ความคิดเห็นที่ 1 ไม่ทรงแต่งตั้งผู้ใดเป็นมเหษีครับ จากคุณ : The Little Prince เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 10:54:29

ความคิดเห็นที่ 2 http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%AA%E0%B8%B5_%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1_%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%AA_%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_3 จากคุณ : ฮูยัน เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 10:58:07

ความคิดเห็นที่ 3 เหตุผลที่ไม่ทรงยกผู้ใดเป็นพระมเหสี หรือพระราชินี ก็ด้วยมีพระราชประสงค์ที่จะไม่ให้พระราชโอรสพระองค์ใดเป็นเจ้าฟ้า ซึ่งจะสร้างปัญหาในการสืบสันตติวงศ์กับเจ้าฟ้ามงกุฏ พระราชอนุชาที่ยังทรงผนวชอยู่ พูดง่ายๆคือ ทรงต้องการให้ชัดลงไปว่า เจ้าฟ้ามงกุฏจะเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ต่อไปสืบต่อจากพระองค์ท่านครับ และแนวพระราชดำริเช่นเดียวกันนี้ ในรัชกาลต่อมาที่มีพระมหากษัตริย์สองพระองค์ คือพระบาทสงเด็จพระจอมเกล้าฯ(วังหลวง)และพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ(วังหน้า)  พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯก็มิได้ทรงยกเจ้าจอมมารดาท่านใดขึ้นเป็นเจ้า เพื่อไม่ให้พระราชโอรสพระราชธิดาเป็นเจ้าฟ้า แข่งบารมีกับสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจุฬาลงกรณ์ด้วย จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 11:28:03

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณทุกความเห็นครับ จากคุณ : petepoo เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 12:17:26

ความคิดเห็นที่ 5 ตำแหน่งพระบรมราชินี ตั้งแต่รัชกาลที่1 ถึง รัชกาลที่4 เพิ่งจะมาเฉลิมพระยศในสมัยรัชกาลที่6 ที่มีพระราชประสงค์สถาปนาพระอัครมเหสีผู้ทรงเป็นพระบรมราชชนนีพันปีหลวงของพระมหากษัตริย์ในรัชกาลก่อนๆให้เป็นพระบรมราชินี จากคุณ : ไข่มุขราตรี เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 12:42:50

ความคิดเห็นที่ 6 รู้เรื่องแบบนี้แล้วนับถือหัวใจของทั้งสองพระองค์จริงๆ จากคุณ : apple a day เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 13:03:14

ความคิดเห็นที่ 7 สำหรับองค์พระมหากษัตริย์แล้ว กษัตริย์องค์ก่อนหน้าคือพระราชบุพการี ที่ทรงถวายความนับถือ กษัตริย์องค์ถัดไปคือ ท่านผู้มีบุญข้างหน้า ที่ทรงถวายเกียรติ เพราะฉะนั้นถ้าจะทรงทำอะไรจะทรงคิดมากกว่าว่าทรงมีพระราชอำนาจอยู่ในพระหัตถ์เสมอครับ จากคุณ : เพชรน้อย เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 18:25:48

ความคิดเห็นที่ 8 พระองค์ท่านดีจัง แล้วลูกหลานท่านไม่ลำบากเหรอ จากคุณ : แม่ต้นเองจ้า (แก้มบุ๋มสี่อัน) เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 20:53:32

ความคิดเห็นที่ 9 ลูกหลานร.สามแทบจะรวยกันเกือบทุกองค์ ท่านเก่งเรื่องค้าขายลูกหลานท่านก็ได้เชื้อสายมาแทบจะทุกองค์ อย่างพระองค์เจ้าละม่อม ตอนร.๕ระดมเงินบริจาคจากเชื้อพระวงศ์มาจ่ายเงินค่าปฏิกรณ์สงครามฝรั่งเศสพระองค์เจ้าละม่อมก็สั่งขุดหีบเงินใต้ตำหนักขึ้นมาบริจาคทรงเป็นผู้ถวายเงินบริจาคกับร.๕มากที่สุดพระองค์หนึ่ง อีกองค์พระนางเจ้าสว่างวัฒนา จากคุณ : นางพญามารเมฆไฟ เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 21:30:03

