 |
อ้างจากแหล่งนี้
http://www.hindumeeting.com/forum/index.php?topic=3630.5
ประวัติของพระหนุมานแบบอินเดียเนี่ยยาวนะครับ แต่ก็จะพยายามเล่าพอดีศึกษาข้อมูลทางนี้มามากพอสมควร เอาตั้งแต่เรื่องที่เมื่อคราวพระศิวะดื่มพิษพญานาคเข้าไปทำให้พระวรกายร้อนรุ่ม
พระวิษณุ จึงอวตารเป็น "นางโมหิณี" (อวตารนี้อยู่ร่วมกับพระศิวะหลายภารกิจ)มาร่วมอภิรมย์กับพระองค์จนคลายพิษออก พิษนั้นจึงบังเกิดเป็นดวงไฟรุทร อวตารปางที่11 ของพระศิวะเพื่อช่วยพระวิษณุอวตาร ดวงไฟนั้นได้ไปสถิตอยู่ที่อาสรมฤาษีตนหนึ่ง(จำชื่อไม่ได้)
ส่วนทางพ่อแม่หนุมานก็มีเรื่องราวเช่นกัน คือพระพายหรือวายุเทพมีภรรยาคือนางปุนจิสถาลา ซึ่งนางเป็นลูกสาวของพระสุริยเทพ วันหนึ่ง2สามีภรรยาไปเที่ยวป่าเล่นน้ำกันจนน้ำกระเด็นไปโดนฤาษี มะตัง ฤาษีไม่พอใจจึงสาปให้นางกลายเป็นลิง และบอกวิธีถอนคำสาปคือให้ไปบูชาพระศิวะแล้วจะคืนร่างเดิม
ขณะเดียวกันท้าวเกศรีออกป่าล่าสัตว์จนเข้าไปถึงในอาศรมฤาษี พระฤาษีไม่พอใจการที่มีคนมาฆ่าสัตว์ตัดชีวิตในอาศรม และยังเป็นการรบกวนการทำสมณกิจของฤาษี จึงสาปให้กลายเป็นลิงวิธีถอนคำสาปก็เช่นเดียวกัน แล้วบังเอิญทั้ง2ลิงมาบูชาพระศิวะด้วยกัน
พระศิวะพอใจแล้วมอบพรว่าให้ทั้งคู่ไปเกิดเป็นพญาวานรในชาติต่อไป พออีกชาตินางปุนจิสถาลาไปเกิดเป็นธิดาพญาวานร ชื่อว่านางอัญชนา และได้แต่งงานกับท้าวเกศรี พระศิวะจึงสั่งให้พระพายนำดวงไฟอวตารไปใส่ครรภ์ของนางอัญชนา แต่ก่อนไปพระพายได้ขอพรให้ตนได้เป็นพ่อของลูกนางอัญชนาด้วยเพราะอดีตชาติของนางคือภรรยาของตน
ลูกของนางในชาตินี้ก็เหมือนลูกของตน หลังจากเกิดมาหนุมานก็นับถือพระพายเหมือนพ่ออีกคนหนึ่ง จึงมีอีกชื่อหนึ่งคือ
"วายุบุตร หรือ พาวันบุตร" หมายถึงบุตรของเทพแห่งลม ก็คือพระพายนั้นเอง
หนุมานไม่ได้ชื่อหนุมานในตอนแรกแต่ชื่อว่า พัชรังพาลี หรือ พัชรัง เกิดมาก็ร้องว่า"ชัยศรีราม"เลยครับ คำนี้จึงเป็นคำพูดติดปากของหนุมาน ยังมีประวัติตอนเด็กคือ ตอนที่พัชรังพาลีเห็นดวงอาทิตย์แล้ว นึกว่าเป็นผลไม้จึงเหาะขึ้นไปอมไว้ทำให้โลกมืด
