ความคิดเห็นที่ 1 วิธีแก้คือ เอาคำไทยมาสอนผันวรรณ์ยุกต์ และบอกเด็กให้เข้าใจว่า คำใหนคือ คำยืม หรือคำทับศัพท์ เพราะเด็กสมัยนี้ก็เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ประถม ส่วนเด็กที่ผันหรือสะกดไม่เป็น นั้นไม่ได้อยู่ที่ตำราหรือคำแค่ไม่กี่คำ แต่อยู่ที่ความเอาใจใส่ของครู และความตั้งใจและเข้าใจส่วนบุคคลของเด็ก เพราะผมว่าเราเรียนแบบไม่ใส่วรรณ์ยุกต์กันมาเมื่อสมัยก่อน ก็ไม่เห็นว่าเราจะเก่งน้อยลง จนสะกดหรือผันไม่เป็นนะครับ จากคุณ : น้ำนอง เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 08:02:20

ความคิดเห็นที่ 2 ปัญหาของใครกันแน่   ฝรั่งไม่ใช่พ่อนะครับ  55 จากคุณ : เฉลียวศักดิ์ เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 08:20:49

ความคิดเห็นที่ 3 สงสัยอ่านไม่แตก ผมบอกว่าเขาไม่ได้แก้ตามฝรั่ง เขาแก้ให้ตรงกับการออกเสียงของคนไทยครับ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 08:31:57

ความคิดเห็นที่ 4 ความเห็น 1 คุณอาจจะไม่รู้สึกว่าคุณเก่งน้อยลง แต่เด็กสมัยนี้เก่งน้อยลงจริงๆครับ มีคนมากแค่ไหนที่รู้ว่า คะ ออกเสียงวรรณยุกต์ตรี และ ค่ะ ออกเสียงวรรณยุกต์โท ถ้าจะออกเสียงวรรณยุกต์เอกแบบที่คนส่วนมากออก ต้องเขียนว่า ขะ การที่มีคนไทยผันวรรณยุกต์ผิดมากมายผมว่าส่วนหนึ่งมาจากกฏนี้ครับ เมื่อกฏมันใช้ไม่ได้กับคำทุกประเภท ก็คงไม่ค่อยอยากตั้งใจจำกฏกัน จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 08:34:34

ความคิดเห็นที่ 5 เอาแค่ข้อแรกข้อเดียวนะคะ ในเมื่อตรงกับการออกเสียงของคนไทยส่วนใหญ่แล้ว แล้วทำไมต้องเขียนวรรณยุกต์กำกับเพื่อให้อ่านให้ตรงกันอีก หรือกำกับไว้ให้ฝรั่งที่เรียนภาษาไทยจะได้พูดอังกฤษแบบไทยๆ ได้อย่างถูกต้อง? จากคุณ : โอต้าวกับโอเอ๋ว เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 08:51:37

ความคิดเห็นที่ 6 ปัญหาในตอนนี้คือ ตัวเขียนไม่ตรงกับการออกเสียงครับ สมัยก่อนมีคำทับศัพท์น้อยๆ ก็ไม่ค่อยเป็นปัญหา สมัยนี้มีคำทัพศัพท์เยอะขึ้น จึงกลายเป็นปัญหา ทำให้คนไทยสับสนครับ การปรับตัวเขียนให้ตรงกับเสียงที่คนไทยส่วนมากออกเสียงจะทำให้ลดความสับสนเกี่ยวกับหลักการผันวรรณยุกต์ได้ครับ ถ้าใครแม่นเรื่องการผันวรรณยุกต์อยู่แล้ว คงไม่มีปัญหาอะไร จะมีปัญหาก็มีแต่คนไม่ค่อยแม่นเรื่องการผันวรรณยุกต์เท่านั้นแหละครับ ซึ่งในปัจจุบันผมคิดว่ามีค่อนข้างเยอะ ไม่เกี่ยวกับการให้ฝรั่งเรียนภาษาไทย เรื่องนี้เป็นเรื่องเพื่อให้คนไทยเรียนภาษาไทยได้ดีขึ้นครับ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 08:56:43

ความคิดเห็นที่ 7 ผมชอบตรงนี้แหละ หาเหตุผลมาโต้ เพราะในกระทู้แต่ละกระทู้ เห็นคนออกมาโวยวายแต่ละคนเอาอารมณ์เป็นที่ตั้งเกือบทั้งนั้น จากคุณ : Urashima เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 09:23:14

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นด้วยกับคห.5ครับ จากคุณ : ไอติม ณ ป๊อกปิ๊ก เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 09:37:48

ความคิดเห็นที่ 9 เขียนให้ตรงกับคนไทย "ส่วนมาก" ออกเสียง บางคำคนไทยก็ออกเสียงผิดไปคนละทางเลยค่ะ ยิ่งก่อให้เกิคความสับสนอีก ยกตัวอย่าง "อ็อกซิเย่น" นี่มาจากไหนคะ ใครออกเสียงแบบนี้ คนไทยส่วนมากแถวๆ ไหน? จะแก้ให้ผิดไปจากการออกเสียงที่ถูกต้องเพื่อ?? ... พูดถึงเรื่องการผันวรรณยุกต์ ก็ยังงงว่า คนเสนอนี่ผันกับออกเสียงกันได้ถูกต้องหรือเปล่า เมตร กับ เม้ตร ออกเสียงต่างกันยังไงคะ? แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 09:44:37 แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 09:43:48 จากคุณ : Clear Ice เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 09:43:04

ความคิดเห็นที่ 10 เพราะภาษาอังกฤษมันเปลี่ยนเสียงสูงต่ำได้ตามรูปประโยคและอารมณ์ไง แล้วที่แก้ก็แก้เพื่อให้ออกเสียงผิดแบบคนไทย ไม่คิดบ้างเหรอว่าจะทำให้เด็กเกิดปัญหาเวลาเรียนภาษาอังกฤษมากขึ้น คนทั่วไปก็ดูออกอยู่แล้วว่าไม่ใช่คำไทย พอออกเสียงเค้าก็เลือกออกเสียงได้ตามความเหมาะสม จะพูดแบบบ้านๆคนไทย รึออกเสียงให้มันเหมือนต่างชาติหน่อยก็ไม่มีใครว่า เพราะคำมันเปิดไว้ ถ้าใส่อะไรกำกับไว้ตายตัว คือบังคับให้อ่านผิดแบบคนไทย ถ้าไปแก้พวกคำบาลีอะไรพวกนั้นดูจะง่ายกว่าด้วยซ้ำ เพราะภาษามันไม่เปลี่ยนแล้วถูกผิดไม่รู้ แก้ให้ออกเสียงแบบคนไทยเลยเพราะมันใช้มานานจนเป็นคำไทย พอจะมาแก้ภาษาอังกฤษ ยังไงก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเพราะที่คนไทยอ่านผิด พอเวลาผ่านไป3ปี5ปี การออกเสียงของคนไทยก็ถูกมากขึ้น จะตามไปแก้ตามรายปีเลยมั๊ย -ลองคิดดูเขียนคำเปิดไว้ สอนให้เด็กรู้ว่าเป็นคำต่างชาติแค่100กว่าคำ ออกเสียงได้ตามยุคสมัย ซึ่งคนไทยก็อ่านออกเสียงภาษาอังกฤษถูกและดีขึ้นเรื่อยๆ -เขียนให้มันเหมือนที่คนไทยออกเสียงผิดตอนนี้ พอเขียนครบตามเสียงก็ต้องออกเสียงผิดตามนั้น เวลาผ่านไป1ปี2ปี ตามไปแก้เพื่อให้ตรงกับที่คนไทยเปลี่ยนการออกเสียง หรือให้ผิดแบบเดิมๆไป10-20ปี เพราะถือว่านี่เป็นการออกเสียงแบบคนไทย จากคุณ : Darigaaz เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 09:44:11

