 |
เราจะพิสูจน์ให้เห็นว่า ในการเรียนแปลอังกฤษเป็นไทย ให้คำแปลภาษาไทยออกมาสวยๆนั้น
มันไม่จำเป็นที่จะต้องอ่านหนังสือ ว. วินิจฉัยกุล (แก้วเก้า) หรือ หนังสือทมยันตี เพื่อเรียนเขียนภาษาไทยระดับเทพๆ
แต่ความรู้เรื่อง sentence structure "เป็นใหญ่ที่สุด" และ "สำคัญที่สุด"
เราจะสาธิตด้วย sentence structure ที่ค่อนข้างจะเอาเรื่องพอดู เราแปลไว้เป็นตัวอย่างในกระทู้เก่านี้ (ตอนนั้นเราใช้ login เดิมคือ agelesstansy)
http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/06/K6753328/K6753328.html
Source text (ภาษาต้นทาง)
On April 12, 2000, before me, Adele Yoshioka, Notary Public, personally appeared Martha Mikita personally known to me or proved to me on the basis of satisfactory evidence to be the person whose name is subscribed to the within instrument and acknowledged to me that she executed the same in her authorized capacity, and that by her signature on the instrument the person, or the entity upon behalf of which the person acted, executed the instrument.
ถ้าคุณเรียนการแปลมาโดยการอ่าน หนังสือ ว. วินิจฉัยกุล (แก้วเก้า) หรือ หนังสือทมยันตี เพื่อเรียนเขียนภาษาไทยระดับเทพๆ เพื่อหวังเขียนภาษาไทยให้ได้ สุนทรียภาพ หรือ aesthetics ของภาษา
แต่ถ้าคุณไม่มีความรู้เรื่อง sentence structure อย่างมากคุณก็แปลได้แค่นี้ (ซึ่งมันอ่านไม่รู้เรื่อง)
เราจะสาธิตให้ดูว่า
verbatim translation = แปลผิดอย่างจัง
!!!
แล้วก้อ ถ้ามีแบบนี้ให้แปล 300 หน้านะ editor ไปผูกคอตายแน่ๆเลยอ้ะ...!!!
Source text (ภาษาต้นทาง) On April 12, 2000, before me, Adele Yoshioka, Notary Public, personally appeared Martha Mikita personally known to me or proved to me on the basis of satisfactory evidence to be the person whose name is subscribed to the within instrument and acknowledged to me that she executed the same in her authorized capacity, and that by her signature on the instrument the person, or the entity upon behalf of which the person acted, executed the instrument.
Target text (ภาษาปลายทาง แปลแบบแกล้งโง่ คือ verbatim translation เพื่อให้ faithful to the original มากๆนะ เราแถม punctuation ให้ด้วยเอ้า...!!!)
เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2543, ต่อหน้าข้าพเจ้า, แอดเดอเล โยชิโอกะ, นิติกร, ปรากฏตัวโดยเป็นการส่วนตัว มาธา มิกิตะ รู้จักโดยเป็นการส่วนตัวโดยข้าพเจ้า หรือได้รับการพิสูจน์ต่อข้าพเจ้า ตามเกณฑ์ของหลักฐานอันเป็นที่น่าพึงพอใจว่าเป็นบุคคลซึ่งชื่อถูกลงนามไปยังเอกสารข้างใน และถูกรับรู้โดยข้าพเจ้าว่า เธอจัดทำสิ่งเดียวกัน ในตำแหน่งที่ได้รับมอบอำนาจของเธอ, และว่า โดยลายเซ็นของเธอบนเอกสารดังกล่าว บุคคล, หรือองค์กร ซึ่งแทน บุคคลดังกล่าวกระทำการ จัดทำเอกสาร.
***** อ่านไม่รู้เรื่อง ใช่ไหมล่ะ ...???? ....นี่แหละคือเหตุผลที่ว่าทำไมสยามจึงเกือบจะเป็นเมืองขึ้นฝรั่ง ก็เพราะ verbatim translation = แปลผิดอย่างจัง และถ้าจะ edit นะ ...แปลใหม่ง่ายกว่าจ้าาาาาาาาาา******
คราวนี้ลองแปลใหม่ แบบรู้จัก sentence structure Target text (ภาษาปลายทาง แปลแบบ จัดลำดับคำใหม่ โดยที่ผู้แปล bilingual พอที่จะรู้ว่า ภาษา 2 ภาษา มีโครงสร้างที่แตกต่างกันอย่างไร จึง แปลและแปลง sentence structure ด้วย ซึ่งไม่ถือว่าเป็นการแปลผิด แต่อย่างใด)
เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2543 มาธา มิกิตะ มาปรากฏตัวต่อหน้าข้าพเจ้า แอดเดอเล โยชิโอกะ ซึ่งเป็นนิติกร ข้าพเจ้ารู้จักบุคคลผู้นี้โดยเป็นการส่วนตัว หรือมีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่า บุคคลผู้นี้ เป็นบุคคลที่ลงนามในเอกสารซึ่งแนบมานี้ จากลายมือชื่อในเอกสารดังกล่าว ข้าพเจ้ายังรับรองอีกด้วยว่า บุคคลผู้นี้ ได้จัดทำ (ลงนามใน) เอกสารฉบับดังกล่าว หรือองค์กร ซึ่งบุคคลผู้นี้กระทำการแทน ได้จัดทำ (ลงนามใน) เอกสารดังกล่าว
หมายเหตุ
1. ในเอกสาร มีข้อความยืนยันว่า Notary Public คนนี้เป็น "นิติกร" จริงๆ แต่ถ้ามิเช่นนั้นแล้ว Notary Public ก็น่าจะแปลว่า " พนักงานรับรองเอกสาร"
2. ต้นฉบับเขียนว่า the within instrument ซึ่งในที่นี้ within เป็นภาษาโบราณแปลว่า enclosed
3. ให้สังเกตดูดีๆว่า ในส่วนของคำแปลคือ
ตรงส่วนของ
and that by her signature แทนที่จะแปล "that" เป็น "ว่า" เฉยๆ จะต้อง แปลเป็น "รับรองว่า"
ตรงส่วนของ
....บุคคลผู้นี้ ได้จัดทำ (ลงนามใน) เอกสารฉบับดังกล่าว หรือองค์กร ซึ่งบุคคลผู้นี้กระทำการแทน ได้จัดทำ (ลงนามใน) เอกสารดังกล่าว....
