ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าให้ตรวจไอเดีย เขียนภาษาไทยมาน่าจะมีคนช่วยมากกว่านะครับ ภาษาอังกฤษที่เขียนมา อ่านไม่ลื่นมากๆ อ่านไปไม่กี่บรรทัดเหนื่อยมากครับ ไม่ไหว จากคุณ : J-Renderer เขียนเมื่อ : วันภาษาไทยแห่งชาติ 55 16:13:47

ความคิดเห็นที่ 2 โอ้ไม่แปะในนี้ดูลำบาก ขี้เกียจ download มา เท่าที่อ่านผ่านๆดูรู้สึกภาษาอังกฤษคุณเขียนได้ผิดธรรมชาติเยอะมากๆ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าคุณคงไม่ได้ฝึกฟังพูดอ่านเรื่องง่ายๆในชีวิตประจำวันให้คล่องก่อน แล้วอยู่ดีๆมาเขียนเรื่องยากๆเป็นวิชาการ มันก็เลยยิ่งออกมาดูแปร่งๆมากๆ วิธีเยียวยาก็คือ อย่าไปคิดชื่อวิชาให้มันเท่ๆเช่น argumentative essay หรืออะไรหรูๆ ทางทีดีฝึกใช้ภาษาอังกฤษระดับง่ายๆในชีวิตประจำวันให้ได้เสียก่อน อย่างเช่นคำศัพท์ภาษาอังกฤษทุกคำคุณควรรู้เคล็ดลับว่า "ถ้าไม่เคยได้ยินหรือไม่เคยเห็นฝรั่งเจ้าของภาษาพูดหรือเขียนมาก่อน โอกาสที่คุณจะใช้มันสร้างประโยคให้เป็นธรรมชาติได้มันแทบจะไม่มีเลย" ^ มันไม่เหมือนฝรั่งเรียนภาษาไทยหรือภาษาจีนแค่ท่องศัพท์เป็นคำๆก็เขียนไทยเขียนจีนพอรู้เรื่องแล้ว  แต่ภาษาอังกฤษมันไม่เช่นนั้น มันต้องจำวลีหรือประโยคตัวอย่างเยอะมากๆกว่าจะเขียนได้เป็นธรรมชาติ ขั้นตอนแรกก็คือหัดเปิด esl dictionaries (ดิกอังกฤษเป็นอังกฤษที่ให้ตัวอย่างประโยคเยอะๆ) ยกตัวอย่างข้อผิดพลาด อย่างเช่น ตรงนี้ มันไม่ใช่ sentence แต่มันเป็น fragment Consequently, in my opinion, if every school can use an online learning system. ตรงนี้ยิ่งไปกันใหญ่เลย It will develop the lack of education in many countries. ^ แปลว่าอะไร? อ่านไม่รู้เรื่อง เผลอๆตีความได้ว่าไอ้การขาดการศึกษานี้มันจะพัฒนาไปเรื่อยๆ หมายถึงขาดการศึกษามากขึ้นเรื่อยๆ?...ที่อ่านไม่รู้เรื่องเพราะคุณเรียนการอ่านมาน้อยเกินไปจนใช้คำศัพท์ไม่เป็น คุณควรเริ่มเรียนฟังกับพูด แล้วหัดอ่านง่ายๆก่อน แล้วค่อยๆหัดเขียนประโยคสั้นๆทีละประโยคก่อนที่จะไปเรียนเรื่องอะไรยากๆแบบนี้ แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 55 17:22:40 แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 55 17:20:38 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : วันภาษาไทยแห่งชาติ 55 17:17:32

