีๆ) Collins Cobuild Advanced Learner's Dictionary ที่มีตัวอย่างประโยคให้คนเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 เรียนรู้จดจำไปหัดพูดหัดเขียน ก็เคยมี online แต่ไม่ค่อยได้ใช้นานแล้ว ไม่รู้ยังมีอยู่หรือเปล่า Cambridge Advanced Learner's Dictionary ที่มีตัวอย่างประโยคให้คนเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 เรียนรู้จดจำไปหัดพูดหัดเขียนก็มีของฟรี online แต่ถ้าต้องการ dictionary ที่จุศัพท์เยอะๆ ก็ต้องใช้ unabridged Webster's Dictionary ซึ่งก็มีให้ใช้ฟรีonline  หรือจะเอา dictionaries ยี่ห้ออื่นที่จุศัพท์เยอะๆ ก็หาของฟรี online /ได้อีกบานเบอะ ลองใช้ google หาไปเรื่อยๆจะเจอมากมายนับไม่ถ้วน  (เราถึงยอมลงทุนซื้ออุปกรณ์นำหนักเบาๆที่ต่อเน็ตด้วย 3 g ได้ มาพกติดตัวยังไงล่ะ) 4. อยากให้ช่วยแนะนำวิธีการอ่านภาษาอังกฤษให้เร็ว (พวกวารสารวิชาการ บทความ ตำราวิชาการภาษาอังกฤษ) โดยที่จับใจความได้ดี ตอบ ก่อนที่คุณจะอ่านภาษายากๆได้เร็วคุณต้องอ่านภาษาธรรมดาให้ได้เร็วก่อน การจำศัพท์มากๆให้ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ได้หมายความว่าต้องเปิด dictionaries กระดาษ หลักการก็คือ 1. ใช้ dictionaries แบบเป็น  software หรือแบบ online 2. อย่าอ่านหนังสือกระดาษเพราะมันหาศัพท์ยาก ให้อ่านแต่ ebooks ถ้าหา ebooks เป็น pdf ได้ ก็แปลงมันเป็น doc หรือ docx ซะโดยใช้โปรแกรม Adobe Acrobat พอมันเป็น doc หรือ docx ก็ใช้ pop-up mode ของ dictionaries ที่เป็น software (ยี่ห้อที่แนะนำไว้) แล้วเอา mouse ชี้ หรือ copy and paste ศัพท์ไปที่ online dictionaries 3. วิธีจำศัพท์หรือ(จำอย่างอื่น)ต้องสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งที่เรารู้แล้ว เช่น a b c กับสิ่งที่เรากำลังเรียนเช่น x y z ซึ่งในกรณีนี้ถ้าคุณสร้างความสัมพันธ์กันระหว่าง a b c x y z คุณก็จะจำมันได้ง่าย เช่นเวลาเรียนศัพท์ใหม่คุณต้องจำประโยคตัวอย่าง แล้วรีบฝึกเอาคำศัพท์นั้นไปสร้างประโยค ไม่ใช่ท่องคำศัพท์มันซ้ำๆกันโดยไม่เคยฝึกพูดหรือเขียนด้วยคำศัพท์นั้นๆ ไปดูวิธีเราสอนนักเรียนจำศัพท์ ได้ที่กระทู้เก่าอันนี้ (คุณดัดแปลงเอาไปเรียนด้วยตัวเองได้) ตาม link อันนี้ไป http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K12077457/K12077457.html หลักการขั้นเด็ดขาดก็คือถ้าหนังสือที่ต้องอ่านทำความเข้าใจเช่นหนังสือวิชาการยากๆ มันหาเป็น ebook ไม่มี คุณก็ต้องฉีกมันแล้ว scan มันเป็น ebook ซะ แล้วแปลงเป็น doc หรือ docx ซะ จะได้หาศัพท์ง่าย เราอ่านแต่ ebooks มาเกิน 10 ปีแล้ว ถ้าเรามัวแต่อ่านหนังสือกระดาษกับใช้ dictionaries กระดาษ ป่านนี้ภาษาอังกฤษเราจะยังล้าหลังอยู่มากๆ เหตุผลง่ายๆก็คือ "หนังสือกระดาษกับ dictionaries กระดาษ ใช้เรียนรู้ได้ช้ามากๆ" ebooks กับ dictionaries แบบเป็น software กับแบบเป็น online ถ้าใช้ผสมผสานกับ software ตัวอื่นๆที่เก่งๆมากๆ (เพื่อช่วยในการเรียนรู้และจดจำอย่างเป็นระบบ) ให้ชำนาญ คุณจะกลายเป็นใช้ computer และอุปกรณ์สื่อสารอย่างอื่น (เช่น tablet หรือ smart phone) กับ software ช่วยเรียนภาษาอังกฤษ (และช่วยเรียนอย่างอื่น) ได้รวดเร็วมากๆ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 55 20:39:39 แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 55 20:23:35 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 55 20:10:44

