Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สุลต่านสุไลมาน ติดต่อทีมงาน

สุลต่านสุไลมาน หรือ สุลัยมาน  อดีตเจ้าเมืองสงขลา เป็นบุตรของ ดะโต๊ะ โมกอล
นักการศาสนาและพ่อค้าชาวอาหรับ ที่แรกเริ่มมาปักหลักค้าขาย
อยู่ในชวาภาคกลางที่ เมืองสาเลห์ (Saleh) ประเทศอินโดนีเซีย
บนฝั่งแม่น้ำปรากา จนกระทั่งถึงปี พ.ศ.๒๑๔๘
ฝรั่งนักล่าเมืองขึ้นได้เข้าโจมตีทางทะเลด้วยกำลังคน และอาวุธที่เหนือกว่า
จนต้องย้ายครอบครัวและสมัครพรรคพวกร่นถอยหนีมาประเทศไทย

อาหรับที่มาค้าขายในแถบอาเซียนนี้
จะมีสองกลุ่มหลักคือ นิกายสุหนี่ จะมีมากแถวอาเจะห์ มลายู
กับนิกายชีอะห์ จะมีมากในกรุงศรีอยุธยา เช่น ต้นสกุล บุนนาค

(พ.ศ.๒๐๔๑ นักเดินเรือชนชาติโปรตุเกส วาสโค ดา กามา
ได้ค้นพบเส้นทางเดินเรือผ่านแหลมโชคดี (Cape of Good Hope)
เข้าสู่อินเดีย ทวีปเอเชีย และหมู่เกาะต่างๆ ย่านทะเลใต้ได้)

ผลของการทำสงครามกับฝรั่งล่าเมืองขึ้น
ถูกโจมตีด้วยเรือไฟ และระเิบิดเพลิง จนเมืองเผาไหม้
และจะเข้าสู้รบระยะปะชิดไม่ได้เลย
ดาโต๊ะ โมกอล จึงต้องอพยพครอบครัวและบริวารลงเรือสำเภา
หนีภัยสงครามที่พ่ายแพ้กับฝรั่งนักล่าเมืองขึ้น
ฝ่าคลื่นลมเป็นเวลาหลายวัน เข้ามาสู่อ่าวไทย
ด้วยการแล่นเรือเรียบชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทย
เล็งเห็นว่าปากน้ำทะเลสาบใกล้เมืองสทิงปุระ (จะทิ้งพระ)  ที่บางช่วงจะเป็น
เมืองขึ้นกับพัทลุง บางช่วงจะอยู่กับนครศรีธรรมราช
แถวทะเลน้อยเป็นทะเลสาบน้ำจืด+กร่อย
มีภูเขาบังคลื่มลมได้ดีจึงแวะเข้าพักขึ้นในบริเวณนี้
และทำการสำรวจโดยรอบแล้วเห็นว่าเป็นทำเลที่ดี
จึงได้ยกพลขึ้นบก ณ ที่หัวเขาแดง เมือง สิงขรานคร Singora หรือ สงขลา
ในรัชสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ (พ.ศ.๒๑๔๘-๒๑๕๓)
จากการที่เคยปกครองเมืองสาเลห์ ในชวามาก้อนแล้ว
จึงไม่เป็นการยากในการสร้างบ้านแปลงเมืองขึ้นที่บริเวณชายหาด
และลึกเข้าไปในพื้นที่  เพื่อพัฒนาเป็นเมืองท่า และสร้างความมั่นคง
ด้วยการสร้างป้อมบนเขาและรอบตัวเมืองขึ้นอย่างแข็งแรง
กอปรกับคนพื้นเมืองเดิมก็อยู่กันน้อยมาก
และไม่ค่อยมีความสามารถในการสู้รบแต่อย่างใด
ทำให้สามารถครอบครองและปกครองเมืองนี้ได้

[I]มีการว่าจ้างชาวต่างชาติ วิลันดา มาเป็นทหารรับจ้าง
กับเป็นวิศวกรสร้างป้อมปราการเมืองสงขลา
แต่บางตำนานว่าเป็นวิศวกรชาวฝรั่งเศส
ดังจะมี สุสานวิลันดา ในบริเวณสุสาน/มรหุ่มสุลต่านสุไลมาน
จำความจาำกหนังสือ ศิลปวัฒนธรรม จำปีและเล่มไม่ได้[/i]

ทำให้ชาวต่างชาติเห็นว่า ปลอดภัย จึงเข้ามาค้าขาย
ยังความเจริญมาสู่สิงขรานคร ค.ศ.๑๖๒๒ (ตรงกับ พ.ศ.๒๑๖๕ )
ในรัชสมัย พระเจ้าทรงธรรม ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ท่านดาโต๊ะ โมกอล ดำรงตำแหน่งเป็น
ข้าหลวงใหญ่ของกรุงสยามนับแต่นั้นมา
เพราะส่วนกลางไม่มีอำนาจปกครองอย่างแท้จริงอย่างหนึ่ง
เป็นเพียงแต่ให้ส่งเครื่องราชบรรณาการ
เป็นพิธีกรรมว่าไม่ต่อต้าน ไม่ขัดขืน ในบางเรื่องบางราวเท่านั้น

หมายเหตุ
ในช่วงนั้นทำไม สทิงปุระ ไม่มาทำการรบด้วยหรือทำลายเมืองนี้
ต้องทราบว่าตามประวัติศาสตร์ เมืองจะทิ้งพระ หรือบริเวณวัดพะโค๊ะ
มักจะถูกโจรต่างชาติส่วนมากมาจากชวา ปล้นบ้านชิงเมืองหลายครั้ง
จนกระทั่งอ่อนแอ ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว
เพราะปล้นครั้งไร ก็เผาบ้าน เผาเมือง คุมพลเมืองกลับบ้านเมืองไป

