Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เริ่มจากทักษะที่ง่ายกว่า (กระทู้สอนภาษาอังกฤษแบบง่ายๆสไตล์ขี้ๆ) ติดต่อทีมงาน

สวัสดีครับ สามสี่วันที่แล้วผมอัพบล็อกผมที่เกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษสไตล์ขี้ๆ ไม่เสียเงินและได้ผลจริง แล้วผมก็เอาบทความที่เขียนมาแชร์ให้อ่านในกระทู้พันทิปห้องสินธร เพราะเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับนักเล่นหุ้น ในการหาข่าว หรืออ่านหนังสือหุ้นดีๆ ที่ยังไม่แปล (แน่นอน ผมก็เล่น ผมจึงเห็นประโยชน์อันมากมายท่วมหัวของมัน) แต่กระทู้มันหาย ผมเดาว่ามันคงจะผิดห้อง ก็เลยขอย้ายมาห้องนี้นะครับ เพื่อประโยชน์แก่มนุษยชาติทั้งปวงในการพิชิตภาษาอังกฤษ (กระทู้คงไม่โดนพี่เว็บมาสเตอร์สอยอีกนะ T^T)

อันนี้ตอนเก่านะครับ เผื่อคนยังไม่อ่าน อยากจะย้อนไปอ่าน
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I12363993/I12363993.html

---------------------------------------------------------------------------------

พบกันอีกครั้งนะครับ กับบล็อกอิงชิท Engshit บล็อกสอนภาษาอังกฤษอันดับหนึ่ง (เหม็นแมงโม้ชิหาย) จากบทความตอนที่แล้วซึ่งได้รับความสนใจเกินความคาดหมาย จนผมดีใจน้ำหูน้ำตาเล็ดเหมือนเห็ดเดินได้ มีกำลังใจเพิ่มมหาศาล จึงรีบสลัดความเกียจขี้ เย้ย ความขี้เกียจ มาเขียนตอนต่อไปให้ในเร็ววัน เพราะผมได้ตระหนักว่ายังมีเพื่อนร่วมชาติอีกมากที่ต้องการความช่วยเหลือจากผม ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะสร้างคนไทยให้ไประดับโลกให้ได้ (เคลิ้มละ)

โอเค จากตอนที่แล้วที่ผมบอกไว้ว่าให้เริ่มจากเรื่องง่ายๆก่อน โดยผมจะเปรียบเทียบให้ฟังง่ายๆว่า กระบวนการเรียนรู้ของชาวโลก (ไม่ใช่ควายนะ หมายถึงคน 555) มันเหมือนกับต้นไม้ครับ เพื่อนๆคงเคยเรียนวิชา สปช. (ย่อมาจากสปีชี่รึเปล่า จำมิได้ *-*) หรือวิชาวิทยาศาสตร์ใ่ช่ไหมครับ ที่ครูเคยสอนเราว่าต้นไม้จะดูดแสงแดด น้ำ และคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไป แล้วสังเคราะห์ออกมาเป็นออกซิเจน ดังที่เห็นตามรูปนะครับ แสงแดด น้ำ และคาร์บอนไดออกไซด์ก็คือ วัตถุดิบ (Input) ส่วนออกซิเจนก็คือ ผลผลิต (Output) นั่งเอง ถ้าไม่มีวัตถุดิบ ผลผลิตก็จะไม่โผล่จริงมั้ย ;)

เป็นไงครับ เรื่มจะเก๊ทมั้ย (get = เข้าใจ) กระบวนการเรียนรู้คนเรามันก็แทบจะเหมือนกันเด๊ะเลย คือ มันต้องมีวัติถุดิบใส่เข้าไป (ในที่นี้คือ การฟังและการอ่าน - Listening & Reading) จากนั้นจึงค่อยสังเคราะห์ออกมาเป็นผลผลิต (การพูดและการเขียน - Speaking & Writing) แน่นอนว่าถ้าวัตถุดิบของเรามันไม่มี มันก็จะไม่มีอะไรไปสังเคราะห์ (อ่านมาน้อยก็เขียนไม่เป็น ฟังมาน้อยก็พูดไม่ออก) ถ้าไม่ค่อยได้อ่านได้ฟังภาษาฝรั่ง พอถึงเวลาฝรั่งถามทาง ไอ้ปากเฮงซวยก็เหมือนจะเป็นใบ้ไปซะงั้น มือก็ชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปเดะ (ถือว่ากรูชี้แล้วนะ มรึงไปไม่ถูกก็ช่างหัวมะรึงเถอะ 555+)

เพราะฉะนั้น ทักษะ Listening & Reading จึงเป็นทักษะเริ่มต้นที่ฝึกฝนได้ง่ายกว่าทักษะ Speaking & Writing (แม้ว่าตอนลองทำจริงๆ มันอาจจะไม่รู้สึกยังงั้น แต่เชื่อผมเถอะ มันง่ายกว่าไปหัดพูดหัดเขียนหลายเท่าตัว) ผมจะยกตัวอย่างให้ดู พอเราฟังเราอ่านมามากขึ้น เราก็จะสังเคราะห์มันออกมาได้มากขึ้น เช่น คุณดูหนังเรื่องนึง พระเอกรำพึงว่า "I love my mom - ผมรักแม่ของผม" พอดูต่อไปก็ได้ยินเจ้าพระเอกคนเดิมสบถว่า "Shit !! - แปลว่า ขี้" โอเค ตอนนี้คุณมีวัตถุดิบ 2 ก้อนแล้ว คุณก็อาจจะสังเคราะห์ออกมาอย่างภูมิใจได้ว่า "I love my shit - ผมรักอุจจาระของผม" (ต๊ายตาย ถ้าจะพูดประโยคนี้ อย่าบอกว่าบล็อก Engshit สอนมานะ 555+)

ตอนหน้าผมจะมาแนะนำว่าควรจะอ่าน ควรจะฟังอะไรดี ที่เหมาะมือใหม่นะครับ ไม่ต้องห่วง เรื่องขี้ๆแ่น่นอน แล้วพบกันใหม่เร็วๆนี้ อย่าลืมไปกดไลค์เฟซบุ๊คอิงชิททางด้านขวามือนะครับ http://www.facebook.com/engshitpage นะครับ จะได้ไม่พลาดตอนต่อไปนะครับ ;)

(Pic from Google)
ที่จริงผมลองทำรูปเองแล้วล่ะ แต่โคตรลำบากเลย - -" ใช้ทั้ง Photoscape กับ Paint แบบมั่วๆ พอออกมาอุบาทมาก แถมเสียเวลาสุดๆ 555 เลยต้องพึ่งน้อง Google เหมือนเดิม

 
 

จากคุณ : Guiman
เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 55 13:20:21




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com