ความคิดเห็นที่ 1 คนรวยเค้าเรียนอักษรกัน จบมาไม่ต้องทำงานเพราะ ไม่มีงานทำ ล้อเล่นค่า เดี๋ยวให้ผู้รุ้มาตอบ ^^ จากคุณ : ฉันทนา เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 55 23:22:02 A:27.55.10.23 X: TicketID:361381

ความคิดเห็นที่ 2 เรียนอะไรก็ได้ที่อยากเรียนนั่นแหล่ะครับ อักษรเรียนหนักเน้นอ่านหนังสือเยอะ ส่วนนิเทศศาสตร์เน้นทฤษฏีพร้อมปฏิบัติ พี่ก็ไม่รู้ว่าอินเตอร์เรียนต่างจากภาคไทยอย่างไร ไม่ได้ตามในส่วนตรงนี้ ผู้ชายคณะอักษรศาสตร์รุ่นละไม่เกิน 10 คน แล้วเป็นชายแท้ไม่เกิน 3 คนต่อรุ่น 55 จากคุณ : arata_arty เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 55 23:26:54

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่ได้เรียน2คณะนี้นะครับ แต่ถ้าเป็นพี่ พี่เลือกนิเทศฯ น่าจะเรียนสนุกกว่า อิอิ จากคุณ : psycho_thai เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 55 23:58:02

ความคิดเห็นที่ 4 เอาง่ายๆนะ ถ้าชอบอะไรลุยๆ บุกป่าฝ่าดง เวลากินไม่ได้กิน เวลานอน ไม่ได้นอน ทำอะไรไม่เป็นเวลา ต้องพร้อมตลอดเวลา ให้เรียนนิเทศ เรียนอักษร - ไม่ได้ลุยขนาดนั้นแต่ต้องอดทน + อึดมากๆ - แต่ถ้ามองถึง ประชาคมอาเซียน อักษรได้เปรียบกว่านะ - นิเทศ มีเปิดแทบทุกสถาบัน/มหาวิทยาลัย/ราชภัฏ/ม.เอกชน ที่ไหนก็มีสอนนะ การแข่งขันกันสูง เด็กจบมาแข่งกันหางานสูงนะ รู้แค่นี้อะ ส่วน คนรวยเค้าเรียนอักษรกัน จบมาไม่ต้องทำงานเพราะ ไม่มีงานทำ ล้อเล่นค่า เดี๋ยวให้ผู้รุ้มาตอบ ^^ *************************** จบมาไม่ต้องทำงานเพราะสามีทำให้มากกว่านะ จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 00:48:04

ความคิดเห็นที่ 5 คนรวยเค้าเรียนอักษรกัน จบมาไม่ต้องทำงานเพราะ ไม่มีงานทำ ล้อเล่นค่า เดี๋ยวให้ผู้รุ้มาตอบ ^^ *************************** จบมาไม่ต้องทำงานเพราะสามีทำให้มากกว่านะ ^ ^ ^ แหม เหมือนพวกเพื่อน ๆ (ผู้หญิง) ของผมมันชอบพูดกันว่า "ได้ผัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง" จากคุณ : วาที เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 01:31:25 A:49.49.53.69 X: TicketID:366298

ความคิดเห็นที่ 6 อยากเอกอุ เป็นนักวิชาการ อ่านหนังสือระหว่างบรรทัดได้   ก็ต้องเรียนอักษร ชอบปฏิบัติ ลัลหล้า ฮาเฮ ไม่ซีเรียส   ก็น่าจะเรียนนิเทศ เรียนอักษร ทำงานนิเทศได้ เรียนนิเทศ ทำงานอักษร ลำบาก จากคุณ : ปากจัดชะมัดยาด (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 02:22:17

