ความคิดเห็นที่ 1 scarcely แปลว่า แทบจะไม่ ดังนั้น scarcely ..... practises it. จึงกลายเป็นประโยคปฏิเสธ -no one ก็ปฏิเสธ ปฏิเสธซ้อนปฏิเสธไม่ได้ ดังนั้นตัดช้อยส์ 2 ทิ้ง -someone, somebody ใช้กับประโยคบอกเล่า -anyone, anybody ใช้กับประโยคคำถามและปฏิเสธ จึงตอบช้อยส์  c คับ ^^ ^ ^ ^ ผมก็เลยตอบไปแบบนี้ โดยยึดหลักจากคลิปนี้ จากคุณ : No one cares for me I am deep เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 15:19:54

ความคิดเห็นที่ 2 คนบางจึงแย้งขึ้น พูดเชิงเสียดสีคนอื่นว่า.. To No one cares for me I am deep: Stop preaching us Thailish English grammar? You say "-someone, somebody ใช้กับประโยคบอกเล่า" ^ This rule (as preached by many Thai teachers) does not always hold true! Have a look at these sentences: What would you do if someone tried to rob you in the street? Will someone please explain what's going on? Source: http://www.ldoceonline.com/dictionary/someone_1 ................................................................ You say "-anyone, anybody ใช้กับประโยคคำถามและปฏิเสธ" ^ This rule (as preached by many Thai teachers) does not always hold true! Have a look at these sentences: Anyone could win tonight. They offer help and advice to anyone interested in becoming a teacher. source: http://www.ldoceonline.com/dictionary/anyone จากคุณ : No one cares for me I am deep เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 15:20:54

ความคิดเห็นที่ 3 คนที่แย้งผมคือคุณ fortuneteller ผมมีความรู้สึกรำคาญกับคำพูดเชิงเสียดสีครับ ไม่เฉพาะผมเท่านั้น แต่ก็เห็นได้จากกระทู้อื่น ๆ เขาพยายามบอกว่าผมเรียนแกรมม่าแบบไท๊ยไทย พูดเชิงเสียดสี ดูถูก แต่การอธิบายคำตอบของผม ผมไม่ได้เอามาจากหนังสือแกรมม่าไทยนะ ผมเอามาจากคลิปข้างบนนั่นอ่าครับ หมอดูบอกว่ามันผิด เขาอ้างข้อยกเว้นเล็ก ๆ น้อย ๆ มาแย้ง ซึ่งมันเปนเพียงแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ร้อยละ 0.5 ประมาณนั้นแหละมั้ง แค่ข้อยกเว้นแค่นี้ เอามาแย้งหาว่าหลักการที่ผมเขียนไปมัน "ผิด" ผมไม่ได้คิดเองเออเองนะคับ เอามาจากคลิปที่สอนโดยชาวต่างชาติอีกที ผมว่าการเรียนรู้ไวยากรณ์ เราแค่รู้จักหลักการใหญ่ ๆ ก็พอ ส่วนไอข้อเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คนอื่นไม่ค่อยใช้กัน ถ้าเก่งแล้วเราจะเจอแล้วก็เข้าใจเองในอนาคต หรือบางทีอาจจะไม่เจอเลยด้วยซ้ำ หมอดูถ้าคุณยังยึดติด ego สูงเป็นตึก 18 ชั้นแบบนี้ ต่อไปใครคงจะกล้ามาตอบคำถามในห้องนี้แล้วล่ะ ผมคงไม่ได้เก่งเท่าเขาหรอก แต่ก่อนจะตอบ ผมก็ศึกษาค่อนข้างถี่ถ้วนแล้ว ถ้าผมผิด มีใคร correct ให้ ผมยินดีครับ แต่การจะแย้งเขา ขอให้ให้เกียรติและสุภาพหน่อย ไม่ใช่เสียดสีเหมือนคุณหมอดู ต่อไปใครคงไม่อยากตอบแล้วมั้งครับ ให้คุณหมอดูตอบคนเดียวเพราะเก่งซะเหลือเกิน เบอร์ใหญ่ที่สุดแล้วนี่ครับ.. จากคุณ : No one cares for me I am deep เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 15:31:08

ความคิดเห็นที่ 4 อะ ... กะลังต้มน้ำรอ ซอยคะไคร้ ใบมะกรูด รอไว้แล้วด้วยนะ มะนาวยังไม่ผ่า รอของพร้อมก่อน มีใครจะเอากุ้งสดมาแจมมั้ยครับ? มันแพงง่ะ มะมีตังค์ (กางเก้าอี้นอนรอล่ะ ...) จากคุณ : เศียรนาคา ... เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 15:55:24 A:125.24.39.74 X: TicketID:255126

ความคิดเห็นที่ 5 To No one cares for me I am deep: Obviously, you're mad at me because you didn't perform too well when you tried to teach me some basic grammar in this other post: http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K12555020/K12555020.html Now, you're accusing me of being egoistic. You should bear in mind that egoistic persons usually feel insulted and angry when somebody corrects their mistakes! แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 55 16:03:18 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 16:02:13

ความคิดเห็นที่ 6 ยังน้อยไปฮ่ะคุณโนวัน แพม..........ให้ดังค่ะ! /me ต้มน้ำร้อน จากคุณ : Nobitalover เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 16:14:00

ความคิดเห็นที่ 7 #5 อุ้ยๆๆๆๆๆ ผมคงจะอ่านหนังสือแกรมม่าไทยเยอะไปน่ะครับ ปกติจะเห็น people เป็นส่วนใหญ่ persons น้อยมากที่เจอ (จะมีแค่เวลา distinct number of individuals) คุณหมอดูรบกวนอธิบายแกรมม่าตรงนี้ให้ชัด ๆ หน่อยได้ไหมครับ คุณใช้ persons ในกรณีแบบนี้ได้ยังไง "egoistic persons" ผมเชื่อว่าคุณเป็นคนเก่งมากครับ อธิบายให้คนโง่ ๆ แบบผมฟังหน่อยนะครับ ^^ แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 55 18:06:59 จากคุณ : No one cares for me I am deep เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 16:23:49

ความคิดเห็นที่ 8 พ่อมหาหมอเดาแกอายุมากแล้ว ปล่อยปละละเว้นแกไปเหอะครับ ผมไหว้ล่ะ เห็นแก่หน้าผมเหอะ นะ นะน้า นะนะ ถึงแกจะบ้าๆ บอๆ พูดจาไม่ค่อยเข้าหูคน แต่นานๆ ที ชนิด very, very, very, very, scarcely ชนิดคราสเต็มดวงเรียกปู่ - แกก็พอจะมีประโยชน์เหมือนกัน ถ้าคุณคุ้ยไปก้นๆ หม้อน้ำต้มผักบุ้งจนเจออ่ะนะ แล้วก็ ไปมาม่ากับแกไม่มีประโยชน์ครับ แกพล่ามน้ำท่วมทุ่งไทยปนอังกฤษไปเรื่อย พูดเอง เออเอง คิดเอง ถูกเอง   อยู่ในโลกของตัวเอง คห. 4 อย่าไปยุยงเค้าสิครับ, เอ้า กุ้ง มีหมึกด้วยนะ ผ่าหัวควักขี้เรียบร้อย คห. 6 Hi-5!!! จากคุณ : SaintPSU เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 17:22:21

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่เกี่ยวกับประเด็นกระทู้นะครับแต่ขออ้างถึง คห.7 นิดนึง persons ผมอ่านpaperเก่าๆก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆนะครับ เข้าใจว่าน่าจะใช้ได้? จากคุณ : ท่าพระมูน เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 17:23:14

ความคิดเห็นที่ 10 เอ เราไม่เคยรู้สึก เสียหน้า หน้าแตก หมอไม่รับเย็บอะไรเลยนะ เวลามีใครมาแก้สิ่งที่เราเข้าใจ หรือรู้มาผิด   เรารู้สึกทราบซึ้ง ถึงความกรุณาที่เขาสละเวลามาแก้ไขให้เรารู้ได้มากขึ้น ลึกขึ้น ยิ่งถ้าเขาเป็นคนรู้จริง รู้แม่น เราจะไม่เถียงเขาเลยให้เสียเวลา ส่วนเรื่องเหน็บแนม มันเป็นสไตล์การเขียนที่ค่อนข้างจะได้รับอิทธิพลจากงานเขียนของฝรั่ง   คุณไปอ่านงานของ Voltaire, Montesquieu, Jean Giraudoux, Jean-Paul Sartre, Jean de La Fontaine, Molière, Victor Hugo, etc  Jonathan Swift, Christopher Marlow, etc ดูสิ คุณจะรับรู้กลิ่นอายของการเสียดสี ถากถาง มากมาย อยู่เกลื่อนกลาดในงานระดับโลกของท่านเหล่านี้   เราคุ้นชินกับลีลาแบบนี้มาก  เพราะฉะนั้น ใครจะมาจิกกัดเราอย่างไร หากไม่ล้ำเส้น เราก็รู้สึกเฉยๆ ก็แค่นั่น ดูสิ จากคุณ : ปากจัดชะมัดยาด (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 17:44:37

ความคิดเห็นที่ 11 To No one cares for me I am deep: The usage of "persons' is not often seen, but it doesn't mean that it's grammatically incorrect. usage: formal or law someone who is not known or not named: The police are appealing for any person who was in the area at this time to contact them. murder by person or persons unknown All 115 persons on board were killed. GRAMMAR The plural of person is usually people • Sixty four people (NOT persons) died in the fire. Persons is also used, but only in public notices and other formal contexts • All persons born in the United States are citizens of the United States. People meaning 'more than one person' is already plural and cannot form a plural with 's' • A lot of British people (NOT peoples) are employed by foreign firms. People meaning 'race' or 'nation' is countable and you can add 's' to form a plural in the normal way • African peoples source: http://www.ldoceonline.com/dictionary/person ....................................................... The word "persons" can also be used when the writer wants to emphasize that each member of a group is being considered as an individual: "The nearest persons they can vent their feelings on are the ball boys and girls.” or “Eight persons shared a single room” ^ And I use "You should bear in mind that egoistic persons usually feel insulted and angry when somebody corrects their mistakes!"  under this specific rule. ^ Yes, I know this usage is fading away, but it conveys my thoughts perfectly well. The way the usage of "people" is becoming more popular than that of "persons" is discussed on this site: http://www.worldwidewords.org/articles/people.htm ................................................ A lot of people still use the word "persons" to emphasize that each member of a group is being considered as an individual.  See the examples: In this essay, I will argue that egoistic persons perform poorly relative to less egoistice persons in a variety of important circumstances involving intertempral choice. source: http://books.google.co.th/books?id=3CarEZZfdkUC&pg=PA266&lpg=PA266&dq=%22egoistic+persons%22&source=bl&ots=k_-ZCfjR-h&sig=UPQ-wp3E7OMh4apeFu52v3T8Pag&hl=en#v=onepage&q=%22egoistic%20persons%22&f=false Still a very very delicate theme not to touch..... all those heroes who finally were such little and egoistic persons in daily life... source: http://www.youtube.com/all_comments?v=ksFxo7vURt4 But in the "political revolution" we begin with egoistic persons as natural persons, hence the need to abstract authentic persons as citizens. source: http://books.google.co.th/books?id=gprY7AgONnsC&pg=PA185&lpg=PA185&dq=%22egoistic+persons%22&source=bl&ots=_izJg5_USs&sig=c9DqJydfFN2dpbrmpT3U2_9wkHk&hl=en#v=onepage&q=%22egoistic%20persons%22&f=false He is one of the most egoistic persons you have ever seen on TV. source: http://www.algonet.se/~mastlaca/George.html For egoistic persons, the sure individual gain of defecting dominates other consequences which are uncertain. source: http://psycnet.apa.org/psycinfo/1996-18632-001 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 18:05:34

