ความคิดเห็นที่ 1 ท่านไม่น่าจะทราบว่า รัชกาลที่ 8 สวรรคต(2489) จนกระทั่งท่านเสด็จสวรรคตในอีก 9 ปีต่อมา(2498) จากคุณ : Medhawint_CPSK เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 16:34:32

ความคิดเห็นที่ 2 เคยอ่านเจอว่า วันที่รัชกาลที่8 สวรรคตนั้น คนในวังไม่มีใครกราบทูลค่ะเพราะเกรงว่าพระองค์ท่านจะรับไม่ไหว เพราะทรงสูญเสียพระโอรสพระธิดาทุกพระองค์ แต่วันนั้นพระองค์ท่านทรงเหมือนจะรับรู้เองค่ะว่า เกิดเหตุบางอย่าง ทรงตรัสลอยๆทำนองว่า วันนี้แปลก ท้องฟ้าหม่น นกบินกลับรังเร็ว อะไรทำนองนี้ค่ะ ไม่แน่ใจ จากคุณ : จิ้มบนdroid (Blackforest26) เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 17:59:08

ความคิดเห็นที่ 3 ทราบว่ามาวันนั้น ไม่มีใครกล้ากราบทูลพระองค์ แต่พระองค์ก็ทรงทราบด้วยพระองค์เองอย่างที่ความเห็นที่ ๒ บอกครับ จากคุณ : primekun เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 21:01:06

ความคิดเห็นที่ 4 เนื่องจากทรงมีเรื่องทุกข์ร้อนใจจากพระราชโอรส พระราชธิดาที่ด่วนจากไปก่อนวัยอันควร และมักจะทรงกันแสงเวลาที่เห็นสถานที่ที่พระราชโอรส พระราชธิดาเคยประทับ ช่วงที่ ร8 สวรรคต จึงไม่มีใครกล้าจะกราบทูลอะไรใดๆ เก็บหนังสือพิมพ์ ปิดข่าวเงียบกันทั้งวังสระประทุม เพราะไม่อยากให้มีอะไรไปตอกย้ำความโทมนัสในใจท่าน ครับ ทรงรับสั่งว่า "วันนี้เป็นอะไร ฟ้าเศร้าจริง นกสักตัวกาสักตัวก็ไม่มาร้อง เศร้าเหลือเกิน นี่ทำไมมันเงียบเชียบไปหมดอย่างนี้ล่ะ" จากคุณ : KK of YORK เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 15:12:24

ความคิดเห็นที่ 5 คงจะไม่ทรงทราบตราบจนวันเสด็จสวรรคตค่ะ แต่ก็อย่างที่ข้างบนบอกว่าทรงรำพึงเช่นนั้น พระโอรส ธิดาที่เหลืออยู่ทันสนองพระเดชพระคุณจัดการการพระบรมศพก็เหลือพระธิดาบุญธรรม พระองค์เจ้าวาปีเพียงพระองค์เดียว จากคุณ : นางพญามารเมฆไฟ เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 15:38:03

ความคิดเห็นที่ 6 น่าสงสารยิ่งนัก แม้กระทั่ง พระราชบุตรบุญธรรม พระองค์เจ้ารังสิต ก็สิ้นพระชนม์ไปก่อน ดูเหมือนพระองค์ก็ผูกพันกับพระราชบุตรบุญธรรมมากด้วย จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 16:45:54

ความคิดเห็นที่ 7 ท่าน แกร่ง มากมาก ชีวิตหนึ่งชีวิต ของ ผู้หญิงที่อยู่สูงที่สุดในเมืองไทย อดทน อดกลั้น วางตัว รู้จังหวะเหมาะไม่เหมาะ ท่านมีสติมากมายเหลือเกิน คนธรรมดาทั่วไป ถ้าไม่ใช่ชนชั้นผู้นำ ที่ต้องต่อสู้อยู่ในกระแสการเมือง ตั้งแต่การเมืองในวังหลวง ถึงการเมือง สมัยที่รุนแรงมากมาก คือการเปลี่ยนการปกครอง เป็นเรา เรา จะรับไหวไหม  แสดงอาการ แสดงวาจาอะไรออกไป มีผลกับประเทศชาติและสถาบัน ทั้งนั้น จากคุณ : tinglee tingamee เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 17:08:33

ความคิดเห็นที่ 8 เศร้าจัง... ไม่แน่ใจว่าพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เปิดให้เข้าชมรึยัง จากคุณ : su_k3430 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 21:47:49

ความคิดเห็นที่ 9 สมแล้วที่ท่านได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็น "บุคคลสำคัญของโลก" จากคุณ : Medhawint_CPSK เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 15:04:15

ความคิดเห็นที่ 10 พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า http://www.queensavang.org/index.php?option=com_content&task=view&id=13&Itemid=52 http://www.manager.co.th/travel/viewnews.aspx?NewsID=9540000161863 อ่านดูเหมือนเปิดเเฉพาะช่วงเวลาสำคัญ ไม่ได้เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมทุกวัน จากคุณ : su_k3430 เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 16:24:44