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่รู้นะ ผมเชื่อเรื่อง น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย ครับ ถ้าคุณผ่านด่านหินอักษรได้ คุณลุยทำงานนิเทศน์ได้สบาย หรืองานอื่นๆ ก็ได้ เพราะมันไม่ยาก ไม่เหนื่อยเท่าตอนเรียนอีกแล้ว It is a baptism of fire. ฟ้าจะให้งานใหญ่คน ต้องทดสอบก่อนว่าอึดพอหรือไม่ ยก ตย แผนกผม มีคนจบนิเทศน์แค่ 1 คน อักษรประมาณ 10 แล้วพวกอักษรก็ระดับหัวหน้ากันหลายคน ส่วนนิเทศน์ ลูกน้องครับ ทั้งที่บริษัททำงานบริหารสื่อ 555 จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 03:25:47

ความคิดเห็นที่ 8 กระแทก"ไลค์"ให้คุณปากจัดชะมัดยาด ตอบตรงใจเหมือนที่คิดเลยไม่ต้องคีย์เอง "อักษรแย่งงานนิเทศได้ แต่นิเทศแย่งงานอักษรลำบาก" ดูรายการ "เทย เที่ยว ไทย" ที่โปรดิวเซอร์และทำหน้าที่พิธีกรด้วยคงเห็นภาพว่าอักษรฯเรียนอะไร ความรู้รอบตัวเยอะมาก ภาษาต่างประเทศเียี่ยม (พิธีกรคนหนึ่งพูดภาษาจีนได้) อาจารย์คณะนิเทศฯ จุฬาฯ กว่าครึ่งจบตรี คณะอักษรฯ (คณบดีคนปัจจุบันก็เป็นหนึ่งในนั้น) ความรู้อักษรฯ ประยุกต์เรียนสังคมศาสตร์ได้ไม่ยาก เพื่อนๆที่เรียนอักษรฯมาด้วยกัน ไปเรียนต่อนิเทศฯก็ไม่น้อย แต่ป.โทอักษรฯแทบไม่เห็นคนจากนิเทศฯมาเท่าไหร่ (ที่นึกออกคือ "พุดเดิ้ล" ดาราช่องสาม) ช่วงชีวิตนิสิตแดนอักษร ทุกบทตอนมีคุณค่าราคายิ่ง เรามองโลกทุกอย่างบนความจริง แต่เสริมสิ่งสุนทรียะให้ตระการ มิได้ยึดวัตถุหยาบที่ฉาบฉวย ชมของสวยชื่นของหรูรู้ผสาน รักวิจักษณ์ใช้สติวิจารณญาณ มองโลกผ่านหัวใจใฝ่สุนทรี" (จริงๆถ้าจขกท.ให้เลือกระหว่างโปรแกรมไทยกับโปรแกรมอินเตอร์ จะเขียนตอบให้ด้วย แต่บังเอิญไม่ได้ถาม) แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 55 05:56:42 จากคุณ : Shakesple เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 05:56:12

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่หรอกครับ ถ้าเราเรียนตามความถนัดของเรา เรามัก จะทำได้ดีเปนเหตุผลนึง เรียนอักษรจบมาควรจะได้ทำงานในองค์การระหว่างปท จึงจะดูดีมีอนาคต ถ้า ในบ้านเราทำได้เหมือนกัน แต่ก็กลางๆ มีอาจารย์สอน ฝรั่งเศสคนนึงเก่งมากเปนนรทุน แต่กลับมาเปนอาจารย์รรดัง สอนพิเศษนอกเวลาอิก รายได้ดี แต่ ผมว่าถ้าเค้าได้เข้าหน่วยงานระหว่างประเทศจะดีกว่า แต่โอกาสแต่ละคนไม่เหมือนกัน เป้าหมายของ แต่ละคนนั้นจำเปนต้องมีคับ โอกาสคิดว่าต้องแสวงหา บางทีก็ลอยมา บางทีทั้งชาติอาจไม่เจอะเจอ หากโชคดี เป้าหมายพบกับโอกาส ก้อสวรรค์คับ จากคุณ : หางอึ่ง เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 08:02:04 A:101.108.17.64 X: TicketID:361381

