ความคิดเห็นที่ 1 แนะครับ ฟังไม่ออก เพราะยังไม่คุ้นสำนวน และประสบการณ์การเห็นรูปประโยคน้อยมาก ไป http://www.voanews.com ไปฝึกอ่านหนึ่งรอบ แล้วฟังไม่ดูตัวหนังสือ ดูว่ายังฟังรู้เรื่องหรือไม่ ถ้าไม่รู้เรื่อง ก็ฟังหลายเที่ยวจนหูคุ้น ทุกอย่างอยู่ที่ประสบการณ์ ศัพท์รู้ ความรู้ในเรื่องรู้ อย่างไรก็ฟังรู้เรื่องแน่นอนถ้าฟังบ่อยๆ สมัยผมอยู่ มศ.5 เคยยืมเทปจาก British Council มาฟัง ใหม่ๆ เปิดฟังถึง 4-5 เที่ยวจนจับสำเนียงได้ แล้วระดับการเปิดซ้ำก็น้อยลง จนสามารถเปิดครั้งเดียวก็ฟังรู้เรื่องเลย ผมทำแบบนี้เป็นเดือนๆ แทบทุกวัน ทุกอย่างไม่พ้นเรื่องความเพียร คุณเพียรมากพอหรือยัง? จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 55 05:23:51

ความคิดเห็นที่ 2 ทุกคนเป็นเหมือนกันหมดคือฟังเสียงตัวคนเป็นๆมันต้องง่ายกว่าฟัง audio หรือ video อยู่แล้ว ยิ่งอัดมาคุณภาพห่วยๆคนทักษะการฟังเก่งๆก็ยังฟังรู้เรื่องน้อยลงหรือถึงกับฟังไม่รู้เรื่องหมดเลย วิธีการฝึกฟังที่รวดเร็วที่สุดก็คือ "แก้ไข pronunciation ของตนเอง" โดยการตระหนักว่า "กลุ่มพยัญชนะและสระชุดเดียวกันในภาษาอังกฤษไม่คงเสียงเดิม ในขณะที่ภาษาไทยคงเสียงเดิมเกือบหมด" ยกตัวอย่างเช่น กาน ดาน ฟาน ตาน ลาน เสียง -าน คงเดิมหมด แต่ลองมาดู age กัน a ใน age ออกเสียงเป็น เอ a ตัวที่ 2 ใน manage ออกเสียงเป็น อิ a ตัวที่ 2 ใน sabotage ออกเสียงเป็น อา ลองมาดู ch กับ sh กัน chip ship ทั้ง 2 อัน ออกเสียง ch กับ sh ตรงตัว แต่ ch ใน chef ออกเสียงเป็น sh ch ใน machine ออกเสียงเป็น sh ch ใน yacht ไม่ออกเสียง แม้กระทั่งความรู้เรื่อง voiced consonants กับ unvoiced consonants ก็สร้างความแตกต่างในทักษะการฟังได้ ยกตัวอย่างเช่น s กับ z เวลาออกเสียงทำอวัยวะที่ปากเหมือนกัน แต่ s เป็น unvoiced consonant (vocal cords จะไม่สั่น (ให้ลองจับคอด้านหน้าดู)แต่ z เป็น voiced consonant (vocal cords จะสั่น (ให้ลองจับคอด้านหน้าดู) คราวนี้มาดูความยุ่งยากของมันกัน bit พอเติม s เป็น bits เสียง s ยังคงเป็น unvoiced เพราะ t ก็ unvoiced แต่ bus พอเติม es เป็น buses เสียง s ตัวสุดท้ายจะต้องเปลี่ยนเป็นเสียง z ซึ่งเป็น voiced นั่นก็คือมันเขียน es แต่มันออกเสียงเป็น ez เพราะ e ข้างหน้าซึ่งเป็น vowel มันเป็น voiced อย่างแน่นอนเนื่องจาก vowels ทั้งหมดเป็นเสียง voiced vowels หมด ไม่มีมนุษย์คนไหนที่จะเปล่งเสียง vowel ให้มันเป็น unvoiced ได้อย่างเด็ดขาด ลองมาดู f กับ v กัน consonants ทั้ง 2 ตัวนี้ใช้ปากขยับแบบเดียวกัน แต่ f เป็น unvoiced และ v เป็น voiced