ความคิดเห็นที่ 1 เดี๋ยวแวะมาอ่านอีกรอบ  ถ้ากระทู้ยังอยู่นะ จากคุณ : HaroldSizzler เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 55 15:29:18

ความคิดเห็นที่ 2 โดนกดขี่ มานาน สอนลูกสอนหลานที่เกิดใหม่ตามๆกัน มันก็ จะเป็นำปอย่างนี้แหละ ทุกวัันนี้ เรา อ่านข่าวเรายังคิดว่าโดนกดขี่น่ะ เค้าต่าง ศาสนา วัฒธรรม คำสอน มันต้องมีต่าง อย่างเคยอ่าน สงกร์านชาวไทย พุทธ ไปประแป้ง สาว ชาว มุสลิม  แล้ว เค้าไม่เล่นด้วย เราว่ามันน่าคิดน่ะ เค้าเป็นมุสลิม ส่วนใหญ่ แต่ยังใช้กฏหมายกลาง กฏหมายเดียวกัน   ทั้งๆที่ ประเทศไทย เชื้อชาติ สยาม หลากหลายเผ่าพันธ์    ความคิดส่วนตัว น่าจะ กฎหมาย รองรับ แต่ละพื้นที่ เพราะชาวไทย ไม่ใช่มีแต่ภาคกลาง จากคุณ : ปารีส ฮิลตัน เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 55 15:38:31

ความคิดเห็นที่ 3 "สงกร์านชาวไทย พุทธ ไปประแป้ง สาว ชาว มุสลิม  แล้ว เค้าไม่เล่นด้วย " อันนี้ก็เกินไป น่าจะรู้ว่าอยู่ที่ไหน ต้องปรับตัวอย่างไง ก็น่าจะลดบางอย่างลงไปบ้าง ต้องมีการปรับตัวกันบ้างให้เข้ากันท้องที น่าจะดีที่สุด ไม่ใช่ว่าทำอย่างไงก็จะทำอย่างนั้น ไม่สนใจกว่าตนอยู่ที่ไหน.. จากคุณ : Dearz เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 55 20:28:21

ความคิดเห็นที่ 4 เป้าหมายจริงๆจะเป็นการแยกดินแดนจริงรึ แยกประเทศไปแล้วจะอยู่รอดได้จริงรึ รัฐเล็กๆอย่างนั้นไม่มีทางอยู่รอดได้ด้วยตัวเองหรอก   ตัวอย่างที่เห็นชัดๆก็รายได้     จังหวัดต่างๆในประเทศไทยนั้นเกือบทั้งหมดอยู่ในสถานะที่รายได้ไม่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ เพราะงบประมาณที่ส่งไปจากส่วนกลางนั้นมากกว่ารายได้ที่จังหวัดหาได้เสียอีก นั่นคือประเทศไทยทุกวันนี้มีลักษณะว่าคนกรุงเทพเสียภาษี+สร้างรายได้ส่วนใหญ่ให้ประเทศส่งไปเลี้ยงต่างจังหวัด เห็นคนสามจังหวัดชายแดนบางคนทำพูดอวดว่าภาษี3จังหวัดควรจัดเก็บเองไม่ส่งไปส่วนกลาง       ภาษีของ3จังหวัดก็ต้องใช้เพื่อ3จังหวัด     ประทานโทษเถอะ     ถ้าเอาแต่รายได้ตัวเองมาใช้      มีหวังการพัฒนาต่างๆสะดุดหมด       เพราะเงินไม่พอ     เอาแค่รายจ่ายประจำของจังหวัดก็แทบไม่ไหวแล้ว    อย่าพึ่งไปหวังการพัฒนาจังหวัดให้เจริญขึ้นเลย จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 55 23:08:49

ความคิดเห็นที่ 5 มีแนวคิดหนึ่งที่ว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของบุคคลที่ต้องการอำนาจต่อรองทางการเมือง หรือทางเศรษฐกิจ  มากกว่าเป็นการแบ่งแยกดินแดนของคนในพื้นที่ บางทีคนบงการอาจจะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ก็เป็นได้ สินค้าผิดกฎหมาย หนีภาษี หรือแม้กระทั่งงบประมาณทางการทหาร ผลประโยชน์ทั้งนั้น จากคุณ : TommyStyle เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 55 23:35:03

