Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
พูดเรื่องภาษาอังกฤษในวันภาษาไทย ติดต่อทีมงาน

พูดเรื่องภาษาอังกฤษในวันภาษาไทย

E-Mail : siam_shinsengumi@hotmail.com
FaceBook : Siam Shinsengumi

ขณะที่ผมเขียนบทความนี้ ผมเพิ่งกลับมาจาก จ.ระนองครับ แต่เรื่องที่ไปพบมาขณะที่อยู่ที่ระนอง ไว้ลงสัปดาห์หน้าดีกว่าเพราะเกี่ยวกับเมืองไทยเมืองพุทธ (สัปดาห์หน้าเป็นช่วงเข้าพรรษา) ส่วนวันนี้ ผมอยากจะบ่นเรื่องที่คาใจช่วงที่ผมไปพัทยามาเมื่อสัก 1 เดือนก่อน เนื่องจากเห็นว่าทุกวันนี้คนไทยเอะอะๆ ก็อาเซียน อาเซียน และอาเซียน บางคนก็เห่อจะให้สอนภาษาอาเซียน แต่เนื่องจากผมอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” ของคุณซูม ณ ไทยรัฐ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ.2555 ผมรู้สึกว่าจะต้องบ่นเรื่องที่คาใจออกมาซะที

อย่างที่เรารู้กันว่าทุกวันนี้ทักษะภาษาอังกฤษของคนไทยอยู่อันดับที่ 5 ของอาเซียน ย้ำนะครับ! อาเซียน ไม่ใช่เอเชีย ซึ่งถ้าไปเทียบกับเอเชียทั้งทวีปเราจะยิ่งด้อยกว่านั้นมาก แน่นอนว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ผมเห็นความเคลื่อนไหวของรัฐบาลทั้ง 2 พรรคใหญ่ที่พยายามจะให้เด็กไทยยุคใหม่พูดภาษาอังกฤษได้เป็นภาษาที่สอง แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร ผลปรากฏว่ายิ่งแย่ขึ้นเรื่อยๆ ขนาดที่คนทำงานกับแรงงานพม่าบอกว่าถ้าเป็นพม่าจากเมืองใหญ่ๆ เช่นย่างกุ้ง ภาษาอังกฤษดีกว่าคนไทยที่มีระดับการศึกษาเท่ากัน

ที่ผมบอกว่าคาใจ เพราะช่วงที่ผมไปพัทยา อย่างที่เรารู้กันว่าที่นั่นประชากรฝรั่งผิวขาวมีมากพอๆ กับคนไทย ทั้งคนที่อยู่ยาวๆ ขาประจำ และนักท่องเที่ยวหน้าใหม่ขาจร วันนั้นผมเดินอยู่ริมถนน เห็นฝรั่งมึนๆ กับแผนที่และป้ายบอกทอง เอาล่ะด้วยความที่ผมพอพูดอังกฤษงูๆ ปลาๆ ได้บ้าง จึงจะเข้าไปอธิบายทางให้ แต่ทว่า...สตรี 2 นาง ดูการแต่งตัวแล้วรู้เลยว่าไม่ใช่อาชีพสุจริต หรืออาชีพสีขาวแน่ๆ เออพูดกันตรงๆ ว่าคุณเธอทั้งสองเป็น Bar Girl หรือที่เรียกกันว่าสาวนั่งดริ๊งค์นั่นละ (ซึ่งเราก็รู้กันว่าคงไม่ใช่แค่นั่งดริ๊งค์ ไม่เชื่อไปดูยามดึกๆ บริเวณโรงแรมละกัน ฮ่าๆ) แย่งซีนผมครับ แย่งซีนไม่เท่าไร ที่ผมอึ้งมากคือคุณเธอใช้ภาษาอังกฤษได้คล่องมาก คล่องกว่าคนจบปริญญาตรีอย่างผมเสียอีก