แต่มันก็ยังดันมีข้อยกเว้นให้ปวดกบาลอีก นั่นก็คือ เวลา f ไปอยู่ใน of อย่างเช่น The Statue of Liberty ตัว f ใน of จะกลายเป็น voiced ไป คือสะกด of แต่ออกเสียงเป็น ov ซะงั้น! ข้อยกเว้นปลีกย่อย ยังมีอีก เช่น s ใน sure ออกเสียงเป็น sh s ใน sugar ออกเสียงเป็น sh โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไอ้ s ที่อยู่ตรงกลางๆคำศัพท์นี่มัน "เป็นตัวเจ็บแสบสุดๆ" อย่างเช่น mission ตัว ss มันดันออกเสียงเป็น sh ไปซะงั้น! และ i ก็ใช่ย่อยซะเมื่อไหร่ล่ะ อย่างเช่น destiny ตัว i ฝรั่งบางคนออกเสียงเป็น อิ แต่ฝรั่งบางคนออกเสียงเป็น schwa คือเสียง "เออะ" สั้นๆ th นี่ยิ่งตัวเจ็บแสบหนักเข้าไปใหญ่ เพราะมันมีทั้ง th ที่เป็น unvoiced และ th ที่เป็น voiced ซึ่งสร้างความแตกต่างกันมากๆ อีกทั้งยังมีข้อยกเว้นอีก เช่น th ใน Thomas ดันทลึ่งออกเสียงเป็น t ไปซะงั้น! ซึ่งกฎกติกา และข้อยกเว้นแบบนี้มีเยอะมากๆ จนน่าเวียนหัว จากการคลุคลีกับคนไทยที่ไปอยู่ในประเทศที่พูดภาษาอังกฤษแล้วทำสถิติมา คนไทยที่ฟังอังกฤษไม่รู้เรื่องเลยและไม่รู้ศัพท์ไม่รู้ grammar  มักจะใช้เวลาประมาณ 3 ปีกว่าจะฟังฝรั่งตัวเป็นๆพูดรู้เรื่องแบบฝรั่งพูดช้าๆ และจะใช้เวลาประมาณ 5 ปี ฟังหนังฝรั่งที่พูดเร็วๆรู้เรื่อง ถ้าเรียนด้วยตัวเองแบบครูพักลักจำ (หมายถึงคนธรรมดาๆ แต่พวกอัฉริยะทางด้านภาษาทำได้เร็วกว่านั้นหลายเท่า!) แต่เราคาดว่าถ้าคนธรรมดาๆพวกนั้นเรียนกับครูที่รู้วิชา phonetics พวกเขาน่าจะย่นระยะเวลาการเรียนทักษะการฟังได้มากถึง 2 เท่า! ด้วยเหตุผลง่ายๆก็คือการที่ตัวเองออกเสียงผิดแค่เพียงนิดเดียว(ซึ่งมันน่าจะผิดได้ง่ายเพราะเสียงในภาษาอังกฤษมันดิ้นพลิกแพลงตามกฎและข้อยกเว้นที่ซับซ้อนมากมายกว่าภาษาไทยหลายเท่า) เองมันทำให้เราคาดหวังผิดๆว่าฝรั่งเจ้าของภาษาจะพูดเหมือนเรามันก็เลยทำให้ฟังเขาพูดไม่รู้เรื่อง ดังนั้นถ้าคุณหาครูที่รู้วิชา phonetics สอนคุณได้ คุณก็สบายไปคือเรียนทักษะการฟังได้เร็วขึ้น แต่ถ้าหาครูเก่งๆไม่ได้หรือไม่อยากเสียเงินมาก คุณจะไปหาตำรา phonetics มาเรียนด้วยตัวเองมันก็อาจจะไม่ง่ายนัก เพราะกว่าจะคัดจากเนื้อหาที่เป็นหลักวิชาการแล้วเอามายกตัวอย่างง่ายๆแบบที่เรายกตัวอย่างให้ดู เพื่อฝึกออกเสียงและฝึกฟังในเชิงปฏิบัติ (จริงๆแล้วถ้าจะยกตัวอย่างให้หมดแบบเป็นวิชา practical phonetics เราคงเขียนมันออกมาได้ยาวหลายร้อยหน้า!) มันคงไม่ง่ายนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณต้องเรียน topics อื่นๆในภาษาอังกฤษอีกตั้งมากมายเพื่อเตรียมสอบ ดังนั้น ต้องทำใจ แล้วฝึกฟัง audios กับ videos