ความคิดเห็นที่ 6 ขยันตั้งกระทู้จังเลย จากคุณ : GO9 เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 55 02:57:15

ความคิดเห็นที่ 7 คนมันไม่มีที่อยู่ ที่กิน เรื่องค้าขายก็ไม่มีทางคิดได้ ระยะทางก็ไกลแสนไกล เดินทางกลับไปจะตายหรือเปล่าก็ไม่รู้ จากคุณ : Elizarah เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 55 08:51:47

ความคิดเห็นที่ 8 หากสงบร่มเย็น จะมีคนเสียผลประโยชน์อีกมากมาย จากคุณ : ปากจัดชะมัดยาด (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 55 19:05:29

ความคิดเห็นที่ 10 เราคิดยังไงกับ การเสีย เขมรชั้นใน ดินแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขง ไทรบุรี กะรันตัง ตรังกานู ก็เหมือนกันแหละครับ ู จากคุณ : ลมธรรม (ลมธรรม) เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 55 21:46:18

ความคิดเห็นที่ 11 ถึงคุณ zodiac28 ความคิดเห็นที่ 4 ตลอดหลายปีที่ผ่านมางบประมาณประจำปี ที่ส่วนกลางอนุมัิติให้แต่ละจังหวัดนั้น ไม่มีจังหวัดใดได้รับงบประมาณถึง 2 เปอร์เซ็นต์ ของเงินภาษีแต่ละปีที่เก็บได้จากท้องที่ของแต่ละจังหวัด บางจังหวัดได้รับงบประมาณไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ เงินภาษีที่เก็บจากทุกจังหวัดกว่า 90 เปอร์เซนต์ที่เหลือหายไปไหนหมด!? คนกรุงเทพฯ กำลังเสวยสุข มีกิน มีใช้ สะดวกสบายทุกวันนี้ นั่นเพราะบุญคุณจากคนต่างจังหวัด คนกรุงเทพฯ ไม่ได้อยู่ในฐานะของผู้เสียเปียบ หรือผู้เสียสละ อย่าเข้าใจผิด!!!!! นอกจากมีรถไฟลอยฟ้า รถไฟใต้ดินแล้ว คนกรุงเทพยังมีรถเมล์ฟรีจากภาษีประชาชน "ทั้งประเทศ" คอยให้บริการ ซึ่งไม่เคยมีคันไหนวิ่งไปถึงเพื่อให้บริการคนต่างจังหวัดเลยครับ การเดินทางในต่างจังหวัด คนต่างจังหวัดต้องช่วยเหลือตัวเอง ต้องช่วยเหลือกันเองมานานแสนนานแล้วครับ เพราะฉะนั้นความเข้าใจที่ว่าคนกรุงเทพฯ ทำงานหาเงินเลี้ยงคนต่างจังหวัด เป็นความเชื่อที่ตรงข้ามกับความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง ซึ่งไม่ใช่ว่าคนต่างจังหวัดจะไม่รู้ และไม่ตระหนักถึงความไม่ยุติธรรมนี้ และนี่คงเป็นสาเหตุที่หลายๆ พื้นที่ในต่างจังหวัดกำลังทวงถามถึงความเหมาะสมจากส่วนกลางอยู่ครับ ต้นเหตุของความรุนแรงหลายอย่างในประเทศน่าจะเกิดจากข้อเท็จจริงเหล่านี้ด้วย คุณคิดจะแก้ปัญหานี้อย่างไร คนต่างจังหวัดต้องทนรอคำตอบไปอีกนานเท่าไรครับ? จากคุณ : What's a pretty boy! เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 55 21:46:54

