ตอนที่เราเป็นเด็ก เราชอบหนังสือชุดนี้มาก อ่านจบก่อนเปิดเทอมเสียอีก
พอเข้าสู่วัยขี้สงสัย ก็รู้สึกว่า หนังสือชุดนี้มันสร้างมายาคติชัดๆ สังคมแบบนี้คือสังคมที่เป็นจริงแล้วหรือ นี่มันสังคมสำเร็จรูปที่ภาครัฐพยายามยัดเยียดให้ประชาชนเห็นคล้อยว่าดี เห็นว่ารัฐไทยนั้นประสบความสำเร็จในการสร้างสังคมที่พึงประสงค์
แต่จริงๆ มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น สังคมไทยเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ในน้ำมีปลาบ้าง ไม่มีบ้าง ในนาก็มีข้าวบ้างไม่มีข้าวบ้าง ประเทศไทยนั้นอุดมไม่ถึงครึ่ง เอาเข้าจริง รัฐไทยล้มเหลวในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ประชาชนต่างหาก
"แต่" เราไม่ค่อยเห็นด้วยกับผู้เขียนบทความใน คห.ที่ 1 เราว่ากระด้างไป แถมเอานโยบายทางการเมืองซึ่งเพิ่งเกิดมาเมื่อไม่เกิน 10 ปีนี้ไปอธิบายหนังสือเรียนที่ทำมาสามสิบปีเข้าแล้ว มันไม่ค่อยถูำกฝาถูกตัวเท่าไหร่
เรื่องมายาคติของมานะมานีนั้นพูดกันมาก พูดกันมานาน และมีผู้ที่พูดได้ลุ่มลึกน่าฟังกว่าผู้เขียนบทความนี้มาก แต่เราจำไม่ได้ว่าใครเป็นผู้วิจารณ์
อย่างไรก็ดี จำเนียรกาลผ่านไป... เราชักจะคิดว่า ถ้าจะเลือกแบบเรียนสอนภาษาไทยซักเล่ม เราคงเลือกหนังสือชุดนี้ ในแง่ของการเป็นหนังสือสอนภาษาไทยที่มีประสิทธิภาพ น่าอ่าน เนื้อหาเหมาะสมสำหรับเด็ก ถึงหนังสือชุดนี้จะพยายามครอบรัฐอุดมคติในสมัยหลังสงครามเย็น (หลังจากที่ประเทศเราผ่านความขัดแย้งทางการเมืองครั้งใหญ่ในช่วงทศวรรษที่ 2510-2519) ถึงพยายามจะย้ำว่ารัฐไทยเป็นรัฐที่มีประสิทธิภาพ ถึงพยายามจะบอกว่าสังคมอุดมคติคือสังคมชนบทแบบในน้ำมีปลาในนามีข้าวก็ตาม (ซึ่งโกหกทั้งเพ) ก็ตาม...
เราก็อดคิดไม่ได้ว่า มันเป็นหนังสือแบบเรียนที่น่าอ่านสำหรับเด็กมากที่สุดที่เคยมีมาอยู่ดี
คิดไป เราก็เป็นผลผลิตของการศึกษายุคมานะมานีนั่นแหละ 55
แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 55 14:48:32
จากคุณ |
:
AntiSpam (อันตราคนี)
|
เขียนเมื่อ |
:
20 ก.ย. 55 14:47:52
|
|
|
|