ความคิดเห็นที่ 11 กำลังอ่านพระราชประวัติของสมเด็จพระพันวัสสาพอดีเลยครับ ชื่อหนังสือ "สมเด็จพระศรีสวรินทิรา ฯ" โดยนายสมภพ จันทรประภา ปรากฏข้อความที่ตรงกับเรื่องที่รัชกาลที่ ๘ เสด็จสวรรคตว่า ...ส่วนสมเด็จ ฯ นั้นเทพยาดาอารักษ์ถวายคุ้มครองดลบันดาลให้ไม่ต้องทรงรับรู้ในเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าจะมีลางสำแดงเหตุก่อนหน้า ๒ วัน ก็ไม่ทรงคำนึง ม.จ.อัปภัศราภา เทวกุล ทรงเล่าว่าในวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๔๘๙ เวลาพลบค่ำ ทรงขัดตลับอยู่โดยประทับหันไปทางพระฉากตรงเฉลียงชั้นบน ทันใดนั้นก็ตรัสขึ้นว่า “จะพูดอะไรก็พูดมาซี มาทำหน้าบึ้งยังกับจะร้องห่มร้องไห้” ม.จ.อัปภัศราภา ฯ ทอดเนตรไม่เห็นผู้ที่ตรัสด้วย ทรงเห็นมีแต่พระฉากเท่านั้น จึงกราบบังคมทูลถามขึ้นว่า “รับสั่งว่ากระไรเพคะ” “ดูซี” สมเด็จ ฯ ตรัส “กรมเทววงศ์มานั่งอยู่นานแล้วไม่พูดไม่จา ทำหน้ายังกับจะร้องไห้ มันเรื่องอะไร” “กรมเทววงศ์” ที่ตรัสนี้คือ พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นเทววงศ์วโรทัย พระโอรสในสมเด็จ ฯ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ พระเชษฐาของสมเด็จ ฯ เป็นพระนัดดาที่โปรดมาก ม.จ.อัปภัศราภา ฯ จึงเสด็จไปเปิดไฟ พอไฟสว่าง สมเด็จ ฯ ก็ตรัสว่า “อ้าว” แล้วก็ทรงขัดตลับต่อไป จากคุณ : พฤกษิรา เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 00:55:26

ความคิดเห็นที่ 12 ...พอข่าวเรื่องสวรรคตเป็นที่แน่นอนรู้ทั่วไปทั้งแผ่นดินก็ตกลงกันที่จะไม่กราบบังคมทูลให้ทรงทราบ เพราะไม่มีใครทายถูกว่าจะเกิดอะไรขึ้น ความทุกข์ครั้งทรงสูญสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ฯ ก็ดี ความทุกข์ครั้งทรงสูญสมเด็จพระราชโอรส – ราชธิดาก็ดี ความทุกข์ครั้งสมเด็จกรมพระยาชัยนาท ฯ ทรงถูกจับจะเทียบเท่าความทุกข์ครั้งนี้หรือไม่ มากกว่า หรือน้อยกว่า ใครจะประมาณได้ ทุกคนในวังสระปทุมไม่ไว้ทุกข์ ไม่ร้องไห้ เคยปฏิบัติหน้าที่อย่างไร ปฏิบัติต่อไปอย่างนั้น  ในเวลาเดียวกับที่เชิญพระบรมศพลงพระโกศ สมเด็จ ฯ ประทับที่พระเฉลียงทอดพระเนตรท้องฟ้าอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ตรัสขึ้นว่า “วันนี้เป็นอะไร ฟ้าเศร้าจริง นกสักตัว กาสักตัวก็ไม่มาร้อง เศร้าเหลือเกิน นี่ทำไมมันเงียบเชียบไปหมดอย่างนี้ล่ะ” ไม่มีคำกราบบังคมทูลตอบ ใครทนได้ก็เฝ้าอยู่ต่อไป ใครเหลือทนก็คลานหนีออกไปเข้าห้องร้องไห้จนสะใจ กระแสพระราชดำรัสที่เคยมียังก้องอยู่ในหู ทุกคนรู้สึกว่าทรงห่วง ทรงรักสมเด็จพระราชนัดดาเพียงไหน “ดีใจ๊ ดีใจ หลานอยู่เมืองนอก ไม่ต้องมาลำบากอย่างนี้ ไม่อย่างนั้น ฉันคงเอาตัวไม่รอด ห่วงหลาน” เจ้าพระคุณเอ๋ย ถ้าเทพยดาอารักษ์ไม่คุ้มครองไว้ดวงพระราชหฤทัยของสมเด็จ ฯ คงแตกสลาย เพราะแรงประหารของพระหัตถ์ที่พระอุระ ดังนั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน เสด็จมาเฝ้าหลังจากรัชกาลที่ ๘ สวรรคตแล้ว ก็ต้องมีคนผิดศีลข้อมุสาอยู่คนหนึ่งเสมอ เพราะทรงสงสัยตรัสถามว่า “หลานฉันสองคนนี่” คำกราบบังคมทูลตอบก็คือ พระองค์หนึ่งเสด็จอยู่ต่างประเทศ ...ความลืมที่ต้องพระราชประสงค์คืบคลานเข้ามาทุกระยะ ความทรงจำเหลืออยู่น้อยมาก พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๘ ใน พ.ศ. ๒๔๙๓ ก็ไม่ทรงทราบ... จากคุณ : พฤกษิรา เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 01:04:30

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบพระคุณทุกความคิดเห็นและความรู้จากทุกท่านครับ โดยเฉพาะคุณพฤกษิราให้ความรู้ละเอียดและเข้าใจถ่องแท้เลยครับ อ่านแล้วอยากจะร้องไห้เลยสงสารสมเด็จท่านจับใจ โดยเฉพาะช่วงที่ท่านตรัสว่า "หลานฉันสองคนนี่ " แม้เวลาจะล่วงเลยมานานแล้วแต่ผมเชื่อว่าดวงพระวิญญาณของสมเด็จคงสถิตบนสวรรค์ชั้นฟ้าและทรงคุ้มครองปกปักรักษาพระราชนัดดาพระองค์เดียวของท่านคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันอยู่เสมอครับ จากคุณ : เอ็มทียู เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 08:34:31

ความคิดเห็นที่ 14 อ่านของคุณพฤกษิราไป ก็ร้องไห้ไปด้วย จากคุณ : Sith Lord Nindle เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 17:02:33