ความคิดเห็นที่ 12 การเมืองว่าด้วยการกระจายงบประมาณ และภาระภาษีอากรระหว่างจังหวัด 1. ภาษีอากรที่รัฐบาลจัดเก็บจากจังหวัดต่างๆ และการจัดสรรงบประมาณลงสู่จังหวัด หากไม่นับรวมกรุงเทพมหานครแล้ว จังหวัดส่วนใหญ่สามารถระดมทรัพยากรในรูปของภาษีอากรให้แก่รัฐ ได้ประมาณ 1.14 หมื่นล้านบาทในปีงบประมาณ 2553 ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วเป็นสัดส่วนที่น้อยกว่าเงินงบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรลงไปในพื้นที่จังหวัดนั้นๆ ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 2.05 หมื่นล้านบาทโดยเฉลี่ยต่อจังหวัด สำหรับกรุงเทพมหานครนั้น ประชาชน (รวมถึงสถานประกอบการต่างๆ ที่ตั้งในพื้นที่ กทม.) ต้องแบกรับภาระภาษีมากกว่างบประมาณที่รัฐจัดสรรกลับคืนมาให้สูงกว่า 5 เท่าตัว ประเด็นที่น่าสนใจในเรื่องนี้ก็คือพรรคการเมืองต่าง ๆ เคยมีนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการกระจายงบประมาณและภาระภาษีอากรที่เป็นธรรมระหว่างพื้นที่จังหวัดหรือไม่ อย่างไร? ตาราง1 จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : วันภาษาไทยแห่งชาติ 55 04:15:17

ความคิดเห็นที่ 13 2. จังหวัดใดที่ “ครองแชมป์” และ “ครองบ๊วย” ในการเก็บภาษีอากร? จังหวัดใดที่จ่ายภาษีอากรให้แก่รัฐเป็นจำนวนเงินสูงที่สุดและต่ำที่สุด? ข้อมูลในตารางที่ 2 ต่อไปนี้แสดงให้เห็นว่ากรุงเทพมหานครสามารถสร้างรายได้ภาษีอากรให้แก่รัฐเป็นจำนวนเงินสูงที่สุดในปีงบประมาณ 2553 ซึ่งสามารถจัดเก็บภาษีอากรได้ประมาณ 9.14 แสนล้านบาท ตามด้วยจังหวัดชลบุรี ระยอง สมุทรปราการ และปทุมธานี ซึ่งจังหวัดเหล่านี้ต่างเป็นฐานที่ตั้งของธุรกิจอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ จึงสามารถสร้างรายได้ให้แก่รัฐได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ในทางตรงกันข้าม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ระนอง และสตูล จัดเก็บภาษีอากรได้ต่ำที่สุด ซึ่งมีจำนวนระหว่าง 543.8 ถึง 710.8 ล้านบาทในปีเดียวกัน จึงเห็นได้ว่ามีขนาดที่แตกต่างกับรายได้ภาษีอากรของกรุงเทพมหานครราว 1,682 เท่าตัว ประเด็นสำคัญในเรื่องนี้ก็คือพรรคการเมืองต่างๆ มีนโยบายที่ชัดเจนในการพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ และฐานภาษีอากรให้แก่จังหวัดต่างๆ ที่อยู่รั้งท้ายตาราง เพื่อให้เกิดความเจริญทัดเทียมกันกับจังหวัดอื่นๆ หรือไม่ ตาราง2 จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : วันภาษาไทยแห่งชาติ 55 04:15:43

