ความคิดเห็นที่ 1 ได้ค่ะ เน้นเรียนแบบเอาไปสอบ เสียอย่างเดียวความรู้ไม่แน่น เพราะจะเน้นการทำข้อสอบเป็นหลักมีเทคนิควิธีต่างๆมากมาย จากคุณ : simiach เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 16:09:55

ความคิดเห็นที่ 2 ควรเรียนค่ะ เพราะความรู้ที่ใช้ในการตอบข้อสอบ Toefl  เป็น "ภาษาอังกฤษสำหรับสอบ" ซึ่งจะต่างจากภาษาอังกฤษที่เราใช้ในชีวิตประจำวันค่ะ คนที่ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกับชาวต่างชาติได้รู้เรื่องดี หรือไปต่างประเทศบ่อย ๆ ก็ไม่ได้แปลว่าจะสอบได้คะแนนดี และคนที่สอบ Toefl ได้คะแนนดี ก็อาจจะสื่อสารได้ไม่ดีเท่าไหร่ก็ได้  การสอบเพื่อนำผลไปใช้ทางวิชาการ (เดาเอาว่าน่าจะเข้าเรียน ป.โท  เพราะถ้าทำงาน น่าจะใช้ Toeic) กับการใช้ภาษาในชีวิตจริงไม่เหมือนกันค่ะ และปัจจุบันการสอบ Toefl ในประเทศไทย ได้เปลี่ยนรูปแบบเป็น Internet Based (IBT) ซึ่งถ้าไม่คุ้นเคยกับการทำข้อสอบ อาจทำให้ทำไม่ทัน เสียเวลามาก และเสียคะแนนโดยไม่จำเป็นค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ ไม่มีใครแก่เกินเรียนค่ะ ^^ จากคุณ : a whispering star เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 16:12:06

ความคิดเห็นที่ 3 8 เดือน บางคนก็ทำได้ บางคนก็ทำไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับตัวแปรดังต่อไปนี้ 1 พรสวรรค์ของผู้เรียน 2 พรแสวงของผู้เรียน 3 เวลากี่ชั่วโมงต่อวันที่มีอุทิศให้กับการเรียน 4 ถ้าไม่รู้วิธีเรียนเอง แต่ต้องเรียนเสียเงิน คุณโชคดีขนาดไหนที่จะได้ครูเก่งๆ และ 5 การเรียนเสียเงิน ถ้าต้องเรียนหลายชั่วโมงต่อวัน คุณมีเงินมากพอหรือไม่ 6 ในช่วงต่างๆของชีวิตคนเรา บางช่วงก็เรียนได้รวดเร็ว บางช่วงก็เรียนได้ช้า ซึ่งคนส่วนใหญ่เรียนได้รวดเร็วตอนเด็ก แต่เราสวนทางกับคนส่วนใหญ่เพราะตอนเด็กๆเราสมองทึบเรียนช้า มาเรียนเก่งเอาตอนอายุมากๆ แล้วเรียนด้วยตัวเองด้วย เราเล่าให้ฟังถึงความสามารถในการเรียนรู้ของแต่ละคนที่มันต่างกันลิบลับ ดังนั้น ภายในเวลา 8 เดือนคนหลายๆคนจะเรียนได้ไม่เท่ากัน  เราจึงตอบไม่ได้ว่าคุณจะทำได้หรือไม่ได้ แต่เท่าที่ดูระดับความรู้ที่คุณพูดมาว่าคุณรู้น้อยขนาดนี้ เราคาดว่าถ้าคุณไม่โชคดีได้ครูเก่งๆระดับเทพๆๆๆสอนให้คุณจะเรียนด้วยตัวเองมันคงเป็นไปได้ยากที่จะเรียน 8 เดือนแล้วบรรลุเป้าหมายได้ "เพราะขนาดมีครูเก่งๆสอนให้การที่จะเรียนจากระดับที่คุณรู้ไปจนถึงระดับที่คุณต้องการบรรลุเป้าหมายได้นั้น คนธรรมดาๆทั่วๆไป (สติปัญญาระดับปกติ) เขาใช้เวลาเรียนกัน  2-3 ปี ถ้าทำได้ 8 เดือนก็แสดงว่าเป็นอัฉริยะทางด้านภาษา" ^ ...อันนี้ตอบจากประสบการณ์ของตัวเองที่เคยสอนภาษาอังกฤษให้นักเรียนมาแล้วหลายๆระดับ ตั้งแต่อ่อนมากๆไปจนถึงเก่งสุดๆ ไปอ่าน คคห 1 ในกระทู้นี้ แล้วคุณจะเข้าใจ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K12518264/K12518264.html แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 55 16:34:58 แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 55 16:24:02 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 16:19:05

