 |
คราวนี้เรามาเข้าประเด็นที่เกี่ยวกับกระทู้นี้ ที่น่าสนใจกัน
ทำไมพอคนไทยส่วนใหญ่คิดถึงวุฒิ ป.3 ป.4 พวกเขาก็จะโยงความสัมพันธ์กับกรรมกรไร้ฝีมือที่ยากจน?
แล้วทำไม Thomas Edison ไปเรียนหนังสือแค่ไม่กี่วันครูบอกว่าเขาสมองสับสน แม่เลยรับกลับมาสอนที่บ้านเอง โดยแม่ไม่คิดเหมือนคนไทยที่ว่าต้องให้ลูกเรียนจบปริญญาเพื่อไปเป็นเจ้าคนนายคน แม่กระตุ้นให้ลูกอยากเรียนรู้ หาหนังสือมาให้ลูกเรียนด้วยตัวเองอยู่กับบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาเคมีที่ลูกชอบ เรียนๆไป ด้วยตัวเอง Thomas Edison ไม่เคยกลับเข้าโรงเรียน และไม่เคยเรียนมหาลัย แต่ทำไมกลายเป็นอัฉริยะได้ ตอนเขาพยายามคิดค้นว่าจะใช้วัสดุอะไรทำ fillament (ไส้หลอดไฟฟ้า) เขานำพันธ์ไม้กว่า 6,000 ชนิดจากดินแดนต่างๆมาศึกษาทดลอง
แต่ทำไมคนไทยที่ไม่มีวุฒิการศึกษาอะไรเลยหรือมีวุฒิต่ำๆแค่ ป.3 ป.4 ถ้าประสบความสำเร็จได้ก็เป็น "พวกเจ้าสัวที่รวยจากการจัดซื้อจัดจ้างงานรัฐบาลเสียเป็นส่วนใหญ่" ในขณะที่ "Thomas Edison, Bill Gates หรือ Steve Jobs ซึ่งไม่มีปริญญากันทั้งนั้นกลายเป็นรวยได้จากการคิดค้นอะไรแปลกๆใหม่ๆด้วยสมองอันปราดเปรื่อง" ^ เพราะอะไร? มันเป็นปริศนาที่น่าขบคิดท้าทายมากๆ ซึ่งเราก็คิดมันเล่นๆมานานแล้ว
และนี่คือคำตอบ
เป็นเพราะโดยเฉลี่ยแล้วคนไทย iq ต่ำกว่าฝรั่งหรือเปล่า? เราก็ว่า "ไม่น่าจะใช่นะ"
คิดๆไปแล้วเราคาดว่าการเรียนรู้ด้วยตนเองนอกมหาลัย จำเป็นต้องอาศัยแหล่งความรู้ ซึ่งในประเทศที่เจริญแล้วที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 1 อย่างอังกฤษหรืออเมริกา การเรียนรู้ด้วยตนเองจากหนังสือ (หรือสื่ออย่างอื่นเช่น สมัยนี้มี videos สอนศาสตร์ต่างๆ) มันเรียนรู้ได้หลายสาขาในระดับเจาะลึกมากๆ เราว่านั่นคือเหตุผลที่ทำไมคนในประเทศที่เจริญแล้วจึงเป็นอัฉริยะได้ทั้งๆที่วุฒิต่ำๆหรือไม่มีวุฒิเลย อย่างเช่น Agatha Christie นักเขียนอังกฤษที่สมองพลิกแพลงเขียนนิยายนักสืบจนดังไปทั่วโลก ไม่มีวุฒิเลย เพราะเธอไม่เคยไปโรงเรียนแล้วก็ไม่เคยไปมหาลัย แต่พ่อแม่จ้างครูมาสอนที่บ้าน แล้วเธอหัดอ่านหนังสือจนแตกฉานได้ตั้งแต่อายุแค่ 3-4 ขวบเอง
เราเคยเห็นแหล่งความรู้ที่ทั้งกว้างทั้งลึกมากๆในหลายๆสาขาที่เขียนไว้เป็นภาษาอังกฤษ แล้วก็คิดว่าเราค่อนข้างจะโชคดีที่เราอ่านภาษาอังกฤษได้แตกฉาน หากมิเช่นนั้นแล้วเราก็คงจะเข้าข่ายวุฒิต่ำเป็นกรรมกรไร้ฝีมือที่ยากจนนั่นแหละ