ความคิดเห็นที่ 14 3. จังหวัดใด “ได้รับงบประมาณ” มากกว่า “จ่ายภาษีอากร” ให้แก่รัฐ? จังหวัดใดได้รับงบประมาณมากกว่าจานวนเงินภาษีอากรที่จ่ายให้แก่รัฐ? ข้อมูลในตารางที่ 3 แสดงให้เห็นว่าจังหวัดอำนาจเจริญได้รับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐราว 9.7 พันล้านบาทในปีงบประมาณ 2553 ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่สูงกว่าภาษีอากรที่จัดเก็บได้ในจังหวัดราว 13 เท่าตัว ในทำนองเดียวกัน จังหวัดนราธิวาส นครพนม และแม่ฮ่องสอนได้รับงบประมาณในสัดส่วนที่สูงกว่าเงินภาษีอากรที่นาส่งให้แก่รัฐราว 12 เท่าตัว ประเด็นที่ควรพิจารณาก็คือการที่รัฐจัดสรรงบประมาณให้แก่จังหวัดเหล่านี้ในจำนวนที่สูงกว่าเงินภาษีที่จัดเก็บได้จากแต่ละจังหวัด มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจระหว่างจังหวัดอย่างจริงจังหรือไม่? การจัดสรรงบประมาณลงสู่จังหวัดมีความสอดคล้องกับนโยบายในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของจังหวัดต่างๆ หรือไม่? หรือว่าแท้จริงแล้วการจัดสรรงบประมาณลงสู่จังหวัดต่างๆ เกิดขึ้นเพราะอาศัย “สายสัมพันธ์ทางการเมือง” ระหว่างรัฐบาลและนักการเมืองที่มีฐานเสียงในชุมชนท้องถิ่นเป็นสาคัญ? ตาราง3 จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : วันภาษาไทยแห่งชาติ 55 04:16:39

ความคิดเห็นที่ 15 4. จังหวัดใด “จ่ายภาษีอากร” มากกว่า “ได้รับงบประมาณ” จากรัฐ? หากตั้งคำถามว่าการกระจายภาระภาษีระหว่างจังหวัดต่างๆ มีความ “เป็นธรรม” ตามหลักผลประโยชน์ที่ได้รับหรือไม่ เราอาจพิจารณาได้จากจำนวนภาษีอากรที่จังหวัดหนึ่งๆ ได้จ่ายให้แก่รัฐเปรียบเทียบกับขนาดของงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรให้ ข้อมูลในตารางที่ 4 ชี้ให้เห็นว่าจังหวัดที่เป็นฐานที่ตั้งหลักในทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ โดยเฉพาะระยอง กรุงเทพมหานคร และชลบุรี จะต้องแบกรับภาระภาษีอากรประเภทหลัก ในสัดส่วนที่สูงกว่าจังหวัดอื่นๆ โดยที่จังหวัดเหล่านี้มีสัดส่วนของการนำส่งรายได้ให้แก่รัฐสูงกว่าจำนวนเงินงบประมาณที่ได้รับในปี 2553 ราว 3 ถึง 7 เท่าตัว ตาราง4 จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : วันภาษาไทยแห่งชาติ 55 04:17:09

ความคิดเห็นที่ 16 ประเด็นที่ชวนให้สามารถตั้งคำถามต่อพรรคการเมืองทั้งในระดับชาติและพรรคการเมืองระดับภูมิภาคก็คือการกระจายภาระภาษีระหว่างจังหวัดต่าง ๆ มีความเป็นธรรม (tax fairness) หรือไม่ จังหวัดหนึ่งๆ ได้แบกรับภาระภาษีอากรแทนจังหวัดอื่นๆ ในสัดส่วนที่สูงเกินไปหรือไม่? และพรรคการเมืองต่างๆ มีนโยบายที่ชัดเจนในการจัดสรรงบประมาณกลับคืนสู่จังหวัดที่เป็นแหล่งกำเนิดของภาษีในสัดส่วนที่สูงขึ้นหรือไม่? ประเด็นเรื่องความเป็นธรรมในการกระจายภาระภาษีและผลประโยชน์จากการพัฒนานับว่ามีความสำคัญยิ่งในการกำหนดแผนงบประมาณและนโยบายภาษีอากรของรัฐบาลระหว่างพื้นที่จังหวัด ยกตัวอย่างเช่น หากเราเปรียบเทียบจังหวัดสุพรรณบุรีกับฉะเชิงเทราแล้ว ทั้งสองจังหวัดนี้มีที่ตั้งห่างจากกรุงเทพมหานครเป็นระยะทางที่ใกล้เคียงกัน (ราว 80-90 กิโลเมตร) แต่มีความเจริญในการพัฒนาถนนและเส้นทางการจราจรทางบกที่แตกต่างกัน ในปีงบประมาณ 2553 นั้น จังหวัดสุพรรณบุรีได้รับการจัดสรรงบประมาณในการพัฒนาด้านต่างๆ ประมาณ 2.17 หมื่นล้านบาท ในขณะที่ประชาชนและภาคธุรกิจในจังหวัดร่วมกันแบกรับภาระภาษีเพียงประมาณ 2.69 พันล้านบาท ในทางตรงกันข้าม จังหวัดฉะเชิงเทรานำส่งภาษีให้แก่รัฐในปีงบประมาณ 2553 ราว 2.83 หมื่นล้านบาท แต่กลับได้รับงบประมาณเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาจังหวัดเพียง 1.77 หมื่นล้านบาทเท่านั้น (ดูข้อมูลจากตารางที่ 5) ตาราง5 จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : วันภาษาไทยแห่งชาติ 55 04:18:19