ความคิดเห็นที่ 12 Nowadays, "people" is almost always the right choice when you are talking about more than one person. Some dictionaries don't even include "persons" as the plural of "person" anymore, and the few dictionaries that do include "persons" note that it is uncommon, archaic, or going out of style. Traditionally, "people" was proper when referring to a mass of people (e.g., Squiggly couldn't believe how many people were at the wrestling match), and "persons" was proper when referring to a distinct number of individuals (e.g., Squiggly noted that eight persons showed up for the book club meeting). จากคุณ : No one cares for me I am deep เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 18:15:00

ความคิดเห็นที่ 13 ผมไม่อยากมาม่า แต่ขอแนะนำ จขกท ว่า คุณอ่านตำราแกรมมาร์ไทยมันแค่ได้พื้นฐานเท่านั้น ไม่สามารถที่จะมาอ้างอิงตอบคำถามที่ยากๆ บางข้อได้หรอก เพราะแค่อ้างอิงตำรา แต่ไม่ทราบซึ้งเนื้อหาบริบท มันก็ผิดๆ แกรมมาร์มันไม่ตายตัว มันต้องอยู่ในบริบทครับ ถ้าอยากเก่งจริงๆ ต้องอ่านของฝรั่งครับ Practical English Usage by Michael Swan แนะให้อ่านให้ครบ สัก สองเที่ยว และฝึกทำแบบฝึกหัด Toefl, Ielts, GRE สัก 1000-2000 ข้อ เอาตำราฝรั่งนะครับ ถ้าทำผิด ก็ดูเฉลย ถ้าเฉลยไม่อธิบายว่าทำไม ปรึกษา Practical English Usage by Michael Swan และถ้ายังไม่มีคำตอบ หาคำตอบใน Google ถ้าหาไม่ได้ ก็มาถามห้องสมุดก็ยังได้ ไม่อยากให้คนไทยอธิบาย ก็ยังมีคุณ Coffeecup ฝรั่งที่อ่านไทยอธิบายก็ยังได้ ลองทดสอบว่าตัวเองเก่งหรือไม่ ยอมเสียเงิน 500 บาทไปสอบ TU-GET ถ้าคุณได้เกิน 95% เมื่อไร ผมว่า ตอนนั้นคุณสามารถสู้กับตาหมอดูได้ แต่ตราบเท่าที่คุณยังทำข้อสอบมาตรฐานพวก TU-GET ได้ไม่ถึง 90% ความเข้าใจในบริบทคุณยังน้อย มาอธิบายเรื่องแกรมมาร์โอกาสพลาดก็มีมาก และตาหมอดูไม่ไว้หน้าใครๆ อยู่แล้ว ผมเห็นคุณทะเลาะกับเขามานานแล้ว ไม่อยากจะยุ่งหรอก เปลืองตัวเปล่าๆ แต่นี่่คุณถึงกับยกเป็นหัวข้อขึ้นมา มาขอความเห็น ผมก็อดตอบตามประสานักวิชาการ ปล ผมก็ไม่ได้เก่งอะไรหรอกครับ อย่างมีัคนถามว่า PhD candidate หมายถึงอะไร ผมก็ตอบว่า คนนั้นกำลังเรียนปริญญาเอกอยู่ และให้ความหมาย candidate รากศัพท์ว่า คนเข้าชิงตำแหน่ง ผมก็รู้ว่า PhD candidate คือคนที่จบ coursework รอสอบ thesis แต่ผมไม่อยากอธิบายให้มากความ เพราะส่วนตัวผมไม่ถือว่า ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติพวกนี้มากกว่าผู้ที่กำลังเรียนระดับปริญญาเอก ไม่ว่าจะจบ coursework หรือไม่ เพราะบางโปรแกรม คนที่เข้าไม่ต้องเรียน coursework เลยก็มี เสนอทำ thesis เลยครับ เรียกมันโก้ๆ ว่า PhD candidate ก็ไม่เห็นว่าม้ันจะเท่ห์อะไร คุณก็ยังไม่จบอยู่ดี แต่กระทู้นั้น ถ้า จขกท ไปอ่าน จะเห็นว่า ผมไม่ไปอธิบายเพิ่มเติม มันไม่มีประโยชน์ ดังนั้นถ้าคุณช่วยตอบแล้ว คุณพลาดหรือไม่พลาด แนะให้สงบไว้ครับ เพราะยิ่งดิ้น ยิ่งมาม่าไม่มีที่สิ้นสุด ผมดีใจที่มีคนแบบ จขกท มาช่วยตอบ แต่ก็อยากให้ตอบแล้วคนมาถามได้ความรู้ที่ถูกต้อง ใครมาแย้งถ้าเราไม่มีเหตุผลพอ ก็เงียบไว้ แต่ถ้าเราแน่ใจว่า เราถูกต้องแน่นอน มีทางเลือก 1. แย้งตอบ 2. เงียบ สำหรับผมบางทีก็แย้งตอบ บางทีก็ขอเงียบไว้ แม้ว่า ผมจะถูกก็ตาม ดูกระทู้นี้เป็นตัึุวอย่าง ผมเห็นคนมาแย้งผมแล้ว แต่ผมเฉยๆ ครับ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K12609269/K12609269.html จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 18:17:45

ความคิดเห็นที่ 14 คุณปากจัดฯ คะ "เวลามีใครมาแก้สิ่งที่เราเข้าใจ หรือรู้มาผิด" แล้วแก้ดีๆ เขียนดีๆ ใครจะไปโกรธลงล่ะคะ เคยเขียนไว้อีกกระทู้หนึ่งที่คุณแท่นสี(หรือคุณหมอดู) ไปด่าคนอื่นไว้โดยไร้สาเหตุ ขอเอามาลงอีกที --------------------------- อะไรก็พอทนนะ - แต่สิ่งหนึ่งที่อิฉันเกลียด และรังเกียจมากๆ ก็คือ การเหยียบหัวคนอื่น เพื่อจะส่งให้ตัวเองดูดีขึ้น การวิจารณ์งานเชิงประชดแดกดัน ไม่สร้างสรรค์ แล้วทำเป็นมาแก้งานให้ เพื่อจะให้ตนดูว่ามีฝีมือเหนือกว่า ทำให้คนอื่นดูเป็นตัวตลก มีนัยมือไม่ถึงแล้วยังสะเออะมาเขียนโชว์นั้น มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ - เขียนดีๆ ก็ได้ เก็บความรู้สึกดีๆ ต่อกันไว้ เคยได้ยินไหม "คนเราจะอยู่ด้วยกัน ก็ควรคุยกันด้วยจิตที่อาทร" (ลอกกระทู้ข้างบน) ไม่ใช่จะทำเป็น กร่าง แล้วก็ เกรียน .............. --------------------------- นักเขียนชื่อดังทั้งหลายที่คุณยกมานั้น เขาไม่ได้เสียดสีนักเขียนคนอื่นนะคะ เขาเขียนเชิงเสียดสีสังคม เสียดสีมนุษย์ บลา บลา แต่ไม่ได้ "เล่น" กันเอง... ให้อีกคนดูเป็นตัวตลก คุณ K. Senior ก็มาด้วยหรือ.... อิฉันก็ไม่เคยสอบพวกข้อสอบมาตรฐาน ไม่ว่าจะ TU-GET, CU-TEP, หรือกระทั่ง Cambridge Proficiency Test นะคะ ชักกังวลแล้วสิว่าภาษาเราจะไม่ไหวจริงๆ หรือเปล่า ;-) ทั้งนี้ไม่ได้ว่า จขกท ไม่ผิด แต่ถึงผิด ก็ไม่ใช่สาเหตุให้ถูก "กระทืบ" จมดินค่ะ Do you agree? Or shall we agree to disagree? จากคุณ : o;] เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 18:35:03 A:180.180.188.28 X: TicketID:012689

ความคิดเห็นที่ 15 I guess I should quit reading all these grammar talk. Grammar really messes up my language abilities. I'm dead serious. You know what, when the OP underlined "persons" I was like, WTF? I've been using "persons" all my life and I KNOW that it's not wrong. I know when to use it in plural form, but don't ask about the grammar itself. I just know it by instinct. But the OP's mentioning of it had me doubting myself. Thanks to uncle Fortunteller to help clarify the doubt in myself. And as for the original problem, I was, like, WTF, too! Never heard of that kind of rule before. I tried watching the clip and I was getting confused myself. I THINK WE THAIS SHOULD QUIT LEARNING GRAMMAR BY JUST MEMORIZING THE EXACT RULES, BUT SHOULD LEARN THE LANGUAGE FLOW AND PATTERNS INSTEAD. Understand the basic rules and develop from there. A lot of native speakers, especially the younger generation, screw up worse than we Thais do. When I took French course in school we had to learn grammar too. During the exams when I wasn't sure if what I wrote was right, I'd "read" it and see if the FLOW was right. It it sounded right, it was right. And in my school we really had to write sheets after sheets of answer paper. No A-B-C's. Of course, unless you're a linguist, or English Language is your major in college, then please go ahead with grammar. But, please, for my neighbor's cat sake, don't over preach it. จากคุณ : เศียรนาคา ... เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 18:37:50 A:125.24.39.74 X: TicketID:255126

ความคิดเห็นที่ 16 To No one cares for me I am deep (continued): Considering the facts that you try to correct my grammar with a jubilant tone in your voice in this other post http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K12555020/K12555020.html and you make another valiant attempt to do the same (with the triumphant sound effects "อุ้ยๆๆๆๆๆ" (as shown in the uploaded image)) in #7 in this post, you shouldn't be disgruntledly complaining that I don't begin my reply to you by saying "With all due respect, Sir,..." แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 55 18:44:41 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 18:38:47