สรุปแล้วถ้าอยากเห็นคนไทยวุฒิต่ำๆเป็นอัฉริยะได้ มันจะเป็นไปได้นั่นก็คือพัฒนาสื่อภาษาไทยให้มันให้ความรู้กว้างขวางและลึกมากๆในหลายๆสาขาวิชาการที่คนไทยสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองเหมือนๆที่ Thomas Edison เรียน คือเราว่าเหตุผลที่คนไทยจบ แค่ ป.3 ป.4 แล้วต้องลงเอยไปเป็นกรรมกรยากจนนั่นก็เพราะว่าหาความรู้จากสื่อภาษาไทยมาเรียนด้วยตัวเองไม่ได้มากนักนั่นเอง ในขณะที่คนไทยจบ ป.3 ป.4 แต่เป็นมหาเศรษฐีได้นั้น ส่วนใหญ่จะ ทำได้เพราะรู้ข้อมูลลับๆหรือมีเครือข่ายเพื่อนฝูงที่จะประมูลงานราชการ แล้วรวยไปได้ด้วยวิธี "ซิกแซก" เช่นรู้ว่ารัฐบาลจะตัดถนนผ่านตรงไหน แล้วก็ไปซื้อที่ดินเก็งกำไรไว้ หรือรู้ว่ารัฐบาลจะปล่อยเงินบาทลอยตัวก็ไปซื้อดอลล่าร์หรือซื้อทองตุนไว้
แต่กว่าจะพัฒนาสื่อภาษาไทยไปได้ขนาดนั้นเราว่าคงอีกนับร้อยๆปี เพราะเท่าที่เห็นหนังสือภาษาไทย หรือสื่อภาษาไทยอย่างอื่นที่พอจะหามาได้ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะเป็นเรื่องที่ให้ความรู้มากนัก ช่วงหลังๆนี้ (เกิน 10 ปีมาแล้ว) เราเลยไม่ได้ซื้อหนังสือภาษาไทยมาอ่านเลยสักเล่มเดียว
สรุปแล้วอย่าคิดว่าการเพิ่มระดับการศึกษาภาคบังคับให้ต้องเรียนวุฒิสูงขึ้น มันจะลดจำนวนกรรมกรไร้ฝีมือที่ยากจนได้เสมอไป จริงๆแล้วเปลี่ยนกรรมกรที่ไร้ฝีมือให้เป็นกรรมกรมีฝีมือที่หาเงินได้มากๆอย่างในประเทศตะวันตกจะดีกว่า กรรมกรก่อสร้างในอังกฤษที่วุฒิต่ำๆมีรายได้มากกว่าผู้จัดการบริษัทหรือผู้บริหารหรือคนจบวุฒิสูงๆซะอีก จนกลายเป็นเศรษฐีใหม่ได้ในที่สุด ^ การกดขี่แรงงานในประเทศไทยก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทุกคนต้องพยายามหนีให้พ้นงานกรรกร ดังนั้นจึงต้องมีมหาลัยจ่ายเงินครบจบแน่ๆมาเป็นอัศวินม้าขาวมาช่วยให้คนที่ฉลาดน้อยเรียนไม่เก่งหลายๆคนให้ได้รับปริญญากันสูงๆกันได้ตั้งแต่ปริญญาตรี ปริญญาโท ยันปริญญาเอกกันเลย แล้วก็คนวุฒิสูงๆที่ฉลาดน้อยพวกนี้นั่นแหละที่ได้เข้าไปนั่งตำแหน่งใหญ่ๆบริหารประเทศให้ล่มจมเพราะ "การรับคนเข้าทำงานตามวุฒิการศึกษาแบบไทยๆ (แทนที่จะทดสอบความสามารถจริง) ยังไงล่ะ"
เราว่าพยายามสร้างสื่อภาษาไทยที่ให้ความรู้กว้างๆลึกๆในหลายๆสาขาวิชา แล้วก็ปลูกฝังให้ผู้คนในสังคมวัดความสามารถจริงกันในการว่าจ้างเข้าทำงานกัน ให้มากกว่าวัดกันที่วุฒิการศึกษา โดยให้โอกาสคนที่วุฒิต่ำแต่มีความสามารถบ้างเหมือนที่เขาให้โอกาสกันในประเทศที่เจริญแล้ว มันจะทำให้ประเทศไทยพัฒนาไปได้สวยงามกว่านี้ ซึ่งน่าจะดีกว่าการเน้นว่าต้องให้เพิ่มระดับการศึกษาภาคบังคับ
แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 55 00:30:41
แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 55 00:12:36
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
1 ส.ค. 55 23:57:33
|
|
|
|
 |