ความคิดเห็นที่ 4 เราว่าภาษาอังกฤษเกิดจากการฝึกฝนนะ ไม่ใช่การไปเข้าห้องเรียน ดังนั้นจะเรียนที่ไหนก็ได้ ขอให้ใช้เวลากับมันทุกๆ วัน วันละอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง อย่าให้ขาด ถ้าไม่ทำอย่างนี้ ไปเข้าเรียนอาทิตย์ละครั้ง มันไม่ได้ผลหรอกค่ะ Toefl เป็นภาษาอังกฤษสำหรับสอบ ไม่ใช่สำหรับใช้งาน -->> ข้อนี้จริงหรือเปล่าคะ เรายังสงสัย เพราะตอนสอบ ป.โท ต้องใช้ Toefl อย่างน้อย 500 เราไม่ได้ท่องศัพท์ ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย ไปสอบเหมือนกับใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตปกตินี่แหละ ยังได้ 565 เลย ถ้ามันเป็นภาษาอังกฤษสำหรับสอบเราน่าจะสอบตกดิ (เราไม่เคยสอบ Toeic อยากรู้เหมือนกันว่ามันต่างกันยังไง) จากคุณ : สาวน้อยร้อยแปด เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 20:33:00

ความคิดเห็นที่ 5 คุณสาวน้อยร้อยแปดสอบได้ก็แสดงว่าคุณใช้งานเป็นเพราะคนที่ใช้งานเป็นนั้นจะสอบได้โดยไม่ต้องพึ่งทักษะการเตรียมตัวสอบ ที่เขาพูดมานั้นเขาคงหมายความว่า คนที่ใช้งานไม่เป็นมากนักก็ยังสามารถสอบได้โดยอาศัยเทคนิคการเตรียมตัวในการสอบหลายอย่าง ผมว่าจริงเพราะเคยเห็น ก็เพื่อนๆผมเองแหละ ภาษาอังกฤษเขาก็ไม่ได้ดีนัก เขาก็ยังสอบผ่านได้ด้วยวิธีเตรียมตัวของเขา ไม่ได้พัฒนาทักษะการใช้ภาษาได้น่าทึ่งแต่อย่างใด จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 21:13:48

ความคิดเห็นที่ 6 ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ คลายสงสัยของตัวเอง แฮะๆ ^^" คุณอาแอ็ดคะ ถ้างั้นแสดงว่า "ภาษาอังกฤษสำหรับสอบ" มันก็ไม่ได้ยากมากน่ะสิคะ เตรียมตัวไปดีๆ ก็สอบได้ แม้ว่าแท้จริงภาษาอังกฤษของผู้สอบจะใช้การไม่ค่อยได้? คือฟังๆ มาสับสน เหมือนกับว่า ภาษาอังกฤษสำหรับสอบ มันจะยากมาก จะมีศัพท์แสงพิสดารที่คนเราไม่ใช้กันในชีวิตประจำวัน จนต้องไปติวไปท่องกัน แต่ที่ไปสอบมามันไม่เห็นเป็นงั้นเลยค่ะ ไม่ได้อวดเก่งนะคะแต่พอดีช่วงนั้นเรียนด้วยทำงานด้วย ไม่มีเวลาติว เลยวัดดวงไปสอบซะเลย ถ้าไม่ผ่านค่อยหาเวลาไปติว ปรากฏว่าสอบผ่านเกินเกณฑ์เค้าตั้งเยอะ จากประสบการณ์อันนี้ ตอนนี้เลยกำลังคิดจะตั้งเกณฑ์ให้น้องๆ ที่บริษัท ไปสอบ Toefl ให้ผ่าน เพราะรู้สึกว่ามันเป็นภาษาอังกฤษสำหรับใช้งาน แต่ฟังๆ มาก็สับสนอีก ว่าถ้าคนทำงานจะใช้ Toeic กันเพราะ Toefl ใช้สำหรับสอบ? เนื่องจากหนูไม่เคยสอบ Toeic เลยไม่ทราบว่ามันต่างกันยังไง และที่จริงแล้ว คนทำงานควรวัดผลด้วยตัวไหนกันแน่ค่ะ จากคุณ : สาวน้อยร้อยแปด เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 21:51:37

