ความคิดเห็นที่ 1 น้องเรียนสายอะไรคะ เพราะบางครั้งที่เขาไม่ยอมทำการบ้าน อ่านหนังสือ ส่งงานเพราะเขาไม่ชอบวิชาเรียน หรือบางทีเขาอาจมีปัญหาที่โรงเรียนจนอยากหลีกหนีความจริงก็ได้ค่ะ ลองคุยๆ กับน้องดูนะคะ จากคุณ : hippogift เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 09:19:25

ความคิดเห็นที่ 2 อย่าโทษนิยายเลย เด็กไม่อ่านนิยายก็เล่นเกมส์ ติดเน็ต ติดโทรศัพท์ หรืออื่นๆอีกมากมาย น้องมีปัญหาด้านการเรียนหรือไม่ บางทีเรียนไม่เข้าใจ กลับบ้านมีใครสอนมั้ย ถ้าไมเข้าใจอ่าน 10 รอบก็ยังคงไม่เข้าใจ กับยิ่งจิตตกมากขึ้น ผู้ใหญ่พูดได้เสมอ แบ่งเวลา ทบทวน ทำการบ้าน จริงๆต้องไม่ปล่อยน้องทำเองคนเดียว ต้องช่วยเค้า ไม่ใช่สั่งแต่อย่างเดียว เพื่อนน้องชายก็เป็นแบบนี้ พ่อเค้าลงทุนจ้างครูสอนพิเศษทุกวัน ให้มาสอนนลูกเค้าทำการบ้าน เพราะเรียนแล้วไม่เข้าใจ ถึงนิดหน่อยมันก็สะสม มีครูสอนตัวต่อตัว ค่อยๆแก้ไข ทำความเข้าใจบทเรียน สอนการทำรายงาน การค้นข้อมูล  ตอนนี้สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ จากคุณ : simiach เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 09:39:13

ความคิดเห็นที่ 3 น้องเขากำลังก่อสร้าง อาณาจักร ของตัวเองขึ้นมาแล้ว จากคุณ : Alone among the crowd เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 09:42:06

ความคิดเห็นที่ 4 จากประสบการณ์ที่อ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก และถูกแม่ห้ามอ่าน แต่ก็ยังแอบอ่าน เพราะชอบอ่านหนังสือทุกประเภท และอ่านทั้งนิยาย การ์ตูนด้วย โดยไม่มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับการเรียนไม่รู้เรื่อง หรือไม่ชอบวิชาเรียนใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่ชอบอ่าน เหตุผลมีเพียงเท่านั้น อ่านหนังสือแล้วสนุก เป็นงานอดิเรกที่ชอบ มากกว่าการดูทีวี การไปเที่ยว การออกกำลัง ฯลฯ ลองคุยดูค่ะ เหตุเกิดจากอะไร เรียนไม่รู้เรื่อง หรือเพียงเพราะชอบอ่านหนังสือ อาจจะคุยว่า ถ้าจะอ่านก็อ่านไป แต่รับผิดชอบตัวเองด้วย ไม่เช่นนั้นผลเรียนไม่ดี ไม่รับผิดชอบ ไม่ส่งการบ้าน ถูกทำโทษ ผลสอบออกมาไม่ดี สอบซ่อม คนที่ต้องรับผลของการกระทำทั้งหมดคือเจ้าตัวเองค่ะ จากคุณ : Eureka101 เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 10:09:24

ความคิดเห็นที่ 5 ม. 2 ไม่รู้สายไปรึยังนะครับ จริงๆ ควรมีการตั้งกฏให้ชัดเจนในบ้านเลยครับ ทำการบ้านเสร็จก่อนค่อยอ่านนิยาย/เล่นเกม 1 เดือนก่อนสอบงดเกมทุกชนิด เป็นกฏที่คุณแม่ผมตั้งไว้ตั้งแต่ผมกับน้องๆ อยู่ ป. 1 และเราปฏิบัติกันจนจบ ม. 6 พวกนี้ถ้าตั้งไว้ตั้งแต่เล็กๆ จะง่ายกว่าเยอะครับ โตมามันก็ดื้อไปแล้ว แต่พอผมเข้ามหาลัยแล้วเล่นเกมกระจาย -_-' จากคุณ : J-Renderer เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 10:09:43

ความคิดเห็นที่ 6 อ่านนิยาย ยังดีกว่าติดเน็ต แชท เพราะอันนั้นเสียทั้งการเรียน และอาจโดนผู้ชายหลอก อ่านหนังสือมากๆ จะช่วยเสริมสร้างความรู้ สติปัญญาได้ แต่ต้องสอนให้เขารู้จักรับผิดชอบการเรียนด้วย ไม่รู้สิ เราชอบอ่านนิยาย แต่ไม่เคยเสียการเรียน รู้ว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ จากคุณ : tormay เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 10:38:34