ความคิดเห็นที่ 17 5. ภาระภาษีอากรต่อระดับรายได้ของประชากร จังหวัดที่รวยและจนแบกรับภาระภาษีอากรในสัดส่วนที่แตกต่างกันหรือไม่? ตารางที่ 6 แสดงสัดส่วนภาระภาษีต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมรายจังหวัด (gross provincial products: GPP) ซึ่งทั้งประเทศมีค่าเฉลี่ยประมาณร้อยละ 8.2 ของ GPP ในกรณีของกรุงเทพมหานครจังหวัดเดียวนั้นแบกรับภาระภาษีในสัดส่วนที่สูงถึงร้อยละ 47.1 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ จังหวัดที่แบกรับภาระภาษีอากรเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมรายจังหวัดในสัดส่วนที่สูงที่สุด 5 อันดับแรก (ไม่นับรวมกรุงเทพมหานคร) ได้แก่ ชลบุรี นนทบุรี ปทุมธานี ระยอง และขอนแก่น ซึ่งมีสัดส่วนการแบกรับภาระภาษีอากรระหว่างร้อยละ 21 ถึงร้อยละ 32 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมรายจังหวัด โดยที่จังหวัดเหล่านี้ตั้งอยู่ในภาคกลางและตะวันออก ในทางกลับกัน จังหวัดที่แบกรับภาระภาษีต่อรายได้ของจังหวัดในสัดส่วนที่ต่ำที่สุด 5 อันดับได้แก่ สตูล พังงา ยะลา กระบี่ และระนอง ซึ่งแบกรับภาระภาษีโดยเฉลี่ยราวร้อยละ 2 – 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมรายจังหวัดเท่านั้น พึงสังเกตว่าจังหวัดเหล่านี้ตั้งอยู่พื้นที่ภาคใต้ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคการเมืองพรรคใหญ่พรรคหนึ่งในปัจจุบัน ประเด็นคำถามในเรื่องนี้ก็คือการกระจายภาระภาษีอากรระหว่างจังหวัด (และอาจรวมถึงระหว่างภูมิภาค) มีความเป็นธรรมมากน้อยเพียงใด? พรรคการเมืองที่อาสาเข้ามารับใช้ประเทศชาติบ้านเมืองควรมีนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องนี้กันอย่างไรหรือไม่? ตาราง6 แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 55 04:19:48 จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : วันภาษาไทยแห่งชาติ 55 04:19:11

ความคิดเห็นที่ 18 6. การเมืองเรื่องภูมิภาคนิยม พรรคการเมืองต่างๆ ในปัจจุบันต่างพยายามสร้างกระแส “ภูมิภาคนิยม” โดยมักกล่าวอ้างว่าหากประชาชนในภาคนั้นจังหวัดนั้นเลือกพรรคแล้ว จะนำงบประมาณกลับคืนมาสู่จังหวัดให้มากขึ้น คำกล่าวอ้างนี้เป็นจริงมากน้อยเพียงใด ลองพิจารณาข้อมูลภาระภาษีและขนาดงบประมาณของจังหวัดต่างๆ ในแต่ละภูมิภาคดังนี้ ตาราง7 จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : วันภาษาไทยแห่งชาติ 55 04:20:30