มีการย้ำกริยาสองรอบ ดูเหมือนกับว่า แปลเกิน
และที่ต้องทำเช่นนั้น ก็เพื่อ
ป้องกันไม่ให้คนไทยอ่านแล้วหลงประโยค นั่นเอง
^
^
จากตัุวอย่างข้างบนนี้ นักแปลที่ยังไม่ชำนาญ ถ้าเปรียบเทียบ source text กับ target text ตามที่เราแปลไปให้ดู จะงงมากๆ ว่า
มันเป็นมาได้อย่างไรกัน
ก่อนที่จะเป็นมาได้เช่นนั้น มันเป็นมาอย่างนี้ นั่นก็คือ ใช้ทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ ในการ restate the source text differently
นั่นก็คือ
จาก
Source text แบบนี้นะ
On April 12, 2000, before me, Adele Yoshioka, Notary Public, personally appeared Martha Mikita personally known to me or proved to me on the basis of satisfactory evidence to be the person whose name is subscribed to the within instrument and acknowledged to me that she executed the same in her authorized capacity, and that by her signature on the instrument the person, or the entity upon behalf of which the person acted, executed the instrument.
เราแปลอังกฤษเป็นอังกฤษก่อน เพื่อให้ได้ใจความที่แปลเป็นไทยได้ง่าย และจะได้อะไรแบบข้างล่างนี้
*****A restatement of the source text:
On April 12, 2000, Martha Mikita personally appeared before me, Adele Yoshioka, Notary Public.
I personally know her or have satisfactory evidence to prove that she is the person who subscribed her name to the enclosed instrument.
By her signature on the instrument, I also acknowledge that the person or the entity, on behalf of which she acted, executed the instrument.*****
ให้สังเกตดูดีๆว่า source text มีแค่ประโยคเดียว แต่ a restatement of the source text มีตั้ง 3 ประโยค แน่ะ แต่ลำดับคำ มันแปลเป็นไทยได้ง่ายกว่า
ทีนี้ พอดูแล้วคงหายงง แล้วนะว่าทำไมคำแปลมันถึงออกมาได้อย่างนี้
Target text:
*****เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2543 มาธา มิกิตะ มาปรากฏตัวต่อหน้าข้าพเจ้า แอดเดอเล โยชิโอกะ ซึ่งเป็นนิติกร ข้าพเจ้ารู้จักบุคคลผู้นี้โดยเป็นการส่วนตัว หรือมีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่า บุคคลผู้นี้ เป็นบุคคลที่ลงนามในเอกสารซึ่งแนบมานี้ จากลายมือชื่อในเอกสารดังกล่าว ข้าพเจ้ายังรับรองอีกด้วยว่า บุคคลผู้นี้ ได้จัดทำ (ลงนามใน) เอกสารฉบับดังกล่าว หรือองค์กร ซึ่งบุคคลผู้นี้กระทำการแทน ได้จัดทำ (ลงนามใน) เอกสารดังกล่าว*****
......................................................................
และนี่คือข้อพิสูจน์เรื่องที่ผู้สนใจเรียนการแปลเข้าใจผิดหลงคิดว่า
"แปลอังกฤษเป็นไทย เขียนภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่งก็แปลได้"
จริงๆแล้วถ้าแปลภาษาอังกฤษที่ sentence structure ไม่ค่อยซับซ้อน เช่นแปลนิยายเด็กวัยรุ่น นักแปลอ่านภาษาอังกฤษเข้าใจ แต่เขียนภาษาอังกฤษแทบไม่ได้เลย ก็ยังพอแปลออกมาเป็นภาษาไทยได้ดี แต่ถ้าไปเจอภาษาอังกฤษที่เป็นภาษากฎหมายซึ่งมี sentence structure ที่ซับซ้อน การเขียนภาษาอังกฤษได้ดี จะช่วยในการตีความ source text และในการจัดลำดับคำศัพท์ target text ได้
"เนื่องจากว่ารู้วิธี "ชำแหละ(แยกส่วน)" ประโยคนั่นเอง"
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
8 ส.ค. 55 12:58:22
|
|
|
|
 |