ความคิดเห็นที่ 10 อักษรไปทำงานนิเทศก็เยอะนะ (อักษรมีเอกละครด้วยน่ะ ไปเป็นผู้กำกับ, เขียนบท, โพรดิวซ์,ทำงานข่าว,เขียน/แปล/อ่านข่าว ก็มี) ลองอ่านบทสัมภาษณ์นี้นะ ป๋อมแป๋มพูดไว้ดีทีเดียว น่าจะมีประโยชน์กับน้องน่ะ เกี่ยวกับแนะนำการทำงาน/การรเรียนรู้/การปรับตัวจากเด็กอักษรที่ต้องมาทำงานสายนิเทศ - นิเทศเรียนอะไรมา มาทำงานยังไง - อะไรที่เค้า(ป๋อมแป๋ม)มี(จากการที่เป็นเด็กอักษร) อะไรที่เค้าไม่มี และต้องมาเรียนรู้(แบบที่เด็กนิเทศเรียนมา) บทสัมภาษณ์ครีเอทีฟสุดแซบรายการเทยเที่ยวไทย “ป๋อมแป๋ม-นิติ ชัยชิตาทร” http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A12383855/A12383855.html แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 55 08:14:34 แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 55 08:14:00 แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 55 08:10:47 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 08:08:53

ความคิดเห็นที่ 11 การทำงานหาเลี้ยงชีพบางอย่างไม่จำเป็นต้องจบด้านนั้นมาโดยตรงก็ได้ ยกตัวอย่างเช่นตอนเด็กๆเราปัญญาทึบไม่เก่งภาษาไม่เก่งเลข เรียนอะไรก็สอบตกหมด เราเลยเลิกเรียนแล้วรับเงินสวัสดิการคนตกงานในประเทศอังกฤษอยู่หลายปี วันๆได้แต่เล่นหมากรุกฝรั่ง แล้วใช้ทักษะการคิดหมากรุกกลับไปเรียนเลขแล้วได้ทำงานเป็นผู้จัดการ bookmaker (บริษัทรับพนันม้าแข่งรับพนันกีฬา) ซึ่งต้องคำนวณตัวเลขการพนันราคาต่อรองม้าแข่งหมาแข่งและการแข่งขันกีฬาอย่างอื่นคล้ายๆกับคำนวณราคาหุ้นในตลาดหุ้นที่ขึ้นๆลง เราทำงานเป็นผู้จัดการบ่อนการพนันในต่างแดนอยู่หลายปี กลับมาเมืองไทยไม่มีทักษะอะไรที่คนไทยจะรับเราเข้าทำงานได้เลย แต่อาศัยว่าเราฟัง อ่าน พูด เขียนอังกฤษได้ถูกต้องโดยไม่เคยเรียน  English grammar เลยเพราะเราไปอยู่ต่างแดนในสภาพแวดล้อมของการพูดอังกฤฤษตั้งแต่เด็กๆ พอกลับมาเมืองไทยเราตกงานเราเลยเรียน English grammar เพื่อไปทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ (กลัวเด็กถาม grammar แล้วตอบไม่ได้...555+++...) ทำๆไปแล้วลองเปลี่ยนอาชีพไปเป็นนักแปลเราก็ทำได้ดี หาเงินได้มากพอสมควรทั้งงานสอนภาษาอังกฤษและงานแปลเอกสาร ^ หลังจากแปลๆ เอกสารไปหลายๆปี เราลองกลับมาสอนภาษาอังกฤษใหม่เราก็กลายเป็นยิ่งทำได้ดีกว่าเดิมอีกตั้งหลายๆเท่าเพราะตอนทำงานแปลเอกสารเราต้องค้นคว้าเพื่อเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง (ส่วนใหญ่เรียนจาก Internet) เยอะมากๆ สรุปแล้วทักษะทั้งหมดที่เราเรียนรู้เพื่อประกอบอาชีพด้านภาษาอังกฤษ เราไม่ได้เรียนในมหาลัยเลย แต่เราเรียนด้วยตัวเองนอกมหาลัยโดย "อาศัยฝึกใช้สมองคิดพลิกแพลงจากการนั่งเล่นแต่หมากรุกฝรั่งทั้งวันทั้งคืนเป็นเวลาหลายปีโดยไม่ได้ทำงานทำการและไม่ได้เรียนหนังสือในโรงเรียนหรือในมหาลัยเลย" และทักษะการเล่นหมากรุกฝรั่งหัดคิดพลิกแพลงนี้หละทำให้เราเรียนรู้คอมพิวเตอร์ด้วยตัวเองไปได้ไกลมากๆ ซึ่งตอนนี้เรามีงานอดิเรกเป็นนักทดสอบ software ซึ่งก็นับว่าแปลกมากๆที่ "วิชาหมากรุกสากลช่วยให้เราพัฒนาสมองปรับเปลี่ยนมาเรียนศาสตร์อื่นๆเพื่อประกอบอาชีพได้" แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 55 11:30:38 แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 55 11:27:42 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 11:20:33

