ความคิดเห็นที่ 1 เพราะ Regular คือหลักสูตรปริญญาโทที่แท้จริง..เรียนหนักมาก ต้องทำวิทยานินธ์ หรือสารนิพนธ์เต็มรูปแบบ ที่เหลือคือปริญญาโทแบบ "จ่ายครบจบแน่" เหมาะสำหรับผู้ต้องการเรียนปริญญาโทเพื่อให้ได้วุฒิ และได้ Contact ทางธุรกิจเพิ่มขึ้น แต่ไม่สนใจในเรื่องวิชาการ.. เด็กในที่ทำงานผมเคยเรียนหลักสูตรจ่ายครบจบแน่นี่แหละ ปรากฏว่าเขาใช้หนังสือปริญญาตรีของ ม.สุโขทัย มาสอน ให้ทำรายงานกลุ่ม ลอกหนังสือปริญญาตรีมาจัดทำเล่ม เรียนจบวิชาหนึ่งก็สอบทีหนึ่ง.. จบครอสเวิร์ค...ก็จบปริญญาโท ไม่ต้องถามถึงวิทยานิพนธ์ สารนิพนธ์ หรือการสอบประมวลวิชา แต่จบออกมาแล้ว..มีความรู้อะไรในหัวบ้าง..ไม่ต้องพูดถึง จากคุณ : หมู4X เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 09:04:18

ความคิดเห็นที่ 2 ผมไม่แน่ใจนะครับ เหมือนเคยอ่านผ่านตามาบ้าง MBA Regular จะสอนในเวลาทำงาน -- เป็นหลักสูตรปกติ แต่ MBA อื่น ๆ  จะสอนนอกเวลาทำงาน  -- เป็นหลักสูตรพิเศษ ค่าจัดจ้างอาจารย์นอกเวลาทำการ ค่าเทอมเลยแพงกว่ามั้ง รอฟังความเห็นท่านต่อไปดีกว่าครับ จากคุณ : แพนด้าขี้เซา เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 11:04:31

ความคิดเห็นที่ 3 ปกติครับ ถ้าเป็นสถาบันของรัฐ ค่าใช้จ่ายก็จะประมาณนี้แหละครับ เพราะเป็นภาคปกติ คือต้องมาเรียน จันทร์ - ศุกร์ และก็ทำวิทยานิพนธ์เท่านั้น ไม่มี IS ครับ   สาเหตุที่ถูกก็เนื่องจากว่า ทางสถาบัน ได้รับงบสนับสนุนมาใช้ในการทำวิจัยอยู่แล้วครับ สาเหตุอื่นก็ตาม คห.ข้างบนครับ ยิ่งราชภัฎ..ยิ่งถูกนะครับ บางที่น่าจะประมาณ 35,000 -ครับ จากคุณ : ตาแก่หลงกรุง เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 12:10:23

ความคิดเห็นที่ 4 เรื่องปกติ ชื่อหลักสูตรก็บอกว่าภาคปกติ ภาคปกติคือสอนในเวลาราชการ ค่าเทอมก็แค่ตามเรทที่สำนักทะเบียนและประมวลผลกำหนด เงินที่ได้จะเข้าจุฬาฯทั้งหมด(ไม่มีบางส่วนเข้าโครงการหลักสูตร เหมือนหลักสูตรภาคพิเศษทั้งหลาย) คือ เรียนตอนกลางวัน เวลาราชการ ค่าเทอมถูก แต่ก็ต้องแลกกับโอกาสที่จะได้ทำงานไปด้วย แม้แต่นิด้าภาคปกติ เรียนในเวลาราชการเหมือนจุฬาฯ ค่าเทอมก็ถูกมากเหมือนกัน ดีไม่ดีถูกกว่าจุฬาฯอีกมั้ง จากคุณ : อืม เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 12:37:25 A:58.9.48.140 X: TicketID:338978

ความคิดเห็นที่ 5 เห็นได้ยินจากเพื่อนๆที่ไปเรียนในมาเลเซีย  ทุกคนบอกว่า ค่าเรียนระดับ ป โท และ เอก ถูกกว่าเมืองไทยมาก ลองเสริชหาข้อมูลดูนะครับ   หรืออีกทางหนึ่งก็ ขอทุนเรียน  จุฬามีทุนช่วยเหลือค่าเล่าเรียนเยอะ จากคุณ : ปากจัดชะมัดยาด (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 15:28:56

ความคิดเห็นที่ 6 ในเวลางบประมาณจะได้รับมาจากรัฐสนับสนุนครับ เปิดการสอนตามนโยบายของรัฐ ไม่ได้กำหนดกำไร หรือคิดจากค่าใช้จ่ายจริงครับ ทำให้ค่าลงทะเบียนถูก ซึ่งเกือบทุกหลักสูตรในเวลาของ จุฬาฯ จะเป็นเช่นนี้ หลักสูตรในเวลา จึงเป็นหลักสูตรที่ต้องทำวิทยานิพนธ์ ส่วนนอกเวลาทำแค่งานวิจัยส่วนบุคคล หรือสารนิพนธ์เท่านั้นครับ หลักสูตรนอกเวลาราชการคือหลักสูตรที่ไม่ได้รับการสนับสนุน คิดค่าใช้จ่ายตามจริง และบวกส่วนที่เป็นกำไรให้คณะ เป็นรายได้พิเศษให้อาจารย์ผู้สอน จากคุณ : นายวุ้นกะทิ เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 15:41:59

