ความคิดเห็นที่ 1 ยิ่งพยายามตั้งกฎเกณฑ์อะไรที่ฟังๆแล้วดูเหมือนกับว่าคนของราชบัณฑิตพยายามเขียนภาษาไทยให้ออกเสียงเป็นอังกฤษได้ (ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไปเล่นกับเสียงวรรณยุกต์ ด้วยเหตุผลที่ว่า “คำศัพท์คำเดียวในภาษาอังกฤษฝรั่งเจ้าของภาษาจะเปลี่ยน intonation เมื่อไหร่ก็ได้ตามใจผู้พูด ซึ่งถึงมันไม่ได้เปลี่ยนความหมายของคำแต่มันก็เปลี่ยนการสื่อเจตนารมย์” ยกตัวอย่างเช่น Do you know John? ถ้าตอบ No \ เสียงลงมาห้วนๆแบบนี้ หมายถึง ไม่รู้จักและไม่สนใจ (แล้วนั่งทำงานต่อไป) แต่ Do you know John? ถ้าตอบ No / เสียงเชิดขึ้นมาแบบนี้ หมายถึง ไม่รู้จักแต่สนใจ (หยุดทำงานแล้วรอฟังเรื่องราวเกี่ยวกับ John) ประโยคที่มี but มักจะมี intonation แบบนี้ I like John, but I don’t like his wife. \/ เสียงลงก่อนแล้วเชิดขึ้น ส่วนการพูดด้วยความตกใจเช่นเห็นเด็กปืนกำแพงผู้ใหญ่เตือนให้เด็กระวัง intonation จะมาทำนองนี้คือ Be careful! /\ คือเสียงจะเชิดสูงแล้วตกลงต่ำ จริงๆแล้ว intonation ในภาษาอังกฤษมีตั้ง 6 ระดับเสียงนะ แต่ฝรั่งไม่เขียนรูปวรรณยุกต์ให้เห็น แล้วคนไทยจะไปรู้ได้ยังไงว่าเมื่อไหร่ฝรั่งจะออกเสียงวรรณยุกต์ไหน ยิ่งมากำหนดเสียงวรรณยุกต์ในการทับศัพท์ก็ยิ่งบ้าเข้าไปใหญ่เลย...555+++... จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 06:43:15

