 |
# คุณ zodiac28
เรื่องน้ำหลากมาแล้วต้องถอย ส่วนตัวผมมองว่า มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างครับ เช่น เสบียงและยุทโธปกรณ์,โรคภัยไข้เจ็บ ฯลฯ ว่าพม่าจะจัดการอย่างไร น้ำหลากมา ก็แค่ทำให้การเข้าตีลำบากมากขึ้นเท่านั้น ไม่ได้แปลว่าเขาต้องถอยนี่ครับ หรืออย่างกรณีกรุงแตกครั้งที่ ๒ ถ้าพระเจ้ามังระไม่ทรงรับสั่งมาให้ลุยต่อ พม่าก็คงจะถอยกลับก็เป็นได้เช่นกัน
เรื่องการปรับยุทธศาสตร์ของอยุธยา ตรงนั้นผมก็มองว่าเป็นเรื่องของการเมืองภายในราชสำนักอยุธยาเองครับ จริง ๆ ไม่ใช่แค่ยุคบ้านพลูหลวง แต่เป็นตั้งแต่ยุคสมเด็จพระนเรศวรมหาราชแล้วครับ ที่ทรงรวมศูนย์อำนาจมาไว้ส่วนกลาง และลดการทำปฏิวัติ บ้านเมืองก็มั่นคงขึ้น แต่ในข้อดีก็มีข้อเสีย ส่วนยุคบ้านพลูหลวงนั่น เล่นทำปฏิวัติกันเองมากจนเกินไป เลยทำให้ย่อยยับไปกันเอง
ซึ่งการรวมศูนย์อำนาจนี้ ไม่ได้มีผลเสียสำหรับการปกครองต่อหัวเมืองเหนือแต่อย่างใด เพราะกษัตริย์อยุธยา สามารถควบคุมอำนาจได้โดยตรง ผ่านเจ้าเมืองพิษณุโลกไม่ว่าผู้ปกครองจะเป็น พระมหาอุปราชเหมือนเดิม หรือเป็นขุนนางที่ได้รับแต่งตั้ง ดีกว่าแต่ก่อนด้วยซ้ำไป เพราะในรูปแบบเดิม เจ้าเมืองพิษณุโลกก็เป็นเสมือนกึ่ง ๆ เมืองประเทศราช + เมืองหลวงรอง ทำให้สามารถจะแข็งข้อกับเมืองหลวงคืออยุธยาได้เสมอ เมื่อโดนรวบอำนาจกลับไปอยู่อยุธยา ก็จะทำให้การเมืองนิ่งขึ้น
ถ้าในยุคบ้านพลูหลวง ยังคงบริหารอำนาจได้ดี ก็ไม่น่ามีปัญหาครับ แต่ดันไปสร้างเงื่อนไขการเมืองภายในเมืองหลวงกันเอง ก็ทำให้แทนที่จะมีผลดีกลับกลายเป็นผลเสียไป ดังนั้นในมุมมองผม การรวมศูนย์อำนาจไม่ได้มีผลเสียแต่อย่างใด กรุงแตกเพราะการเมืองภายในเมืองหลวงของอยุธยากันเองต่างหากครับ
ส่วนเรื่องด้านใต้อยุธยา ถ้าไม่โดนยึดทั้งหมด อย่างไรเสียอยุธยาก็ยังหากินได้สะดวกครับ ดูอย่างตอนกรณีพม่าล้อมกรุงสมัยสมเด็จพระนเรศวร ก็ล้อมไว้เพียง ๓ ด้านเท่านั้น ไม่ได้ล้อมด้านใต้ เพราะฉะนั้นจึงไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใดต่ออยุธยาครับ
จากคุณ |
:
ผ้าพับไว้
|
เขียนเมื่อ |
:
21 ก.ย. 55 10:31:03
|
|
|
|
 |