ความคิดเห็นที่ 11 ภาษาไทย เราไม่ได้ใส่วรรณยุกต์ตามเสียงเป๊ะๆ อยู่แล้วนี่ครับ อุจาด ก็อ่านว่า อุ หจาด หรือ อุ จ๋าด ตำรวจ ก็อ่านว่า ตำ หรวด หรือ ตำ ร๋วด ของที่คนเราเขียนๆ กันมาจะ 50 ปีนั่นแหละครับที่เปลี่ยนแล้วน่าจะเละ ขนาดแค่ สาธร เป็น สาทร คำเดียว ยังใช้เวลาตั้งกี่ปีกว่าคนจะเขียนถูก? จากคุณ : J-Renderer เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 09:51:21

ความคิดเห็นที่ 12 คห11 อุจาด ออกเสียงว่า อุ-จาด ถูกต้องแล้วครับ ส่วน ตำรวจ คำแนวนี้มีหลักเกณฑ์การออกเสียงอยู่ครับ เป็นคำแผลงที่มาจากภาษาเขมร โดยตัวหลังออกเสียงแบบอักษรนำหรือออกเสียงตามเสียงวรรณยุกต์เดิม ตำรวจ-ตรวจ เสียงเอก, ปราบ-บำราบ เสียงเอก (แต่คำนี้มีออกเสียง ราบ กันก็มาก) เดิน-ดำเนิน เป็นต้น ส่วนที่เขียนว่า อุ-หจาด นั้น ภาษาไทยไม่เอา ห นำหน้า อักษรกลางไม่ได้ และ จ๋าด ไม่ได้ออกเสียง จาด และ หรวด กับร๋วด ออกเสียงคนละวรรณยุกต์กันครับ เป็นตัวสะท้อนได้ดีว่าคนไทยผันวรรณยุกต์ไม่เป็น จากคุณ : The Little Prince เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:33:55

ความคิดเห็นที่ 13 จะทำให้มันวุ่นวายเพิ่มขึ้นมากกว่านะคะ ถ้าคิดจะเปลี่ยนการเขียน เพราะที่ๆเค้าเสนอมานั่นก็อย่างที่หลายความเห็นว่าไว้ เพิ่มวรรณยุกต์คำไทยเพื่อเทียบเสียงอ่านภาษาอังกฤษสำเนียงไทยชัดๆ เปลี่ยนการเขียนแบบนี้ ไม่ได้ช่วยให้อ่านคำศัพท์ตัวนั้นเหมือนเจ้าของภาษาสักนิดเลยค่ะ เราว่าแทนที่จะแก้ไขเรื่องนี้ ถ้าอยากให้แก้ไขการอ่านศัพท์ภาษาอังกฤษให้เด็กไทย สู้เพิ่มวิชาการอ่านตัว phonetics ในวิชาภาษาอังกฤษไม่ดีกว่าเหรอคะ (ดูจะง่ายกว่าเปลี่ยนวิธีเขียนเพี้ยนๆนี้มากอยู่นะ) จากคุณ : citrus_tree เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 11:25:31

ความคิดเห็นที่ 14 ตอบความเห็น 9 เมด เกิดจาก อักษรต่ำ + สระเสียงยาว + ตัวสะกดคำตาย ต้องออกเสียง โท ครับ อย่างเช่น ลาก ซีด คาด ถ้าจะให้ออกเสียงตรี ตามอย่างที่คนไทยส่วนมากออกกัน ต้องเติมไม้โทครับ หลักการคือ อักษรต่ำ + สระเสียงยาว + ตัวสะกดใดๆ เติมไม้เอกออกเสียงโท เติมไม้โทออกเสียงตรี ครับ ส่วนเรื่อง อ๊อกซีเจน ผมก็พูดว่า อ๊อกซีเจน ครับ แต่คนไทยส่วนมากอาจจะพูดว่า อ๊อกซีเย่น ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริงผมก็ยอมรับครับ แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 12:34:17 จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 11:44:34

ความคิดเห็นที่ 15 คนเราพูดก่อนเขียนนะครับ ที่บอกว่า เราออกเสียงไม่ตรงตามที่เขียนนั้นไม่จริงมั๊ง เด็กเล็ก ๆ พูดได้ก่อนที่จะรู้ความหมายเสียอีก อย่างคำว่า คอร์ดกีตาร์ เราพูดได้และรู้ความหมายก่อนครับ แล้วจึงเรียนรู้การสะกดว่ามันเขียนยังไง เน้นที่การสอนและอธิบายว่า เขียนแบบนี้แต่ออกเสียงแบบนี้ เพราะอะไร มันง่ายมากเลยครับเข้าใจไม่ยาก มันเป็นคำที่ยืมมา เป็นคำต่างประเทศที่ออกเสียงได้แตกต่างตามอารมณ์ จึงไม่มีวรรณยุคแค่นั้นเอง ผมได้ยินว่าเหตุผลที่จะเปลี่ยนได้ชี้แจงไปแล้วว่าเพื่อชาวต่างชาติเรียนรู้ภาษาไทย แต่พอมีคนไม่เห็นด้วยก็เริ่มแถไปเรื่องอื่นมากกว่า แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 11:46:02 จากคุณ : tolstoy เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 11:45:44

ความคิดเห็นที่ 16 ตอบความเห็น 10 เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนภาษาอังกฤษครับ อย่าเอาหลายประเด็นมาปนกัน ถ้าเอาหลายประเด็นมาปนกันแล้วจะงงครับ การเรียนภาษาไทยให้สะกดคำไทยให้ถูก ไม่ได้ส่งผลให้คนเรียนภาษาอังกฤษได้แย่ลงครับ เห็นหลายๆคนชอบยกตัวอย่างคนญี่ปุ่น ว่า เพราะว่าทำแบบนี้ทำให้คนญี่ปุ่นพูดอังกฤษไม่เป็น ผมอยากจะบอกว่า เป็นเพราะสาเหตุคล้ายๆบ้านเราครับ ครูสอนภาษาอังกฤษพูดอังกฤษยังไม่ได้เลย จะให้สอนจนนักเรียนพูดอังกฤษเป็นได้อย่างไร แต่คนญี่ปุ่นที่พูดอังกฤษได้มีเยอะมากครับ ดังนั้นผมคิดว่าไม่ควรเอาประเด็นนี้ไปปนกับการเรียนภาษาอังกฤษ แล้วก็ถ้าหลายปีผ่านไป การออกเสียงของคนไทยเปลี่ยนไป ก็ต้องแก้ตามครับ แม้แต่คำไทยเองก็ยังมีการแก้ตามความนิยมครับ อย่างเช่น หมากม่วง แก้เป็น มะม่วง เป็นเรื่องปกติที่เขาทำกันตลอดมาอยู่แล้วครับ อย่าเอาเรื่องการออกเสียงคำทับศัพท์ของคนไทย ไปปนกับการออกเสียงภาษาอังกฤษของคนไทยครับ สุดท้ายคุณจะสับสนเอง แบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 11:52:15

ความคิดเห็นที่ 17 ความเห็น 11 ขอข้ามนะครับ ขอบคุณความเห็น 12 ที่ช่วยตอบของความเห็น 11 ครับ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 11:53:31