ความคิดเห็นที่ 7 นี่ปี 2012 แล้ว การใช้ความสามารถที่มีใน internet ควรพิจารณาก่อนเป็นอันดับแรก และโดยเฉพาะการใช้ search engine (แนะนำ google) ซึ่งมีเทคนิคมากมาย ถ้าพยายามศึกษาให้ลึกๆจะมีประโยชน์ต่อการไขว่คว้าหาความรู้มหาศาล ไม่เฉพาะแต่ภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นๆ แต่ยังได้มุมอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย การหาความหมายของคำ, การเปรียบเทียบคำ, การประสมคำ, การหารูปประโยคตัวอย่างที่ใช้งานจริง, การดูรูปภาพหรือ video ที่เกี่ยวข้อง, การโต้ตอบกับผู้อื่น, และอื่นๆอีกมากมาย สามารถทำได้จาก internet โดยอาศัย search engine พร้อมๆกับการใช้ online dictionary หรือ dictionary ที่ติดตั้งลง tablet ครับ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 55 21:07:40 จากคุณ : NanoSystem เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 55 21:05:03

ความคิดเห็นที่ 8 แนะนำ ดิกสองขา เดินได้ พูดได้ ไม่ต้องซื้อต้องหา ใช้ความสามารถจีบเอา ถ้าได้มานี่ รับรอง Speaking Listening แจ่ม ถึงขั้นสื่อสารได้สบาย ๆ แต่ Reading กับ Writing ต้องฝึกหน่อย หาได้ตามสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไปหรือใน net ตาดีได้ ตาร้ายเสีย อาศัยดวงเหมือนกัน จากคุณ : วาที เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 55 22:01:12 A:171.4.102.207 X: TicketID:366298

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณคุณ fortuneteller มากค่ะ ยอมรับว่าไม่ค่อยใช้ประโยชน์จากความรู้ในเน็ทเท่าไหร่ คงต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้คำสำคัญในการค้นหามากขึ้น ขอบคุณมากๆ สำหรับความรู้ค่ะ จากคุณ : เพชร เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 55 22:33:55 A:115.87.173.15 X: TicketID:282336

ความคิดเห็นที่ 10 ส่วนเรื่อง tablet ตอนนี้ที่มีอยู่รู้สึกว่าไม่ได้ใช้ประโยชน์เกี่ยวกับการศึกษาเท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยชินอ่านจากหน้าจอเท่ากับอ่านแล้วเขียนโน้ตด้วยปากกา แต่หลังจากนี้ตั้งใจจะลองปรับตัวเข้ากับวิธีการเรียนรู้ใหม่ๆ ดูค่ะ จากคุณ : เพชร เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 55 22:42:17 A:115.87.173.15 X: TicketID:282336

