 |
ในที่สุด ฉันทนระงับความอยากรู้ไม่ได้ จึงได้โทรติดต่อหาเพื่อนเก่าที่เป็นนายธนาคารชาวฝรั่งเศส และถามถึง.. เสียงจากทางโน้นหัวเราะกั๊กๆกลับมา..หากแต่มีแววประชดปนริษยามาด้วย...ว่า.. "อ้อ..แม้แต่ฝ่าพระบาทก็พลอยอยากรู้เรื่องของ Mr. Kannitverstan ไปด้วย.." "ทำไมเรียกเขาอย่างนั้นล่ะ?" "อ๋อ..นั่นเป็นชื่อเล่นที่เราเรียกเขาในหมู่ชาวธนาคารกันน่ะกระหม่อม ...ฝ่าพระบาทไม่เคยทรงทราบเรื่องของนักธุรกิจต่างชาติที่ไปที่อัมสเตอร์ดัมบ้างหรือ?" "ไม่รู้ซิ..ว่าไงล่ะ?" "งี้นะ..ทุกครั้งที่นักธุรกิจคนนี้ไปเที่ยวถามชาวบ้านชาวเมืองเขาว่า..ใครเป็นเจ้าของตึกนั้น เจ้าของโรงงานนี้...หรือ เจ้าของที่ดินนั้น...ชาวบ้านจะตอบว่า.."Kan nit verstan" ที่แปลว่า..พูดอะไรไม่รู้เรื่อง...
ในที่สุดนักธุรกิจคนนั้นกลับไปเขียนรายงานว่า..นาย Kannitverstan แห่งอัมสเตอร์ดัม นี้จะต้องเป็นคนที่รวยที่สุดในยุโรป เพราะเป็นเจ้าของทั้งหมดไงกระหม่อม" "งั้นหมายความว่า..คุณจะไม่บอกใช่ไหมว่า..นายคนนี้เป็นคนยังไงกันแน่?" "มิได้กระหม่อม..เพราะไม่มีใครรู้จักเขามาก่อน นายนี่กลายเป็นคนมีชื่อเสียงขึ้นมาแบบชั่วข้ามคืนทันทีที่ประกาศยกเลิกสงคราม แถมมีเงินขนาดต่อรองกับรัฐบาลได้...กระผมเป็นเพียงนายธนาคารเล็กๆคนหนึ่งที่รับช่วงกิจการตกทอดมาจากบรรพบุรุษหลายชั่วคนที่มีมากว่าสองร้อยปี..จะไปรู้อะไรมากมายกับคนที่หากินแบบนั้นเล่า" "นายว่า..เราไม่ควรไปพบเขางั้นหรือ?" "ไปซิ.. ไปทอดเนตรด้วยองค์เอง...เพราะสภาพเงินเฟ้อของเศรษฐีหลังสงครามแบบนี้..ว่าเป็นไปอย่างไร เพราะพวกเราๆที่ทำธุรกิจแบบตรงไปตรงมานี่..คงจะอยู่ได้ไม่นาน อีกหน่อยก็คงจะถูกกลืนกินไปกับพวกสมองใส เจ้าปัญญา กลับไปทรงอ่านเชคสเปียร์บ้างนะกระหม่อม บทที่ว่า... The earth hath bubbles, as the water has And these are of them. Whither are they vanish'd" (จาก Macbeth....วิวันดา)
"นี่ท่าจะอ่านหนังสือหนักนะ..นายเนี่ย?" "ตอนนี้มีเวลาว่างเยอะกระหม่อม..เรามันพวกมดพวกปลวก คืบช้าเหมือนเต่าคลาน ที่ไหนจะไปทันพวก Krugers หรือ พวก Lowenstein ได้เล่า พวกนั้นน่ะเขาไม่เดินกันหรอก...เขาใช้บินเอาน่ะ" "นั่นซิ..เพราะเขาชวนให้ฉันบินไปพบกับเขาด้วย" "ดีซิ...เสด็จเลย..ใครจะไปรู้..เขาอาจจะมีธุรกิจเงินล้านกับฝ่าพระบาทก็เป็นได้"
นักบินสามคนมายืนรอพบฉันอยู่ที่หน้าประตูของสนามบิน เลอ บูร์เกต์ และบอกว่าเจ้านายของเขาได้ให้ฉันเป็นคนเลือกว่าจะใช้เครื่องบินชนิดไหน..จะเป็น Handley-Page หรือ Fokker หรือ Voisin หรือ..... "เดี๋ยว เดี๋ยว..พอก่อน.." ฉันเริ่มวิงเวียนกับเหล่าพาหนะที่จอดเรียงเป็นเงาวับอยู้่ข้างหน้า.. "พวกคุณน่าจะเป็นฝ่ายเลือกนะ...ว่าลำไหนถึงจะดีสุด.."
พวกนักบินนั่นทำหน้าตาเหรอหรา.. กัปตันคนหนึ่งเป็นชาวอังกฤษได้เอ่ยขึ้นว่า.. "กระผมหมายถึง ความสะดวกของท่านน่ะขอรับ..ถ้าท่านต้องการที่จะนั่งไปเพื่อที่จะได้เขียนอะไรสบายๆ กระผมขอแนะนำ Fokker เพราะมีอุปกรณ์เครื่องทำงาน เครื่องเขียนแบบในออฟฟิส แต่ถ้าท่านอยากจะนั่งชมวิว กระผมแนะนำเครื่องสองที่นั่ง Voisin"
เป็นอันว่าฉันได้เลือกเอาอย่างหลัง..เพราะอยากจะชมวิวไปด้วย.. ดังนั้นจึงถามไปว่า.. "ตกลงเราจะไปที่ไหนกัน Brussels หรือ Biarritz ?" "เรามีคำสั่งถึงจุดหมายมาขอรับ..แต่จะเปิดซองดูไม่ได้จนกว่าเครื่องจะบินขึ้นถึงสองพันฟิต..อันเป็นกฏ" "กฏอะไร...เรายังมีสงครามอยู่หรือไง..?" ฉันประชด เพราะใครๆก็รู้ว่าสงครามจบไปหลายปีแล้ว.. "มิได้ขอรับ..มันเกี่ยวกับเรื่องของข่าว และความเป็นส่วนตัวของเจ้านายของพวกเราที่ต้องสำคัญมาอันดับหนึ่ง.." ฉันชักเบื่อกับ"ความสำคัญ" ของนายคนนี้มากขึ้นทุกทีแล้ว..
จากคุณ |
:
WIWANDA
|
เขียนเมื่อ |
:
วันเข้าพรรษา 55 09:52:13
|
|
|
|
 |