ความคิดเห็นที่ 18 ตอบความเห็น 13 ครับ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่อง โฟเนติก ครับ เป็นเรื่องการปรับวิธีเขียนให้ตรงตามเสียงที่คนไทยพูด ไม่ได้ปรับเพื่อให้พูดเหมือนฝรั่ง การแก้ไขกฏเกณฑ์นี้มีประโยชน์คือ ทำให้คนไทยสับสนการผันเสียงวรรณยุกต์น้อยลงครับ อันที่จริงในกระทู้นี้ก็เป็นตัวอย่างที่ดีที่จะสื่อให้เห็นว่า ยังมีคนไทยมากแค่ไหนที่ผันเสียงวรรณยุกต์ตามหลักการไม่เป็น ซึ่งการแก้ไขกฏเกณฑ์ตามข้อเสนอนี้ ผมแน่ใจว่าจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้แน่นอน จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 11:56:45

ความคิดเห็นที่ 19 ตอบความเห็นที่ 15 ครับ คนเราพูดเป็นก่อนจะเขียนเป็น อันนี้เป็นเรื่องจริง แต่การเขียนคำว่า คอร์ด ทำไมจึงกำหนดให้ใช้ ค ควาย ไม่ใช้ ข ไข่ ตั้งแต่แรกครับ รู้ไหมเอ่ย ถ้าคุณรู้ คุณจะเห็นด้วยกับผมเองว่า เปลี่ยนกฏให้อยู่บนหลักการผันเสียงวรรณยุกต์ของไทยนั้นดีกว่าแน่นอน ส่วนเรื่องเพื่อให้คนต่างชาติเรียนภาษาไทยง่ายขึ้น ผมว่าก็มีเหตุผลนะครับ หากกฏเกณฑ์ของภาษาใดๆ มีข้อยกเว้น หรือ ความไม่สมเหตุสมผลน้อยลง ภาษานั้นก็จะง่ายต่อผู้ศึกษาชาวต่างชาติมากขึ้น แต่ประเด็นนี้สำหรับผมมองว่าเป็นประเด็นรองๆลงไป ปัญหาที่เราต้องเร่งแก้คือ คนไทยจำนวนมากผันวรรณยุกต์ตามหลักภาษาไทยไม่ได้แล้ว ซึ่งกฏใหม่นี้จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ครับ แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 12:02:04 จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 11:59:32

ความคิดเห็นที่ 20 แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 55 21:26:15 จากคุณ : Shandi1990 เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 12:22:57

ความคิดเห็นที่ 21 เข้ามาช่วยคุณ จขกท. ตอบ คห. 5 คุณ โอต้าวกับโอเอ๋ว "ในเมื่อตรงกับการออกเสียงของคนไทยส่วน ใหญ่แล้ว แล้วทำไมต้องเขียนวรรณยุกต์กำกับเพื่อให้อ่านให้ตรงกันอีก หรือกำกับไว้ให้ฝรั่งที่เรียนภาษาไทยจะได้พูดอังกฤษแบบไทยๆ ได้อย่างถูกต้อง? " มุมมองของผมคือ การที่เขาเสนอมาแบบนี้เพราะ การสะกดตัวอักษรในคำเหล่านั้นไม่สะท้อนการออกเสียงที่แท้จริงในภาษาไทยครับ และ ตามที่คุณ จขกท. ได้กล่าวเอาไว้ ทางนั้นคงคิดว่าระบบตัวอักษรวรรณยุกต์ในภาษาไทยปัจจุบันเริ่มเละตุ้มเป๊ะ เป็นระบบที่ข้อยกเว้นเยอะเหลือเกิน เลยพยายามจัดให้มันเข้ารูปเข้ารอย ทำนองนี้มั้งครับ คห. 9 คุณ Clear Ice "เขียนให้ตรงกับคนไทย "ส่วนมาก" ออกเสียง บางคำคนไทยก็ออกเสียงผิดไปคนละทางเลยค่ะ ยิ่งก่อให้เกิคความสับสนอีก ยกตัวอย่าง "อ็อกซิเย่น" นี่มาจากไหนคะ ใครออกเสียงแบบนี้ คนไทยส่วนมากแถวๆ ไหน? จะแก้ให้ผิดไปจากการออกเสียงที่ถูกต้องเพื่อ??" ผมได้ยินคนมีอายุหน่อยพูด ออกซิเย่น เยอะ แต่ต่ำลงมากว่านั้นจะเรียก ออกซิเจน จริง ๆ เสียง g ในคำว่า oxygen ก็ไม่ได้ออกเสียง "จ" นะครับ มันเป็นเสียง /ʤ/ voiced postalveolar affricate (เสียงกึ่งเสียดแทรก หลังปุ่มเหงือก โฆษะ) ผมจึงคิดว่าคำว่า "แก้จากผิดเป็นถูก" ไม่ถูกต้องเสียทีเดียว แต่เรียกว่ามีความใกล้เคียงมากกว่า ย -------------------------- ผมคุยกับเพื่อนที่เรียนภาษาศาสตร์มาด้วยกัน ทุกคนจะเข้าใจเหตุผลว่าทำไมถึงมีการเสนอแก้ไขเรื่องนี้ ส่วนจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอีกเรื่องหนึ่ง แต่คนไทยส่วนมากจะไม่มีความรู้เรื่องนี้ ก็เลยเกิดกระแสแอนตี้แรงมาก ซึ่งผมก็โดน ผมก็พยายามอธิบายว่าทำไมเขาถึงเสนอแนวคิดนั้นขึ้นมา คนส่วนมากก็จะด่ากันไปถึงโคตรเหง้า เผลอ ๆ ไล่ออกนอกประเทศเลยทีเดียว (ใน fb) ราวกับว่าเราไปฆ่าพ่อแม่เขาตาย ส่วนใครที่อยากถาม "เรียนภาษาศาสตร์? ภาษาอะไรเหรอ?" แนะนำให้ google ดูครับ ผมเบื่อจะตอบคำถามนี้แล้ว โดนบ่อยเกิ๊นนน = =" (มั่นใจคนไทยเกิน 50 ล้านคนไม่รู้จักภาษาศาสตร์ ฮา) จากคุณ : Urashima เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 12:25:03

ความคิดเห็นที่ 22 เปลี่ยนเพื่อ????????? จากคุณ : Nu_Num_Na_Ka เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 12:25:19

ความคิดเห็นที่ 23 เหตุผลที่คอร์ดไม่ใช้ ข. ตามความเข้าใจผมเป็นเพราะการผันอักษรโรมันเป็นไทย ถูกหรือเปล่าครับ A= อะ เอ อ.  B=บ. C=ค. ไมได้เท่ากับ ฅ ฃ ข คือมันไม่ได้กำหนดไว้แต่แรกแล้ว แต่เพิ่งจะมาเปลี่ยนเอาตอนนี้ มันจะสับสนครับ ถ้าเรายึดเอาหลักในตอนแรกคือ คำต่างประเทศที่ยืมมาให้ใช้ในลักษณะดังกล่าว(ผันแค่อักษร) ส่วนเสียงที่ออกมา ก็ออกตามสำเนียงหรืออารมณ์ มันก็ไม่ได้ยากอะไรนี่ครับ แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 12:27:24 จากคุณ : tolstoy เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 12:26:51

ความคิดเห็นที่ 24 ตอบความเห็น 23 การผันอักษรภาษาอังกฤษ เป็นภาษาไทย มีมาก่อนกฏไม่ให้ใส่วรรณยุกต์ในคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษครับ ดังนั้นคำทับศัพท์ที่เข้ามาก่อนหน้านั้น ก็ยังคงวิธีเขียนรูปเดิมไว้อยู่ครับ ถ้างั้นก็ต้องถามว่า แล้วทำไมเพิ่งมาเปลี่ยนตอนนี้ ึคำตอบผมก็ตอบไปแล้วครับว่า เพราะตอนนี้เรารู้แล้วว่าวิธีแบบนี้ทำให้เกิดความสับสน หลักการ กับ อารมณ์ อย่าเอามาปนกันครับ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 12:37:35