ความคิดเห็นที่ 11 ^ ที่คุณบอกว่า "ไม่ค่อยชินอ่านจากหน้าจอเท่ากับอ่านแล้วเขียนโน้ตด้วยปากกา" ^ ตอบ เรากลายเป็นตรงกันข้ามกับคุณ คือตอนนี้เราจับปากกามานี่เขียนแทบไม่เป็นตัวหนังสือซะแล้ว เพราะเราใช้ computer เรียนรู้ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างเวลาเรียนศัพท์เราจัด files and folders ในหลายๆรูปแบบเพื่อ แล้วทำ hyperlinks โยงการสร้างความสัมพันธ์กันระหว่างสิ่งที่เรารู้แล้วกับสิ่งที่เราพยายามเรียนรู้ (คล้ายๆทำ  mind mapping) เวลาค้นข้อมูลเรื่องคำศัพท์หรือการสร้างประโยคภาษาอังกฤษพลิกแพลงที่เราเรียนมาจากการอ่านบางทีค้นมากๆจนงงว่ามีแหล่งเรียนรู้ที่ไหน เราเลยเก็บ SERPs (search engine result pages) คือ web pages ที่เป็นแหล่งเรียนรู้ดีๆไว้ในโปรแกรม OneNote เก็บๆไปชักจะสับสนหาลำบาก เราเลยใช้โปรแกรม Access สร้าง database ขึ้นมาควบคุมและเรียกใช้งาน software ต่างๆประสานงานกันเพื่อให้หาอะไรง่ายๆเข้า บางทีเรียนๆไปก็ขี้เกียจพิมพ์ก็อัดเสียงตัวเองเข้าไปใน files ก็มี บางทีขี้เกียจอ่านหนังสือเราก็ใช้ text to speech คือให้ software มันอ่านให้ฟัง แล้วเราก็นอนฟังเฉยๆ รูปแบบการเรียนรู้ของเรามีหลายรูปแบบ คือใช้สื่อหลากหลายมากๆ เช่นเรียนซ่อมคอมพิวเตอร์ โยคะ หรือแม้กระทั่งวิชาแทงเข็ม และอื่นๆอีก บ่อยครั้งที่เราขี้เกียจอ่านหนังสือแต่ใช้ดู videos จากต่างประเทศเอา วิชาภาษาอังกฤษก็มี videos ดีๆสอน อย่าลืมว่า 1. พิมพ์ดีดเร็วกว่าเขียนด้วยมือ 2. พูดเร็วกว่าพิมพ์ดีด ดังนั้นคุณเรียนและจด notes ด้วยการพิมพ์กับอัดเสียงตัวเอง และจัดฐานข้อมูลการเรียนรู้ให้ดีๆ คุณจะเรียนได้รวดเร็วกว่าจดด้วยปากกากับกระดาษตั้งหลายเท่า เพราะ software มันช่วยค้นหา notes ที่คุณจดไว้และหาความสัมพันธ์ที่คุณสร้างไว้เพื่อการจดจำ โดยการทำ cross references (hyperlinks โยงศัพท์ที่มีรากศัพท์ภาษา Greek และ Latin เหมือนๆกัน และโยงประโยคตัวอย่างที่มี sentence structure types คล้ายๆกัน และมีหลัก grammar จัดหมวดคล้ายๆกัน) เมื่อก่อนเราแบก netbook ไปใช้งานนอกบ้าน เพื่ออ่านหนังสือหรือเรียนรู้หรือค้นข้อมูลจากโดยใช้ 3g (ใช้ aircard)ต่อเน็ต แต่แบกๆชักจะหนัก เราก็เลยเพิ่งไปซื้อ tablet รุ่นล่าสุดมาอันหนึ่งซึ่งต่อเน็ตด้วย 3g ได้ดีเยี่ยม และกำลังจะติดตั้ง applications ดีๆไว้ใช้งาน ซึ่งคราวนี้เราหวังว่าจะลดน้ำหนักที่ต้องแบก (เวลาออกไปข้างนอก) ซึ่งพอหัดใช้ๆไป tablet มันทำงานเกือบจะทดแทน netbook ได้เลยหละ ถ้าคุณพยายามใช้เทคโนโลยีใหม่ๆเพื่อช่วยเรื่องการเรียนรู้คุณจะเรียนรู้เรื่องอะไรใหม่ๆได้รวดเร็วมากๆ เวลานี้ถ้าให้เราอ่านหนังสือกระดาษเราอ่านแทบไม่รู้เรื่อง อ่านๆไปแล้วเมื่อยตาด้วย ไม่เหมือนอ่าน ebooks บน computer หรือ tablet เพราะมันขยายขนาดตัวอักษรให้สบายตาได้ จริงๆแล้วเราเป็นเด็กสมองทึบมากๆ ตอนเด็กๆเรียนวิชาอะไรก็สอบตกหมด เรียนไม่เคยสำเร็จสักอย่าง แต่เราพยายามกินอาหารธรรมชาติแบบปลอดสารพิษเพื่อหวังเปลี่ยน cells สมองและร่างกายให้ฉลาดกว่าเดิมเพื่อจะได้เรียนรู้ศาสตร์ต่างๆเร็วเกินธรรมด เราฝึกๆไปแบบนี้ตั้งหลายสิบปี สมองเราเพิ่งมาเรียนรู้ศาสตร์ต่างๆได้รวดเร็วมากๆเอาตอนวัยที่คนอื่นเขาเกษีณอายุไปแล้วนี่เอง...555+++... เลยตอนนี้วิชาหลักที่เราเรียน และทุ่มเทให้มันมากที่สุด เพื่อหวังที่จะเปลี่ยนสภาพจากคนโง่ตอนเด็กๆให้กลายเป็น super genius เมื่อตอนอายุเลย 100 ปี และยิ่งอายุมากๆขึ้นเรื่อยๆก็ยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ ก็คือ "ความลับแห่งการคงไว้ซึ่งความอ่อนวัยตลอดกาลซึ่งมีสอนอยู่ในคัมภีร์ของนักพรตเต๋าจีน" แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 55 11:07:59 แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 55 01:33:34 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 01:26:15