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณนะครับ ที่ช่วยดูๆ Outline ให้ผม พอดีผมก็ไม่เก่งอังกฤษเท่าไหร่นะครับ แต่พอดีดันเจอวิชา การเขียนภาษาอังกฤษพอดีนะครับเลยต้องเขียน ทีนี้ต้องเขียนเป็นแบบ argumentative essayนะครับยิ่งยากขึ้นไปอีก ส่วนอันนี้ เป็น Outline ที่ผมยกประโยคของหลายๆคนมาสนับสนุกนะครับ ยังไม่ได้ทำการเรียบเรียงเลยนะครับ ต้องขออภัยด้วยนะครับ ยังไงก็ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ ปล. ที่คุณ fortuneteller พูดมาถูกเลยครับผม ไม่ค่อยได้เรียนบทสนทนาง่ายๆมากเท่าไหร่เลย พอเข้ามหาวิทยาลัยก็เจอแต่ศัพท์ยากๆ พอมาเขียนจริงๆ เลยภาษาแปลกๆนะครับ จากคุณ : หมีปุกปุย เขียนเมื่อ : วันภาษาไทยแห่งชาติ 55 19:22:50

ความคิดเห็นที่ 4 โครงเรื่อง มันสั้นๆง่ายๆ ไม่ใช่หรือน้อง ทำไม ไม่แปะไว้บนหน้ากลางนี้เลยหละ จะให้คนอื่นเขาช่วย ก็ต้องอำนวยความสะดวกให้เขาหน่อย จากคุณ : ปากจัดชะมัดยาด (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 07:06:42

ความคิดเห็นที่ 5 เราว่าหลักสูตรภาษาอังกฤษในมหาลัยไทยหลายๆแห่งออกแบบมาโดยตั้งสมมุติฐานว่านักศึกษาเก่งมาตั้งแต่มัธยมแล้ว แต่มันก็ไม่เป็นจริงทั้งหมด เพราะมหาลัยที่ต่างระดับชั้นกันมากๆนักศึกษาเก่งไม่เท่ากัน ความสามารถต่างกันไกลลิบเลย วิธีการที่เราสังเกตเห็นปฏิบัติกันโดยทั่วๆไป นั่นก็คือหลักสูตรภาษาอังกฤษในมหาลัยชั้นนำกับมหาลัยชั้นรองๆยากง่ายสูสีกัน แต่มีเกณฑ์การวัดผลที่ต่างกัน นั่นก็คือ ในมหาลัยระดับรองๆ จะปล่อยนักศึกษาให้ผ่านหมดถึงแม้จะต่ำกว่าเกณฑ์ก็ตาม ม่ายงั้นนักศึกษาไม่ได้รับปริญญามหาลัยก็เจ้งเพราะไม่มีใครอยากเรียน เนื่องจากคนไทยส่วนใหญเรียนเอาปริญญาไปสมัครงานกัน เราคิดว่ามหาลัยระดับรองๆน่าจะออกแบบหลักสูตรภาษาอังกฤษให้มันง่ายขึ้น เช่นถ้านักศึกษาอ่อนมากๆก็ให้เรียนพื้นฐานระดับมัธยมใหม่ แต่ให้ออกแนวปฏิบัติที่ใช้งานได้ เช่นฟังพูดสื่อสารเรื่องง่ายๆพอได้ เรียนจบออกไปอย่างน้อยๆก็ยังมีทักษะอะไรที่ใช้งานติดตัวได้ออกไป แทนที่จะเอาเรื่องยากๆมากสอนแล้วจบไปนักศึกษาไม่ได้อะไรติดตัวไปเลย ^ แต่แนวคิดของเรามันก็คงเป็นไปไม่ได้อีกเนื่องจากว่าหลักสูตรภาษาอังกฤษที่ออกแบบมาความยากง่ายระดับมัธยมก็คงไม่ได้รับการรับรองให้ใช้สอนได้ในระดับมหาลัย ดังนั้น ปัญหามันจึงแก้ไม่ได้ ก็เลยต้อง "สวมหน้ากากเข้าหากันต่อไปเรื่อยๆ" โดยการพูดว่า "ข้าเรียนอังกฤษระดับมหาลัยยากๆ ชื่อวิชาหรูๆมาแล้วนะ เฟ้ย (แต่เรียนไป แล้วไม่ได้อะไรเลย ก็เงียบๆไว้ไม่บอกใคร)" ด้วยเหตุนี้คนจบมหาลัยมาแล้วจึงต้องพึ่งโรงเรียนสอนภาษากันเสียเป็นส่วนใหญ่ จริงๆแล้วถ้าปรับปรุงการเรียนการสอนภาษาอังกฤษให้ดีกว่านี้ตั้งแต่ระดับประถมและมัธยม ปัญหามันก็คงจะไม่เรื้อรังขนาดนี้ แต่มันก็แก้ไม่ได้อีกเพราะวิธีรับครูสอนภาษาอังกฤษแบบไทยๆไม่ได้วัดความเชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษของครู แต่ดันไปวัดที่ต้องมีปริญญาศึกษาศาสตร์ หรือต้องสอบผ่าน 9 มาตรฐานวิชาครู คนที่คิดวิธีคัดเลือกครูด้วยวิธีการผิดๆ และสร้างกฎระเบียบเรื่องใบอนุญาตครูเพื่อผูกขาดเอื้อประโยชน์ให้แก่คนเรียนศึกษาศาสตร์จากมหาลัยที่ผลิตครูปีละมากๆจนล้นประเทศ และปิดกั้นไม่ให้คนเก่งๆได้เข้ามาเป็นครูสอนประถมและมัธยม สร้างปัญหาในระดับประเทศชาติ ที่แก้ไขเยียวยาได้ยากมากๆ และปัญหามันก็เลยลามไปถึงระดับมหาลัยด้วย เพราะอาจารย์ที่ไหนจะสอนนักศึกษามหาลัยให้ทวนภาษาอังกฤษตั้งแต่ระดับประถมและมัธยมแล้วก็สอนภาษาอังกฤษระดับมหาลัยให้ทันระยะเวลาหลักสูตรได้ เนื้อหามันเยอะเหลือเกิน มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว! แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 55 09:53:07 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 55 09:50:54 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 55 09:48:29 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 55 09:44:54 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 09:39:17