ความคิดเห็นที่ 12 เรียนอักษรดีกว่า เชื่อเหอะ เพราะทำงานในสายงานนิเทศได้สบายๆ อย่าง  ผู้ประกาศข่าว บรรณาธิการ ผู้กำกับหนัง บางคนยังจบคณะอักษรฯ เลย จากคุณ : ขนมพายเขียวหวาน เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 11:39:24

ความคิดเห็นที่ 13 เลือกในสิ่งที่ชอบ ทำได้ดี เลือกเพื่ออนาคต มั่นคง เลือกเพื่อตามกระแส ไหวเหรอ??? ถามตัวเองก่อนว่า ชอบอะไร อยากทำงานแนวไหน (อาจไม่ต้องถึงระบุอาชีพ) มีความสุขถ้าต้องอยู่กับสิ่งไหนทุกวัน แล้วเลือกให้ถูก เลือกให้แน่ใจ ทุกอย่างก็โอเค !!! ปล. บางครั้งเราก็ต้องฝืนทำในสิ่งที่ไม่ชอบบ้าง (วิชาเรียนบางวิชา เป็นต้น) เพื่อสิ่งที่ดีกว่า แต่ย่อมไม่ใช่ทั้งชีวิต จากคุณ : hippogift เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 17:35:59

ความคิดเห็นที่ 14 ตอนแรกพี่สอบได้ BALAC ของจุฬาฯ แต่สละสิทธิ์ เพราะพี่อยากเรียนภาษารัสเซีย แต่ปีพี่คนเลือกรัสเซียน้อย ทางBALACเลยไม่เปิดครับ(ไม่คุ้ม) พี่เลยสละสิทธิ์มาเรียนที่ศิลปศาสตร์ ธรรมศาสตร์(เพราะอยากเรียนภาษารัสเซีย)แทน ตอนนั้นก็มีแต่คนว่า ทำไมไม่เลือกอักษรฯ จุฬาฯ แต่พี่ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว และก็ไม่เคยเสียใจเลยที่เลือกเรียนที่ศิลปศาสตร์ มธ.ครับ ซึ่งพี่ก็เรียนได้ดี(เกรดดีกว่าม.ปลาย สายวิทย์ที่พี่ถูกบังคับให้เรียนเสียอีก) ปล.ตอนพี่ติดBALAC พี่ได้สเปนที่เลือกไว้เป็นลำดับสองต่อจากรัสเซีย แต่ส่วนตัวพี่ชอบภาษาแนวslavic มากกว่า latin ครับ BALACจะมีภาษาที่คนลงกันเยอะๆก็คือ จีน, ญี่ปุ่น(มีทุกปี) สเปน, เกาหลี(BALACรุ่นแรก) และอิตาลี(รุ่นญ่าญ่า) หากน้องชอบภาษาเหล่านี้ พี่ว่า balac คงสามารถตอบโจทย์น้องได้ในระดับหนึ่ง แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 55 23:01:44 จากคุณ : bangkung_123 เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 22:58:28

ความคิดเห็นที่ 15 เรียนอักษรนอนเย็นเป็นแถวหน้า      ถือมรรคาแนวคิดจำติดมั่น เรียนวิเคราะห์ต่อประยุกต์สุขอนันต์     ทำอะไรก็ไม่หวั่นลำบากกาย เรียนวิชาปฏิบัติให้จัดเจน           มักจะเน้นความชำนาญงานหลักสาย หากมุ่งหวังเดินทางใหม่ใช่ง่ายดาย     เพราะพื้นฐานมิหลากหลายดั่งศาสตร์คน แต่กระนั้นครั้นจะเรียนต้องเพียรหนัก    ต้องรู้จักอ่านให้แตกแหลกหลายหน หัดดึงความถามต่ออย่าจำนน         หัดอ่านคนจากภาษามิพาตัน จากคุณ : ปากจัดชะมัดยาด (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 00:08:13