ความคิดเห็นที่ 17 ป้านวลครับ จขกท ชั่วโมงบินการอ่านยังน้อยครับ และอาจเข้าใจผิดว่าตัวเองเก่งเข้าใจแจ่มแจ้ง ถ้าผมแนะนำให้อ่านหนัีงสือแยะๆ อ่านเป็นบ้าเป็นหลัง เขาอาจจะไม่เข้าใจว่า ทำไปทำไม แต่การอ่านแยะๆ มันสะท้อนได้จากการทำข้อสอบพวก TU-GET ครับว่าทำได้ถูกหรือไม่ เพราะถ้าคุณยังทำไม่ถูก ระดับ 90% ขึ้นไป คุณแน่ใจหรือว่า ประสบการณ์การอ่านเนื้่อเรื่อง บริบทต่างๆ มีมากพอ แค่อ่านแกรมมาร์ไทยแบบแตกฉานมันไม่พอ เพราะไม่เข้าใจ context นั่นเอง การไปทดสอบ TU-GET ก็อาจทำให้ จขกท เข้าใจว่า ตัวเองยังมีประสบการณ์การอ่านน้อยอยู่ มาต่อกรกัุบหมอดูจะลำบากเปล่าๆ ครับ แค่พูดเรื่อง persons ผมก็ไม่อยากแย้งแล้วครับ หรือป้านวลเห็นเป็นอย่างอื่น? คนเราบางทีก็จำเป็นต้องหาอะไรที่เป็นกลาง มาบอกตัวเขาเองว่า ความรู้ ความเข้าใจ เขาอยู่ในระดับไหน จขกท ก็ค่อนข้างมีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก สูงจนน่ากลัวครับ ปล. ผมไม่เคยเข้าข้างหมอดู ป้านวลก็คงทราบว่าเพราะอะไร แต่ในกรณีนี้ ผมแนะนำด้วยความหวังดีจริงๆ ไม่อยากให้เห็นคนที่ตั้งใจทำเพื่อสังคม รู้สึกแบบนี้ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 18:56:31

ความคิดเห็นที่ 18 Dear All All of you are darn right. // wink Let's go and enjoy some icecream, or even some beer. Well, I'll be willing to be the host, if only this furschlugginner subject does not get mentioned within my earshot. จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 19:11:32

ความคิดเห็นที่ 19 I second that :) How is your daughter? Is she a university student now? I haven't seen her in ages. จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 19:15:02

ความคิดเห็นที่ 20 K. แอ๊ด ปากเกร็ด You're willing to the host? One vanilla float in Singha, please .... จากคุณ : เสียรนาคา ... เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 19:20:56 A:125.24.39.74 X: TicketID:255126

ความคิดเห็นที่ 21 ว่าจะไม่ตอบ ตอบหน่อยละกัน จขกท ทำใจให้สงบมากกว่านี้สักนิดครับ การเรียนรู้อะไรให้เก่งให้ดี เราต้องพร้อมรับการเรียน ยิ่งเรียนภาษานี่ บอกตรง ๆ หาคนที่เก่งและถ่ายทอดเป็น ยากมาก เกือบทุกภาษานั่นแหละไม่เฉพาะภาษาอังกฤษ เราต้องประมาณตัวเราว่าเราอยู่ระดับไหนก่อน ถ้าเซ้นท์ดีเราจะพอรู้ว่าเราอยู่ระดับไหน และก็เข้าใจความรู้สึกเวลามีคนมาแย้งทำให้เสียหน้า ตรงนี้ฝึกเถอะครับ หน้าด้าน หน้าทนหน่อย (ปล่อยวาง) ถ้าเรายังรู้ไม่จริง แล้วคนแย้งถูกยิ่งทำให้เราได้ประโยชน์ (แล้วต้องเข้าใจว่าแต่ละคนจะมีบุคลิกลักษณะการถ่ายทอดต่างกัน) รักจะหาวิชาความรู้ อย่าเกี่ยงเลือกแต่ที่ถูกจริตเราเลยครับ คำโบราณยังกล่าวไว้ ศาสดาไม่หาศิษย์ (ศิษย์ต่างหากที่ต้องไปหาศาสดา) นี่บอกตรง ๆ ผู้ให้ความรู้ในนี้หลายท่านแตกฉานในภาษาอังกฤษ เข้าขั้นศาสดาหลายท่าน แทบจะมาให้ความรู้ฟรี ๆ (เราเสียแค่ค่าไฟต่อเนทเท่านั้น) แต่ประโยชน์ที่ได้มหาศาล นี่ผมพูดในแง่การหาความรู้ภาษาอังกฤษในนี้นะครับ แนะนำ จขกท ด้วยความหวังดี เห็นตอบกระทู้ก็ดีครับ เป็นการฝึกความเข้าใจไปในตัว แต่ก็อย่างที่ว่า ถ้ามีคนทักท้วง (อาจจะไม่ถูกใจบ้าง) ก็ขอให้มุ่งประเด็น ไปที่เรื่องที่คนทักท้วงนั้น ติงถูกไหมจะดีหว่า ปล.ทักทายมิตรรักแฟนเพลงทุกท่านนะครับ เห็นท่าน SaintPSU อยู่คู่กับท่าน fortuneteller ในกระทู้แล้วดูอบอุ่นดีจัง จากคุณ : วาที เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 19:21:40 A:183.89.9.41 X: TicketID:374196

ความคิดเห็นที่ 22 เวลามหาหมอเดาแกก่อเรื่อง หรือมีเรื่องกับใคร แกจะพ่นอังกฤษ ปนไทย ปนผักบุ้งผสมวิญญาณหมูใส่น้ำเยอะๆ แล้วแกก็จะเดินส่ายๆ บิดๆ จากไป, สะบัดบ๊อบด้วย, ว่าชั้นชนะแล้วย่ะ  ส่วนคนดูก็จะ 1. มองงงๆ, 2. มองแล้วก็ปลง ด้วยชาวห้องสมุดส่วนใหญ่เป็นพวกที่ทรงภูมิในระดับหนึ่ง, และถือคติ "อย่าเอาไม้สั้นไปรันขี้", แกก็เลยยังลอยวนเวียนอยู่ในอ่างน้อยๆ ของแกได้ เจ้าของกระทู้ก็ควรทำเหมือนกัน และผมรับรอง ว่าในห้องสมุด, คนที่รักพ่อหมอดูก็มีเยอะแยะ, และคนที่ชังน้ำหน้าแกก็มหาศาลเหมือนกัน ตามธรรมดาโลก แต่ห้องสมุดน่ะตามธรรมชาติแล้วรักสงบ (อารมณ์ประมาณ มีคนอ่านหนังสือกันเงียบๆ ที่มุมหนึ่ง เด็กนั่งทำการบ้านมุมหนึ่ง มีครูอาจารย์นั่งพักผ่อนอยู่อีกมุม) ถ้าคุณจะก่อหวอดแล้วหวังจะให้มีคนมาเย้วๆ ด้วยเยอะๆ -ยาก นอกจากม๊อบจัดตั้ง, ไม่ก็หัวเรื่องมันอร่อยถึงใจจริงๆ อาจจะสงสัยว่าทำไมผมมาผสมโรงด้วย, อีตามหาหมอเดาเคยชี้หน้าไว้ลอยๆ ว่ามีนักแปลไฟแรงแอบใช้ห้องสมุดเป็นฐานหาลูกค้า, ดูชื่อล๊อกอินผมแล้วเอาไปฝันซะเป็นตุเป็นตะ ว่าผมจบเอกการแปลจากมหาลัยชื่อดัง แล้วแกคงเป็นคนมีปม ไม่ถูกใจพวกที่จบสูง แต่ท่าทางเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ สู้ผู้ฝึกพลังวรยุทธ์อย่างแกยังไม่ได้  พอผมเอาแม่ตีนแหย่เข้าหน่อยเลยสะดุ้งสะดิ้ง พยายามยกเมฆมายาวใหญ่ หลายหน้าหลายตอนจบ เจอผมตบตูมไปว่าไม่ใช่ว่ะ ผิดว่ะ แกก็เงียบไป แล้วด้วยนิสัยแพ้ไม่เป็น แกก็ต้มผักบุ้งของแกต่อไป ซดน้ำผักบุ้งโฮก ยิ้มหน้าบานว่าชั้นชนะแล้ว จบข่าว เพราะงั้น แนะนำให้ตีหัวแล้ววิ่งเลย อย่าไปต่อยอด  ต่อให้คุณไล่เรียงเหตุผลจนเจอจุดที่แกผิดจังๆ ได้ ก็เอาแกออกจากอ่างไม่ได้หรอก ป.ล. คุณวาที!!! จะบ้าเหรอตัว พูดอย่างงี้ >_< สำหรับกองเชียร์นะครับ ผมยอมรับว่าถ้าตัดสันดานแย่ๆ ไป พ่อมหาหมอเดาแกเป็นทรัพยากรที่มีค่ายิ่ง, ยอมรับจากใจเลย, ในฐานะผมก็เป็นผู้ฝึกวรยุทธ์ เก่งอังกฤษจากสภาพแวดล้อมเหมือนแก (ถึงแกจะนั่งเทียนแล้วยกให้ผมจบเอกอังกฤษจากมหาวิทยาลัยชื่อดังภาคใต้ก็เหอะ ก้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก) แต่สันดานชอบเหยียบกบาลคนอื่นของแกเนี่ย, ถ้าไม่นับเรื่องที่แกพูดว่าจะถูกมากหรือถูกน้อยแล้ว, การที่คนที่โดนแกกดหัวจะรู้สึกไม่พอใจ จะปัดเท้าแกออกแล้วต่อยสวนไปที่ไข่นุ้ยแกเนี่ย.....เป็นเรื่องที่.... นั่นแหละ จากคุณ : SaintPSU เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 19:37:19

ความคิดเห็นที่ 23 เคยคุยกับคุณครูฝรั่งที่ผมเรียนด้วยมาตั้งแต่เล็ก แกเล่าให้ฟังว่า ภาษาอังกฤษ รับอิทธิพลภาษาทางยุโรปมากมายหลายภาษามาก จึงเป็นภาษาที่ มั่ว สุดขีด ต่อมา น่าจะควีนสักคนในอังกฤษนะครับพยายามสังคายนาให้ภาษามีหลักการมากขึ้น เลยคิดค้น grammar ขึ้นมาอธิบายภาษาของตัวเอง ซึ่งก็อธิบายได้มั่งไม่ได้มั่ง ก็ถูๆ ไถๆ กันไป จากคุณ : J-Renderer เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 19:43:57

ความคิดเห็นที่ 24 ดราม่าบ่อยจัง ไปดูคลิปเรียนต่อดีกว่า ค้างไว้เยอะ จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 19:55:59

