เคยเกลียดภาษาอังกฤษเพราะเป็นวิชาฉุดคะแนนสอบให้วูบต่ำเรี่ยดิน
ไม่ใช่ไม่ตั้งใจนะ ตั้งใจมาก แต่เอาชนะภาษาอังกฤษไม่ได้ ท่องศัพท์เป็นปึก ๆ ก็แล้ว ท่องกริยาสามช่องก็แล้ว ทำแบบฝึกหัดสารพัดก็แล้ว แกรมม่าแต่ละเรื่องทำแบบฝึกหัดเป็นร้อย ๆ ข้อ ฟิตน่าดู
เวลาสอบกลับทำไม่ได้ ไม่ตกก็เกือบ ๆ ทุกครั้งไป
ทั้งที่มั่นใจว่าทุ่มเทถึงขนาด แต่ข้อสอบกลับมีลูกเล่นแพรวพราว ตามไม่ทัน รู้ตรงนี้ อาจารย์ออกตรงโน้น ตามไปท่องตรงโน้น ข้อสอบมาออกตรงนี้
คือเรารู้ไม่จริง เรียนแบบท่องจำเป็นนกแก้วนกขุนทอง ข้อสอบพลิกปุ๊บ หงายท้องปั๊บ
ผลรวม คือ พ่ายแพ้ศิโรราบ ท้อถอยถอดใจ พาลเกลี่ยดภาษาอังกฤษไปเลย
สรุปตามประสาว่าเก่งเรื่องหลักการ ศัพท์แม่น กริยาสามช่องเปรี๊ยะ แต่ใช้งานไม่ได้ซักเรื่อง
ก็พยายามวิเคราะห์ความล้มเหลวว่า เกิดจากเหตุใด ? แต่คิดไม่ออก
จนถึงจุดผกผัน ท่านอาจารย์ท่านหนึ่งเมตตาอธิบายวิธีการเข้าหาภาษาอังกฤษด้วยความเข้าใจในธรรมชาติของมัน เช่น ไม่ต้องท่องศัพท์ ให้ใช้ศัพท์นั้นเรื่อย ๆ เดี๋ยวมันแตกลูกหลานเอง ไม่ต้องท่องไวยากรณ์ ใช้มันเข้าไป ผิดก็แก้ไข อย่าอายที่จะเรียนถามท่านที่รู้มากกว่า
ท่านเปรียบคนโง่อย่างผมเหมือนพ่อครัวที่มีวัตถุดิบพร้อม (คือท่องมาแยะ การบ้านทำมากมาย แต่คิดไม่เป็น) เนื้อ หมู ไก่ ผักเพียบ แต่ปรุงไม่เอาไหน ไม่มีใครกินลง ดังนั้น ขาดวิธีปรุง
ท่านอาจารย์จึงแนะวิธีปรุงให้ ก็ปฏิบัติตาม อีกไม่นาน ภาษาอังกฤษก็พัฒนาเรื่อย ๆ น่าแปลกใจ
จนมีวันนี้ที่เข้าใจและใช้ได้ตามควรแก่หน้าที่การงาน