ความคิดเห็นที่ 16 พูดแสดงความเห็นไป จขกท อาจนึกว่า ถูกพวกอักษรมาถล่ม มาโน้มน้าว คนอื่นๆ ผมไม่รู้ แต่คนเก่าคนแก่ในที่นี่ ผมเคยเล่าบอกหลายครั้ง ผมเด็กสายวิทย์ จบแล้วไม่ได้เรียนอักษรหรือที่ไหนในไทย เพราะจบแล้วได้ทุนไปนอก บังเอิญ ในบั้นปลายชีวิตทำงานด้านสื่อ ก็เพราะภาษาอังกฤษดีเยี่ยม ประกอบมีความรู้ทางวิชาการด้านอื่นๆ สูง ก็แค่นั้น แผนกผมไม่ใช่มีแค่นิเทศน์ อักษร แต่มีหลายพวกมาก รวมทั้งเด็กสายวิทย์แบบผมด้วย ผมอยู่เมืองนอก มีเพื่อนร่วมทุึนผู้หญิงหลายคน เรียนเมืองนอกในแนวอักษร เลยรู้่ดีว่า อักษรเขาเรียนอะไร อีกอย่างรุ่นน้องๆ ในแผนก มีอักษรแยะมาก เก่งๆ กันทั้งนั้น ผมสอนงานครั้งเดียว ก็เป็นเลย ไม่ต้องจ้ำจี้เหมือนเด็กหรือคนแก่บางคน ที่เหนื่อยแล้วเหนื่อยอีก ผมถึงประทับใจเด็กอักษรว่า เก่งจริง เฉลียวฉลาดจริง ได้ฝึกมาหนักจริง รู้่จริง วิเคราะห์เป็น เข้าใจอะไรได้ง่ายๆ แค่แนะนิดหน่อยก็ไปโลดแล้ว จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 04:10:33

ความคิดเห็นที่ 17 อยากส่งความเห็นพี่ K.Senior ไปให้ฝ่ายวิชาการหรือกิจการนิสิตที่คณะอักษรฯไว้เป็นแหล่งอ้างอิง ทำนอง"คำติชมจากลูกค้าผู้ใช้บัณฑิต" หลายคนบอกว่าพวกเราเข้าใจยาก เพ้อฝัน แต่ให้อยู่กับเราให้นานนิด สอนงานเราสักหน่อยเชื่อว่าคุณไม่ผิดหวัง น้องจขกท.หายไปเลย จริงๆแล้วเลือกอย่างที่ชอบนั่นแหละหนา สองอย่างมันไม่เหมือนกัน เรียนคนละแบบ คนและแนว ถ้าบ้านไม่ไกลจากจุฬาฯ แนะให้ไปเดินดูบรรยากาศคณะฯก่อนก็ได้ ไปช่วงนี้ใกล้สอบมิดเทอม เห็นบรรยากาศการเตรียมตัวอ่านหนังสือของเด็กสองคณะฯ เชื่อได้ว่าคุณต้องเห็นความต่างด้วยตาคุณเอง (ใช้คำว่า "แตกต่าง" ไม่ได้บอกว่า "ดีกว่า" "ด้อยกว่า" นะอย่าเข้าใจผิด) จากคุณ : Shakesple เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 04:30:59

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่สนใจมาเรียนนิติศาสตร์บ้างเหรอคะ คณะอยู่ติดกับนิเทศน์เลยนะ 555+ มีพี่ปี 4 เคยเล่าให้ฟังว่ากำลังนั่งเครียดกับประมวลกฎหมาย อยู่ดีๆ ก็มีเด็กนิเทศน์มารำชดช้อยผ่านหน้าไป ดูจะเฮฮากันมาก 555+ จากคุณ : Holi Holinez เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 16:11:31