ความคิดเห็นที่ 10 อีกนัยหนึ่งที่ ร.3 จะสื่อ คือ ทรงเอา มงกุฎพระพุทธรูปทรงเครื่องจากวัดนางนองมาประดิษฐานบนยอด พระปรางค์วัดอรุณ นัยว่าเจ้าฟ้ามงกุฎจะขึ้นครองแผ่นดินถัดไป แถมท่านยังมองการไกลเตรียมเงินถุงแดงไว้ไถ่บ้านเมืองในศึก ร.ศ.112 อีกด้วย จากคุณ : ริเชลิว เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 12:56:56

ความคิดเห็นที่ 11 เสริมจาก คห 3 คือตามจริงแล้ว สิทธิในราชบัลลังก์ต่อจากรัชกาลที่ 2 ควรเป็นของเจ้าฟ้ามงกุฏ (รัชกาลที่ 4) ตั้งแต่ต้น แต่ในสมัยนั้นการขึ้นครองราชสมบัติ จะต้องผ่านกระบวนการเลือกตั้งที่เรียกว่า "เอนกชนนิกรสโมสรสมมติ" คือให้พระราชวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ และพระเถระชั้นผู้ใหญ่ มาประชุมเพื่อเลือกสรรพระราชวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ผู้หนึ่งที่สมควรได้รับราชสมบัติ ซึ่งที่ประชุมเห็นว่า เจ้าฟ้ามงกุฏยังทรงพระเยาว์และยังไม่มีประสบการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดิน จึงเห็นสมควรให้กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ซึ่งเจริญพระชันษาสูงกว่าและช่วยสมเด็จพระบิดา (รัชกาลที่ 2) บริหารราชการแผ่นดินมาหลายปี ได้ครองราชสมบัติแทน ด้วยเหตุนี้ รัชกาลที่ 3 เมื่อขึ้นครองราชย์ จึงมิได้ทรงวางแผนว่าจะให้พระโอรสองค์ใดเป็นรัชทายาท เพื่อจะคืนราชบัลลังก์ให้กับเจ้าฟ้ามงกุฏตามสิทธิ์ เสริม คห 10 ว่า และสิ่งที่รัชกาลที่ 3 ทรงมองการณ์ไกลมากที่สุด ก็คือพระราชดำรัสสุดท้ายของพระองค์ที่ว่า "การศึกสงครามข้างญวน ข้างพม่า ก็เห็นจะไม่มีแล้ว จะมีอยู่แต่ข้างพวกฝรั่ง ให้ระวังให้ดี อย่าให้เสียทีแก่เขาได้ การงานสิ่งใดของเขาที่คิดไว้ ควรจะเรียนเอาไว้ ก็เอาอย่างเขา แต่อย่าให้นับถือเลื่อมใสไปทีเดียว” ซึ่งพระราชดำรัสนี้ ได้กลายเป็นเสมือนแนวนโยบายหลักในการบริหารราชการแผ่นดินสยามตลอด 2-3 รัชสมัยต่อมา แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 55 19:26:49 จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 19:25:38

ความคิดเห็นที่ 12 นี่ไม่เคยเชื่อเลยว่า รัชกาลที่สาม จะทรงหลีกทางให้เจ้าฟ้ามงกุฎ มีหลักฐานชิ้นใด ในสมัยรัชกาลที่สาม ที่แสดงว่าทรงตั้งพระทัยไว้ว่าจะทรงมอบราชสมบัติให้พระวชิรญาณ ไหมครับ อีกเรื่อง คือ ทรงยืมมงกุฎพระพุทธรูปวัดนางนอง ผมก็ไม่ทราบว่าเ็ป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่ผมคิดว่าทรงมีพระราชศรัทธา เมื่อทรงปิติในพระพุทธปรางค์ที่ทรงสร้างเสร็จใหม่ ก็ทรงแค่อยากจะถวายพระราชสมบัติเป็นพุทธบูชา ถ้าจะตีความกันว่าเป็นนัยว่าเจ้าฟ้ามงกุฎจะสืบต่อ ก็ชวนให้สงสัยว่า ทำไมทรงไม่สร้างอะไรที่เป็นสัญลักษณ์์มงกุฎในวัดบวร ทำไมต้องมาถวายมงกุฎที่วัดอรุณ เรื่องการถวายมงกุฎก็ดูเ็นเรื่องรกติ เช่น ไว้บนยอดปรางค์วัดอรุณ หรือพระปฐมเจดีย์ หรือปราสาทพระเทพบิดร หรือแม้กระทั้งพระพุืทธบาท แสดงให้เห็นว่าน่าจะเป็นแค่ธรรมเนียม ให้เห็นว่าืทรงมีพระราชศรัทธาอย่างสูงแค่นั้นมั้งครับ จากคุณ : อุบาสกฉางชุน เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 11:45:51