ความคิดเห็นที่ 25 ตอบ คห 14 "เวลามีใครมาแก้สิ่งที่เราเข้าใจ หรือรู้มาผิด" ขอเอ่ยต่อเลย และย้ำซ้ำว่า  ไม่เราเคยโกรธจริงๆ เพราะตั้งแต่เรียนประถม จนถึงปริญญาโท  ตอนเรียนภาษาอังกฤษ ป 5 ที่ผิดกี่ที ถูกตีจำนวนครั้ง ตามที่ผิด   โกรธอาจารย์ไหม ตอบอย่างมั่นใจว่าไม่โกรธ (อาจจะถูกตีน้อยหน่อย เพราะผิดไม่เท่าเพื่อน 17 ข้อ 17 ที) แต่บอกว่ามีความกลัวฝังอยู่ในตัว ว่า เราจะผิดอีกไม่ได้ เราต้องแก้ไขตัวเอง ไม่ให้ผิดซ้ำอีก อย่างนี้ถือเป็นคุโณปการกับการเรียนหนังสือ โดยเฉพาะภาษาต่างประเทศของเรา ตอนเรียน โท เรียนกับ รศ นพพร ประชากุล (ปัจจุบันท่านเสียชีวิตไปแล้ว) ขอสารภาพเลยว่า เกิดมาไม่เคยกลัวเกรงอาจารย์ท่านใด เท่ากับอาจารย์นพพรอีกแล้ว  ปกติ เป็นคนชอบเถียง ชอบถาม แต่กับอาจารย์ ไม่ต้่องเอ่ยปากเลย เดี่ยวท่านสอนเอง ท่านดุมว๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาก ขอเน้นว่าดุมาก แต่ทุกคำที่ด่า ว่า ตำหนิ ไม่เคยทำให้รู้สึกโกรธท่านแม้แต่น้อย  หากแต่สำนึกในพระคุณที่ท่านทำให้เราสามารถจบมาได้อย่างมีคุณภาพ และมีความภูมิใจที่ได้เป็นศิษย์ของท่าน และรู้สึกเป็นเกียรติที่ท่านคุมวิทยานิพนธ์ให้ ความรู้ที่ท่านให้ ไม่ได้ให้เปล่าๆ เพราะแนะทางลัดแห่งความสำเร็จ การแก้ปัญหา วิธีคิด ฯลฯ ที่มีประโยชน์กับการดำเนินชีวิตของตนไปจนถึงลมหายใจสุดท้าย มั่นใจว่าเช่นนั้น จริงอยู่ตามที่ท่านสุนทรภู่ว่า  "อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก  อันลมปากหวานหูไม่รู้หาย" แต่สำหรับคำกล่าวจากกลอนที่ว่า เราจะไม่นำมาใช้กับเรื่องการให้หรือแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้คน เราไปสัมมนาต่างประเทศ หรือแม้แต่ในประเทศ ห้องแลกเปลี่ยนความคิด เขาสับกับแหลก หน้าแหกหมอไม่รับเย็บมาหลายรายแล้ว เพื่อนเราจบ ดร. มาจากเมกา น้ำตาแตกกลางเวทีเลยหลังจากที่ถูก อ ท่านหนึ่งซักเสียจนจนมุม   นั่นเป็นความผิดของผู้ถาม ผู้ซักหรือ เปล่า เขาต้องการให้ผู้เสนอบทความต้องแม่นยำ ในสิ่งที่ตนเสนอ เขาให้บทเรียน ต้องขอบคุณเขาถึงจะถูก เราว่าวัฒนธรรมไทย ยังไม่ชินกับการวิจารณ์  การรับมือกับความเห็นที่แตกต่างไปจากตัว เพราะติดอัตตา หรืออีโก้ กันมาก ไม่ใช่เราไม่มี เราก็มี แต่เราก็รู้ตัวว่าเราอยู่ระดับไหน ใครอยู่ในระดับเหนือกว่าเรา  เราถือคติว่า "ไม่เอาไม้ซึก ไปงัดไม้ซุง" มันเปลืองตัว และเจ็บฟรีเปล่า เราว่านะ สรุป เราไม่เคยโกรธ คนที่ให้ความรู้เรา  ไม่ว่าจะด่า จะกัด จะซักไซ้ จะต้อนเราให้จนมุม หรืออะไรก็แล้วแต่ (ยกเป็นข้อยกเว้นของคนหลายๆคนในโลกนี้มั้ง) "การเหยียบหัวคนอื่น เพื่อจะส่งให้ตัวเองดูดีขึ้น"  อืมมมมมมมมม เราไม่รู้สึกอ่ะ เพราะเรายังเป็นน้ำไม่เต็มแก้ว เรายังรู้สึกว่า เรายังโง่อยู่หลายเรื่อง  เขาจะเหยียบเราหรือเปล่า เราไม่รู้ หรือแกล้งไม่รู้ แต่ความรู้ที่เราได้จากเขา เราก็ว่ามันคุ้มกันแล้ว เรายอมรับว่าเราไมได้เป็นพวก "โลกสวย" ดังนั้น เราสามารถรับมือได้กับคำวิจารณ์แรงๆ แต่ต้องสุภาพ คุุณแน่ใจหรือว่า นักเขียนชื่อดังทั้งหลายที่เรายกมานั้น เขาไม่ได้เสียดสีนักเขียนคนอื่น เราขอยกตัวอย่างท่านหนึ่ง ก็แล้วกัน   François Rabelais นักบวชและหมอในยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยา ท่านวิจารณ์แนวคิดแบบ scholastic ของบรรดาพระในยุคกลาง ซึ่งในบรรดาพระนั้นมันต้องมีนักเขียนอย่างมิต้องสงสัย  แต่ท่านไม่ได้ระบุชื่อเท่านั้น Jean de La Bruyère ในช่วงปลายศตวรรษที่ 17 ผู้ประพันธ์งานเรื่อง Les Caractères เขียนวิจารณ์คนทุกระดับ ทุกอาชีพในสังคม แม้แต่นักเขียนก็ไม่เว้น โดยประดิษฐ์ชื่อตัวละครขึ้นมา ที่แฝงนัยยะถากถาง เสียดสีอยู่เต็มหน้ากระดาษ Jean de La Fontaine นักเล่านิทานและอาลักษณ์ประจำรัชกาลพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ผู้เขียนนิทานอีสป ในเวอร์ชั่นใหม่ วิจารณ์คนในสังคมทุกระดับ และอาชีพ ไม่ต่างไปจาก ลา บรูยแยร์ แต่เปลี่ยนบุคคลจริงๆ ให้กลายเป็นสัตว์ ชาวนา ชาวไร่ หรือคนอาชีพอื่นๆ ซึ่งในยุคนั้น เขาก็รู้กันว่าตัวละครเหล่านั้น หมายถึงใครในชีวิตจริง มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับที่นักเขียนงานระดับโลก เขาจะงดเว้น การ "เล่นกันเอง" ในงานเขียนของตน   การเอางานเดิมของนักเขียนคนอื่นมาตีความใหม่ หรือแต่งเติมเสริมแต่งใหม่ อย่างที่เรียกว่า "สัมพันธบท" หรือ "สหบท" นั้น มันก็คือการวิจารณ์งานเก่าไปโดยปริยาย อนึ่ง รักจะโลดแล่นในโลกไซเบอร์  ต้องเป็นคนผิวหนา ทนกรดด่าง ศาสตราอาวุธได้ทุกชนิด   หากหน้าบาง รอแต่คำอวย จากคนโลกสวย  เราว่า เราคงไม่ได้อะไรใหม่ๆ ความรู้ก็ไม่ได้งอกงาม มิต่างไปจาก ดูละครน้ำเน่า ช่อง 3 ช่องเจ็ดหรอก นี่คือ คหสต ของเราล้วนๆ จากคุณ : ปากจัดชะมัดยาด (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 20:21:14

ความคิดเห็นที่ 26 เหมือนที่ #14 พูดแหละคับ เวลามีใครมา correct ให้ผม ผมจะยินและขอบคุณมาก แสดงถึงความหวังดีที่เขาอยากช่วยให้เราเข้าใจถูกต้อง คุณปากจัดฯ บอกว่าถ้ามีใครเสียดสีแบบไม่ล้ำเส้นเราก็เฉย ๆ ใช่ครับ ถ้าไม่มีใครมาล้ำเส้นพม พมก็เฉย ๆ เช่นเดียวกัน แต่หมอดูมักใช้คำพูดเสียดสี ดูถูก เหยียบหัวคนอื่นให้ตัวเองดูดี เขาล้ำเส้นมากเกินไป นี้ไม่ใช่กระทู้แรกนะครับ กระทู้ทีสาม-สี่แล้ว ประเด็นมันแค่นี้แหละคับ อยากให้หมอดูปรับปรุงตัวด้วยนะครับ อย่าให้ใครมาเอือมระอากับพฤติกรรมที่แสนน่ารำคาญของคุณอีกเลย ปล. และนี้คงจะไม่ใช่กระทู้ดราม่าของหมอดูเป็นกระทู้แรก คงมีหลาย ๆ กระทู้ก่อนหน้านี้ มันก็น่าเห็นใจนะครับ มีความรู้ แต่อยู่ร่วมกับคนอื่นไม่เป็น ทั้ง ๆ ที่หลายกระทู้ก่อน ๆ ก็ดราม่าแนว ๆ ผม แต่หมอดูเขาก็คงคิดว่าตัวเองไม่ผิดอยู่ดี คนที่พูดไม่มีมารยาท คนเขาชังไปทั่ว แต่ตัวเองไม่รู้ตัว..บางที มันก็น่าสงสารเหมือนกันนะคับ แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 55 20:36:13 จากคุณ : No one cares for me I am deep เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 20:22:02

ความคิดเห็นที่ 27 นึกถึงคุณหนอนฯจัง ^__^ จากคุณ : via iPhone (Aumba_เด็กอนุบาล) เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 20:28:18

ความคิดเห็นที่ 28 ฮ่าฮ๋าฮ๋า มาม่ากันดีจริงวุ๊ยกระทู้นี้ วิชาดีๆ กันทั้งนั้น บอกตามตรงผมก็พอรู้ แต่ไม่เคยรู้เลยคัฟเรื่อง people vs persons เนี่ย กร๊ากก โอมันขนาดนั้นเลย แต่ถึงรู้แล้วก็ไม่ทำให้พฤติกรรมเปลี่ยนไปแต่อย่างใด คงเหมือนทั่นเศียรนาคา ที่ว่า เฮ้ เราก็ใช้มานานมันก็ฟังดีนะ persons ไม่รุสึกผิดแผกแต่อย่างใด แต่ก็ได้ความรู้ดีคัฟกระทู้นี้ว่าที่จริงเขาใช้กันยังไง ถกวิชาการแบบนี้ผมเป็นพวกที่ไม่ไมด์นะคัฟ ใครมีดีก็ต้องเอามาอวด ไม่ถือว่าผิดกติกาแต่อย่างใด ส่วนจะเสียดสีกันมั่งก็สีสันของชีวิต จบแล้วแล้วกันคัฟ บางที่เขาพลาดมาเราก็ล่อซ้าาา บางทีเราก็พลาดก็โดนซ้า เหนือฟ้ามีฟ้านะคัฟทั่น แต่วันพระไม่ได้มีหนเดียว กร๊ากกก แด๋วต้องได้แก้มือละน่า ผมก็ไปตีกะเค้าในห้อง ราชดำเนินและห้องสินธร เป็นระยะๆ เหมือนกัน กร๊ากกกกกก มันดี แต่ก็เพื่อนพ้องน้องพี่กันทั้งนั้นแหละคัฟ แต่จบแล้วกินเหล้ากันได้เนาะคัฟ จากคุณ : Ensign เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 20:37:46