ราหูตอนนั้นกำลังจะกินพระอาทิตย์เช่นกัน เลยโดนแย่งจึงไปฟ้องพระอินทร์ พระอินทร์จึงเจรจาต่อรองขอให้ปล่อยพระอาทิตย์แต่พัชรังไม่ยอมปล่อย พระอินทร์เลยใช้วัชราวุธหรือสายฟ้าฟาดไปที่พัชรัง จนยอมปล่อยพระอาทิตย์
พัชรังร่วงตกจากฟ้ากระแทกพื้นอย่างแรงจนคางแตกและเสียชีวิต พระพายจึงโกรธพระอินทร์มากจึงกักเก็บลมปราณในโลกจนสรรพสิ่งไม่มีอากาสหายใจตาย ร้อนถึงพระอินทร์ต้องไปขอให้พระพรหมช่วย
พระพรหม พระอินทร์และเหล่าเทวดาก็ลงไปขอขมาพระพายและชุบชีวิตพัชรังและตั้งชื่อใหม่ว่า "หนุมาน" เพราะแปลว่าคางแตก หนุ ในราชาศัพท์แปลว่าคางงัยครับ
จากนั้นเหล่าเทพก็ให้พรให้เป็นอมตะไม่มีวันตาย มอบพลังและให้อาวุธมากมายแก่หนุมาน ท้าวกุเวรหรือท้าวเวสสุวรรรได้มอบกระบอง ซึ่งต่อมาเป็นอาวุธประจำกายของหนุมาน ต่อมาหนุมานได้ไปเรียนในอาสรมฤาษี อังคีรส แต่หนุมานซุกซนก่อความวุ่นวายไม่สนใจเรียน ฤาษีจึงสาปหนุมาน
"ให้ลืมว่าตนเองมีกำลังที่ได้จากทวยเทพ"
ต่อมาหนุมานก็ไม่สามารถใช้อิทธิฤทธิ์ใดใดได้เลย ต่อมาพระพายได้ขอให้พระอาทิตย์ช่วยสอนวิชาแก่หนุมาน จากนั้นหนุมานก็รำเรียนวิชาจากพระอาทิตย์จนกลายเป็นวานรหนุ่มและสำเร็จวิชาในที่สุด
ตำนานนี้ผมเอามาจากหนังสือ รามายณะและหนังสือหนุมานที่เป็นตำนานของอินเดียล้วนเลยครับ และประกอบกับภาพยนต์อินเดียที่เกี่ยวกับหนุมานหลายเรื่องด้วยครับ ไม่ทราบว่าข้อมูลเท่านี้จะเพียงพอไหมครับเพราะว่ามีอีกเยอะเลยครับที่ตำนานไม่เหมือนในเรื่องรามเกียรติ์
ส่วนตำนานของหนุมานกับพระอุมา และที่พระรามลูบหลังมีเฉพาะในรามเกียรติ์เท่านั้น ไม่ได้มีในรามายณะหรือตำนานของทางอินเดียเลย ความว่า
ตอนหนุมานเป็นเด็กกินเก่งมาก ขนาดเห็นพระอาทิตย์ยังนึกว่ากินได้จะเหาะไปกินพระอาทิตย์(เพราะหนุมานเห็นว่าพระอาทิตย์เป็นผลไม้ที่สุกแดง) และหนุมานเคยไปเล่นที่สวนของพระแม่อุมา และไปทำลายต้นไม้ในสวนจนพระนางกริ้ว จึงสาป
"ให้หมุนมานสิ้นฤทธิ์ แต่หนุมานกลับมามีฤทธิ์อีกครั้งเพราะพระรามลูบหลังหนุมานฤทธิ์จึงกลับมาตามเดิม"
หนุมานถือว่าเป็นเทพแห่งพละกำลังมีกำลังเทียบเท่าพระคเณศ และถือเป็นเทพแห่งความจงรักภักดี และเท่าที่จำได้ว่าหนุมานยังสามารถเห็นสัญลักษณ์แห่งพระผู้เป็นเจ้าในองค์ราม
หนุมานไทย vs เห้งเจีย - ใครเก่งกว่ากัน?