ความคิดเห็นที่ 7 เป็นคนหนึ่งที่จบ mba จุฬา ค่ะ เพิ่งรู้รายละเอียดพวกนี้เหมือนกันนะค่ะเนี่ยะ แต่ขอบอกว่า เป็นหลักสูตรที่เรียนมาและภูมิใจ อย่างมากที่ได้เรียนค่ะ ตอนนี้ จบมาจะ 10 ปีแล้วค่ะ ได้ใช้ความรู้ที่ได้เรียนมาประกอบอาชีพที่ดีๆ มีเพื่อน มีสังคม ที่ดีๆ และไม่ลืมว่า ที่เป็นเช่นนี้ได้ ส่วนหนึ่งมาจากการจบ mba regular ที่จุฬา ค่ะ จากคุณ : dduen เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 17:43:26 A:203.4.160.15 X: TicketID:239032

ความคิดเห็นที่ 8 อ้อ ลืมบอกไป MBA ภาคปกติ ของจุฬาฯ มีให้เลือกทั้งเขียนวิทยานิพนธ์แล้วก็แผน ข. นะครับ ใครเข้าใจว่าภาคปกติมีแต่แผน ก. คิดผิดคิดใหม่ได้นะครับ และดูเหมือนคณะจะสนับสนุนให้นิสิตส่วนใหญ่เรียนแผน ข. เสียด้วย รับหลายสิบคน ในขณะที่แผน ก. รับแค่ไม่เกินสิบคนเท่านั้น จากคุณ : อืม เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 23:26:04 A:58.9.94.116 X: TicketID:338978

ความคิดเห็นที่ 9 คำตอบก็ตามคุณข้างบนข้างต้นบอกแหละครับ แต่ขอเสริมนิดนึงสำหรับความคิดของคุณ คห.ที่ 1 ที่บอกว่า "จ่ายครบจบแน่" นั้น ยอมรับว่าเกิดกับโปรแกรมนอกเวลาจริงๆ แต่คงไม่ใช่ทุกคน ทุกสถาบันแน่นอน ..............บอกได้อย่างเดียวว่า พวกเรียนปริญญาโทนอกเวลาที่มีความคิดแบบนี้ในหัวนี่แหละครับ เป็นพวกที่เข้ามาเรียนแล้วก็ก่อเรื่อง แล้วก็สร้างปัญหาในเวลาเรียนอยู่ตลอดเวลา ผมมีเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกัน ที่เค้าคิดแบบนี้ เวลาที่เรียนก็ไม่เข้ามาเรียน จะสอบก็มาขอเพื่อน xerox เอกสาร อ่าน อ่านแล้วก็สอบ เรื่องผลการเรียนไม่ต้องพูดถึง ส่วนที่บอกว่าจะมี Contact ทางธุรกิจเพิ่มขึ้นนั้น กลายเป็นว่า ไม่มีใครในกลุ่มอยากคบเค้าเลย หรือถ้าคบก็ต้องยอมคบแบบสถานการณ์บังคับมากกว่า ส่วนที่บอกว่าจ่ายแล้วจบแน่นอนนั้น ต้องขึ้นกับสติปัญญาและความรู้ในหัวเค้าด้วย ถ้าเป็นพวกที่เก่ง ฉลาด และขยันตั้งใจอ่านหนังสือ ศึกษาหาความรู้เองอยู่แล้ว รับรองว่าสอบได้และจบได้แน่นอน แต่ถ้าคิดว่า มาแล้วจ่ายเงิน แต่ไม่เข้าเรียน ไม่อ่านหนังสือ ไม่สอบ แต่ทำสอบได้ จบได้นั้น รับรองว่าไม่มีทางแน่นอนครับ กรณีแบบนี้น่าจะเกิดกับสถาบันการศึกษาบางแห่งที่เน้นเรื่องรับเงินเป็นหลัก หรือที่ตั้งใจเปิด mba มาเพื่อหารายได้เป็นหลักมากกว่า (อย่างที่ตอนนี้เปิดกันเป็นกระแสไปหมดแล้ว แม้แต่สถาบันการศึกษาที่ไม่เคยมีคณะด้านบริหารอยู่เลย แต่กลับมี mba ซะงั้น) แต่กับสถาบันการศึกษาใหญ่ๆอย่าง จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ เกษตร ...ฯลฯ ไม่น่าจะมีกรณีแบบนี้ครับ แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 55 09:57:13 จากคุณ : gaobear เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 09:53:00

ความคิดเห็นที่ 10 ตอบคำถามนะครับ 1. จะมีค่าหนังสือกับค่าชีทเพิ่มครับ ต้องจ่ายเอง เพราะค่าเทอมของ Regular ไม่รวมค่าหนังสือและชีทครับ ต่างกับหลักสูตรอื่นที่มีเตรียมให้หมดทุกอย่าง (แต่ก็คงจ่ายเพิ่มไม่มากหรอก หนังสือก็ไม่ได้บังคับว่าต้องซื้อ) 2. ของ MBA ต่างกันที่เวลาเรียนครับ เรียนในเวลาราชการกับเรียนนอกเวลาราชการ บรรยากาศการเรียนก็อาจแตกต่างกันบ้าง เพราะแต่ละหลักสูตรกำหนดประสบการณ์ทำงานต่างกัน อายุก็ต่างกัน แต่อาจารย์ที่สอนเป็นคนเดียวกันเกือบหมด ส่วน MS Finance นี่คนละสาขา เรียนไม่เหมือนกันอยู่แล้ว 3. MBA มีวิชาทาง Finance ไม่มากนะครับ บังคับแค่ตัวเดียว แล้วก็มีวิชาเลือกของ Finance ให้เลือกอีก 3-4 ตัว คงจะแทนกันแบบสมบูรณ์ไม่ได้ 4. ไม่มั่นใจ ขอผ่านครับ ส่วนเรื่องวิทยานิพนธ์กับ IS ของ Regular มีให้เลือกทั้ง 2 แบบครับ จากคุณ : Sirapak เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 55 23:27:44