ความคิดเห็นที่ 19 จากข้อมูลตารางที่ 7 จะเห็นได้ว่ากรุงเทพมหานครและจังหวัดต่างๆ ในภาคกลาง แบกรับภาระภาษีต่อ GPP ในสัดส่วนที่สูงกว่าภูมิภาคอื่นๆ แต่กลับได้รับงบประมาณเพื่อการพัฒนาจังหวัดในระดับที่ต่ำกว่าจำนวนเงินภาษีที่ส่งเป็นรายได้ให้แก่รัฐ ในทางกลับกัน จังหวัดต่างๆ ในภาคใต้ ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือแบกรับภาระภาษีอากรของรัฐในสัดส่วนที่ต่ำกว่าร้อยละ 8 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมรายจังหวัด อีกทั้งยังได้รับงบประมาณเพื่อการพัฒนาจังหวัดในสัดส่วนที่มากกว่าเงินภาษีที่จัดเก็บได้ในจังหวัดนั้นๆ ราว 4 ถึง 6 เท่าตัว จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : วันภาษาไทยแห่งชาติ 55 04:21:30

ความคิดเห็นที่ 20 ภาษีผู้บริโภค ต่างจังหวัดกินใช้ตามค่าแรงขั้นต่ำ 200บาทคูณ55ล้านคน วันละ11,000ล้าน กทมค่าแรง600บาทคูณ11ล้านวันละ6,600ล้านบาท ภาษีการค้าซ่อนเร้น พ่อค้าคจว ไปจดทะเบียนกรุงเทพ เพราะสรรพากรกรุงเทพตัดสินทุกสิ่งจากเอกสาร หลักฐาน และที่นั่นมีนักบัญชีที่เก่ง มีทนายธุรกรรมจบอเมริกามากมาย ภาษีวัตถุดิบ อิมพอร์ตเอ็กพอร์ต ส่วนกลางเก็บหมดแม้จะเป็นสินค้าตจว ภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ท้องถิ่นได้จากน้ำมันแค่50สตางค์ ค่าภาคหลวง สัมประทาน ส่วนกลางเก็บ แต่ยังดีที่ภาษีแร่ให้ท้องถิ่น30% มหาวิทยาลัยคุณภาพ นักศึกษาดูดเงินจากตจว 4ปี1,000,000บาท ถ้าจริงใจกระจายอำนาจ ส่วนรวมจะทยานไปกว่านี้ คนปัตตานี เหมือนคนเมืองหลวงทั่วไป มีความยืดหยุ่นสูง การศึกษาดี ปรับตัวได้ ดูอีรักเมื่อเร็วนี้ พออเมริกันมา คนแบกเเดด ทุบหุ่นซัดดัมอย่างรื่นเริง ในเขมรตอนถูกเวียดนามบุกเมืองหลวงก็แบบนี้ คนเวียดนามใต้ก็แบบเดียวกัน ที่จะกู้ชาติคือคนต่างจังหวัดของนครรัฐ ปัตตานี ในลาวก็แบบนี้ เมื่อเวียงจันทร์ถูกฝรั่งยึด ฝ่ายต่อต้านคือคนหัวไร่ปลายนาจากหลวงพระบาง ในยุคใหม่มีแต่คน นานกิง ที่ไม่สยบยอมต่อผู้บุกรุก อยากให้มันจบนะภาคใต้ ไม่อยากให้ญาติผมที่เริ่มโต ออกไปเป็นเป้า เงินเสียทหารทวีมากขึ้นตลอด ถูกใจใครบางคน.....ถ้าแยกได้จริง คนปัตตานีในกรุงเทพ ลงไปหาเขาแน่นอน คนพวกนี้ฉลาดอยู่แล้ว ตนในปัตตานีก็นิ่งมาก และมันแยกไม่ได้แน่นอน ถ้าไทยเหลืออด ยอมเป็นทาสฝรั่งสัก20ปี อเมริกัน ยิว ออสเตรเลีย ร้องขอเข้าพื้นที่ทุกปีอยู่แล้ว ไทยซี้อปิโตเลียมจากกลุ่ม อาหรับ เป็นลูกค้ารายใหญ่ แก้แบบไหนไม่รู้ เกินสมอง รู้แค่ว่าทั้งสมองและยุทธวิธีคนปัตตานีของพวกเราเก่งโครตฯ จากคุณ : Alone among the crowd เขียนเมื่อ : วันภาษาไทยแห่งชาติ 55 09:45:10