ความคิดเห็นที่ 7 Toefl เป็นการทดสอบภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ คือวัดว่าเราจะอ่าน textbooks, ฟัง lecture รู้เรื่องหรือไม่ Toeic เป็นการทดสอบภาษาอังกฤษในบริบทของการทำงาน ส่วน "ภาษาอังกฤษสำหรับสอบ" ที่คุณสาวน้อยฯ คิดว่าน่าจะยาก ๆ ศัพท์แสงพิสดาร น่าจะเป็นพวก SAT, GRE มากกว่า จากคุณ : treacherous เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 22:06:05 A:161.200.36.104 X: TicketID:371491

ความคิดเห็นที่ 8 ขอสารภาพว่าผมเคยสอบอยู่อย่างเดียวสมัยปีมะโว้คือ Michigan Proficiency in English Test ไม่ไ้ด้ชกลมชกกระสอบอะไรเลย มันก็สอบได้แฮะ คะแนนเราวิชานี้คงดีเพราะเพื่อนมาให้ช่วยติว เราต้องบอกว่าเราติวไม่เป็นจริงๆ ที่สอบได้นี่ก็ครูพักลักจำ อาสัยอ่านนิยายไว้เยอะเลยรอด เพื่อนฝูงเขาทำข้อสอบเก่าเยอะมากคงช่วยเขาได้ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 22:17:26

ความคิดเห็นที่ 9 โทเฟิลผมว่าไม่ค่อยยากนะ มันจะไปหนักตรงฟังกับพูดมากกว่า ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องทักษะที่ห่างไกลคนไทย ลองไปซื้อหนังสือเตรียมสอบที่ ETS เค้าทำขายมาลองอ่านดูสิครับ ผมซื้อมาอ่านแล้ว ไม่เห็นมีอะไรยากเลย TU-GET ยังจะยากซะกว่า ศัพท์เทพๆก็ไม่มี มีแต่ศัพท์ปกติที่พบเจอในชีวิตประจำวัน คือถ้าใครจะเน้นท่องศัพท์เทพๆเพื่อไปสอบโทเฟิล ผมว่าเหนื่อยเปล่าอ่ะ เพราะโทเฟิลมันไม่ออกสอบเลย เค้าเน้นทักษะฟัง พูดอ่านเขียน บูรณาการเข้าด้วยกันมากกว่า ว่าจะสื่อสารกันรู้เรื่องไหม จากคุณ : อืม เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 00:36:42 A:115.87.189.129 X: TicketID:338978

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่ใช่แค่ฟังและพูด สมัยนี้มีการเขียนด้วยครับ เน้นมันทุกอย่างแหละ ในห้องไกลบ้าน มี จขกท ที่ทำสำเร็จใน 1 ปี จากห่วยแตกแบบแกรมมาร์ไม่รู้เรื่อง เขียนอะไรไม่ได้ ไปเรียนที่สำนักทุกแห่งใน กทม และสอบผ่าน Toefl, GRE ระดับที่มหาวิทยาลัยรับ ผมอ่านมาแล้ว คนนี้มีความพยายามเป็นเลิศ มีหัวดี แต่พื้นฐานเดิมห่วยแตกมากครับ ไปอ่านที่นี่เลยครับ แล้วจะมีกำลังใจ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K12551143/K12551143.html จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 01:49:47