ความคิดเห็นที่ 29 ผมไม่กล้าเหยียบห้องราชดำเนินครับ หน้าไม่หนาพอ แค่อ่านสองครั้งหลายปีก่อน ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยครับ ความรู้วิชาการมีน้อยมาก ถือว่า ไม่มีก็ยังได้ มีแต่ด่าเอามัน ว่างๆ หาเวลาไปถล่มพี่หมอดีกว่า บ้านพี่หมออยู่หลัง Central, Chaengwattana นัดกันไปกินเบียร์เอาไหม ให้พี่หมอเลี้ยงเบียร์เพราะไม่แพง ซื้อจาก Tops ชั้นใต้ัดินก็ได้ แล้วไปนั่งกินที่ Food Court จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 20:48:30

ความคิดเห็นที่ 30 K. Senior ครับ จะไปเมื่อไหร่ก็บอกกันโด้ยยยยย ... จากคุณ : เศียรนาคา ... เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 21:06:47 A:125.24.39.74 X: TicketID:255126

ความคิดเห็นที่ 31 ผมเมื่อไรก็ได้ เพราะบ้านผมห่างจากพี่หมอแค่ 200-300 เมตรเอง อยู่ในบริเวณหมู่บ้านเดียวกัน ต้องให้พี่หมอว่างและนัดแนะครับ ขออุปโลกผู้อาวุโสเป็นเจ้าภาพ 555 จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 21:09:21

ความคิดเห็นที่ 32 พอเข้าใจอารมณ์เจ้าของกระทู้นะ แต่คงต้องแยกเรื่องมารยาทหรือคำพูดเสียดสีออกไปก่อน... ผมมองว่า คนเราถ้าไม่รู้ลึกรู้จริง แล้วยังอาสาอธิบายอะไรแบบผิดๆ แบบมั่นใจสุดๆ ย่อมเกิดโทษมากกว่าประโยชน์ ไม่แค่ต่อคนอื่นแต่กับตัวเองด้วย คือที่คุณอธิบายเรื่อง there is any defect กับความไม่รู้เรื่อง persons ก็บอกได้แล้วว่าคุณยังต้องเรียนอีกเยอะมาก (เรื่องany นั้นก็พอเข้าใจอยู่เพราะพวกติวเตอร์สอนติวก็ใช้วิธีอธิบายแบบนี้ แต่ควรต้องบอกข้อยกเว้นด้วย ไม่งั้นก็จะเป็นการสอนผิดโดยใช้กฎเหมารวม) อย่าโกรธนะที่ผมพูดแบบนี้ แค่ไม่อยากให้คนขยันใฝ่เรียนอย่างคุณต้องถูกบังตาด้วยความไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้เท่านั้นเอง เชื่อว่าคุณต้องเก่งมากๆ สักวันแน่ๆ แค่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาสอนคนอื่นในนี้เท่านั้นเอง แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 55 21:24:39 แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 55 21:23:46 จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 21:14:32

ความคิดเห็นที่ 33 พรุ่งนี้เป็นไง? ผมไปส่งหลานตอนสายที่ฟิวเจอร์รังสิต ตอนบ่ายที่เซ็นทรัลอย่างว่าน่ะแหละ ผมจะบอกเบอร์หลังไมค์ไปหา  จะได้นัดแนะได้ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 21:20:01

ความคิดเห็นที่ 34 ได้เลยพี่ สำหรับคนอื่นพี่จัดการเลย ส่วนผมพี่หลังไมค์มาว่านัดเจอกันกี่โมงที่ไหนของ Central ผมไม่ได้ทานเบียร์มากว่า 3 เดือนแล้ว อ้อเบียร์ต้องซื้อระหว่าง 11.00-14.00 Central เปิด 11.00 จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 21:24:31

ความคิดเห็นที่ 35 บางคนจิกกัดคนอื่นเพื่อสำเร็จความใคร่ให้ตัวเอง เห็นได้บ่อยไป ในชีวิตจริงก็มี จากคุณ : Just wonder เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 21:25:07

ความคิดเห็นที่ 36 ง่า ... พรุ่งนี้วันเกิดเมีย ... อดไปคร๊าบบบ คงต้องไว้โอกาสหน้า ... จากคุณ : เศียรนาคา ... เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 21:38:34 A:125.24.39.74 X: TicketID:255126

ความคิดเห็นที่ 37     I've just had my dinner. So, I'm in a good mood. ;-) คุณ K. เจ้าขา (เห็นปะว่าอารมณ์ดีแล้ว อิ อิ อิ) คืออิฉันก็เห็นเหมือนคุณแหละว่า จขกท นั้น ชั่วโมงบินยังน้อย แต่ถ้ามีคนเข้าไปแก้ แบบปกติ ธรรมดา ไม่ใช่...... เสียดสี แดกดัน ประชดประชัน เหน็บแนม ถากถาง เยาะหยัน ปัญหาก็คงไม่เกิด ... จริงไหมล่ะคะ เรื่อง TU-GET นั้น อิฉันเข้าใจดีค่ะ แต่ประเด็นของอิฉันนั้น มุ่งไปที่ Cambridge Proficiency Test ต่างหาก ... CPE อะ อิ อิ อิ เพราะมันทำให้อิฉันใจแป้ว... (555) เพราะไม่เคยสอบ เลยไม่รู้ว่าภาษาจะดีสู้คนเคยสอบผ่านหรือไม่ ... อันตัวเองนั้น แค่ผ่าน "O" ผ่าน "A" Eng.Lang, Eng. Lit. เท่านั้น แถมไม่ใช่บอร์ดของ Cambridge อันเลื่องลืออีกด้วย ดั้นๆๆๆๆๆ เลือกผิด...ไปสอบบอร์ดของอ๊อกซิฟอร์ด .... เศร้าเลยนิ T_T เอ้า .. เข้าประเด็นค่ะ คือทั้งหมดทั้งปวงนั้น อิฉันไม่เห็นด้วย ย้ำ ไม่เห็นด้วยกับการแก้งานแบบกะไห้ผู้อื่นหน้าแหก ถ้าเขียนดีๆ ไม่เป็น ก็อธิบายไปอย่างเดียว ไม่ต้องไปข้องแวะกับความเห็นของผู้อื่น ไม่ใช่ว่า ตัวเองไล่บี้คนอื่น แต่คนอื่นไล่บี้ตัวเองไม่ได้ ...WTS! (เลียนแบบคุณเศียรนาคา อิ อิ อิ) สักแต่เขียนว่าคนอื่น Piss off! คนเขียนน่ะรู้หรือเปล่าว่า คำนี้เป็น two-way traffic อะ You, piss off! และ You piss me off! ไม่โดนคนใช้ประโยคหลังตอกหน้ามา ก็นับว่าบุญโขแล้ว เอ้า - คุณ จขกท ขา - ฟังคุณ K. หน่อยนะคะ ภาษาอังกฤษมันกว้างมาก ดิ้นมาก เรียนกันทั้งชาติก็ยังไม่หมด อย่าว่าแต่เราเลย เจ้าของภาษาก็รู้ไม่หมดเหมือนกัน ไม่อย่างนั้น เขาจะมี dictionaries กะ grammar books เยอะแยะออกมาหรือ ไม่ใช่ให้เราใช้ เท่านั้น แต่ยังให้เจ้าของภาษาเปิดดูเป็น reference อีกด้วย เพราะเขาก็ใช้กันผิดๆ เช่นกัน ที่คุณเขียนๆ มา อิฉันก็อ่านบ้าง และเผอิญที่ได้อ่าน ก็เห็นว่าผิด ฝึกฝนเยอะๆ ถ้าคนอื่นทำได้ สักวันคุณก็คงทำได้เช่นกัน .... Okay, Kh. K., so now we agree to not disagree because I do agree with you. คุณแอ๊ด - ลุ้งงงงง เอาของกินมาล่ออีกแล้วอ่า ...... I agree not to bring up the shooting, bleeding, flipping subject in your presence.....! Cross my heart! อ้าว! วุ้ย! นัดกันแล้วเหรอ .... เบียร์ที่ Tops แพง ต้องซื้อจาก Big C ง่ะ จากคุณ : o;] เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 22:01:50 A:180.180.188.28 X: TicketID:012689

ความคิดเห็นที่ 38     คุณปากจัดฯ ขา คนเราเกิดมาไม่เหมือนกันนะคะ คุณทนได้ แต่มีคนอื่นทนไม่ได้ อย่าว่าแต่ใครคนอื่นคนไกลเลย คุณหมอดูของคุณ แกก็ทนไม่ได้ ใครติ ใครตำหนิ แกฟังซะที่ไหนล่ะ แถมด่ากราดกลับแบบ M16 สู้ไม่ไหว (แต่แกยิงไม่เข้าเป้าสักเท่าไรหรอก ... อิ อิ อิ) "เราว่าวัฒนธรรมไทย ยังไม่ชินกับการวิจารณ์ การรับมือกับความเห็นที่แตกต่างไปจากตัว เพราะติดอัตตา หรืออีโก้ กันมาก ไม่ใช่เราไม่มี เราก็มี แต่เราก็รู้ตัวว่าเราอยู่ระดับไหน ใครอยู่ในระดับเหนือกว่าเรา เราถือคติว่า "ไม่เอาไม้ซึก ไปงัดไม้ซุง" มันเปลืองตัว และเจ็บฟรีเปล่า เราว่านะ" >>> อิฉันว่า ตัวเองชินมากๆๆๆๆๆ ถึงมากที่สุดกับการวิจารณ์ และถูกวิจารณ์ หน้าแตกในบอร์ดก็หลายหนแล้ว (มีพยานหลายคนในกระทู้นี้แหละ) แต่ยังไง้ยังไง ก็ยังรับไม่ได้กับ "การเหยียบหัวคนอื่น เพื่อจะส่งให้ตัวเองดูดีขึ้น" นะ ถ้าบอกว่า ให้แลกกับความรู้ - เผอิญอิฉันไม่นิยม "โดนตบ" เพื่อแลกกับความรู้หรอกค่ะ และความรู้นั้น มันก็หาเอาในเน็ตได้ ทำไมถึงต้องให้เขาตบล่ะ Logic ของอิฉันอาจแปลกๆ แต่รับรองได้ว่า ไม่ lame แน่นอน ... ส่วนเรื่องนักเขียนชื่อดังทั้งหลายนั้น คุณเองก็เขียนมาว่าเขาวิจารณ์ แต่ "ประดิษฐ์ชื่อตัวละครขึ้นมา" "แต่เปลี่ยนบุคคลจริๆง ให้กลายเป็นสัตว์ ชาวนา ชาวไร่ ฯลฯ" สรุปว่าไม่มีนักเขียนคนใดกล้า ระบุชื่อคนที่ตัวเสียดสี เพราะอะไรถึงไม่ระบุตรงๆ ล่ะคะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ทำไมไม่ตรงๆ จะๆ .... You see what I mean? "การเอางานเดิมของนักเขียนคนอื่นมาตีความใหม่ หรือแต่งเติมเสริมแต่งใหม่ อย่างที่เรียกว่า "สัมพันธบท" หรือ "สหบท" นั้น มันก็คือการวิจารณ์งานเก่าไปโดยปริยาย" >>> วิจารณ์เฉยๆ กับวิจารณ์ไปด้วย แดกดันเสียดสีไปด้วย - ต่างกันหรือเปล่าคะ เอาอย่างนี้ไหมล่ะคะ เพื่อทดสอบความเป็นไปได้ของความเห็นของคุณ - ลองถามคุณหมอดูสิว่า ถ้าอิฉันจะเข้าไปเขียนวิจารณ์ความเห็นของเขา แบบเสียดสี ถากถาง แดกดัน ในกรณีที่เขาแสดงความเห็นผิด - กะให้เขาหน้าแหก ทำแบบที่เขาทำกับคนอื่น เขาจะยอมรับได้ไหม ไม่แน่นะ ถ้าหาเวลาพักจากงานได้ อิฉันอาจทำจริงๆ .... ถ้าคิดว่าระหว่างไม้ซีกกะไม้ซุง - อิฉันคงเป็นไม้ซีกแหละ แต่ไม่หวั่นถ้าต้องไปงัดกับไม้ซุง .... (งัดเสร็จไปขอเบียร์คุณ K. ดื่ม ) ป.ล. On second thought, ลองตั้งกระทู้โหวตไหมล่ะคะ ดูสิว่า ผู้อ่านในห้องสมุดจะกดลงคะแนนข้อไหนมากกว่ากัน ก. ชอบให้ผู้อื่นสอนแบบจิกกัด แดกดัน เสียดสี - รับได้ ไร้ความรู้สึก ข. ชอบให้ผู้อื่นสอนแบบดีๆ จิกกัดบ้างก็ได้ แต่ไม่ต้องแดกดัน เสียดสี ค. ชอบให้ผู้อื่นพูดดีๆ สอนดีๆ ไม่ต้องจิกกัด นี่ก็คือ คหสต ของอิฉันลัวนๆ เช่นกันค่ะ     จากคุณ : o;] เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 22:17:59 A:180.180.188.28 X: TicketID:012689