แน่นอนครับว่านี่ไม่ใช่หนแรกที่ผมเจอคนทำอาชีพสีเทาเหล่านี้ใช้ภาษาอังกฤษได้คล่อง สมัยที่ผมยังเป็นนักศึกษา ผมมักจะไปหาหนังสือเก่าที่ร้านมือสองย่านถนนข้าวสาร หากผมเดินเล่นเลยเถิดไปจนค่ำคืน ทั้งสาวแท้ และสาวเทียม (กระเทย) ต่างใช้ภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว หลายคนไม่ใช่แค่พูด แต่ยังอ่านและเขียนได้อีกด้วย ทำเอาคนเรียนสูงอย่างผมและหลายๆ คนคงจะอาย เพราะรอบๆ ตัวผม บางคนจบคณะที่มีระดับกว่าผม จบมหา’ลัยที่มีชื่อเสียงกว่าผม และเกรดเฉลี่ยก็มากกว่าผม แต่ยังมาให้ผมที่มีทักษะภาษาอังกฤษระดับงูๆ ปลาๆ แปลงานแปลการบ้านให้

สงสัยกันไหมครับว่าทำไมคนเหล่านี้ถึงมีทักษะภาษาอังกฤษดีพอสมควรกว่าคนเรียนสูงๆ หลายคน คำตอบอยู่ที่นิยามเดียว “การเห็นความสำคัญ” คือเห็นว่าภาษาอังกฤษมีความสำคัญ สามารถถีบให้พวกเขาหลุดจากนรกไปขึ้นสวรรค์ทางลัดได้ (ถึงแม้ว่าผมจะ Anti ค่านิยมเกาะผั-วฝรั่งกินก็ตาม) ซึ่งถ้าหากผมไม่มีประสบการณ์นี้ที่ผมรู้สึกว่า “ไม่อาจยอมรับได้” (จะให้ยอมรับได้ไงล่ะที่คนอาชีพแบบนั้นมีความรู้ มีทักษะมากกว่าตัวเองที่จบสูง profile ดี) ผมก็อาจจะยกตัวอย่างแม่ค้า คนขับรถตามแหล่งท่องเที่ยวซึ่งเป็น “อาชีพสีขาว” มาแทนที่ ซึ่งคนเหล่านี้ก็มีทักษะภาษาอังกฤษที่ดีใช้ได้เช่นกัน

ซึ่งสิ่งที่เรียกกันว่า “แรงจูงใจ” แบบนี้ เป็นอย่างแรกที่ต้องสร้างขึ้น ไม่ว่าจะเรียนวิชาไหนๆ ก็ตาม คุณต้องทำให้ผู้เรียนเข้าใจก่อนว่า ที่เรียนๆ กันน่ะเรียนไปทำไม? เหมือนที่เด็กๆ ชอบถามว่าเรียนคณิตศาสตร์ทำไม เรียนพละทำไม เรียนภาษาไทยทำไม เรียน....ทำไม บลาๆๆ คือถ้าผู้เรียนไม่เห็นความสำคัญ เขาก็จะเรียนไปแบบแกนๆ เรียนเอาแค่ผ่าน หรือปล่อยตกได้ถ้ามีโอกาส หรือแม้กระทั่งกวดวิชา ที่กวดแค่วิธีลัดทำข้อสอบ แต่สอบเสร็จก็จบกัน องค์ความรู้จากวิชาจริงๆ ได้น้อยหรือไม่ก็ไม่ได้เลย อย่างที่ทุกวันนี้มีแต่คนบ่น เด็กรุ่นใหม่ๆ จบมาได้ไง ความรู้พื้นฐานบางอย่างในสายงานยังไม่มี

จริงๆ ผมไม่ใช่ชาวพุทธ (ผมไม่กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นศาสนิกชนไหนๆ หรอกครับ ไม่เคยร่วมพิธีกรรมมานานแล้ว) แต่ด้วยความที่พอจำได้ลางๆ ว่าพระพุทธเจ้าเคยสอนเรื่องอิทธิบาท 4 ซึ่งมีฉันทะ (ความพอใจ) วิริยะ (ความพยายาม) จิตตะ (ความอดทน) วิมังสา (ใช้สติพิจารณา) ซึ่งนี่อยู่ในวิชาพระพุทธศาสนาสมัยประถม ซึ่งผมก็สงสัยไปอีกว่าเราสลับลำดับได้ไหม? คำตอบคือไม่ได้ การเรียงลำดับแบบนี้ก็ถูกต้องแล้ว ทำไมน่ะหรือ? เพราะก่อนคุณจะเรียนจะศึกษาอะไรๆ คุณต้องมีความพอใจ หรือศัพท์สมัยใหม่คือคุณต้อง “เห็นความสำคัญ” ในวิชานั้นๆ ก่อน เมื่อรู้สึกว่ามันสำคัญแล้ว ความพยายามก็จะตามมาเอง ซึ่งใครจะได้มากหรือน้อยนั่นก็แล้วแต่คน