ถ้าถามว่า ลิงอะไรเอ่ยที่มีอิทธิฤทธิ์พิสดาร เหาะเหินเดินอากาศได้ หลายคนคงจะนึกถึง หนุมาน ทหารเอกของพระรามในเรื่องรามเกียรติ์ และอีกหลายคนอาจจะคิดถึง เห้งเจีย วานรตัวเก่งผู้คอยปกป้องคุ้มครองพระถังซำจั๋งในเรื่องไซอิ๋ว
แต่ถ้าถามต่อว่า พญาวานรทั้ง 2 ตนนี้ ใครเก่งกว่าใคร ก็คงตอบยากอยู่ เพราะเป็นมวยหมัดหนักทั้งคู่ พอ ๆ กับ "หนั่น" ปะทะ "เหนาะ" อะไรทำนองนั้น
หนุมานมีชาติกำเนิดที่ชัดเจน เพราะเป็นบุตรของพระพายกับนางสวาหะ ส่วนเห้งเจียนั้นไม่มีพ่อแม่ เดิมเป็นหินที่ถูกแสงสุริยันจันทราอาบมากว่า 1,000 ปี วันหนึ่งจึงแตก และมีลิงเผือกตัวหนึ่งกระโดดออกมา
พญาวานรทั้งสองนี้เหาะได้ทั้งคู่ โดยหนุมานนั้นจะออกลีลาเหินฟ้า-อ้าปากตามสไตล์ไทย ๆ แต่เห้งเจียนั้นจะขี่เมฆออกแอ๊กชั่นตามสไตล์จีน ๆ หนุมานเหาะเร็วเท่าไรยังค้นไม่พบ แต่เห้งเจียนั้นว่ากันว่า วันหนึ่ง ๆ เหาะได้ทั่วทั้ง 4 มหาสมุทร
ลิงทั้งสองตนนี้แสนฉลาดและแพรวพราวไปด้วยไหวพริบ เพราะหนุมานเมื่อแรกพบสบพักตร์พระรามก็รู้ได้ทันทีว่า ท่านคือพระนารายณ์อวตารลงมาปราบยักษ์ ที่แม่สั่งไว้ว่าถ้าพบก็ให้ถวายตัวเป็นข้ารับใช้
ส่วนเห้งเจียนั้น เมื่อครั้งไปฝึกวิชากับผูถีโจ้วซือ ก็สามารถตีปริศนาของอาจารย์ออกว่า เคาะหัว 3 ครั้ง คือ ไปหาเวลายามสาม ส่วนเอามือไพล่หลัง คือ ให้เข้าทางประตูด้านหลัง ก็เลยได้เรียนธรรมวิเศษจากอาจารย์
อย่างไรก็ดี เห้งเจียก็เคยเสียรู้เทวดาเหมือนกัน เพราะเมื่อครั้งบุกสวรรค์ครั้งแรกนั้น เง็กเซียนฮ่องเต้ได้แต่งตั้งให้เป็น "บิ๊กเบ๊อุน" ซึ่งเห้งเจียภูมิใจหนักหนา แต่ตอนหลังก็รู้ตัวว่าไปโดนเขาหลอกซะแล้ว เพราะตำแหน่งนี้คือ หัวหน้าคนเลี้ยงม้าและกวาดขี้ม้า! (ประจำสวรรค์)
หนุมานมีตรีเพชร (สามง่าม) เป็นอาวุธสำคัญ แต่จะใช้กับยักษ์ตัวสำคัญเท่านั้น ส่วนเห้งเจียมีพลองคู่ใจ ที่ไป "ไถ" มาจากเมืองบาดาล พลองนี้หนักถึงหนึ่งหมื่นสามพันห้าร้อยชั่ง ขยายให้ยาวใหญ่ได้ดั่งใจนึก หรือจะหดให้เหลือเท่าเข็มก็ได้
เรื่องจำแลงกายก็หายห่วง เพราะทั้งคู่ทำได้สารพัด อย่างหนุมานนั้นแปลงมาแล้วทั้งยักษ์ (แอบเข้ากรุงลงกา) หมาเน่าลอยน้ำ (ทำลายพิธีลับหอกโมกขศักดิ์ของกุมภกรรณ) หรือแม้แต่เป็นทศกัณฑ์ (เข้าไปตีท้ายครัวพญายักษ์) ก็ทำมาแล้ว
ส่วนเห้งเจียก็แปลงได้สารพัด ตั้งแต่ต้นสนใหญ่ (อวดเพื่อน ๆ จนถูกอาจารย์ดุ) แมลงวัน (ลอบเข้าไปช่วยอาจารย์) ลูกท้อ (ให้ปิศาจกินจะได้เข้าไปอาละวาดในท้องปิศาจ) ฯลฯ
แต่ที่น่าสนใจก็คือ พญาลิงทั้งสองเคยแปลงเป็นนกอินทรีเหมือนกัน - ส่วนใครจะแปลงตอนไหน ถ้าสนใจให้ค้นดูเอง ... ฮิ...ฮิ (บอกหมดเดี๋ยวไม่สนุก)