ความคิดเห็นที่ 25 ตอบความเห็นที่ 20 นะครับ ทำไมจึงต้องเทียบ c ลงเสียง ค ควาย ครับ ทั้งๆที่ ลงเสียง ข ไข่ก็ได้เช่นเดียวกัน ส่วนตัวผมคิดว่าการเทียบเสียง c ในคำว่า cord ลงเสียง ค ควายนั้นเทียบโดยใช้กฏ "อักษรที่ให้เสียงใกล้เคียงที่สุด" กฏนี้แหละครับที่เป็นต้นเหตุของอีกหนึ่งปัญหา กฏนี้เปิดช่องให้คนเทียบเสียงสามารถใช้อักษรที่ตัวเองชอบได้ และไม่จำเป็นต้องให้ตรงที่สุดก็ได้ เพราะ ถูกยกเว้นด้วยกฏข้อก่อนหน้านี้ จะเห็นได้ว่า คำทับศัพท์ส่วนมากที่ต้องใช้พยัญชนะเสียงคู่ มักจะเลือกใช้อักษรต่ำ เป็นไปได้ว่า อักษรต่ำอาจจะเป็นที่นิยมมากกว่าอักษรสูงที่คู่กันครับ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 12:44:20

ความคิดเห็นที่ 26 ก่อนที่จะคุยกันต่อ ขอแนะนำให้เพื่อนๆรู้จักการผันวรรณยุกต์ กรณีไม่มีเครื่องหมายวรรณยุกต์กันก่อนนะครับ เพื่อเพิ่มพื้นฐาน เพื่อยกระดับการอภิปรายให้มีคุณภาพสูงขึ้น เพิ่มเติมครับ ตัวสะกด ย ว ให้คิดเหมือน นมง แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 12:58:35 จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 12:51:02

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณความเห็น 21 ที่ช่วยตอบครับ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 12:52:01

ความคิดเห็นที่ 28 ผมเห็นด้วยกับจขกท.ทุกข้อเลยครับ แค่เจอข้อแรกมา ก็โดนใจผมเต็มๆ คนไทยหลายคน อ่านและจับใจความภาษาไทยยังไม่ขาดเลย แล้วมาวิจารณ์กันเสียๆหายๆ วิจารณ์เอามัน ไม่อยู่บนพื้นฐานของเหตุผล ปล.ไม่ได้เหมานะครับ แต่หลายคนเลยที่เป็นอย่างที่ผมว่า จากคุณ : แมลงภู่บนหูกระต่าย เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 13:02:59

ความคิดเห็นที่ 29 แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 55 21:26:29 จากคุณ : Shandi1990 เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 14:14:31

ความคิดเห็นที่ 30 ผมชอบ "ดิ๊คชันหนะหริ อังกฤษไทย" ของ ดร.ณรงค์ สินสวัสดิ์ ครับ ลองgoogleดูครับ ช่วยวิจารณ์หน่อยครับ แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 14:45:26 จากคุณ : สมสนุก เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 14:43:53

ความคิดเห็นที่ 31 ตอบความเห็น 29 ผมจำไม่ได้ว่ามีกฏว่าต้องใช้อักษรต่ำในการเทียบเสียงครับ ถ้ามีลิงค์หรือเอกสารอ้างอิงเพิ่มเติม ก็จะเป็นการดีครับ หากมีกฏว่าต้องใช้อักษรต่ำจริง ทำไม ไม่ใช่ ฆ ระฆังหละครับ เพราะมันมีกฏที่ว่าให้ใช้ตัวที่เป็นที่นิยมด้วยไงครับ ผมจำไม่ได้ว่ามีกฏให้ใช้อักษรต่ำ แต่ผมจำได้ว่ามีกฏให้ใช้ตัวที่นิยมสูงสุดครับ ส่วนเรื่องที่ให้ใช้อักษรต่ำเนื่องจากผันเสียงสามัญได้ ผมก็คิดว่าไม่สมเหตุสมผลอยู่ดีครับ เพราะว่าเสียงที่เราพูดนั้นมันเป็นเสียงเอก จะไปใช้ตัวที่ผันเสียงสามัญได้ทำไม รบกวนช่วยอธิบายเพิ่มเติมด้วยครับ ถ้าเป็นตามที่ความเห็นคุณบอกรบกวนพิจารณาคำว่า เสิร์ช (ค้นหา) คอนเสิร์ต ด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 16:00:36 จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 15:55:44

ความคิดเห็นที่ 32 ตอบความเห็น 30 คนละประเด็นกับในกระทู้นะครับ รบกวนไปตั้งกระทู้ใหม่ แล้วผมจะไปให้ความเห็นเท่าที่สติปัญญาจะอำนวยครับ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 15:56:42