ความคิดเห็นที่ 39 พรืดดดด จากคุณ : SaintPSU เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 22:23:35

ความคิดเห็นที่ 40 ป้ามาได้เลยครับ พรุ่งนี้เลี้ยงเบียร์ที่ Central Food Court ชั้น 5  คือแวะไปซื้อที่ชั้นล่าง Tops ก่อนแล้วหิ้วไปกินข้างบน ผมกับพี่หมอคงไปสิงสถิตย์็ที่นั่นราวๆ 12.30-13.00 คงแค่ 1 ชม ไม่อยู่นานครับ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 22:50:10

ความคิดเห็นที่ 41 ผมทานเบียร์ไม่เป็นครับคุณ K.Senior Wowwwww! ยิ่งกว่าได้พบน้องอั้ม ดีใจจริงๆที่ได้อ่าน comment คุณนวลอีก นี่ก็ใกล้จะ 9 ปีเเล้วนะครับที่ผมได้กลับมาใช้ชีวิตในเมืองไทย ชีวิตโลดเเล่นมาพอสมควร ......................................... เหมือนดวง วันนี้(ที่จริงผมตั้งใจจะpost กระทู้ comeback มาหลายอาทิตย์เเล้ว เเต่ไม่ว่างสักที) ขอเรียนเชิญทุกท่านที่รักภาษาไปอ่านกระทู้ comeback ได้ เรื่องวิจารณ์ I happily accept constructive criticism. ผมอยากอ่าน comment ของทุกคน comment ของพี่หมอดู ผมก็ชอบอ่านนะ ผมอาจเป็นไม่กี่คนที่ไม่โกรธพี่เเก จากคุณ : tonmelb เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 22:58:13 A:14.207.174.33 X: TicketID:054700

ความคิดเห็นที่ 42 ว่างๆ ก็มาคุยกัน ทานอาหารกลางวันด้วยกันก็ได้ครับ ผมเลี้ยงเอง จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 23:04:33

ความคิดเห็นที่ 43 ผมได้ Notebook มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่มีเวลาจะนั่งลงเขียนกระทู้อย่างที่ตั้งใจสักที ขืนรอ ก็คงต้องรอไปถึงปิดเทอม 1 ซึ่งก็คิดว่าไม่ว่าง เพราะต้องสอนintensive และเลยไปถึงเทอม 2 และคอร์ส summer (ถ้าเขาจ้างสอนต่อ) ไม่รอดีกว่า โดยส่วนตัวผมกำหนดว่า Sept. 2012 – Dec. 2015 จะพัฒนา ยกระดับภาษาของตัวเองก้าวขึ้นไปอีกระดับ 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมาได้พูดคุยขอคำแนะนำจากอ.ฝรั่งที่ทำงานด้วยกันและที่ทำงานเป็นครูหลายสิบปีถึงการพัฒนาภาษา ผม Plan ที่จะไปเรียน (อีกครั้ง) ในระดับปริญญาโทหรือ course สั้น ๆ ที่British Council หรือที่ AUA 2 สถาบันนี้เคยปฏิเสธผมเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ผมจำไม่ได้ว่าเขาไม่มีCourse ให้หรือเพราะผมคาดหวังสูงมากๆๆๆ การเรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้นครับ จากคุณ : tonmelb เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 23:07:55 A:14.207.174.33 X: TicketID:054700

ความคิดเห็นที่ 44 Paste ผิดกระทู้ ขอโทษครับ จากคุณ : tonmelb เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 23:08:50 A:14.207.174.33 X: TicketID:054700

ความคิดเห็นที่ 45 คุณต้น ดีใจที่ได้เจอ มาได้ไหม จะหลังไมค์ไปหา จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 23:15:34

ความคิดเห็นที่ 46 ฮามาก ตอนอ่านเม้นมันถึง*40 พอกดส่ง มันรันมา 6 คอมเม้น แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 55 23:19:01 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 23:17:14

ความคิดเห็นที่ 47 สวัสดีครับคุณแอ๊ด ปากเกร็ด หลังไมค์ไม่ได้ ผมบัตรผ่าน มาได้ครับ ผมว่างเสาร์-อาทิตยืถึงสิ้นเดือนนี้ + ว่างหลังบ่ายของวันอาทิตย์ ป ล. ผมกลับมาอ้วนท้วมอีกเเล้ว หุ่นจะเหมือนครั้งเเรกที่พบกันครับ จากคุณ : tonmelb เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 23:27:22 A:14.207.174.33 X: TicketID:054700

ความคิดเห็นที่ 48 มาบ่ายก็ยังอยู่ครับ ขึ้นมาหาชั้น 5 เลย สงสัยต้องหันมาปั่นจย แบบผมมั้งแล้ว อย่ามัวทำเงินครับ ดูแลสุขภาพด้วย :) จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 23:34:14

ความคิดเห็นที่ 49 คิดถึงพ่อแอ๊ด เหมือนกัน อิๆ   ว่างๆ คงมีโอกาส ได้เจอกันอีกนะครับ จากคุณ : Paphmania เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 00:06:38

ความคิดเห็นที่ 50 เรียน ท่านน้าแอ๊ด น้า K ท่านเศียรนาคา... และท่านอื่นๆ จริงๆแล้วผมเช่า office อยู่ ที่ Central Cheang Wattana ตรงโซน Office Tower ครับ (แต่ไม่ได้ทำธุรกิจสอนภาษาอังกฤษครับ ไม่ต้องห่วง ไม่มี hidden agenda :-) ) เคยคิดจะเชิญท่านน้าๆ และเพื่อนๆมาพบปะเป็น meeting เล็กๆของห้องเรียนภาษาอังกฤษกัน แต่มาบัดนี้ล้มเลิกความคิดไปแล้ว  มันหมดอารมณฺ์ไปซะงั้น แต่เอามาแปลงเป็นสถานที่จิบเบียร์ได้ครับ อิ อิ เสาร์-อาทิตย์ 5 pm - 10 pm ได้เลย (ผมอายุ 40 เดาว่าเรียกน้า ท่านๆคงไม่ว่านะครับ) จากคุณ : MissingInAction (MissingInAction) เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 00:36:17

ความคิดเห็นที่ 51 ห่ะ....เพิ่งได้อ่านกระทู้นี้ พลาดไปได้ไง http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K12516011/K12516011.html อีตาหมอเดาแกไม่กล้าฟัดกับเราตรงๆ แต่แอบเอาไปกัดซะหลังว่ะ เริ่มจาก คห. 19 คราวก่อนเราเอาตะปูตอกฝาโลงไปข้าง ว่า เรื่องที่เอ็งคิดมันเข้าใจผิดนะเฮ้ย 1. SaintPSU จบเอกการแปลอังกฤษจากมหาวิทยาลัยชื่อดังทางภาคใต้, ผิดครับ กูเรียนคอมธุรกิจ (อาจจะหยาบคายไปบ้าง, เอาอะไรกับคาวบอยบ้านนอก เนอะ หมอเดา เน้อออ) 2. SaintPSU  ใช้ห้องสมุดเป็นฐานหาลูกค้า ดังอ้างอิง "เรื่องที่คนนอกไม่รู้ แต่คนในวงในที่เกี่ยวข้องรู้ นั่นก็คือ SaintPSU ไปเสนอบริการแปลและส่งตัวอย่างการแปลไทยเป็นอังกฤษไป แล้วลูกค้าไม่เอาเพราะ SaintPSU เขียนภาษาอังกฤษแย่มากๆ SaintPSU ก็เลยโมโห คือถึงเขาหมั่นไส้ว่าเราคุยโว แต่เขาก็ไม่เคยมาเปิดฉากเล่นงานเราก่อน แต่คราวนี้เขาคงคิดว่าเราเป็นตัวการที่ไปแย่งงานเขามาทำ ซึ่งจริงๆแล้วเราอาจทำงานอื่นอยู่ก็ได้" ซึ่งกระทู้ต้นเรื่องนู้นนนน ผมได้แย้มๆ ไว้แล้ว ว่าผิดนะคร่าบ ข้าพเจ้าไม่ได้คิดใช้ ไม่เคยใช้ ห้องสมุดเป็นฐานหากินเล้ย จะเอาหลักฐานป่ะล่ะ กล้าดูป่ะล่ะ เดี๋ยวจะหน้าแหกไม่รับเย็บเหมือนตอนนั่งเทียนว่า SaintPSU เป็นนักแปลเอกอังกฤษจากมหาลัยชื่อดังทางภาคใต้  ปรากฏว่า แกพล่ามน้ำท่วมทุ่ง ยกหางอะไรของแกตามประสา แล้วก็หนีหายไป ไม่คิดเล้ย จะเอาเราไปจิกกัดลับหลัง - ช่วงนั้นก็วุ่นๆ ทำงาน ไม่ได้ไล่ดูทุกกระทู้ สงสัยต้องแตกกระทู้ซ่ะล่ะ ผองเพื่อน ชาวห้องสมุด มิตรรักนักอ่าน   สนุกมัั้ยครับ, บันเทิงมั้ยครับ อยากอ่านต่อกันใช่มั้ยครับ? ขอ 1 ไลค์, ใครอยากกินมาม่า "สงครามหมาบ้า 3 ภาค: ปิดตำนานมหาหมอเดา" หลังจากที่ยืดเยื้อมาแรมเดือน แถมภาคสองยังแอบไปฉายในโรงหนังชั้นสองอีกต่างหาก ชิชะ ผมรับประกันว่า ความลึกลับดำมืด, เหตุใด SaintPSU จึงไม่ชอบหน้ามหาหมอดู, เหตุใดมหาหมอดูจึงกลายเป็นมหาหมอเดา เจ้าวิชานั่งเทียน พ่นฟองอากาศ พายเรือในโหลปลาทอง, ทำไมห้องสมุดถึงไม่ค่อยเกิดมาม่า ทั้งหมด (คงจะ) ได้รับการคลี่คลายแล้วล่ะ ชงเอง เขย่าเอง กินเอง รับประกันความอร่อย! จากคุณ : SaintPSU เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 00:40:16