แต่ไม่มีทางที่ผู้เห็นความสำคัญแล้วตั้งใจศึกษาเล่าเรียนจะ “ไม่ได้อะไรเลย”

ที่อยากจะบ่นก็ประมาณนี้ล่ะครับ ผมไม่ใช่เด็กเก่ง เรียนจบมาด้วยเกรดเฉลี่ย 2 นิดๆ ถือว่าน้อยมาก วิชาภาษาอังกฤษผมก็ตกบ้างผ่านบ้าง นั่นในชั้นเรียนครับ แต่เผอิญผมอยู่กับเพลงสากลและภาพยนตร์จากฮอลลีวู้ดตั้งแต่เด็ก พอได้ฟัง soundtrack แล้วมันรู้สึกว่า “เท่ว่ะ” อยากพูดได้บ้างอยากอ่านออกเขียนได้บ้าง พอมาสมัยหลังๆ เล่นอินเตอร์เน็ตได้ เจอพวกที่มีความคิดคนละขั้วกับผม คนพวกนี้สอนให้ผมรู้ว่าจะอ้างอิงข่าวหรือบทความ อย่าตีกรอบแค่สารในไทย แต่ต้องโยงไปหาข่าวสารหรือบทความจากต่างประเทศด้วย (ฝ่ายตรงข้ามผม หากใช้นิยามจากตะวันตกแล้วพวกเขาคือ Liberal หรือหัวก้าวหน้า ขณะที่ผมถูกมองว่า Conservative หรือล้าหลังในสายตาพวกเขา) ทำให้ผมต้องอ่านข่าวจากเว็บไซต์ต่างประเทศ พวก CNN BBC Al-Jazeera อะไรทำนองนี้ด้วย แน่นอนว่าทุกวันนี้ก็ยังงูๆ ปลาๆ ถูกบ้างผิดบ้าง แต่นี่คือแรงจูงใจ ถ้าผมไม่มีแรงจูงใจอันนี้แล้ว ผมคงไม่ต่างกับหลายๆ คน ที่ขี้เกียจเรียนภาษาอังกฤษ แล้วก็พูดไม่ได้อ่านไม่ได้เลยอย่างแน่แท้

จึงอยากจะบอกว่า ขณะที่เรากังวลว่าเด็กอ่อนวิชาโน่นนี่นั่น จะปรับหลักสูตร จะปรับการสอน จะเปลี่ยนครูอาจารย์ จะ.... ฯลฯ บลาๆๆๆ ลองมาคิดหาวิธีกันไหม? ว่าทำอย่างไรจึงจะให้เด็กสนใจการเรียน ไม่ใช่แค่ภาษา แต่หมายถึงแต่ละวิชาต้องใช้หลักคิดแบบนี้ หาไม่แล้วก็จะเรียนแบบแกนๆ (เช่นผมที่พอ ม.ปลาย ผมไม่สนคณิตศาสตร์แล้วเป็นต้น เนื่องด้วยว่าชอบอ่านหนังสือประวัติศาสตร์และการเมืองมากกว่า) แล้วระดับความรู้ของเด็กไทยคงจะตกไปเรื่อยๆ จนเพื่อนบ้านที่เราเคยดูถูกสามารถแซงหน้าไปได้

อ่อ...ที่ผมไม่อยากเห็นเลย คือเด็กจบสูงๆ แต่งตัวดีๆ แต่ทักษะภาษาอังกฤษสู้สาวบาร์ สู้คนทำงานแบบนั้นไม่ได้แบบที่ผมเจอ พวกท่านอายกันบ้างไหมครับ? (ส่วนผมอายแน่ๆ ยังจำได้แม่นทีเดียว)

หรือจะต้องให้พวกเธอเป็นหน้าตาประเทศไทยแทนพวกเรา...เหล่าคนมีการศึกษาทั้งหลาย

หุๆ

................................................................

จากคุณ : Siam Shinsengumi
เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 55 21:32:26 A:184.154.49.106 X: TicketID:360979




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com