หนุมานนั้นชอบใช้ฤทธิ์ขยายขนาดและยืดหางออกให้ยาวออก เช่น ตอนที่จะให้พลกระบี่ (ทหารลิง) ไปหาพระชฎิลฤาษี เพื่อถามทางไปกรุงลงกา หนุมานก็นิมิตกายให้ใหญ่ แล้วให้พลกระบี่ไต่หางข้ามไป ส่วนตอนที่พระลักษณ์ต้องหอกโมกขศักดิ์ หนุมานได้ไปยังเขาสรรพยา เพื่อตามหายาสังกรณีและตรีชวา ก็ขยายตัวและยืดหางออกอีกเหมือนกัน
"ด้อมมองร้องเรียกร้องกู่ ก็ขานอยู่แทบเชิงสิงขร
ขุนกระบี่ผู้มีฤทธิรอน ประนมกรนิมิตอินทรีย์
มีหางยาวใหญ่โอบกระหวัด รัดรอบสรรพยาคีรีศรี
เรียกพลางรวบขึ้นไปทุกที จนถึงที่ยอดบรรพต
ก็เก็บได้สรรพยาสมคิด แล้วสำแดงฤทธิ์ดั่งลมกรด
เหาะทะยานผ่านฟ้าเลี้ยวลด กำหนดตรงไปอยุธยา"
ส่วนเห้งเจียก็ขยายขนาดได้ แต่ยังไม่เคยเจอว่ายืดหาง มีแต่ดึงขนออกมากระจุกหนึ่ง แล้วเสกให้กลายเป็นเห้งเจียนับร้อยนับพันตัวออกไปสู้ คล้าย ๆ ทำโคลนนิ่งก็ไม่ปาน
เห็นส่วนสูง ช่วงชก และประสบการณ์อย่างนี้แล้ว ถ้าถามซ้ำว่าใครจะมีฤทธิ์เดชมากกว่ากันคงจะตอบยากเหมือนเดิม แต่ถ้าถามว่า หนุมานหรือเห้งเจีย ใครมีเมียมากกว่ากัน? ละก็ ตอบไม่ยาก เพราะไม่ว่านางบุษมาลี เบญกาย สุพรรณมัจฉา หรือแม้แต่นางมณโฑ (เมียของทศกัณฑ์) พี่หนุมานแกเหมาหมด ส่วนเห้งเจียนั้นดูเหมือนจะนิ่งกว่า
แต่ถ้าส่งเพื่อนร่วมก๊วนคือ ตือโป๊ยก่าย ไปแข่งแทน ก็อาจจะสูสีกับพี่หนุมานก็เป็นได้!
http://www.gotoknow.org/blogs/posts/73305?locale=en
หนุมานอินเดีย กับห้งเจีย เป็นพรหมจรรย์ทั้งคู่ สีเผือกเหมือนกัน
หนุมาน-อวตารพระศิวะ-วายุบุตร หงเจีย-齊天大聖 ฉีเทียนต้าเซิ่ง แปลว่า ผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน
รูปร่าง หนุมาน ล่ำสัน สูงใหญ่ หน้าสี่เหลี่ยม เห้งเจีย ผอมบางปราดเปรียว ตัวเล็กกว่าโป๊ยก่าย ซั่วเจ๋ง หน้าตาดุดัน
อาวุธ หนุมาน ตะลุมพุก เห้งเจีย หลักค้ำมหาสมุทร
ชุด หนุมาน-ผ้านุ่ง เห้งเจีย-รองเท้าใยบัว เกราะทองคำ มาลาปีกหงส์ทองคำ จากเมืองบาดาล
วีรกรรม หนุมาน ทำภารกิจช่วยมหาเทพ เห้งเจีย สยบเทพทั้งสามโลก จนต้องยกฉายาใหม่ แทนคนเลี้ยงม้า แก้ไขบัญชีนรก เพราะเห็นว่าเทพมีอภิสิทธิ์มากเกินไป แต่พี่น้องลิงต้องแก่ เจ็บ ตาย ไม่เป็นอมตะเสวยสุขแบบเทพ
จุดอ่อน หนุมาน ต้องคำสาป ถ้าไม่มีคนปลุกใจ ไม่ทำอะไรเลย เห้งเจีย นอกจากยูไล รัดเกล้าเจ้าแม่กวนอิม ไม่มีอะไรสยบเห้งเจียได้
สรุปจากข้างต้น เห้งเจียเก่งกว่าหนุมาน เพราะไม่ยึดติดในเรื่องใดๆ มุ่งพิชิตคนพาล อภิบาลคนดี เรียกร้องความเป็นธรรม
แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 55 10:38:55
จากคุณ |
:
ต็กโกวคิ้วป้าย
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ก.ย. 55 09:57:30
|
|
|
|
 |