ความคิดเห็นที่ 33 ขอโต้แย้งไปทีละข้อเลยนะครับ 1. ข้อเสนอนี้ขอให้เปลี่ยนวิธีเขียน เพื่อให้ตรงกับการออกเสียงของคนไทยส่วนมาก ไม่ใช่ขอให้เปลี่ยนเพื่อให้ตรงกับการออกเสียงภาษาอังกฤษของชาวต่างชาติ รับทราบครับ เข้าใจตรงกัน 2. เนื่องจากในปัจจุบันมีคำทับศัพท์มากขึ้น จึงทำให้เด็กไทยในสมัยนี้ไม่ค่อยเข้าใจหลักการผันเสียงของอักษรสูงกลางต่ำ เหตุผลที่เด็กๆสับสนอาจจะมาจาก เวลาครูสอนให้เขียนคำไทย นักเรียนเข้าใจหลักการแล้ว พอไปเจอคำภาษาอังกฤษ ซึ่งผันเสียงไม่ตรงหลัก ทำให้นักเรียนสับสน ความเห็นส่วนตัว คิดว่าปัญหามีมาก่อนแล้วครับ ไม่ได้มาจากคำทับศัพท์ที่ไม่กำหนดเสียงวรรณยุกต์ เอาง่ายๆ อักษรต่ำ เป็นกลุ่มที่มีปัญหามากที่สุด เสียงโท สะกดด้วยไม้เอก "ค่า" เสียงตรี สะกดด้วยไม้โท "ค้า" ถ้าเป็นตำตายเสี้ยงสั้น เป็นเสียงตรีโดยธรรมชาติ "คับ" คำตายเสียงยาว เป็นเสียงโทโดยธรรมชาติ "คาบ" ฯลฯ คนที่ไม่แม่นเรื่องนี้ ก็จะผันไปตามความรู้สึก ไล่ลำดับไปแบบอักษรกลาง กา ก่า ก้า ก๊า ก๋า หยุดที่เสียงอะไรก็กำกับไว้ที่วรรณยุกต์นั้น เราจึงมักเห็น มั้ย เป็น มั๊ย เค้า เป็น เค๊า ฯลฯ แก้ตรงนี้ให้ได้ก่อนจะดีกว่า อันที่จริง ไม้ตรีที่ปรากฎในอักษรกลาง ก็ไม่มีในคำไทยแท้นะครับ พบเฉพาะยืม เช่น โต๊ะ (จีน) สะเต๊ะ (มาลายู) หรือคำเลียนเสียง กรี๊ด ป๊อก เป็นต้น 3. ข้อเสนอในคราวนี้ เหมือนๆกับกฏสมัยก่อนครับ ซึ่งครูภาษาไทยหลายท่านน่าจะรู้ดีว่าก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้กฏไม่ให้เขียนวรรณยุกต์ และเลือกตัวอักษรที่มีความนิยมมากกว่า หรือตามความพึงพอใจมาเขียนเป็นอักษรนำ ทำให้เกิดปัญหาคนไทยสับสนการผันเสียงอักษรไทย ถ้ากฏปัจจุบันใช้มา 40 ปีแล้ว ทำให้คนไทยเก่งภาษาไทยน้อยลง การจะไปเอากฏเก่ากลับมาใช้ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดี ตามข้อเมื่อกี้ ปัญหาไม่น่าจะมาจากคำต่างประเทศ 4. ผมค่อนข้างมั่นใจว่าหากเราเปลี่ยนตามข้อเสนอในคราวนี้คนที่แม่นเรื่องหลักการผันวรรณยุกต์อยู่แล้วจะไม่เป็นปัญหาเลย กลับกัน จะสามารถเขียนได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น และจะทำให้เด็กๆรุ่นต่อไปแม่นเรื่องวรรณยุกต์กันมากขึ้นด้วย ถือเป็นการพัฒนาวงการการศึกษาภาษาไทย ไม่เป็นปัญหาครับ ขอยกไปกล่าวย่อหน้าท้ายสุด 5. สำหรับข้อคัดค้านที่บอกว่าหลายๆคำที่เปลี่ยนไปทำให้อาจจะเขียนผิด เพราะคนยังชินกับวิธีเขียนแบบเดิม ในกรณีนี้ผมคิดว่าเราควรศึกษาหลักการผันวรรณยุกต์ตามหลักภาษาไทย แล้วจะได้ไม่เขียนผิด นั่นสิ อย่างที่บอก แก้ที่คำไทยเองให้รู้เรื่อง ไม้โท ไม้ตรี ใช้ให้ถูกก่อน เข้าใจทั่วกันก่อน พอไปทับศัพท์มันก็หลักเดียวกัน แน่ใจได้ยังไงว่าถ้าแก้คำว่า "เมตร" แล้วคนจะสะกดว่า "เม้ตร" ถูกต้อง ไม่ใช่สะกดเป็น "เม๊ตร" ตามเสียงตรีที่ได้ยินในความู้สึก 6. สำหรับข้อคัดค้านที่บอกว่าเปลี่ยนวิธีเขียนให้ผันตรงวรรณยุกต์แล้วคำศัพท์นั้นจะดูไม่สวย อันนี้ไม่ขอวิจารย์ เพราะผมมองไม่เห็นว่า คำว่า การ กาน กาญจน์ นั้นมันสวยต่างกันอย่างไร การ กาน กาญจน์ ไม่ได้สะกดต่างเพื่อให้ดูสวยนะครับ มันเป็นคนละคำกัน การ รากศัพท์อ่านว่า การะ ภาษาบาลี แปลว่า งาน กาน คำไทย แปลว่า ตัด กาญจน์ รากศัพท์ กญฺจน ภาษาบาลี แปลว่า ทอง คำพวกนี้เป็นคนละคำ คนละความหมายกัน จะสะกดเหมือนกันไปหมดได้ยังไง ถ้าไม่ต้องการคำพ้องเสียง กลัวจะสับสน แล้วคุณจะเลือกเปลี่ยนมาเป็นออกเสียงคำศัพท์แบบเต็มๆ เป็น การะ กานตะ การณะ กาญจนะ กันไหมล่ะครับ (ผมก็ใช้นะ เวลาบอกให้คนอื่นพิมพ์หรือเขียนสะกดชื่อ ในชื่อผมมีคำว่า "วัฒน์" อยู่ แต่ออกเสียงแค่ /wat/ เฉยๆ คนอาจจะสะกดเป็น วัด หรือ วัตร ก็ได้ ผมจะบอกไปด้วว่า  "สะกดแบบวัฒนะ" 7. หลักการนี้เราใช้กับคำทับศัพท์จากภาษาจีนอยู่แล้วครับ ถ้าจะอ้างว่าเพราะภาษาจีนมีวรรณยุกต์ผมก็จะบอกให้ว่า เราใช้กับคำในภาษาญี่ปุ่นด้วยครับ อย่างเช่นภาษาญี่ปุ่นจะมีการออกเสียง สระเสียงสั้น วรรณยุกต์สามัญ แต่ในภาษาไทยไม่มีสระเสียงสั้นที่ออกเสียงเป็นวรรณยุกต์สามัญ เราจึงปรับให้เขียนด้วยสระเสียงยาวแทนครับ ไม่มีความรู้ครับ 8. ปัญหาใหญ่สำหรับประเด็นนี้คือ การที่พวกที่เรียนมาในช่วง 40กว่าปีนี้ กลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีเสียงดังมากในสังคม แต่ผมคิดว่าพวกเราควรจะเสียสละแค่เราศึกษาหลักการผันเสียงอักษรและวรรณยุกต์ให้แม่น ปัญหาเขียนผิดก็จะหมดไป และทำให้เด็กรุ่นใหม่ที่จะต้องเจอทับศัพท์ เลิกสับสนหลักการผันเสียงอักษรและวรรณยุกต์ด้วยครับ (เรื่องกฎ กับเรื่องกลไก เป็นเรื่องที่คิดขึ้นเอง ไม่มีอ้างอิง ผมใช้คำว่า "กฎ" แทน "ไวยากรณ์" เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น) เราเรียนให้ "จำกฎ" ว่าอักษรสูง กลาง ต่ำ มีกี่รูปกี่เสียง อันไหนผันได้ ผันไม่ได้ กฎมีอยู่ว่าอักษรสูงผันเสียงสามัญไม่ได้ อักษรต่ำผันเสียงเอกไม่ได้ ก็รู้แค่ว่ามันไม่ได้ แต่ไม่รู้ว่าทำไม คนสะกดถูกคือ "คนที่จำกฎได้" คนสะกดผิดคือ "จำกฎไม่ได้" แต่ไม่มีใคร "เข้าใจกลไก" ของเสียงเลยสักคน กลไกอย่างพวกตำแหน่งกำเนิดเสียง-ลิ้น-คอ-กระพุ้งแก้ม ฯลฯ พยัญชนะห้าวรรค ห้าแถว อะไรพวกนั้น มันอาจจะอธิบายยากจนเกินไป เพราะคนเราทำความเข้าใจได้เร็ว-ช้า ไม่เท่ากัน วิธีที่ง่ายกว่าสำหรับคนหมู่มาก จึงเป็นการสอนให้จำไปเลยว่า "กฎมันว่าไว้อย่างนี้ มันจึงเป็นอย่างนี้" สรุปตามความเห็นส่วนตัวการเปลี่ยนครั้งนี้ จะไม่เกิดข้อดี มีแต่เฉยๆ หรือข้อเสียเล็กน้อย เพราะคนที่จำกฎได้ รักษากฎ เขาก็แค่เปลี่ยนไปใช้กฎใหม่ หรือรู้สึกไม่ไดีเลยเลิกสนกฎใหม่ (นี่คือข้อเสียเล็กน้อยดังกล่าว) ส่วนคนที่จำกฎไม่ได้ ไม่สนกฎ เขาก็จะสะกดคำแบบตามใจ ไม่สนเรื่องถูกผิดเช่นเดิม แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 16:42:37 แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 16:32:26 จากคุณ : ส้มซ่าน้อยตัวใหญ่ เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 16:26:44