ความคิดเห็นที่ 52 อยากไปจริงอะไรจริง "ปาร์ตี้คนมีกึ๋น"   เสียดายอยู่ไกลมว๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาก   และไม่แตะแอลกอฮอล์ จากคุณ : ปากจัดชะมัดยาด (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 01:09:16

ความคิดเห็นที่ 53 *51 เรานึกว่าคุณอ่านแล้วก่อนมาโพสบนๆ นึกว่าจบลงด้วยดีซะอีก จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 01:23:06

ความคิดเห็นที่ 54 ว่าแต่ พี่หมอหายไปเลยอ่ะ จากคุณ : ไปไหน เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 01:35:32 A:171.99.214.221 X: TicketID:358300

ความคิดเห็นที่ 55 ^ ^ นั่นสิรอชมการดีเบทอยู่เลยเชียว กระทู้ดันมีแต่น้ำเมาเราเด็ก๑๖รับไม่ได้เลยเรื่องมึนเมานี่ >_<' /me นั่งจิบไวน์เก๋ๆกับมาม่าหน้าเซเว่นต่อ จากคุณ : Nobitalover เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 02:39:14

ความคิดเห็นที่ 56 ผมนัดกับคุณเคและคุณต้นไว้เจอกันที่ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ ชั้น 1 ตอนสักบ่ายโมง เจอกันที่นั่นแล้วจะไปหาเสบียงอะไรและขยับขยายไปไหนค่อยว่ากัน ขอเชิญท่านที่เคารพนับถือทุกท่านนะครับ ขออภัยที่ไม่อาจเชิญได้ทั่วถึงทุกคน คนม้นเยอะและบางคนก็คุ้นเคยแล้ว บางคนก็ยังไม่คุ้นเคย แต่ยินดีพบปะทุกท่าน สำหรับเสบียงนั้นไม่ว่ากันนะครับ ใครอยากกินน้ำส้มก็กิน ใครอยากกินน้ำแอลกอฮอล์ก็กิน เราเจอกันมาหลายทีก็แบบนี้ ก็เห็นคุยกันรู้เรื่องดีทั้งที่ลิ้นคนละดีกรีอย่างว่านี่แหละ เมื่อก่อนผมนัดพรรคพวกเจอกันที่บ้านยาย โชคชัย 4 เดี๋ยวนี้ก็ยังนึกถึง แต่ว่าก๊วนตอนนี้หลายคนอพยพไปอยู่เมืองนอกก็เลยนัดกันไม่ได้ถนัดนัก ต้องรอจนกว่าจะรู้ว่ามา เหตุผลในการพบปะเรื่อยมาหลายต่อหลายครั้งนั้นเป็นเหตุผลของความเคารพนับถือ เคยแต่เห็นผลงานและความคิดของแต่ละคนก็เกิดความอยากรู้ว่าใครนะ หน้าตาเป็นไง ก็เลยนัดเจอกัน เจอกันแล้วก็เกิดความเคารพนับถือต่อกัน สืบจนบัดนี้ น่าเสียดายว่ามีบางท่านที่ผมได้แต่เคารพนับถือทางตัวหนังสือ ไม่มีโอกาสได้พบกันเป็นส่วนตัว ก็เข้าใจได้อยู่ในเหตุผล เพราะหลายท่านนั้นมีฤทธิ์เดชอันน่าเกรงขาม มีหนี้ต่อกันหลายกระทง ถ้ามาเจอกันเกรงว่าเวทีจะพังเนื่องจากก่อนหน้านั้นก็ฟัดกันจนฝุ่นตลบที่นี่แหละ ขออนุญาตเอ่ยอ้างถึงเรื่องเรือ ท่านที่เคยเห็นคงพอจำได้เมื่อเหล่ากัปตันเรือฝ่ายธรรมะรุมเฉ่งกับปลาหมึกยักษ์ฝ่ายอธรรม มันหยด จากการได้พบปะกับเพื่อนฝูงทั้งในนี้และในเวทีพบปะ ผมถือว่าผมได้รับประโยชน์จากท่านอื่นๆเป็นอันมาก บางท่านก็เคยพบ บางท่านก็ยังไม่เคยพบแม้จนเดี๋ยวนี้ จะพบหรือไม่พบแต่ผมได้ประโยชน์จากท่าน บางท่านก็อาวุโสอุดมด้วยความรู้ความสามารถในวิชาชีพของท่าน ตรงนี้แหละที่ผมว่ามันมีประโยชน์กับผม ก็เราเก็บเกี่ยวอย่างเดียวให้คนอื่นเขาเฉลย จะไปหาที่ไหนที่คนเก่งๆเขามาเล่าอะไรนอกวงการที่เราไม่มีโอกาสได้เจอ เราเจียมเนื้อเจียมตัวไว้ รอฟังเขาพูด บางท่านแม้จะอายุน้อยกว่าเราแต่ว่าฝีไม้ลายมือนั้นน่าเลื่อมใสยิ่งนัก ผมเคยเจอคนหนุ่มอยู่หลายท่าน บางท่านยังหน้าตาเหมือนเด็กหนุ่มแต่ว่าเป็นศาสตราจารย์สอนฝรั่งได้ สอนอะไร? สอนภาษาอังกฤษ แน่ไม่แน่ล่ะ คนไทยสอนภาษาอังกฤษให้ฝรั่งได้ อีกท่านหนึ่งนั้นเป็นผู้มีความสนใจและความสามารถเรื่องดอกกล้วยไม้ สามารถพิสูจน์ทราบจนได้กล้วยไม้ชนิดใหม่ในเมืองไทยและระดับนานาชาตินั้นตั้งชื่อให้ใหม่และให้ชื่อท่านผู้นี้เป็นเกียรติด้วย เพราะการได้พบปะคนเก่งๆอย่างนี้แหละ ผมก็เลยพลอยฉลาดไปด้วยจมเลย วันนี้คงฉลาดเพิ่มขึ้นอีก ดีใจครับ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 08:23:57

ความคิดเห็นที่ 57 No one can make you feel inferior without your consent. เราไม่เคยโกรธคนที่จิกกัดเราเลย ถ้ามันสร้างคุณประโยชน์ให้เราอย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างน้อยเราก็ให้อภัยทานเป็นการตอบแทนในสิ่งที่เขาให้มา....เราไม่เก่งอังกฤษเลยเลย ใช้ที่นี่เป็นที่ศึกษาหาความรู้ บางทีจากข้อผิดพลาดของคนอื่น บางครั้งตั้งกระทู้ถามคำถามด้วยตัวเอง บางครั้งก็ได้มุมมองในการดำเนินชีวิตเล็กๆ น้อยๆ ไปด้วย ถ้ามันไม่ได้เจ็บปวดมากมายถึงกับเลือดตกยางออกก็ปล่อยวางลงไปเถอะค่ะ สิ่งที่คุณต้องการจากการตั้งกระทู้นี้คืออะไร...ระบายความรู้สึก เราว่ามันจะรังแต่จะยิ่งทำให้คุณเจ็บช้ำใจเสียมากกว่าที่อีกฝ่ายมาตอบโต้ หรือถ้าคุณต้องการให้คุณหมอดูเขาเปลี่ยนนิสัยของเขา คุณเองก็น่าจะรู้ดีว่าคงยาก... ดังนั้นประโยชน์ของการตั้งกระทู้นี้ไม่มีเลย...เราว่าตอนนี้คุณหมอดูเขาคงรู้แล้วว่าคุณไม่ชอบวิธีการในการสั่งสอนผู้อื่นของเขา เราเชื่อว่าเขาคงไม่ยุ่งกับ(กระทู้ของ)คุณอีก...แล้วถ้าเขาไปโลดแล่นอยู่ในกระทู้คนอื่น คุณก็วางเฉยเสียเท่านั้น จากคุณ : kiria chalee เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 09:46:52

ความคิดเห็นที่ 58 ใครๆ ก็มาได้ครับ เรื่องน้ำเมา ผมก็ไม่ได้ติดอะไร ก็บอกแล้วไม่ได้ทานเบียร์มา 3 เดือนแล้ว คือผมไม่ซื้อเหล้าเบียร์มาทานที่บ้านครับ ถ้าไม่ออกนอกบ้าน โอกาสดื่มพวกนี้ไม่มีเลย ปีที่แล้วก่อนน้ำท่วมเคยปั่นไปอยุธยาเดือนละสองครั้งราวๆ 140 กม จบแล้วส่วนใหญ่ก็ตามด้วยเบียร์ 1 กระป๋องเอาพลังงานคืนมาได้เร็วและสดชื่น ตั้งแต่น้ำท่วมจนเลิกท่วมไม่ได้ออกทริปยาวๆ อีกเลย ก็เลยอดของมึำนเมาโดยปริยาย หาโอกาสพบพี่แอ็ดยาก ทั้งที่อยู่หมู่บ้านเดียวกัน ต่างคนมีงานทำ ไม่อยากกวนซึ่งกันและกันครับ มาคราวนี้พี่เขาชวนก็ยินดีครับ ปลายปีผมเกษียณแล้ว คงได้ไปสังสรรค์กับพี่เขาบ่อยหน่อย คนตกงานแล้วนี่ครับ อย่างพี่ว่า ใครอยากมาเชิญครับ ไม่ต้องดื่มก็ได้ครับ พบกันแล้วไป Food Court ต่างคนสั่งอาหารที่ชอบทานกัน เป็นกันเอง สบายๆ ครับ ผมแค่อยากทานเบียร์ 1 กระป๋องเท่านั้น ไม่ได้เป็นประจำอยู่แล้ว จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 09:59:25

ความคิดเห็นที่ 59 หนูชาลีมากินน้ำส้มน้ำหวานคุยกันก็ได้นะ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 10:17:10

