|
ครั้งแรกที่เราหัดใช้ monolingual dictionary คือ dictionary อังกฤษ-อังกฤษ เราออกอาการสาหัสมากกว่า จขกท หลายเท่า
นั่นก็คือตอนนั้นเราอยู่ในประเทศอังกฤษโดยการนำ dictionary อังกฤษ-ไทย ของ ส.เศรษฐบุตร คู่ชีพติดตัวไปด้วย ไปรู้จักเพื่อนคนไทยคนหนึ่งซึ่งอยู่ทีนั่นนานพูดอังกฤษคล่อง พอฟังเพื่อนพูดกับฝรั่ง ฝรั่งพูดมาแล้วเพื่อนตอบทันควัน เราถามว่า "แปลให้หน่อยดิว่าฝรั่งพูดว่าอะไร" เพื่อนตอบ "แปลไม่เป็น รู้แต่ว่าจะตอบว่าไง" พอเพื่อนพูดอังกฤษเราก็ถามเพื่อนว่า "แปลให้หน่อยดิว่านายพูดว่าอะไร" เพื่อนตอบ "แปลไม่เป็น รู้แต่ว่าฝรั่งฟังเข้าใจ"
เราก็ชักปวดหัวอยากเก่งเหมือนเพื่อนก็เลยถามว่า "ทำไงถึงจะเก่งเหมือนนายได้" เขาตอบว่า "ให้เอา dictionary อังกฤษ-ไทยทิ้งไปซะ" เราก็บ้าจี้ทำตาม แต่เคราะหฺ์ร้ายที่สมัยนั้นไม่รู้จัก monolingual learner's dictionaries (MLDs)หรือบางที่มีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า esl dictionaries ซึ่งเป็น dictionaries ที่เขียนนิยามง่ายๆและให้ตัวอย่างประโยคมาให้ง่ายสำหรับคนเรียนอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 แต่เรา "รู้เท่าไม่ถึงการ" ดันไปเลือก Concise Oxford Dictionary ที่อาจารย์ฝรั่งโยนให้มา ซึ่งมันเหมาะสำหรับ native speakers ซะมากกว่า
^ ขำตัวเองตอนใช้ Concise Oxford Dictionary เราเปิดหาศัพท์ว่า a แปลว่าอะไร เจอ b เราก็ไม่รู้อีก เราก็เปิดว่า b แปลว่าอะไร เจอ c เราก็ไม่รู้อีก ก็เลยเปิดแบบนี้วนไปวนมาเรื่อยๆจนเสียสติไปหลายปี! แต่หลังจากนั้นเปิดๆไปมันอ่านรู้เรื่องเองแฮะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราจำ Greek and Latin roots ได้เยอะมากๆเนื่องจาก Concise Oxford Dictionary เขียน etymology ได้สวยงามและดู logical มากๆ ทำให้จดจำศัพท์ได้ตั้งมากมายอย่างรวดเร็ว แต่กลายเป็นเขียนประโยคภาษาอังกฤษไม่แน่ใจว่าเขียนถูกหรือไม่ จนกระทั่งมารู้เอาทีหลังเรื่องตัวอย่างประโยคใน monolingual learner's dictionaries หรือ esl dictionaries นี่แหละ จึงเริ่มหัดใช้มัน และ Oxford Advanced Learner's Dictionary ก็เป็นหนึ่งใน MLDs ที่ดีที่สุด
แต่ก่อนที่คุณจะใช้มันได้สบายๆหายห่วงนั้น คุณจะต้องรู้คำศัพท์ที่เรียกว่า defining vocabulary เป็นจำนวนประมาณ 2,000 คำเป็นอย่างน้อยที่สุด เพราะว่าใน MLDs เวลาเขียนนิยามศัพท์เขาจะใช้ไอ้ 2,000 คำนที่ว่านี้เขียน ซึ่งถ้าคุณรู้มันหมดก็จะอ่านิยามศัพท์ได้สบายๆ ไม่หืดขึ้นคอ หรือเสียสติเพี้ยนไปแบบที่เราเคยเป็น
ไปดูว่า defining vocabulary มีกี่คำและหน้าตาเป็นยังไงได้ที่นี่
http://www.cs.utexas.edu/~kbarker/working_notes/ldoce-vocab.html/
ดังนั้น เวลาเราสอนภาษาอังกฤษให้นักเรียนที่อ่อนมากๆ คือสอนตั้งแต่พื้นฐานไปเลย เราจะเริ่มต้นด้วยการสอนฟัง แล้วให้เอาสิ่งที่ฟัง (เป็น audio หรือ video เสียงฝรั่ง) มาพูดใหม่พลิกแพลงประโยคกลับไปกลับมา (กะสอน grammar ด้วยวิธีธรรมชาติ โดยคนสอนบรรยายกฎ grammar น้อยที่สุด) ซึ่งในกระบวนการฟังแล้วจำไปพูดพลิกแพลง (ซึ่งเรียกว่า improvisation นี้) เราพยายามคิดประโยคใหม่ๆ ป้อนให้นักเรียน improvise ไปเรื่อยๆจนนักเรียนเรียนครบ defining vocabulary 2,000 คำ ในกระบวนการเรียนรู้ grammar แบบ improvisation (แทนที่จะเป็นแบบบรรยายเรื่องกฏ grammar แต่อย่างเดียว (ซึ่งจะทำให้นักเรียนเป็นใบ้คือพูดไม่ได้) และแทนที่จะให้นักเรียนทำแต่แบบฝึกหัด grammar เป็นข้อเขียน (ซึ่งมันช้ากว่าเรียนด้วย improvisation)
^ เราก็เลยหวังว่าการสอนนักเรียนระดับพื้นฐานมากๆเช่นนี้ มันจะเป็นการปูพื้นให้นักเรียนพร้อมที่จะใช้ MLDs ได้โดยไม่ต้องเหงื่อตกนั่นเอง
ดังนั้น ถ้าอาจารย์สอน จขกท แบบอยู่ดีๆโยน MLD ให้โดยที่ยังไม่ได้สอน defining vocabulary ครบถ้วนในกระบวนการสอนฟัง พูด และสอน grammar ในระดับพื้นฐาน จขกท ก็จะยังต้องเหงื่อตกต่อไปเรื่อยๆ
แต่ จขกท ก็ยังโชคดีที่อาจารย์คุณไม่โยน Concise Oxford Dictionary หรือ Unabridged Webster's Dictionary มาให้คุณใช้ ให้คุณต้องเสียสติไปเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับเรา
แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 55 14:03:48
แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 55 00:37:46
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
6 ส.ค. 55 00:33:04
|
|
|
|
|