ความคิดเห็นที่ 11 ที่เรียนที่ติวเขาสอนกันเอาข้อสอบมาทำ ๆ ไปมาก ๆ แล้วก็จะจำ ถ้ามีไวยากรณ์ก็ซ้ำกันไม่มากแบบ เจอข้อสอบก็คุ้นพอจะเดากันได้ ตัวอย่างเช่น จขกท ลองซื้อหนังสือ Delta's Key to the Gext Generation TOEFL Test Essential Grammar for the iBT เขาจะแยกให้เป็นเรื่องไปเลยว่าข้อสอบจะมีแนวประมาณนี้ มีแบบฝึกหัดให้ทำ ทำหมดก็จะคุ้นเรื่องไวยากรณ์ ถ้าเอาไปใช้เป็นก็ทำข้อสอบแนวนี้ได้หมด ฟังพูดอ่านเขียน ไม่รู้เหมือนกันว่าคนไหนจะยากทักษะไหน 8 เดือนถ้าแค่ไวยากรณ์คงได้แหละ แต่ฟังกับพูด อ่านกับเขียนนี่ซิ ฟังต้องฟังกันทุกวัน (เลือก VOA news.com เลือกฟังข่าว บทความที่มีเสียงคนอ่าน) พูดก็ไม่รู้จะแนะนำยังไง ถ้าไม่มีคนช่วยฝึกพูดก็ต้องลองหาที่คุณ lovelypriest เขาเอามาปะไว้ เปิดฟังไปพูดตามไป ข่าว VOA เปิดฟังแล้วก็พิมพ์ออกมา แกะคำศัพท์ทุกคำ แล้วทำตามที่คุณ K. Senior เคยว่าไว้พิมพ์ตามเพื่อเลียนแบบการเขียนและปรับปรุงไวยากรณ์ที่เอาไปใช้ทั้งในด้านการพูดและการเขียน เพราะเลียนแบบไปมาเป็นการสะสมประสบการณ์ในการใช้ภาษา เรื่องพูดที่มีคนเขาแนะนำไว้ก็คือเจอใครเจออะไรก็นึกเป็นภาษาอังกฤษไว้ตลอดเวลา วิธีนี้ก็น่าจะดี เรื่องเขียนค้นกูเกิ้ลก็จะเจอหัวข้อ writing ของ TOEFL ก้ลองเอามาเขียน หลักการเขียนทั่วไปก็ให้มี 5 ย่อหน้า Intro 1 ย่อหน้า, Body 3 ย่อหน้า (ไม่ได้ก็เหลือ 2), Conclusion 1 ย่อหน้า วิธีการเขียนแนวนี้หาความรู้จากกูเกิ้ลได้เช่นกัน สำคัญเรื่องคำศัพท์นั่นแหละ ไม่มีสะสมมาทำอะไรก็ลำบาก ถ้าจำเป็นอาจถึงกับต้องท่อง ค้น Oxford 3000 wordlist จะได้คำศัพท์ใช้มากมาดูว่าคำไหนบ้างที่เราไม่รู้  ได้คำศัพท์ไม่รู้จะเอาไปใช้ยังไง ค้นจาก British National Corpus คีย์คำศัพท์นั้น ๆ เข้าไปก็ได้ประโยคเอามาพิมพ์ เอามาเขียนเลียนแบบ อาจถึงกับต้องทำทุกวัน ๆ ละ 2-3 ชั่วโมง อาจเป็นการเรียกร้องทีมากเกินไปหรือเปล่าสำหรับคนวัยทำงาน คนที่อาจมีครอบครัวภาระหน้าที่ต่าง ๆ ทั้งหมดที่เขียนมาก็คือพยายามสร้างสภาพรอบตัวให้เป็นภาษาอังกฤษมากที่สุด (เช่นพวกคิดในใจที่บอกไปแล้ว ปากพูดสวัสดีค่ะ เป็นไงบ้าง ในใจก็ hi! how do you do พูดอะไรกับใครก็ลองเป็นภาษาอังกฤษในใจไปเรื่อย ๆ) อ่านมาก ๆ เว็บข่าวต่าง ๆ ที่มีเสียงประกอบด้วยก็ยิ่งดี อ่านมาก ๆ ฟังมาก ๆ ก็แล้วกัน ของคุณ ค.ห. 6 - เลยกำลังคิดจะตั้งเกณฑ์ให้น้องๆ ที่บริษัทไปสอบ Toefl ให้ผ่าน เพราะรู้สึกว่ามันเป็นภาษาอังกฤษสำหรับใช้งาน - TOEFL คือ Test of English as Foreign Language ไม่ค่อยได้เกี่ยวกับการทำงานมากเท่าไร โดยหลักการคือการวัดระดับภาษาอังกฤษโดยทั่วไปและเพื่อการสอบ (เรียน) ฝรั่งเจ้าของภาษาไม่ต้องสอบ การทดสอบออกแบบการสอบมาสำหรับผู้เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างประเทศ เราคนทั่วไปจะไปออกแบบทดสอบความรู้ หรือทักษะภาษาอังกฤษเฉพาะให้ตรงกับที่เราต้องการก็ทำไม่ได้ ขาดความรู้การสร้างแบบทดสอบภาษาอังกฤษ แต่ถ้าจะเลือกเอาขนาดให้พนักงานไปสอบ ดูค่าสอบก่อนดีกว่าครับ ประมาณ 5000 บาทใช่ไหม แพงสำหรับพนักงานโดยทั่วไป ถ้าอยากทดสอบทักษะความรู้ทางภาษาให้พนักงานสอบ TOEIC หรือ CU-TEP ไปดีกว่าถูกกว่ากันมากแล้วก็เป็นข้อทดสอบมาตรฐาน หรอือาจไปลองทำ TOEFL ITP (เอาข้อสอบเก่า toefl มาเป็นแบบทดสอบ แต่ไม่มี part writing หรือ speaking) พวกนี้ราคาสมเหตุผลและก็วัดผลทางภาษาได้ จากคุณ : elenote เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 02:19:09