ความคิดเห็นที่ 13 ยอดปรางค์วัดอรุณสูงที่สุดในกรุงเทพสมัยนั้น ส่วนวัดบวรจะต้องสร้างอะไรอีกในเมื่อชื่อวัดก็สื่อชัดแล้วว่าวัดกษัตริย์ อันนี้เป็นข้อสันนิษฐานเรื่องการให้สัญญาณการสืบสันตติวงศ์ในภายหน้าครับ อ.วิษณุ เครืองามเขียนเรื่องนี้ไว้น่าสนใจตอนคราวไปบรรยายที่วัดยานนาวา ลองเสิร์ชดูนะครับ จากคุณ : คนโง่ว์ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 13:35:38

ความคิดเห็นที่ 14 จงเก็บไว้ให้เขา.......ประโยคนี้ของพระองค์(ร.3) สำหรับผมบอกได้แบบบ้านๆเลยว่า ท่านแมนมากกกกครับ ทรงถ่อมพระองค์มากๆแม้แต่ในวาระสุดท้ายของพระองค์ก็ยังเกรงพระทัยเจ้าฟ้าพระ(ร.4)ขนาดต้องไปสร้างที่ประทับที่อื่น กลัวน้องจะรังเกียจว่าต้องมาบรรทมทับตรงที่พระองค์สวรรคต ถ้าท่านเห็นเเก่พระโอรสของท่านจริงๆ พระปิ่นเกล้าและเจ้าฟ้าพระ(ร.4) โดนเช็คบิลสบายๆเลยล่ะ โดยเฉพาะพระปิ่นเกล้าท่านเฮี้ยวเอาเรื่องเลยล่ะ พอถึงเวลาที่ ร.4 ครองราชย์ท่านก็ไม่เช็คบิลพระโอรสของพี่ท่านซักพระองค์เลย ออกจะให้เกียรติแบบไม่น่าเชื่อเลยล่ะ พูดเเบบบ้านๆก็ สามัคคีรส จริงๆครับ ถ้านักการเมืองสมัยนี้เล่นการเมืองแฟร์ๆแบบล้นเกล้ารัชกาลที่3 คงดีพลึกเลยเนอะ (ความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆนะค้าบ) จากคุณ : jim bowies เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 15:17:06

ความคิดเห็นที่ 15 การที่มิได้ทรงตั้งผู้ใดขึ้นเป็นอุปราชวังหน้าแทนกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพหลังเสด็จทิวงคตก็ดี และการที่ทรงโปรดเกล้าฯให้สร้างวัดต่อจากที่กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพทรงสร้างไว้ไม่เสร็จและทิ้งร้างไว้ ให้สวยงามมีพระตำหนักที่ประทับแล้ว โปรดเกล้าฯให้พระวชิรญาณเถระเสด็จมาประทับที่วัดนี้ ซึ่งพระราชทานนามว่า วัดบวรราชวิหาร(หรือวัดบวรวิหารตามชื่อในสมัยนี้)เลียนชื่อพระราชวังบวรฯอันเป็นที่ประทับของอุปราชวังหน้าก็ดี ถือเป็นการแสดงความนัยอย่างชัดเจนว่าหลังจากพระองค์แล้ว ผู้ใดควรที่จะเสด็จขึ้นครองราชย์ จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 11:46:17

ความคิดเห็นที่ 16 เราอ่านเรื่องราวของพระราชวงศ์ทีไรเราขนลุกทุกทีเลย แบบว่าเราภูมิใจค่ะ ที่เกิดเป็นคนไทย จากคุณ : Nu_Num_Na_Ka เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 14:55:42