ความคิดเห็นที่ 7 เราก็ชอบอ่านนิยาย ชอบมากมาตั้งแต่เด็ก สมัยเรียน มีการบ้านอะไรก็ทำนะ แต่ส่วนใหญ่ดูที่ใกล้จะส่ง อะไรที่ยังไม่รีบก็ไม่ทำ กร๊าก  ยังไม่มีไฟ โดยส่วนตัว คิดว่าการอ่านหนังสือ ดี  อ่านอะไรก็อ่านไปเหอะ ขอให้อ่าน  นิสัยรักการอ่านจะติดตัวเราไป แต่ของน้องสาว ถึงขั้นไม่ทำงานส่งเนี่ย  ต้องดูสาเหตุอื่นด้วยเนอะ คิดว่าไม่น่าใช่จะจากการอ่านนิยายเท่านั้น จากคุณ : วณมิลา เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 11:18:55

ความคิดเห็นที่ 8 ติดนิยายนี่ดีนะครับ ส่งเสริมให้สร้างจินตนาการครับ ขนาดไอน์สไตน์ยังบอกเลยว่า จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ การเรียนไม่ใช่เรื่องที่ถึงขั้นคอขาดบาดตายครับ ผลการเรียนตกไปก็ใช่ว่าเราจะตายเรื่องแค่นี้มันขี้หมา สมัยผมเรียนยังไม่เอาอ่าวเลยเพราะอาจารย์สอนได้น่าเบื่อมาก แต่ตอนนี้ผมทำงานพร้อมเรียนเนติฯไปด้วยสบายๆเลย เพราะทักษะการวิเคราะห์ผมสูงเนื่องจากมาจากการอ่านนิยายแนวสืบสวนสอบสวนมาตั้งแต่เด็กๆนี่ล่ะ อ่านไปคิดไปตลอด จากคุณ : 4-lunatic เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 11:58:06

ความคิดเห็นที่ 9 อ่านนิยายดีแล้ว ดีกว่าไปติดอย่างอื่น จากคุณ : 0000 เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 12:10:19

ความคิดเห็นที่ 10 ผมว่า ปัญหามันชัดอยู่ที่แล้ว บอกว่า คุณพ่อคุณแม่ไม่มีเวลามาดูแลใกล้ชิด ก็แก้จากจุดนี้อ่ะครับ ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ มันจะแก้ได้อย่างไร ยกตัวอย่าง คนรู้จักครอบครัวนึง มีลูกสาวติดนิยายเช่นกัน วันๆอ่านแต่นิยาย ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเป็นเด็กเรียนดีด้วย  พ่อแม่เลยตัั้งกฎเหล็กขึ้นมาเพื่อควบคุมการอ่าน แต่ไปๆมาๆ กฎเหล็กก็ใช้ไมได้ผล เพราะน้องคนนี้ขอไปเรียนพิเศษตอนเย็นวันธรรมดา แล้วเพื่อนๆของน้องมาบอกพ่อแม่ว่า น้องคนนี้ไม่ยอมไปเรียนพิเศษ แต่ไปนั่งตามร้านอาหารฟาสฟู้ดเพื่ออ่านนิยาย สุดท้ายก็ต้องใช้วิธีที่แสนจะธรรมดามาก คือ พ่อและแม่ลงอ่านนิยายด้วยเลย เพราะเข้าใจจิตใจลูกของตัวเองว่า ทำไมถึงติดนิยาย ปรากฏคือ เพราะเด็กมันเหงานั่นเอง พ่อแม่ไม่มีเวลาให้ หลังจากนั้น พ่อแม่เริ่มปรับด้วยการให้อ่านนิยายหรือหนังสือบันเทิงมุมอื่นๆด้วย โดยให้อ่านพร้อมกัน แล้วมีการมาสรุปให้ฟังกันด้วยทุกๆสองวัน แรกๆน้องผู้หญิงคนนี้ก็ยังมีโลกส่วนตัวสูง แต่พอเห็นพ่อแม่เริ่มสนุกกับนิยายที่ตนอ่าน เลยเริ่มกล้าเล่าแฟนตาซีของตนมากขึ้น ในที่สุดก็เริ่มปรับเวลาในการอ่านนิยายได้ ครับ และเริ่มกลับมาเรียนดีเหมือนเดิม และที่น่าทึ่งคือ น้องคนนี้เรียนดีกว่าเดิมอีกครับ เพราะการอ่านนิยายแล้วมาเล่าให้พ่อแม่ฟัง พ่อแม่จะชวนคิดวิเคราะห์(อย่างสนุกสนาน) กับน้องคนนี้ไปด้วย ทำให้โลกทัศน์กว้างมากขึ้น ซึ่งส่งผลชัดเจนมากๆด้านการเรียนรู้ในทุกแง่มุม และยังสร้างความสัมพันธ์ที่ดีมากขึ้นด้วยครับ แต่เคสนี้ก็ไม่ได้แปลว่า เดือนเดียวแล้วเปลี่ยนนะครับ ใช้เวลาตั้ง 1 ปี เต็ม ช่วงเดือนแรกๆ น้องเค้าก้อดื้อเงียบอยู่นานเหมือนกัน  แต่ผ่านไป 1 ปี คุ้มแสนคุ้มครับ ตอนนี้น้องผู้หญิงคนนี้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยตามที่ฝันไว้ได้ด้วยคะแนนสูงลิบ แต่ก้อยังอ่านนิยายเหมือนเดิม แต่การแบ่งเวลาชัดเจนสุดๆ ในการอ่านก็มีสมาธิมากขึ้นด้วยครับ จากคุณ : เคนตะซัง เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 12:14:07