ความคิดเห็นที่ 34 ตอบความเห็น 33 ครับ ผมมองว่ากฏที่ไม่ให้เขียนวรรณยุกต์ในคำทับศัพท์เป็นสาเหตุหนึ่งให้เกิดความสับสนครับ ไม่ได้บอกว่าเป็นสาเหตุทั้งหมดที่ทำให้คนไทยผันวรรณยุกต์ไม่เป็น แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นสาเหตุหนึ่ง เพราะว่ากฏการเขียนคำทับศัพท์แบบห้ามใส่วรรณยุกต์ทำให้กฏการผันวรรณยุกต์ไม่น่าเชื่อถือ มันได้ส่งผลให้เกิดข้อเสียยิ่งกว่าข้อเสียนิดหน่อยที่คุณว่าแล้วครับ ดังนั้นผมจึงเห็นด้วยกับการเปลี่ยนกฏครับ ถ้ามันจะเกิดข้อเสียนิดหน่อย แต่ทำให้เกิดข้อดีมากขึ้นมากครับ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 16:38:26

ความคิดเห็นที่ 35 ผมคิดว่าส่วนหนึ่งในปัจจุบัน ที่เห็นคนเขียน มั๊ย แทนที่จะเขียนให้ถูกว่า มั้ย ตามเสียงพูด (เสียงตรี) ก็มาจากการที่ คนเหล่านั้นไม่สามารถผันวรรณยุกต์ได้ครับ ซึ่งผมมองว่า ถ้ากฏการผันวรรณยุกน่าเชื่อถือมากกว่านี้ พึ่งได้มากกว่านี้ คนก็คงตั้งใจเรียนมากขึ้น มีแหล่งศึกษามากขึ้น ทำให้คนไทยโดยเฉลี่ยแม่นกฏเหล่านี้มากขึ้น จึงจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาคนไม่รู้กฏครับ ปัญหาตอนนี้คือ คนไทยไม่รู้กฏการผันวรรณยุกต์ ทำไมไม่รู้กฏ --> เพราะไม่ได้ตั้งใจเรียน ทำไมไม่ตั้งใจเรียน --> เพราะไม่สนใจเรียน เพราะเคยเรียนแล้วเชื่อถือไม่ได้ ทำไมคิดว่าเชื่อถือไม่ได้ --> เพราะคำทับศัพท์ไม่เห็นอยู่ภายใต้กฏนี้เลย ทำไมคำทับศัพท์ไม่อยู่ภายใต้กฏนี้ --> เพราะกฏเกี่ยวกับคำทับศัพท์บอกว่าห้ามใส่วรรณยุกต์ ทำไมกฏเกี่ยวกับคำทับศัพท์ห้ามการใส่วรรณยุกต์ --> เพราะอยากให้อ่านออกเสียงเอาเอง ปัญหาที่เราแก้ไขได้อยู่ตรงไหน ลองคิดดูครับ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 16:45:20

ความคิดเห็นที่ 36 ตกลง "คนไทย" ไม่เชื่อถือ หรือ "คุณ" ไม่เชื่อถือไวยากรณ์ครับ เห็น คห. 34 กับ 35 ขัดแย้งกันเอง จากคุณ : ส้มซ่าน้อยตัวใหญ่ เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 16:56:27

ความคิดเห็นที่ 37 ปัญหา สำคัญ ในข้อที่ 1 คือ 1. ข้อเสนอนี้ขอให้เปลี่ยนวิธีเขียน เพื่อให้ตรงกับการออกเสียงของคนไทยส่วนมาก ไม่ใช่ขอให้เปลี่ยนเพื่อให้ตรงกับการออกเสียงภาษาอังกฤษของชาวต่างชาติ ปัญหาคือ ใครเป็นคนกำหนด ว่า เราออกเสียงอย่างนี้???? โดยเฉพาะศัพท์จำนวนมากเป็นศัพท์วิทยาศาสตร์ ถ้าคนเรียนต่างที่กัน จำนวนมากเลยออกเสียงไม่เหมือนกัน ผมยังยกตัวอย่าง ออกซิเจน  ผมออก  "เจน"  แฟนผม ออก "เย่น" คราวนี้ไปดูเวลาที่คนต่างประเทศพูด ผมบางประเทศพูด "เจน" บางสำเนียง ออกเป็น "เย่น" ฟังนี้คลิป ตกลงจะ เจน หรือ เย่นดี  ที่จริงคำอื่นๆ เจอ ไฮดรอเย่น ได้ด้วยจะหนาว คนส่วนใหญ่คือใคร ในกรณีนี้ ผมออกความเห็น พวกศัพท์ทางวิทยาศาสตร์ ไม่ควร จะเปลี่ยนเพราะยังไม่มีใครกำหนดได้ว่า เขาออกเสียงแบบไหนมากกว่ากัน 2.  ในข้อสอง และข้อสาม ผมว่า สามารถอธิบายได้เลยว่า ศัพท์พวกนี้เป็นทับศัพย์จากภาษาอังกฤษ ดังนั้น จึงเขียนไปตามรูปแบบการเขียน ไม่ได้ เขียนตามรูปแบบการอ่าน เพราะภาษาอังกฤษนั้น มีเสียงต่างกันตามรูปประโยค การออกเสียงไม่ได้เป็นไปตามหลักภาษาไทย ดังนั้นการอ่านจึงต้องอ่านตามหลักภาษาอังกฤษ แต่มีคำเขียนแบบไทย นึกถึงญี่ปุ่นถ้าเป็นภาษาต่างประเทศ เขาจะใช้ตัว คาตาคานะ เขียน แทน ฮิรางานะ 3. ในข้อสี่ อาจจะเป็นอย่างที่เจ้าของกระทู้ว่า แต่ สุดท้าย เด็กจะงง ที่คำอ่านในศัพท์ภาษาอังกฤษที่มีความแตกต่างกัน ในตรงนี้ เจ้าของกระทู้  จะอธิบายเด็กได้อย่างไร ว่า เขียนแบบนี้ แต่เวลาฟังภาษาต่างประเทศ กลับเป็นอีกอย่างหนึ่ง ตรงนี้จะก่อให้เกิดความสับสนมากขึ้น แต่ถ้ากำหนดไปแล้วว่า ตรงนี้เป็นศัพท์ต่างประเทศ ก็ไม่จำเป็นต้องสับสน เพราะการออกเสียง เขียนแบบนี้ แต่ต้องไปเลียนแบบตามเขา แม้แต่ภาษาอังกฤษเอง a ยังอ่านว่า เอ แต่ เวลาน้ำหน้า ดันอ่าน อ่านว่า อะ ผมว่า ถ้าเราจะเอาแบบคนไทยส่วนใหญ่ (ใหญ่จริงหรือเปล่า) ในสมัยปัจจุบัน เราอ่านภาษาอังกฤษกันได้เพิ่มขึ้น คำว่าส่วนใหญ่ จะกลายเป็นส่วนใหญ่สมัยก่อนหรือเปล่า ปล. บางคำ ก็โอเค นะ 4  ในข้อห้า เนื่องจากคนอ่านไม่เหมือนกัน การสะกด คำให้ถูกจึงตกไปครับ 5. ข้อหก เรื่องความส่วนงาม มันก็จริง ว่ามันขึ้นกับบุคคลและความเคยชิน แต่ ของไม่สวย มันคือของไม่สวย  ทำให้เรานึกถึงภาษาสกอตย์(สะกดถูกไหมหว่า) คุณยกตัวอย่าง กาน กาญ ตรงนี้ผมโอเคนะ แต่ บางตัวนี้   คลิหนิก อันนี้ขัดตาชมัด ยิ่ง คอมพิวเตอร์ เปลี่ยนเป็น ค็อมพิ้วเต้อร์  ตรงนี้สุดทด รู้สึกเหมือน มีคนค่อมที่ทำตัวพริ้วยังไงก็ไม่รู้ แต่บางตัว ผมเห็นด้วยนะ ผมว่าหลายๆ คนเขียนเป็นแบบนี้อยู่แล้ว เช่น  ไฮดรา  เป็น ไฮดร้า เป็นต้น ขอแลกเปลี่ยน ความเห็นตรงนี้นะครับ แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 17:08:59 จากคุณ : ช้างยิ้ม เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 17:00:49