ความคิดเห็นที่ 60 ว้าว ขอบคุณค่ะคุณลุงแอ๊ด...เป็นเกียรติและดีใจมากๆ ค่ะที่ได้รับเชิญ ว้าว ดีใจ :) บังเอิญตอนนี้อยู่อเมริกาค่ะ...เสียดายจัง...ต้องเป็นช่วงเวลาที่ดีมากแน่ๆ เลยค่ะที่ได้ไปนั่งฟังคนเก่งๆ และมีประสบการณ์ชีวิตเยอะๆ พูดคุยกัน ขอบคุณอีกครั้งค่ะที่เชิญ ขอให้สนุกนะคะ จากคุณ : kiria chalee เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 10:38:26

ความคิดเห็นที่ 61 ขอให้สนุกนะครับทุก ๆ ท่าน ผมออกไปกินข้าวกับครอบครัวก่อนนะครับ วันเกิดภรรยาทั้งที เอาไว้โอกาสหน้าคงได้เจอกันบ้างครับ ^^ จากคุณ : เศียรนาคา ... เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 10:44:12 A:125.24.20.43 X: TicketID:255126

ความคิดเห็นที่ 62 กราบขอโทษมากๆๆ เลยครับ ข้าน้อยสมควรหล่อ... ผมเข้าใจผิด เข้าใจไปเองว่า คิดว่าอาทิตย์หน้า อาทิตย์นี้สำหนับผู้อาวุโส 2 ท่าน ที่ตอบว่า มาได้ เพราะมาได้จริงๆ เพราะเมื่อวานเพิ่งปิดคอร์สไป ไม่ได้คิดว่า เป็นพรุ่งนี้ คุณแอ๊ด ปากเกร็ด เเละคุณK.Senior นัดใหม่ครั้งหน้า ผมจะไม่พลาดเลย จากคุณ : tonmelb เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 14:01:13 A:27.130.97.134 X: TicketID:054700

ความคิดเห็นที่ 63 ครับ ก็รอๆ อยู่สัก 10 นาที ไม่เป็นไรครับ รอแล้วก็คุยกัน จากนั้นก็ไปชั้่น 5 คุณ MIA มาร่วมสัก 15 นาทีแล้วไปทำงานต่อครับ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 15:36:53

ความคิดเห็นที่ 64 ขออนุญาตอธิบายความแตกต่างระหว่างคนที่กำลังเรียน coursework ระดับปริญญาเอกซึ่งเรียกกันว่า doctoral student กับคนที่จบ coursework หมดแล้ว สอบ qualifying exam ผ่านแล้ว เหลือแต่ทำวิทยานิพนธ์ แล้วใช้คำแทนตัวว่าเป็น Ph.D. candidate ได้ ทำไมคนที่กำลังเรียน coursework ถึงไม่ใช้คำนี้กัน อย่างแรกเลยเพราะคนที่เรียกว่าเป็น Ph.D. candidate สามารถสมัครงานที่คุณสมบัติผู้สมัครต้องมีวุฒิปริญญาเอกได้ค่ะ ในหลายๆ แห่งรับนักศึกษาที่เป็น Ph.D. candidate ค่ะ โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องจบในเวลาเท่านั้นเท่านี้ ในขณะที่นักศึกษาซึ่งเป็น doctoral student ถ้าจะสมัครงานก็จะสมัครได้แต่งานที่ต้องการวุฒิปริญญาโทเท่านั้นค่ะ อย่างที่สองคือขั้นตอนกว่าจะเป็น Ph.D. candidate ได้นี่ยาวไกลและยากเข็นพอดูแหละค่ะ ต้องเรียกว่าอย่างนี้ เพราะไม่ใช่จบ coursework ปุ๊บก็ทำวิทยานิพนธ์ได้เลย ต้องสอบอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างตลอดเส้นทางนั้น มาตรฐานเลยก็หลายๆ แห่งสอบ proficiency exam ข้อสอบนี้เพื่อให้แน่ใจว่าคนๆ นั้นจะทำวิทยานิพนธ์ได้ ข้อสอบ proficiency จะเป็นข้อสอบวัดความสามารถทางการวิเคราะห์ วิจัย และความรู้ทางสถิติค่ะ จากนั้นจบ coursework หมดแล้ว สอบ proficiency ผ่านแล้ว ก็จะสอบ qualifying exam ซึ่งมหาโหดพอกัน หลายๆ คนไม่ผ่าน ปกติหลายๆ แห่งให้โอกาสสอบได้ 3 ครั้ง ถ้าไม่ผ่านทั้ง 3 ครั้งคุณก็ลาออกไป หรือไม่ก็ไปเริ่มเรียน coursework ใหม่หมด เพราะแสดงว่าคุณยังไม่พร้อมจะไปต่อ หลายๆ คน drop out ไปตั้งแต่ coursework โน่นแล้วค่ะ จริงๆ แล้ว coursework ไม่ยากเลย ถ้าเรียน coursework ระดับปริญญาโทจบมาได้ ระดับปริญญาเอกก็เหมือนๆ กัน ไปยากก็ตรงที่ต้องสอบอะไรต่อมิอะไรเพื่อแสดงว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมกับปริญญานี้นั่นแหละค่ะ เพราะอย่างนั้นที่อเมริกา doctoral student กับ Ph.D. candidate จึงแยกกันค่ะ เพราะต่างก็มีความหมาย และมีนัยยะต่างกัน จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 21:06:15

ความคิดเห็นที่ 65 ที่ผมพูดไปแบบนั้นเพราะไม่อยากอธิบายความเห็นส่วนตัว เนื่องจากมีคนไทยที่เรียนก็ไม่จบ แต่ชอบอ้างว่า เป็น PhD candidate ซึ่งสำหรับผม มัน ก็ fail ไม่เห็นจำเป็นต้องอ้างอะไรเลยใน profile คนที่ทำอะไรไม่สำเร็จ  แล้วใส่ใน profile ว่า PhD candidate สำหรับความเห็นส่วนตัว ไม่ต่างกับพวก doctoral student ครับ เป็นผมไม่ใส่หรอกครับ คหสต หรือ personal prejudice เท่านั้น เช่นเดียวกับ ผมก็ไม่เห็นว่า จำเป็นอะไรต้องใส่ "ว่าที่ร้อยตรี" ตัวเองไม่ได้ยศ ร้อยตรี แค่เป็นกองหนุนเรียนจบ รด. มันจำเป็นหรือที่ต้องใส่ให้ดูโก้ ทางการก็ไม่ได้นับยศ "ว่าที่ร้อยตรี" หรืออะไรไว้ในระบบเลย เงินก็ไม่ได้ เพราะมันคือความเห็นส่วนตัว ผมถึงยก ตย มาให้ จขกท ดูไงครับว่า คหสต ไม่ควรจะไปกล่าวให้มากความ ถึงอย่างไรที่ผมตอบว่า PhD candidate คือผู้ที่กำลังศึกษาปริญญาเอก อยู่มันก็ไม่ผิด และเนื่องจากเป็นห้องภาษาอังกฤษ เลยให้รากศัพท์ คำว่า candidate คือผู้ัชิงตำแหน่ง เพื่อต่อยอด แต่ใครจะมาเพิ่มอธิบายให้กระจ่าง ผมก็ไม่แย้ง It is my personal prejudice, period. พูดง่ายๆ ผมไม่ให้เครดิต PhD candidate มากกว่าพวก doctoral student เลยครับ แต่ไม่ไปแย้ง เพราะเป็น คหสต เท่านั้น :) จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 22:05:36

ความคิดเห็นที่ 66 เห็นด้วยเลยค่ะกรณีที่มีคนใส่ใน profile ตัวเองว่าเป็น PhD candidate บางคนเห็นเป็น PhD candidate อยู่เป็น 10 ปี ไม่จบเสียที ซึ่งในความเป็นจริงเวลานานขนาดนั้นหมดสิทธิ์การเป็นนักศึกษาปริญญาเอกไปนานแล้ว แต่ก็ยังเป็น PhD candidate อยู่นั่นแล้ว ที่จริงการเป็น PhD candidate เอาไปทำมาหากินอะไรไม่ได้เลย นอกจากช่วย boost ego ของคนที่เรียนเท่าไหร่ก็เรียนไม่จบเสียทีเท่านั้นมั้งคะ จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 22:55:16

ความคิดเห็นที่ 67 อิจฉา คนที่อยู่ในไทยที่มีโอกาสพบปะกันเป็นครั้งคราว Have a drink on me (but pay for it yourself) and for me too. Enjoy yourselves.     จากคุณ : genf เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 23:31:54

ความคิดเห็นที่ 68 ผมไปถึงช้าสักสิบนาที เจอคุณเคเดินเตร่แถวร้านกาแฟ ไม่พบคนอื่น ชักเป็นห่วงคุณต้นเพราะว่าไม่สามารถสื่อสารกันได้โดยตรง สุดท้ายก็ลงไปซื้อเบียร์เย็นๆจากที่ร้านท๊อปส์ข้างล่างแล้วก็หิ้วขึ้นมานั่งที่โต๊ะด้านนอกของศูนย์อาหารชั้นหก เราเอากระป๋องวางจองโต๊ะแล้วก็แยกย้ายไปสั่งอาหารตามชอบเอาเอง สักพักก็หิ้วกลับมานั่งโจ้และคุยกันต่อไปได้ คุยกันว่าวันนี้ควเจอกันแค่นี้แหละเพราะว่าเราแจ้งกระชั้นชิดเกินไป ท่านอื่นคงปรับตัวไม่ทัน ขณะกำลังนั่งคุยกันอยู่ ก็มีหนุ่มรูปหล่อกรากเข้ามาทักทายกับคุณเคและผม ดีใจจังเลย ได้เจอคนเก่งที่ผมเห็นฝีไม้ลายมือมานานแล้ว คุณ MIA ซึ่งคุยได้ไม่นานนักก็ต้องขอตัวไปทำธุระ ไม่เป็นไร วันหลังก็ยังมี ก็คงมีเวลาได้นัดแนะท่านอื่นๆด้วย ว่าแต่หนูชาลีไปไงถึงไปโผล่ที่อเมริกา เรานึกว่าอยู่เมืองไทยเรานี่เอง จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 08:06:54

ความคิดเห็นที่ 69 ^ ^ เพิ่งมาได้สี่เดือนเองค่ะคุณลุงแอ๊ด ตอนนี้อยู่วอชิงตันดีซี...ทำงานไปด้วย เรียนภาษาไปด้วยค่ะ ลองดูสักปี คิดว่าถ้าความสามารถพอก็จะเรียนต่อพยาบาลที่นี่ หรือไม่ก็กลับบ้านเราค่ะ คิดถึงเมืองไทยจะแย่...เหงาๆ ก็เข้ามาอ่านกระทู้ในห้องสมุดเล่นค่ะ ได้ความรู้และหายคิดถึงบ้านไปบ้าง ;) จากคุณ : kiria chalee เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 08:47:43

ความคิดเห็นที่ 70 อยากเรียนพยาบาลไม่ยากเกินหรอก หนูเป็นคนมีความตั้งใจชัดเจนและหนักเอาเบาสู้ ความสำเร็จจะหนีไปไหน จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:42:34