ความคิดเห็นที่ 6 เข้ามาให้กำลังใจ อย่างน้อยก็ไม่ได้ขอให้ใครเขียนให้ คุณไม่ได้ถือว่าแย่เกินเยียวยาอะไรหรอก เด็กไทยเรียนในเมืองไทย การสอนภาษาอังกฤษก็หลากหลาย จะมาให้เทพมากใช้ภาษาคล่องแคล่วทุกคนก็ไม่ใช่มั้ง เราเข้าไปดูมา ไม่ได้อ่านละเอียดนะ ไม่รู้ตอบช้าไปป่าว เรื่องไอเดียก็เรียบเรียงมาโอเค (เอาแบบไม่คิดมากนะ) แต่ argument/counterargument ที่โคว้ตคนอืนมา ไม่แน่ใจว่าตอนประกอบร่างจะใส่ลงไปแบบนี้เลยรึเปล่า แนะนำให้พยายามเรียบเรียงเป็นภาษาเราดีกว่า อ่านทำความเข้าใจเอาไอเดียก่อน แล้วเรียบเรียง ใช้คำง่ายๆ เพราะไม่งั้นระดับภาษามันจะโดดมาก อยู่ดีๆ ก็ศัพท์วิชาการโผล่ขึ้นมาอะไรงี้ ส่วนเรื่องภาษาต้องฝึกอีกมาก ให้อาจารย์ตรวจแล้วกัน ปล.ปกติวิชานี้น่าจะมีแต่เด็กเอกอังกฤษเรียนนะเนี่ย ยากชะ -*- เป็นกำลังใจให้ค่ะ แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 55 17:18:48 จากคุณ : ZzIqka เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 17:18:14

ความคิดเห็นที่ 7 จากประสบการณ์พอพูดได้แล้วมันจะเขียนลื่นขึ้นมีคำหลากหลาย ดูเป็นธรรมชาติขึ้น  เวลาเขียนให้อ้างอิงพจนานุกรมแบบ Eng-Eng นะ  เพื่อให้การใช้คำแม่นยำ  เพราะฉะนั้นคิดว่าควรไปฝึกพูดให้เยอะ ๆ จนคล่อง  หรือไม่ก็อ่านให้เยอะมาก ๆ พอสมควร จากคุณ : Motdktw เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 18:38:40