เต้นกินรำกิน
เป็นสำนวนที่ไม่น่าจะเก่ามากนัก น่าจะเกิดหลังยุคเรือปืนเข้ามาแล้ว เป็นสำนวนดูแคลนคนสาขาอาชีพนี้ เนื่องจากเป็นอาชีพที่ถูกนำไปบำเรอแก่ผู้มีอิทธิพล สมัยก่อนมักเป็นนางรำ มีความงาม กิริยาแช่มช้อยกว่าคนทั่วไป ต่อมาหมายรวมยี่เก ลำตัด ปาหี่ การแสดงมหรสพและถูกกล่าวแบบตีขลุมทั้งวงการ โดยความหมายรวมว่า
"มีรายได้ไม่แน่นอน มีความมั่นคงไม่คงเส้นคงวา ไม่อยู่เป็นหลักแหล่ง หาความมั่นคงบั้นปลายชีวิตได้ยาก"
สอดคล้องกับสำนวน
"รถ(ไฟ)ด่วน เรือเมล์ ลิเก ตำรวจ คบไม่ได้"
เป็นสำนวนโบราณที่มาจากอาชีพของคนไทย หมายความถึง ผู้ชายเจ้าชู้ที่มีภรรยามาก เพราะแต่เดิมชายที่มีอาชีพทั้งสี่คือ พนักงานรถไฟ เรือเมล์โดยสาร ลิเก และตำรวจ ต้องเดินทางไปพำนักค้างแรมที่อื่นอยู่เป็นประจำ ห่างไกลจากครอบครัว มีโอกาสพบปะใกล้ชิดหญิงอื่นได้ง่าย จนเป็นเหตุให้มีภรรยามาก โบราณจึงสอนผู้หญิงไม่ให้ไว้ใจชายที่มีอาชีพเหล่านี้ แต่ปัจจุบันเรื่องอาชีพอาจเปลี่ยนเป็นแบบอื่น เช่น ดารา นักร้อง แอร์ กัปตันเป็นต้น
อย่างเรื่องฉุยฉาย จะสะท้อนถึงสำนวนนี้ได้เป็นอย่างดีแบบ "เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง" เนื่องจากสมัยก่อนไม่มีเวที จะจัดสรรคนหล่อ คนสวยทำงานเป็นระบบแบบสมัยนี้ สมัยก่อนงานอย่างนี้มักเจอคนมักมาก มีอิทธิพลก็ทำให้เสียคนได้ไม่ยาก เพราะหลงในความหรูหรา หรือมีแต่มารยาสาไถ ไว้หลอกคนมีเงิน จึงมีคำกล่าวของผู้ดีไว้กันท่า เพราะไม่สมหน้าสมตา รายได้ไม่เท่าศักดินา
จนสมัยที่ขุนนางต้องออกมาเป็นพ่อค้า สำนวนนี้ไม่ขลังเหมือนก่อน แต่รูปแบบของคนในวงการนี้ยังมีภาพลบบางส่วน เนื่องจากมีการกระทำของคนบางกลุ่มที่อวดมั่งมี จนเกินฐานะแบบเท้าไม่ติดพื้น หรือมุ่งหวังแต่จะจับรวยๆ ทำให้เสื่อมเสียในความรู้สึกประชาชน สำนวนนี้จึงเปลี่ยนจากผู้ดีใช้ กลายเป็นประชาชนใช้แทน
จากคุณ |
:
ต็กโกวคิ้วป้าย
|
เขียนเมื่อ |
:
7 ก.ย. 55 10:52:27
|
|
|
|