ความคิดเห็นที่ 12 เอา 500ใน8เดือน ทันค่ะ ไปลงคอร์สเฉพาะเลยก็ได้ บังคับตัวเองไปเรียนห้ามขาดด้วยนะคะ มันจะมีสอนวีธีเขียนตอบคำถาม จะได้หัดตามนั้น ถ้าวีคนึงลงเรียนได้หลายวันจะดีมาก จะได้คุ้นเร็วๆ ยิ่งถ้ามีครูบังคับพูดด้วยจะยิ่งดี เพราะไม่งั้นพอให้พูดเองไม่มีใครบังคับก็พาลไม่พูด แถมพูดไปถูกผิดก็ไม่ค่อยรู้ตัว ถึงจะจับคู่กับเด็ก ก็อย่าไปอายค่ะ ช่างมันคิดซะว่าเจอกัน8เดือนเด๋วก็ไม่เจอกันอีกแล้วชาตินี้ 55 ถ้าคู่กะเด็กเก่งๆ ใช้ให้สอนเราไปในตัวเลยก็ดี เพราะบางทีครูก็เดินมาฟังได้ไม่ครบที่เราฝึก เราก็ไม่เก่งอะ เวลาไปสอบถึงจะพอทำได้นะ แต่ปัญหาใหญ่ที่เราเจอทุกที่ที่ไปสอบคือทำไม่ทันเพราะคิดช้า มัวลังเล(ก็มันไม่แม่นเนอะ) ส่วนพาร์ทฟังก็เป็นพวกจิตไหล ไม่มีสมาธิ ฟังๆไปเหม่อก็มี ฝึกสมาธิด้วยจะดีมาก ถ้ากำลังใจหดหาย ท่องไว้ค่ะ 5พัน 5พัน แพงค่อต แพงค่อต รอบเดียวตรูต้องผ่าน ต้องผ่าน ต้องผ่านนน สะกดจิตตัวเองเข้าไว้ค่ะ สู้สู้น้าาาาา จากคุณ : HoliDay Never Comes เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 09:27:09