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้าบริษัทปูนไปขุดปูนมาจากต่างจังหวัด แต่เสียภาษีในฐานะที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่กรุงเทพ?? บริษัททัวร์ มีสำนักงานใหญ่อยู่กรุงเทพ แต่ทรัพยากรท่องเที่ยวอยู่ต่างจังหวัด?? จากคุณ : คุณชายเอก เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 00:42:40

ความคิดเห็นที่ 22 ธนาคาร ทั่ว ปรธเทศ เสียภาษีที่ไหน ค่ะ บริษัท ประกันชีวิต ด้วย  เนื่องจากมีหลายสาขา และ สาขา ต่างจังหวัด จากคุณ : ปารีส ฮิลตัน เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 06:19:37

ความคิดเห็นที่ 23 โอเค    อาจจะมีบางส่วนที่กรุงเทพไปดึงมาจากต่างจังหวัด แต่กรุณาดูตารางที่1   ค่าเฉลี่ยรายได้ทั้งประเทศไม่รวมกรุงเทพคือ  11,389 ล้านบาท     ให้ต่างจังหวัดสามารถหารายได้ได้เองไม่เสียให้กรุงเทพ     ให้ + ไปอีก50%เลย    = 17083.5 ล้านบาท มันก็ยังไม่เท่างบประมาณที่ได้ไปอยู่ดีครับ     งบประมาณค่าเฉลี่ยที่ต่างจังหวัดได้ไปอยู่ที่ 20,501 ล้านบาท บริษัทสาขา    มันไม่ได้มีแต่ต่างจังหวัดนะครับ      มีหลายบริษัทที่สำนักงานอยู่ต่างจังหวัด    และมีสาขาที่กรุงเทพ      แต่ที่มีจำนวนน้อย   ก็ต้องถามบริษัทเหล่านั้นเอาเอง    ว่าทำไมเลือกมาตั้งสำนักงานที่กรุงเทพ    เมื่อเลือกมาตั้งที่กรุงเทพก็ต้องยอมรับว่าอยู่ในฐานะของผู้ที่ต้องเสียภาษีใหกรุงเทพ และประการสำคัญผมไม่ได้ต้องการจะมาบอกว่าใครเอาเปรียบใคร    แต่จะบอกว่าในปัจจุบันนี้เลยหากต่างจังหวัดเลิกรับงบประมาณจากส่วนกลางทันทีและหารายได้ใช้เอง      เกือบทุกจังหวัดอยู่ไม่ได้ครับ      ดังนั้นพวก3จังหวัดชายแดนใต้ที่พล่ามว่า        รายได้ของ3จังหวัดก็ต้องใช้เพื่อคน3จังหวัดเท่านั้น       นั่นเป็นเพียงลมปาก   พูดเอามันเท่านั้นแหละ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 55 17:51:18 จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 17:35:24

ความคิดเห็นที่ 24 ถามนิดเดียว ได้คำตอบมาตรึม พร้อมข้อมูลเป็นกระบุงโกย คุ้มค่ามาก กับคำถามนี้ จากคุณ : ปากจัดชะมัดยาด (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 22:51:29

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณทุกท่านค่ะ มีความรู้สึกว่ากระทู้ไม่เข้มข้นเท่าของคนอื่น ๆ ที่ตั้งในประเด็นเดียวกันเลยค่ะ 555 แต่ก็ได้คำตอบในเรื่องที่สงสัย จากเฟซหน้าที่ยกมาอยู่พอดี จากคุณ : อวัยวะชิ้นนั้น เขียนเมื่อ : วันเข้าพรรษา 55 06:07:13