ความคิดเห็นที่ 11 เราก็เป็นเหมือนน้องสาวคุณ ตอนอยู่ ม.ต้นเราติดนิยายกำลังภายในมากระดับหนีเรียนไปเข้าร้านเช่านิยายกำลังภายในอ่านวันเดียวตั้งแต่ร้านเปิดจนร้านปิดอ่านไป 3 ภาค ตั้งแต่พระเอกนางเองเป็นเด็กไปจนถึงมีหลานเหลน และไม่เคยอ่านวรรณคดีไทยเลย หนังสือเรียนวรรณคดีไทยปิดตายมาตลอดไม่รู้ว่าเราเรียนผ่านมาได้ไง ภาษาอังกฤษตอนนั้นเราก็แย่ คงผ่านเพราะได้คะแนนเลขกับวิทย์ช่วยไว้ เพราะสม้ยก่อนเอาคะแนนรวมกันแล้วคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ เรื่องที่ไม่มีประโยชน์อย่างเช่นอ่านนิยายกำลังภายในก็พลิกล็อกกลับมีประโยชน์ได้ นั่นก็คือตอนอยู่เมืองไทยเราคิดว่าเรื่องกำลังภายในเป็นเรื่องโม้ แต่พอไปอยู่ต่างแดนเราเจอคัมภีร์กำลังภายในแปลจากจีนเป็นอังกฤษอ่านๆไปก็คิดว่ามันโม้มันเป็นไปไม่ได้ แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งตอนอายุเกือบๆ 30 เราป่วยหนักใกล้จะตาย นอนพงาบๆอยู่ แล้วค่อยๆคลานไปหยิบคัมภีร์เล่มนั้นมาศึกษาดู โดยคิดว่า "ไหนๆเราก็จะตายแล้วลองเชื่อเรื่องโม้ๆดูสักครั้งก่อนตาย" ปรากฎว่ามันทำให้เราหายป่วยและรอดชีวิตมาได้อย่างน่ามหัศจรรย์ และการรู้วิชาการแพทย์แผนจีน (ที่เรียนรู้จากคัมภีร์กำลังภายในเล่มนั้น) ทำให้เราสุขภาพดีมาโดยตลอดจนถึงทุกวันนี้ จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 12:25:22