ชาวบ้านแถบคาบสมุทรสทิงพระ
บางครอบครัวจะเล่าว่า ญาติฝ่ายตา
บางคนเป็นแขกชาวประมงมาจากชวา
มาตั้งรกรากหากินจับปลาแถวนี้
แล้วได้ภริยาเป็นคนในพื้นที่แถบนี้
ต่อมาชั้นลูกหลานก็กลายศาสนาไปนับถือศาสนาพุทธแทน
แต่ลูกหลานบางคนก็ยังนับถือศาสนาอิสลาม
โดยยังรับรู้ว่ามีบรรพบุรุษร่วมกันเป็นคนชวา

ขณะเดียวกัน นครศรีธรรมราช ก็ไม่สนใจพื้นที่นี้มากนัก
เพราะห่างไกล เดินทางด้วยเรือลำบาก ไม่คุ้มกับการรบหรือมาครอบครอง
เพราะทรัพยากรน้อย ปลูกข้าวได้น้อยส่วนหนึ่ง ป่าไม้ก็ไม่มี โรคภัยก็มาก


ในประมาณปี พ.ศ. 2145 สมเด็จพระเอกาทศรถทรงโปรดเกล้าฯ
ให้เป็นข้าหลวงผู้สำเร็จราชการนครสงขลา ดูแลหัวเมืองตอนใต้
กับแถวมลายู  ที่ไม่เกี่ยวกับนครศรีธรรมราช
นัยว่า มีกองกำลังและความสามารถในการสู้รบได้ระดับหนึ่ง
และดะโต๊ะ โมกอล (โมกุล) ดำรงตำแหน่งนี้จนถึงปี พ.ศ. 2163  จึงถึงแก่อสัญกรรม

สุลต่าน สุลัยมานจึงขึ้นครองนครสงขลาแทนบิดาในปี พ.ศ. 2163
ในฐานะผู้สำเร็จราชการนครสงขลา ในสมัยพระเจ้าทรงธรรม
ต่อมาในปีพ.ศ. 2173 เจ้าพระยากลาโหมศรีสุริยวงศ์
ปราบดาภิเษกเป็นปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ปราสาททอง
ด้วยการประหารชีวิต พระเจ้าอาทิตยวงศ์ กษัตริย์กรุงศรีอยุธยา
ซึ่งเป็นหลานชายของตนเอง แล้วชิงบรรลังค์ขึ้นครองราชย์
ตั้งพระนามว่า "สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง" (ครองราชย์ พ.ศ. 2173-2199)

สุลต่านสุลัยมาน มีความเห็นว่า
มิใช่ประเพณีการสืบราชสันตติวงศ์ตามกฎมนเฑียรบาล
จึงประกาศแข็งเมืองไม่ยอมขึ้นกับกรุงศรีอยุธยา
และได้ประกาศเป็นรัฐอิสระตั้งแต่ปี พ.ศ. 2173
ขณะเดียวกันก็พัฒนาป้อมปราการเมืองสงขลา
ตามหนังสือเก่าระบุว่ามีทั้งหมด 14 ป้อม
เคยอ่านเจอในหนังสือศิลปวัฒนธรรม (จำเล่ม จำปี ไม่ได้แล้ว)
น่าจะสันนิษฐานได้ว่า ทางกรุงศรีอยุธยาก็ไม่พร้อมจะมารบด้วย
ดังจะเห็นได้จากการตั้งให้พ่อค้าญี่ปุ่น ที่มาเป็นทหารรับจ้างคือ
ออกญาเสนาภิมุข (ยามาดะ) มารับจ้างปราบเมืองนครศรีธรรมราช
ด้วยการฆ่าฟันล้างฆ่าอย่างทารุณ
ตามคำเล่าขานของคนเก่าคนแก่
แต่ประวัิติศาสตร์ไทยไม่ค่อยบันทึกไว้
ดังจะเห็นได้จากตำนานบทเ่ห่กล่อมลูกหลานของเมืองนครว่า

ไก่อูกเหอ ไก่อูกหางลุ่น
ข้าหลวงญี่ปุ่น ทำวุ่นจับเด็ก
จับเอาแต่สาวสาว บ่าวบ่าวไปทำมหาดเล็ก
ญี่ปุ่นจับเด็ก วุ่นทั้งเมืองนครเอย ”

ข้อสังเกตุ ยามาดะ จะไปรบที่ปัตตานี
ไม่เข้ามารบที่สงขลาในยุคนั้นเลย
แสดงว่า อำนาจกรุงศรีอยุธยา
ทำอะไรเมืองสงขลาไม่ได้
จึงต้องไปรบที่เมืองอื่นแทน

link นี้คือเรื่องเกี่ยวกับป้อมปราการเมืองสงขลา  ป้อมหนึ่งที่สมบูรณ์พอสมควร

http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/05/W10601168/W10601168.html

ต่อมาในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
(ครองราชย์ พ.ศ. 2199-2231) ในปี พ.ศ. 2223
โปรดเกล้าฯให้พระยารามเดโช(ชู) เป็นแม่ทัพยกทัพหลวงไปร่วมกับ
ทัพหัวเมืองภาคใต้ มีกองอาสาสมัคร(นักรบรับจ้าง)โปรตุเกสและดัชท์
ร่วมด้วยยกไปปราบนครสงขลาจนเสียเมืองในเวลาต่อมา

ส่วนประัวัติของสุลต่านสุไลมาน ได้รวมรวมสาระพอสังเขป
สามารถไป download  ได้ตาม link นี้

http://goo.gl/eWXZz

(ภาพจาก internet)

แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 55 17:24:09

 
 

จากคุณ : ravio
เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 14:23:24




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com