ความคิดเห็นที่ 38 ผมเข้าใจว่าราชบัณฑิตต้องการอะไร แต่ผมไม่เห็นด้วย ผมอยากเห็นเหตุผลที่ใช้กับทุกเคส ไม่ใช่เคสใดเคสหนึ่ง ถ้าจะแก้ไขการเขียนให้ตรงกับคำอ่าน ก็จะเจอปัญหาว่าก็ผมไม่ได้อ่านแบบนี้นี่หว่า ซึ่งราชบัณฑิตจะต้องกำหนดคำทุกคำที่มีในภาษาอังกฤษ ชึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นก็ถอดคำอ่านจากอักษรโฟเนติกให้เข้าใกล้กับภาษาไทยที่สุด เหตุผลที่ผมยกเคสแบบนี้มาพูดก็เพราะกรณี ปลาวาฬ ปลาโลมา ที่ราชบัณฑิตอ้างว่าเพราะไม่ใช่ปลา (เป็นการเอาข้อมูลวิทย์มาใช้ในหลักภาษา) แต่กลับไม่ทำหมดทุกเคส เช่นม้าน้ำ มองเห็นปัญหาที่จะเกิดขึ้นน้อยไปหรือเปล่า รอบคอบพอแล้วหรือยัง จากตัวอย่าง ม้าน้ำ กับปลาโลมาทำให้ผมไม่เชื่อน้ำยาว่าราชบัณฑิตจะมองอะไรได้รอบคอบจริง (อาจจะฟังดูยกตนข่มท่าน แต่ผลงานก็เป็นเครื่องพิสูจน์) คำไทยๆออกเสียงไม่ตรงกับที่เขียนก็บอกว่ามันมีกฏอย่างนู้นอย่างนี้ พอคำทับศัพท์ออกเสียงไม่ตรงกับที่เขียนก็จะแก้ไข โดยไม่ดูว่ามันก็มีกฏของมันอยู่เหมือนกัน ถ้าจะแก้กฏก็แก้ให้มันถ้วนหน้าหน่อย เมียผมสอนภาษาไทยให้ลูกก็มาบ่นว่าภาษาไทยนี่เนาะทำไมเขียนไม่ตรงกับที่ออกเสียงเหมือนกันแหละ จากคุณ : amscmu เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 17:14:34

ความคิดเห็นที่ 39 เห็นด้วยกับฝ่ายที่แย้งค่ะ เข้าใจเหมือนกันว่าราชบัณฑิตต้องการอะไร แต่ไม่สนับสนุน แก้แล้วได้อะไร เราคิดว่ากว่า 90% ของคนไทยจะกลับไปใช้แบบเดิมอย่างแน่นอน เพราะคำที่แก้ใหม่ มีความยุ่งยากในการพิมพ์มากขึ้นเท่าตัว และหากเราปลูกฝังให้เด็กรุ่นใหม่รับข้อมูลตรงนี้ เด็กก็จะใช้ถูกจริง แต่เมื่อมาเจอสังคมผู้ใหญ่ คนรุ่นเก่า เราเชื่อว่าเด็กจะต้องหันมาเขียนตามผู้ใหญ่รุ่นเก่าอย่างแน่นอน เพราะเขียนง่ายกว่า และดูสมเหตุสมผลกว่า และเนื่องด้วยคำทับศัพท์เหล่านี้มีการออกเสียงต่างออกไปตามสำเนียงของชาวต่างชาติ ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่พูดกันมามากแล้ว และราชบัณฑิตน่าจะคิดได้ด้วยตัวเอง การแก้ว่า ขอร์ด ไม่ถูกต้องเสมอไป เพราะหากฟังการสนทนาแบบต่างประเทศแล้ว จะได้ยินทั้ง ค๊อด ขอด คอด ดูจากออกซิเจน ข้างบน หรือคำว่า ค็อมพิ้วเต้อร์ ต่างชาติบางชาติ อ่านว่าคัมพิ้วเท่อร์ หรือคำว่า ทูเดย์ ที่่ไม่ได้เสนอแก้ไข หากจะมีการแ้ก้ไขไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ไม่มีแบบใดที่ถูกต้องทั้งหมด เนื่องจากฝรั่งยังออกเสียง ทูไดซ์ หรือ ทิวเดย์ หรือ ทูวเดย์ เป็นดังนี้แล้วทำไมจึงมาบังคับเสียงว่าเป็นมาตรฐานที่ถูกต้องคนไทยควรจะเขียนแบบนี้ให้หมด คิดดีแล้วหรือ? ถ้ากล่าวว่าออกเสียงตามคนไทยส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่ส่วนไหนล่ะคะ เป็นการเหมารวม และคิดแทนคนไทยมากไปหรือเปล่า เราคิดว่าการแก้ปัญหาตรงนี้เป็นเหมือนนโยบายของรัฐหลายๆนโยบาย ที่ดูเหมือนจะคิดแบบด้านเดียว โดยไม่ดูผลที่จะเกิดขึ้น ใช้วิธีการอยู่ๆมาบังคับเปลี่ยนใหม่ยกแผงตามใจตัวเอง โดยไม่สนว่าคนที่ทำตามจะทำได้มั้ย จะใช้เวลาปรับตัวนานแค่ไหน สุดท้ายนโยบายจะสูญเปล่าหรือไม่ เราเคยตั้งกระทู้เรื่องคำว่า ค่ะ คะ ไปแล้ว ว่าทำอย่างไรจะแก้ได้ สามารถ Smart search ชื่อเราได้เลยค่ะ ซึ่งคำตอบที่ได้ยอมรับว่าค่อนข้างผิดหวัง เพราะปัญหาตอนนี้คือคนใช้ผิดเยอะมาก เด็กใช้ผิดตามผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็รับสื่อผิดๆ ปัญหาการใช้ผิดจึงไม่หมดไป การเสนอให้ปลูกฝังกับเด็กอย่างเดียวจึงไม่ตอบโจทย์ตรงนี้ได้ และราชบัณฑิต หรือหน่วยงานที่ตระหนักส่วนนี้ก็น่าจะแก้ไขปัญหาส่วนนี้มากกว่า จากคุณ : THe Capital Monkey เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 17:44:11

ความคิดเห็นที่ 40 ผมแนะนำว่าคำทับศ้พท์ใหม่ๆก็เขียนใหม่อันเก่าๆก็อย่าไปแตะเพราะคนเขาชินกันมาเป็นร้อยปีแล้ว ภาษาไทยเป็นของคน60-70 ล้านคนไม่ใช่ของคนไม่กี่คนที่อยู่ดีๆก็อยากจะแก้อะไรก็แก้..........................อีกอย่างสรุป ราชบัณฑิตมันเลิกทำแล้ว จบปะจขกท. จากคุณ : เฉลียวศักดิ์ เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 18:04:21