ความคิดเห็นที่ 12 เปลี่ยนเป็นสนับสนุนให้น้องอ่านหนังสือนิยายเลยดีมั้ยคะ จากข้อมูลข้างต้นที่ชอบนิยายแนวเกาหลีก็ชวนอ่านนิยายที่เป็นเรื่องยาว แนวผจญภัย เช่นแฮร์รี่พอตเตอร์ เพชรพระอุมา หรือ ล่องไพร เพิ่งม. 2 เอง น่าจะมีหนังสือนอกเวลาที่อาจารย์บังคับให้อ่าน แนะนำเป็นพวก หนังสือพวกนั้นก็ดีนะคะ อย่าง นิกกับพิม ผู้ดี อีแร้ง แวววัน หักเหเปลี่ยนความสนใจให้มาอ่านสิ่งที่ทางโรงเรียนกำหนด และคอยถามเกี่ยวกับหนังสือที่น้องเขาอ่านว่าเรื่องมันเป็นยังไง สนุกมั้ย หาเรื่องคุยน่ะค่ะ ให้เขารู้สึกว่ามีคนสนใจในสิ่งที่เขาทำอยู่ หนูว่าเด็กที่ติดอ่านหนังสือไม่ว่าจะหนังสือประเภทใดก็ตามแต่ มีสมาธิมากกว่าเด็กที่ไม่ชอบอ่านหนังสือนะคะ เราควรสนับสนุน และหักเหความสนใจไปเป็นหนังสือประเภทอื่นที่ไม่ใช่แค่นิยาย อาจจะเป็นสารคดีบันเทิง จิตวิทยา และหนังสือเรียนที่ต้องนั่งทบทวนทำความเข้าใจ ถ้ามีสมาธิสั้นต่อให้ตั้งใจอ่านแค่ไหนก็ไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ อีกอย่างคือควรแนะให้เขาแบ่งเวลาค่ะ ไม่ใช่ไปจัดสรรให้เลยว่า "18.00 น. - 20.00 น.  เธอต้องอ่านหนังสือ" แต่ควรประนีประนอมโดยการแนะนำ "อ่านเรื่องนี้จบแล้ว อ่านหนังสือสัก 2 บทนะ แล้วค่อยอ่านนิยายต่อ" เริ่มจากการอ่านเนื้อหาที่ไม่เยอะมาก ให้เขาค่อยๆปรับตัวไป ค่อยๆแก้ไปทีละนิด อย่าหักดิบนะคะ ไม่เช่นนั้นจะเกิดการต่อต้าน จากคุณ : นู๋บอมน้อย เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 12:31:19

ความคิดเห็นที่ 13 ก่อนอื่นต้องทำให้น้องเข้าใจก่อนค่ะ ว่าเรียนไปเพื่ออะไร ถ้าเป้าหมายในการเรียนมันดึงดูดเค้าพอ เค้าก็จะหันมารับผิดชอบในการเรียนของตัวเอง ไม่ต้องให้ใครมาจ้ำจี้จ้ำไช อันนี้เป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ทุกคนนะคะ ต้องบอกให้ลูกเข้าใจว่า การที่เค้าต้องไปโรงเรียนทุกวันเพราะอะไร หยุดพูดว่า หน้าที่พ่อแม่คือไปทำงาน หน้าที่หนูคือไปโรงเรียน เพราะถ้าเค้าเรียนเพราะแค่นั้น เค้าก็จะไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ไม่ทุ่มเท ถ้าเราสามารถอธิบายให้ลูกเราเข้าใจว่า การเรียนรู้ เป็นพื้นฐานหนึ่งในการออกไปดำรงชีวิตของตัวเองในวันข้างหน้า พ่อแม่ไม่สามารถอยู่เลี้ยงลูกตลอดไปได้ เรียนวิชาไหนให้ประโยชน์อย่างไร และมีผลกระทบต่อการหาเลี้ยงชีพของเค้าในอนาคตยังไง น่าจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้นะคะ แต่อย่าไปบอกว่าอ่านนิยายไม่มีประโยชน์ อาจจะเป็นประโยชน์กับเค้าก็ได้ ถ้าเค้าโตขึ้นอยากเป็นนักเขียนนิยาย จากคุณ : Ryou-kung เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 14:33:02

ความคิดเห็นที่ 14 น้องเค้าอาจจะเป็น แต่งนวนิยายโลก ก็ได้นะเออ จากคุณ : เสือย้อมแมว เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 16:05:40

ความคิดเห็นที่ 15 หานิยายเกาหลี แบบที่มีคติสอนใจเรื่องความรับผิดชอบในตัวเองให้เขาไปอ่าน บอกว่าเป็นรางวัลของขวัญ ที่บอกว่าเห้นว่าชอบเลยซื้อมาฝาก หาเกาหลีไม่ได้ กเอานิยายไทย บอกไปว่า เห้นชอบอ่านเลยอยากให้อ่านนิยายอมตะล้านแปด บรรยายให้เขาคิดว่าน่าอ่าน บอกตรงๆ เลยว่า ไม่ห้ามอ่าน แต่อยากให้ทำหน้าที่ตนเองให้ดีด้วย แบบนี้ต้องคุยตรงๆ แต่วิธีการคุยนี่แหละสำคัญ ยากจัง จากคุณ : PaBo เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 17:10:36