ซ้ำๆ แล้วหัดพูดตาม ไปเรื่อยๆ เพราะนั่นก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วเท่าที่จะทำได้ถ้าเรียนด้วยตนเอง คือเราแค่อธิบายให้ฟังถึง "ต้นตอของปัญหาว่าทำไม learners ถึงฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง" เผื่อ learners จะค่อยๆหาทางพัฒนาการเรียนรู้ไปให้ถูกทิศทางได้ แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 55 10:50:40 แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 55 10:43:49 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 55 10:33:27

ความคิดเห็นที่ 3 การสนทนา จะใช้คำศัพท์พื้นฐานง่าย ๆ  พูดเป็นประโยคไม่ซับซ้อน และพูดครั้งละสั้น ๆ เพื่อรอคู่สนทนาตอบกลับ คุณจึงฟังคู่สนทนาออก การฟังข่าว-สารคดี  จะมีคำศัพท์วิชาการ คำศัพท์เฉพาะด้าน ที่นาน ๆ เจอที   รูปประโยคซับซ้อน เพราะส่วนใหญ่เป็นการอ่านตามที่เขียนไว้แล้ว   และพูดครั้งเดียวจบ ซึ่งอาจกินเวลาหลายนาทีไปจนถึงชั่วโมง ผู้ฟังต้องมีสมาธิต่อเนื่องตั้งแต่ต้นจนจบ จึงจะจับใจความได้ครบ ถ้ารู้ตัวว่าฟังข่าว-สารคดีไม่ออก ก็ฝึกฟังครับ ฟังไปอ่านไป หาคำศัพท์ไป อย่าหยุด ไม่ต้องสงสัยหรือตำหนิตัวเองว่าทำไมฟังไม่ออก เพราะมันคงไม่ใช่แค่วันสองวัน แต่มันต้องใช้เวลาหลายเดือน หรือเป็นปี จึงจะฟังออก ไอเอล จะเริ่มฟังตั้งแต่ง่าย คือสอบฟังสนทนา ไปจนถึงยาก คือฟังข่าวหรือสารคดี ถ้าฟังสนทนาออก คุณก็ได้คะแนนไปส่วนหนึ่งแล้วครับ จากคุณ : chawawa เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 55 12:43:11

ความคิดเห็นที่ 4 ฟังจากคนเป็นๆ ง่ายกว่าฟังจากทีวี หรือวีดีโอแน่นอนค่ะ (กรณียกเว้นคือคุยกับคนสูงอายุ ในถิ่นที่สำเนียง strong มากๆ เช่น อังกฤษตอนเหนือๆ) ถ้าฟังพวกข่าว สารคดี ไม่รู้เรื่อง ลองดูวิดีโอในยูทูป ในเรื่องที่เราสนใจ หรือมีคลังศัพท์ในส่วนนั้นๆอยู่ จะฟังง่ายกว่าค่ะ อย่างเราชอบพวก สอนทำอาหาร สอนประดิษฐ์สิ่งของ ไปจนถึงถกประเด็นศาสนา ฯลฯ ส่วนตัว ถ้าได้ฟังในเรื่องที่เราสนใจ จะฟังง่ายกว่า มีแรงจูงใจมากกว่า พอทักษะฟังเริ่มมากขึ้นก็ขยับไปดูรายการทีวีพวก reality/talent show ข่าว สารคดี โฟเนติกส์ ตาม#2 ก็สำคัญ และมีส่วนช่วยมากๆค่ะ เคยได้ไปเรียนภาษาสมัยยังอยู่อังกฤษ ซึ่งมีอ.ที่ชำนาญเรื่องโฟเนติกส์ รู้เลยว่ามีประโยชน์จริงๆ ยังเสียดายว่าถ้าเด็กไทยได้เรียนแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆ คงดีมากๆ จากคุณ : Flop, turn and river เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 55 20:24:17 A:110.168.38.208 X: TicketID:346689