ความคิดเห็นที่ 2 ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่เราจะพูดถึงนั่นก็คือ ถ้าไม่ทับศัพท์แบบญี่ปุ่นหรือจีน (คือสร้างศัพท์ใหม่ขึ้นมา) แล้วละก็อย่ามาทำตัวแบบ pedantic กันโดยการคอยจับผิด (ว่าไม่สะกดตามราชบัณฑิต) กันเลย เพราะอะไร? ตอบ การทับศัพท์ราชบัณฑิตดูเหมือนจะดูแต่รูป ไม่ได้ดูเสียง และดูเหมือนพยายามจะใช้รูปกำหนดเสียง ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ดังที่เราจะยกตัวอย่างให้ดู การพยายามตั้งกฎเกณฑ์ที่ pedantic ราชบัณฑิตเคยตระหนักเรื่องพวกนี้ (ที่เขียนอยู่ระหว่างเส้นประข้างล่างนี้) หรือไม่ . "กลุ่มพยัญชนะและสระชุดเดียวกันในภาษาอังกฤษไม่คงเสียงเดิมเสมอไป ในขณะที่ภาษาไทยคงเสียงเดิมเสียเป็นส่วนใหญ่" ยกตัวอย่างเช่น กาน ดาน ฟาน ตาน ลาน เสียง -าน คงเดิมหมด แต่ลองมาดู age กัน a ใน age ออกเสียงเป็น เอ a ตัวที่ 2 ใน manage ออกเสียงเป็น อิ a ตัวที่ 2 ใน sabotage ออกเสียงเป็น อา ลองมาดู ch กับ sh กัน0 chip ship ทั้ง 2 อัน ออกเสียง ch กับ sh ตรงตัว แต่ ch ใน chef ออกเสียงเป็น sh ch ใน machine ออกเสียงเป็น sh ch ใน yacht ไม่ออกเสียง แม้กระทั่ง voiced consonants กับ unvoiced consonants ก็สร้างความแตกต่างได้มากมาย ยกตัวอย่างเช่น s กับ z เวลาออกเสียงทำอวัยวะที่ปากเหมือนกัน แต่ s เป็น unvoiced consonant (vocal cords จะไม่สั่น (ให้ลองจับคอด้านหน้าดู)แต่ z เป็น voiced consonant (vocal cords จะสั่น (ให้ลองจับคอด้านหน้าดู) คราวนี้มาดูความยุ่งยากของมันกัน bit พอเติม s เป็น bits เสียง s ยังคงเป็น unvoiced เพราะ t ก็ unvoiced แต่ bus พอเติม es เป็น buses เสียง s ตัวสุดท้ายจะต้องเปลี่ยนเป็นเสียง z ซึ่งเป็น voiced นั่นก็คือมันเขียน es แต่มันออกเสียงเป็น ez เพราะ e ข้างหน้าซึ่งเป็น vowel มันเป็น voiced อย่างแน่นอนเนื่องจาก vowels ทั้งหมดเป็นเสียง voiced vowels หมด ไม่มีมนุษย์คนไหนที่จะเปล่งเสียง vowel ให้มันเป็น unvoiced ได้อย่างเด็ดขาด ลองมาดู f กับ v กัน consonants ทั้ง 2 ตัวนี้ใช้ปากขยับแบบเดียวกัน แต่ f เป็น unvoiced และ v เป็น voiced แต่มันก็ยังดันมีข้อยกเว้นให้ปวดกบาลอีก นั่นก็คือ เวลา f ไปอยู่ใน of อย่างเช่น The Statue of Liberty ตัว f ใน of จะกลายเป็น voiced ไป คือสะกด of แต่ออกเสียงเป็น ov ซะงั้น! ข้อยกเว้นปลีกย่อย ยังมีอีก เช่น s ใน sure ออกเสียงเป็น sh s ใน sugar ออกเสียงเป็น sh โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไอ้ s ที่อยู่ตรงกลางๆคำศัพท์นี่มัน "เป็นตัวเจ็บแสบสุดๆ" อย่างเช่น mission ตัว ss มันดันออกเสียงเป็น sh ไปซะงั้น! และ i ก็ใช่ย่อยซะเมื่อไหร่ล่ะ อย่างเช่น destiny ตัว i ฝรั่งบางคนออกเสียงเป็น อิ แต่ฝรั่งบางคนออกเสียงเป็น schwa คือเสียง "เออะ" สั้นๆ th นี่ยิ่งตัวเจ็บแสบหนักเข้าไปใหญ่ เพราะมันมีทั้ง th ที่เป็น unvoiced และ th ที่เป็น voiced ซึ่งสร้างความแตกต่างกันมากๆ อีกทั้งยังมีข้อยกเว้นอีก เช่น th ใน Thomas ดันทลึ่งออกเสียงเป็น t ไปซะงั้น! ซึ่งกฎกติกา และข้อยกเว้นแบบนี้มีเยอะมากๆ จนน่าเวียนหัว ถ้าเขียนเรื่องบ้าๆพวกนี้ครบหมด คงได้ตำรา practical phonetics (เพื่อช่วยการออกเสียงภาษาอังกฤษของคนไทย) เป็นเล่มโตๆหนาหลายพันหน้าก็ว่าได้! แต่ไม่มีแรงจะเขียน...555+++... ^ คัดมาจาก คคห 2 ของกระทู้นี้ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2012/08/K12588586/K12588586.html แล้วคุณคิดหรือว่าจะตั้งกฎเกณฑ์อะไรให้ทับศัพท์แล้วออกเสียงเหมือนฝรั่งได้ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วหละ! ดังนั้นปล่อยชาวบ้านเขาทับศัพท์กันแบบญี่ปุ่นหรือจีนไปเลย (คือสร้างศัพท์ใหม่แบบปากลิ้นไทยๆไปเลย) จะเข้าท่ากว่า หรือถ้าอยาก pedantic จริงๆ เก่งจริงเป็นนักวิชาการจริงๆก็ตั้งกฎเกณฑ์กำหนดรูปภาษาไทยให้กำหนดเสียงตามตัว IPA ที่ใช้เขียน phonetic transcription ของคำศัพท์ภาษาอังกฤษสิ เอากันให้ตายไปข้างหนึ่ง ถ้างั้นคำว่า destiny เราจะทับศัพท์ให้ ตัว i เป็นเสียง "อิ" ก็ได้ หรือเป็นเสียง schwa คือ "เออะ(สั้นๆ)" ก็ได้ เพราะฝรั่งก็ออกเสียงคำนี้ได้สองอย่าง...ทีนี้หละวงการ pedantic ทั้งหลายต้องกางตำรา phonetics กับ phonology มาถกกันให้วุ่น...555+++... เพราะการตั้งกฎเกณฑ์กำหนดรูปภาษาไทยให้กำหนดเสียงตามตัวสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษ มันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้วเนื่องด้วยเหตุผลอันง่ายๆก็คือ "กลุ่มพยัญชนะและสระชุดเดียวกันในภาษาอังกฤษไม่คงเสียงเดิมเสมอไป ในขณะที่ภาษาไทยคงเสียงเดิมเสียเป็นส่วนใหญ่" จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 06:47:02