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ เป็นประโยชน์มากๆ คุณแม่อยู่ไกล และคุณพ่อไม่ค่อยว่าง น้องเคยว่าง่าย แต่หลังจากเข้าเรียน ep.อาจเป็นเพราะเรียนไม่เข้าใจ หรือเหงา และ เข้าวัยรุ่นก็ตามเพื่อนมากขึ้น หนูปีนี้ก็จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ไม่อยากให้คุณพ่อคุณแม่กังวลใจ แต่เตือนน้อง น้องก็ไม่ฟัง เพื่อนๆในกลุ่มก็อ่านกันทั้งนั้น เมื่อวานหนูเลยบอกคุณแม่ ทีแรกคุณแม่ก็ไม่กังวลเพราะเห็นว่าการอ่านหนังสือไม่เสียหาย แต่พอรู้ว่าการเรียนตก ไม่ส่งงาน และหนูบอกว่าเนื้อหาไม่เหมาะกับน้อง คุณแม่ก็เครียดเลย ขนาดเคยติดสินบนน้องว่าถ้าสอบได้ดีมีรางวัลให้ น้องบอกไม่อยากได้ ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลา ทุกความคิดเห็นมีค่ามาก และทำให้มองปัญหาลึกขึ้นว่าน้องอาจเหงาจริงๆ เพราะตอนนี้ทุกคนยุ่งหมดไม่มีเวลาให้กันเลย  หนูจะให้คุณพ่อคุณแม่อ่านกระทู้นี้ค่ะ แต่จะทำอย่างไรให้น้องเห็นความสำคัญของการเรียนมากกว่าตามเพื่อนนี่สิคะ ยากมาก จากคุณ : dda747 เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 19:38:30

ความคิดเห็นที่ 17 เราตอนม.ต้นติดนิยายมากกกกกกกกค่ะ อ่านแบบเอาเป็นเอาตายมาก และก็โดนดุว่า ห้าม มากเหมือนกัน (คือคุณแม่อยากให้แบ่งเวลา) เราว่ามันเป็นช่วงค้นหาตัวตนนะ ม.ต้น คือจากวันนั้นเลยได้นิสัยรักการอ่านติดตัวมา ประโยชน์หลายๆอย่างที่ตามมาคือ เป็นคนอ่านจับใจความได้ดีขึ้น ทำให้เข้าใจบทเรียนได้ดีขึ้นไปด้วย (ถ้าคิดจะอ่านหนังสือเรียนน่ะนะ) แล้วก็อ่านเร็วกว่าเพื่อนมากๆ ข้อเสียคือ ระวังสายตาสั้น แต่ถ้าอ่านจนเสียการเรียนนี่ก็ไม่ควรแล้ว เราว่าม.2 เป็นช่วงที่เค้าคิดได้แล้ว อธิบายกันดีๆดีมั๊ยคะ ว่าหากเสียการเรียน จะส่งผลอย่างไรในอนาคตบ้าง เกรดตก เหนื่อยตอนอ่านหนังสือสอบ หรืออาจเข้ามหาลัยไม่ได้ อะไรก็ลองบอกให้น้องได้คิดเอง เพื่อตัวเอง เรา ที่เริ่มอ่านหนังสือก็เพราะเหงา คุณพ่อคุณแม่ไม่ค่อยมีเวลาเล่นด้วยเหมือนกัน หลังจากหาที่ทางของตัวเองได้ อยู่ในโลกของหนังสือได้อย่างมีความสุขเรียบร้อยแล้ว คุณแม่กลับมาร้องเรียกพยายามดึงเราออกมาซะงั้น (สงสัยจะถลำลึกมากไป 555) เล่าให้ฟังเป็นกรณีศึกษานะคะ สำหรับเรา เราว่าการเรียนเราไม่ตกเท่าไหร่ คือแอบอ่าน ไม่ค่อยมีกะใจเรียน แต่เราก็กลัวสอบตกอยู่นะ แต่ที่คุณแม่ไม่ปลื้มคือเราไม่ค่อยใช้เวลากับครอบครัว ไม่ช่วยทำงานบ้าน วันๆเอาแต่อ่านหนังสือ อะไรประมาณนี้ จากคุณ : charot เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 02:29:16

ความคิดเห็นที่ 18 ตอนเด็กๆ เราก็ติดนิยายมากเหมือนกันค่ะ พอดตก็รู้จักสกรีนเร่ืิองราว เลือกอ่านหนังสือที่มีคุณภาพมากขึ้นเรื่อยๆ แม่พอรู้ว่าเราอ่านก็ส่งเสริม คุยด้วย แล้วก็แนะนำนักเขียนให้ซะเลย คุณลองเอาของน้องมาอ่านแล้วคุยกับเขาเรื่องนิยาย อาจจะทำให้สนิทกันมากขึ้น และยอมเปิดใจคุยกับคุณมากขึ้นก็ได้ค่ะ อย่าเพิ่งไปต่อต้านเขานะคะ จากคุณ : รอยยิ้มนี้มีเพื่อเธอ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 23:34:24