ความคิดเห็นที่ 13 -  เปิดฟังข่าว หรือรายการวิทยุที่เป็นภาษาอังกฤษ เวลาขับรถ เพื่อให้คุ้นหู เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี  ทว่าไม่เพียงพอ ภาษาต้องพัฒนาให้ครบวงจร คือ ฟัง พูด อ่าน เขียน เมื่อคุณฟังข่าวนั้นๆแล้ว  เพื่อการตอกย้ำให้เข้าใจกระจ่างชัดยิ่งขึ้น  คุณก็ต้องขวนขวายเรื่องนั้นมาอ่านต่อ ถามว่าอ่านไปทำไม  ก็อ่านให้ได้เห็นไงว่าศัพท์แสงที่คุณได้ยินมาในข่าว เขาใช้คำไหน อยู่ในรูปประโยค สำนวนแบบไหน ถือว่าเป็นเรียนข้ามทักษะ เพื่อทบทวน และเพิ่มพูน ส่วนเรื่องความกล้า คงแนะนำยาก  หากคุณยังมีทัศนคติฝังใจแบบคนไทย คือ  "ผิดไม่ได้ หน้าฉันหาย ต้องม้วนแผ่นดิน"  ยังไงๆ คุณก็จะพูดไม่ได้  ไม่มีใครที่เรียนหนังสือครั้งแรกแล้วไม่ผิด  ต้องจำไว้ว่า "ผิดเป็นครู" "ติเพื่อก่อ อย่าท้อเมื่อต้องแก้"  คิดเสียว่ามิใช่ภาษาพ่อภาษาแม่เรา ก็ต้องเรียนรู้กันไป  จะพูดภาษาให้ได้อย่างเขา จำเป็นต้องดัดจริต ประดุจเหมือนอยู่บนเวทีละคร เคยนั่งรถแท็กซี่คันหนี่ง ซึ่งเขียนหน้ารถว่า We speak English เพื่อนฝรั่งเขาสงสัยเลยถามว่า ไปจบจากเสตทไหนมา เท็กซัสหรือ  โชเฟอร์ตอบว่า  ยูบีซี   เขาดูโทรทัศน์เคเบิ้ลทุกวันๆละหลายๆชั่วโมง แล้วพูดตาม ออกเสียงตาม  ในใจเราคิดว่า เป๊มาก ภาษาอังกฤษาขั้นเทพแบบเมกา สำเนียงไม่เพี้ยน คำใช้ไม่ผิด   นี่คือผลของการฝึกฝนสม่ำเสมอ เป็นเวลา     อยากเล็งผลเลิศ ต้องยอมลำบาก  ทำตารางเวลาไว้ให้ตัวเอง  จะเรียนกี่ ชม เรียนเสร็จแต่ละวัน ก็บันทึกความก้าวหน้าของตัวเอง  อ่านแต่ละครั้ง นับจำนวนคำ และจดบันทึกความเร็ว   เพาะนิสัย อยากรู้ อ่านดะ อ่านมันทุกอย่างที่ขวางหน้า  ป้ายโฆษณา ฉลากยา  ถุงห่อของ  แผ่นพับ ใบปลิว ซื้อ หรือหาแบบฝึกหัด หรือข้อสอบเก่า มาทำไม่ต่ำว่าวันละ 100 ข้อ  ดูว่าผิดกี่ข้อ  ไปดูว่าทำไมผิด ลอกข้อผิด เก็บไว้อ่าน  หรือเก็บไว้ในสต็อก ทิ้งเวลาสักพักให้เยอะพอสมควร แล้วกลับมาทำใหม่ ตอนเราจะเอ็นทรานซ์  (เดี่ยวนี้คือแอดมิชั่น) เราเตรียมตัวอ่านภาษาอังกฤษ โดยทำแบบฝึกหัดโทเฟ็ล ไปประมาณ ไม่ต่ำ 3000 ข้อ หาหนังสือแบบฝึกหัดประดามีในห้องสมุดทุกเล่ม มาทำ เวลาสอบ 3 ชม เราใช้เวลาเพียง 1.30 ชม ก็ออกจากห้องสอบ  ตอนออกมาแน่ใจว่าตัวเองได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80  เสียดายสมัยก่อนไม่เปิดเผยคะแนนอย่างเป็นทางการ  แต่มีเพื่อนแอบไปสืบมาว่าเราได้คะแนนมากกว่าที่เราคาดคิดไว้เยอะ ความสำเร็จใดๆ ก็ไม่ได้เคยปูไว้ด้วยกลีบกุหลาบ จากคุณ : ปากจัดชะมัดยาด (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 12:40:16

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ หลังจากที่อ่านทั้งหมด ก็ได้ไว้อาลัยกับความสามารถของตัวเอง ว่าต่ำเสียเหลือเกิน ร้องไห้ ไปเสีย 1 ยก แต่ก็ทำใจ ให้กำลังใจตัวเองเต็มที่ วันนี้จะต้องส่ง testทำข้อสอบ รอบแรก  ที่ได้มาเป้นการบ้าน หลังจากเรียนวันละ ลองดุว่า รอบนี้จะได้กี่คะแนน ชั่วโมงมา วัน วันที่ไม่เรียนก็ทบทวนอีกวันละ  2 ชั่วโมง จากคุณ : YB6811 เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 16:27:30