ความคิดเห็นที่ 3 เห็นด้วยครับ และที่สำคัญผมก็เคยสงสัยมานานแล้วว่า การที่ไทยเอาการเขียนทับศัพท์สำหรับภาษาต่างประเทศมาใช้แบบจำกัดการเขียนนั้น มันทำให้เกิดคุณในการใช้ภาษาต่างประเทศหรือไม่ เพราะภาษาบางประเทศเน้นการออกเสียงเพื่อบ่งบอกถึงความแตกต่างของความหมายโดยบางคำก็ยังคงเขียนในรูปภาษาที่ไม่แตกต่างกัน มันจึงทำให้เกิดความไม่เสรีในการใช้ภาษาต่างประเทศของคนไทย อย่างการเอาการเขียนทับศัพท์มาใช้ในการสอบต่างๆ ผมคิดว่า มันจำกัดการใช้ภาษาเหล่านั้นมากๆ เพราะถึงแม้จะมีการเขียนทับศัพท์ไว้แต่ก็ไม่สามารถจะแปลคำได้ว่า คำนี้มันแปลว่าอะไรกันแน่ แต่ถ้าเขียนเป็นตัวภาษาของภาษานั้นๆแล้ว การแปลมันก็ง่ายและกระจ่างมากขึ้น  คือจริงๆ ผมก็อยากให้ยกเลิกหลักการเขียนทับศัพท์ภาษาต่างประเทศไปเลยจะดีกว่า เพราะมันไม่เกิดประโยชน์อะไรในการส่งเสริมการใช้ภาษาใดๆทั้งสิ้น คือไม่ต้องมีกฏในการเขียนมาจำกัดไว้ เอาแบบใครอยากเขียนแบบไหนก็ตามสบาย ตราบใดที่การเขียนทับศัพท์นั้น ไม่ส่งผลให้รูปหรือความหมายของคำๆนั้น เปลี่ยนไป อีกอย่างคือ ถึงยังไงมันก็ไม่ได้ทำให้เกิดเอกลักษณ์ของภาษาไทยขึ้นมาหรือส่งผลต่อความเป็นชาตินิยมได้ เพราะมันไม่สามารถควบรวมหรือผสานกันกับคำไทย เพื่อให้เกิดความหมายใหม่หรือเกิดเป็นคำไทยใดๆได้เลย จากคุณ : ตาแก่หลงกรุง เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 07:14:54

