คุณต้องไม่ลืมอย่างหนึ่งว่า การเคลื่อนไหวเป็นความจริงพื้นฐานของสิ่งต่างๆ แม้ในความนิ่งที่เห็นว่านิ่ง ก็ยังมีการไหลเลื่อนที่ตาไม่อาจเห็น..
คุณจะรู้สึกถึงพันธนาการแน่ไซ้ร หากแปลกแยกจากร่างกายตน แต่ถ้าคุณเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกาย คุณจักพบว่า เสรีภาพการเคลื่อนไหวเป็นสิ่งเดียวกับตัวตน
ที่สุดของความรู้สึกถูกพันธนาการ คือ การป่วยไข้ และระดับการบีบคั้น ขังตรึง ก็สุดแต่ ดีกรีการป่วย การป่วยเรื้อรัง ไม่อยากบอกว่า เป็นคำสาปที่คุณรับเข้าไว้เอง โดยความประมาทเอง "ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา" แม่นแท้ เพราะ บ่อยครั้ง จนกว่าจะเจ็บปวด-ป่วย จึงจักซึ้งถึงความรับผิดชอบต่อร่างกาย และเพราะ สุขหรือทุกข์ อาจอยู่แค่เอื้อมเพียงทำในสิ่งต้องทำ อะไรก่อนอะไรหลัง
ความสุขอยู่ที่ไหน? ถ้าไม่ใช่.. เริ่มต้นจากฐานร่างกายที่ปกติ หรือรู้สึกสบายโปร่งโล่ง นั่นย่อมส่งผลต่อใจที่เบิกบาน และตื่นพร้อม
คนเราต้องการมีสุขภาพดี แต่ก็อยากสบาย ไม่อยากเหนื่อย ไม่อยากทุกข์ ไม่อยากเครียด
พึงทำให้ถึงอนัตตาของร่างกายจึงจักพบสิ่งอันพึ่งหวังหรือปรารถนาดังกล่าว
อนัตตาในที่นี่ หมายถึง พลวัตการเคลื่อนไหวขององคาพยพ ณ กิจกรรมใดๆ เป็นการสื่อสารกับอวัยวะภายในให้ร่วมบูรณาการ การทำหน้าที่ ให้ถึงซึ่งองค์เอกภาพแห่งร่างกายตน คือ กายและใจเป็นหนึ่งอย่างเคลื่อนไหว
ไม่ใช่การทำที่ขาดสติ แต่มีสติทั่วพร้อม ให้มากที่สุดเท่าที่การฝึกฝนเข้าถึง ไม่ใช่การออกกำลังกายให้รีบๆเสร็จ หรือแค่ทำตามโปรแกรมประหนึ่งหุ่นยนต์ชีวะ ไม่ใช่พูดคุยขณะทำอย่างแข่งขันเพื่อเอาชนะสิ่งภายนอก แต่เป้าหมายกระทำการกลับมองตนไปที่ความทั่วพร้อมและเป็นจริงขององค์เอกภาพกาย และจิตที่ควบคุม หรือและ สื่อสารถึง..
ณ ภาวะเช่นนั้น คุณจักสัมผัสถึงอิสรภาพแห่งตัวตนที่ไร้ตัวตน เพราะ ไม่มีการตรึงแน่ที่จุดใดจุดหนึ่งให้กังวลหรือเพ่งพินิจเป็นพิเศษ เห็นก็แต่ โครงข่ายกระทำการของอวัยวะผ่านความรู้สึกโดยรวมอลังการ อิสระและ งดงาม..
จากคุณ |
:
dicky5
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ก.ค. 55 09:31:54
|
|
|
|