ความคิดเห็นที่ 4 ภาษาสก๊อตจงเจริญ เย๊ๆ จากคุณ : เฉลียวศักดิ์ เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 08:21:42

ความคิดเห็นที่ 5 ญี่ปุ่นเป็นตัวอย่างที่ดีครับ 1.คำที่เปลี่ยนไปเลย ให้เป็นคำญี่ปุ่นแบบ ปาโซคอม ก็ดูดีอยู่ คือคิดคำใหม่เลยไม่ต้องแปล ถึงจะคล้ายๆของเก่าก็ไม่เป็นไร 2.คำที่ออกเสียงผิดแบบญี่ปุ่น อันนี้แย่ คนเล่นเกมคงรู้กันดี อังกฤษออกเสียงญี่ปุ่นปวดตับขนาดไหน แล้วที่คนไทยทำคือ 1.แปลคำด้วยศัพท์ที่เค้าคิดว่าดูดีแบบ ละมุลพันธ์ -___-" 2.บังคับออกเสียงผิดแบบไทย ซึ่งก็ปวดตับไม่แพ้ญี่ปุ่น จากคุณ : Darigaaz เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:17:09

ความคิดเห็นที่ 6 intonation ในภาษาไทยก็มี  (หรือภาษาไหน ๆ ก็มี) ซึ่งเวลาพูด ไม่จำเป็นต้องออกเสียงให้ตรงตาม โฟเนติก  ในพจนานุกรม หรือตามเสียง  พยัญชนะ  สระ และวรรณยุกต์ ที่ใช้อยู่ในคำนั้น จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 11:51:40

ความคิดเห็นที่ 7 กฎ (หรือข้อยกเว้น) อีกอันหนึ่ง ใน American English ทำให้วิธีทับศัพท์ของราชบัณฑิต "ตายเน่า" ไป นั่นก็คือเสียง "t" ถ้าคุณจะทับศัพท์คำว่า water ตามหลักราชบัณฑิต คุณจะทับศัพท์เป็นอะไร? วอเตอร์ วอเทอร์ (เราก็จำไม่ได้แล้วว่าหลักราชบัณฑิตเขาว่าไง) หรือจะใส่วรรณยุกต์แบบใหม่ที่เสนอมา? แต่จะอย่างไรก็ตามขอบอกว่า กติกาการออกเสียงแบบ American English เมื่อตัว "t" ซึ่งเป็น unvoiced consonant ไปอยู่ระหว่าง vowels 2 ตัว มันจะออกเสียงเป็นตัว "d" ซึ่งเป็น voiced consonant ไปซะฉิบ ดังนั้น เสียง "t" ใน water ก็จะกลายเป็นเสียง "d" นั่นก็หมายความว่ากฎของราชบัณฑิต "พังเละ" สรุปแล้วใครจะทับศัพท์ภาษาอังกฤษยังไง มันควรจะปล่อยให้เป็นความสามารถทางด้านภาษาเฉพาะตัวของแต่ละคนซะมากกว่า ไม่ควรไปบังคับว่าต้องมีกติกาอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วคนไทยทั้งประเทศก็ไม่ควรบ้าจี้ตามราชบัณฑฺิต แล้วเมื่อปล่อยไปตามธรรมชาติ อีกหน่อยคนไทยโดยส่วนใหญ่ก็จะคิดศัพท์ภาษาไทยใหม่ๆที่แผลงมาจากภาษาอังกฤษคล้ายๆคนญี่ปุ่นหรือคนจีนทับศัพท์นั่นแหละคือ "ได้คำศัพท์ใหม่ๆกันขึ้นมาเลย" แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 55 03:38:01 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 03:35:10

ความคิดเห็นที่ 8 ... จากคุณ : pisity เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 18:19:50