ความคิดเห็นที่ 41 ^ ^ ไม่ได้เลิกครับ แต่จะยังไม่ทำในเล่มหน้า เล่มต่อไปไม่แน่ กำลังสำรวจความเห็น สำรวจเสร็จวันที่ 30 ต.ค. รายงานผล 12 ธ.ค. ติดใจเรื่องที่เจ้าของยกประเด็นเรื่องการเรียนรู้ของเด็ก ผมไม่คิดนะครับว่าถ้ามีการกำหนดวรรณยุกต์ในคำทับศัพท์ แล้วมันจะช่วยให้เด็กแก้ปัญหาความเข้าใจได้ยังไง ก็ในเมื่อภาษาไทยยังสะกดวรรณยุกต์ไม่ถูกกันเลย แล้วจะสะกดคำต่างประเทศถูกเหรอ มองกลับกัน ถ้าไม่มี ก็ไม่ต้องไปปวดหัวคิดว่ามันคืออักษรอะไร ต้องใช้ไม้อะไร พอเห็นเป็นคำต่างประเทศก็สบายเลย มันไม่มีไม้แน่ๆ หรือถ้ามันมีขึ้นมา "เมตร...ไล่เสียงได้เสียงตรี เออ แต่ไม้ตรีมันมีแต่อักษรกลางนี่ แล้ว ม ม้า มันอักษรอะไรหว่า งูใหญ่นอนอยู่ ณ ริมวัดโมฬีโลก เออ ท่องได้ ว่าแต่นี่มันอักษรอะไรฟะ?...แล้วนี่เรากำลังหารูปวรรณยุกต์ของ ม ม้า อยู่ไม่ใช่เหรอ" "เต๊นท์ เต็นท์ ตกลงมันเสียงสั้นหรือเสียงยาว ถามเพื่อน แกออกเสียงว่าไง อ้าว ใครก็ออกเสียงสั้นหมด ทำไมพจนานุกรมบอกใช้ไม้ตรี เสียงยาว แล้วฝรั่งเขาออกว่าไงหว่า..." "แฟล็ต - แฝล็ต ฝ ฝา โน้ตมันต่ำกว่า ฟ ฟัน ทำไมเรียก ฝ ฝา อักษรสูง ฟ ฟัน อักษรต่ำ แล้วไหนจะคลินิก เสียงต่ำต้องเปลี่ยนไปใช้อักษรคู่ ถ้าไม่มีคู่ใช้อักษรนำแทน แล้ว น หนู ต่ำคู่หรือต่ำเดี่ยวฟะ คู่ของ น หนู คืออะไร ลองไล่ ก ไก่ อีกทีซิ..." แค่จินตนการก็เห็นความวุ่นวายแล้ว ไม่มีก็ดีแล้ว เห็นเป็นต่างประเทศ ไม่ต้องคิด มันไม่มีไม้ จบ แล้วเอาสมองไปคิดกับคำไทย กับอักษรสามหมู่ คำเป็น คำตาย เสียงสั้นเสียงยาวเถอะ แค่นี้ก็จะใช้กันไม่ถูกแล้ว แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 18:16:22 จากคุณ : ส้มซ่าน้อยตัวใหญ่ เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 18:10:24

ความคิดเห็นที่ 42 ตอบความเห็น 36 ผมเห็นว่าการที่คนไทยหลายคนไม่สามารถผันวรรณยุกต์ได้ ส่วนหนึ่งมีสาเหตุจากความสับสน อันเนื่องมาจากกฏนี้ครับ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 18:48:08

ความคิดเห็นที่ 43 ตอบความเห็น 37 ผมขออภัยที่ใช้คำผิดครับ คำที่ผมใช้ผิดคือ ราชบัญฑิตกำหนดวิธีเขียนจากการออกเสียงของคนไทยส่วนใหญ่ อันที่จริงวิธีกำหนดภาษากลาง หรือภาษามาตรฐานของแต่ละชาติมีวิธีอยู่ครับ เท่าที่ผมทราบไม่ได้มาจากการลงมติของคนส่วนใหญ่ อันนี้ขอยอมรับความผิดครับ ข้อที่สองผมมองว่าเป็นสาเหตุให้เด็กที่เรียนเรื่องการผันวรรณยุกต์เกิดความสับสนครับ คำอธิบายแบบนั้นผมก็เคยเรียนผ่านมาครับ แต่ในเมื่อผลมันเป็นแบบทุกวันนี้ผมจึงคิดว่ากฏนี้ไม่ค่อยเหมาะสม ควรเปลี่ยนกฏครับ ข้อที่สามอธิบายไปเลยครับว่าเป็นการทับศัพท์ภาษาอังกฤษมาเป็นภาษาไทย เขียนตามการออกเสียงที่(ตัวแทน)คนไทยพูดครับ ข้อที่สี่ การสะกดตามหลักการครับ ถ้าใครเขียนไม่ถูกก็เปิดพจนานุกรมตรวจสอบได้ครับการที่เรามีหลักการที่ใช้ได้กับทุกเคส ผมว่าสะดวกกว่านะครับ ข้อที่ห้า เหตุผลคือไม่คุ้นตาเท่านั้นหรอครับ ถ้าเหตุผลคือแค่นั้น หมายความว่าถ้าคุณเกิดมาแล้วเขาเขียนแบบกฏใหม่ คุณก็จะไม่ชอบวิธีการเขียนแบบกฏปัจจุบันหรือเปล่า จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 18:58:18

ความคิดเห็นที่ 44 ตอบความเห็น 38 ครับ เรื่องโฟเนติกผมตอบไปแล้วขอข้ามนะครับ เรื่องปลาวาฬ ปลาโลมา ผมก็คิดเหมือนคุณครับ ส่วนเรื่องความเชื่อมั่นของคุณต่อความรอบคอบของราชบัณฑิต ผมไม่ขอวิจารณ์ครับเพราะไม่อยู่ในประเด็นของกระทู้ ผมเห็นด้วยกับเมียคุณเรื่องการปรับเสียงวรรณยุกต์ให้ตรงรูป แต่เชื่อเหอะว่า มีผลต่อต้านแรงกว่าเรื่องทับศัพท์แน่นอน แค่เรื่องทับศัพท์ยังขนาดนี้ เรื่องปรับวรรณยุกต์ให้เป็นอักษรกลางจะโดนขนาดไหน แต่ถ้าใครกล้าเริ่ม ผมกล้าตามนะครับ เพราะส่วนตัวผมอยากเห็นเรื่องนี้สำเร็จก่อนตาย จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 19:02:56

ความคิดเห็นที่ 45 ตอบความเห็น 39 ครับ เห็นด้วยครับว่าคนในปัจจุบันคงเปลี่ยนยาก แต่คุณลองดูตัวคุณเองสิครับ ไม่เห็นมีใครเขียนคำทับศัพท์ตามกฏเก่าเลย ผมจะสื่อว่า หากราชบัณฑิตกำหนดเรื่องนี้ออกมา กฏปัจจุบันก็จะเป็นกฏเก่า แล้วในอนาคตเด็กก็ต้องเรียนตามกฏใหม่ ผ่านไปสี่สิบปี ก็จะไม่มีใครเขียน ตามกฏที่ใช้มาจนถึงปี 2012 เรื่องคำพูดที่ว่า "เขียนตามการออกเสียงของคนไทยส่วนใหญ่" ผมขอโทษครับผมพูดผิด ที่จริงควรจะพูดว่า "เขียนตามภาษามาตรฐานของคนไทย" ครับการกำหนดภาษามาตรฐานนั้นมีวิธีอยู่ผมทราบแต่คร่าวๆ ไม่ทราบรายละเอียดจึงไม่กล้าให้ข้อมูลครับ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนโยบายรัฐนะครับ และไม่ขอพูดเรื่องนโยบายรัฐในกระทู้นี้ เรื่องคำ คะ ค่ะ เป็นตัวแทนที่ดีที่แสดงให้เห็นว่า คนไทยที่ผันวรรณยุกต์ไม่เป็นมีมากแค่ไหน ผมก็อยากแก้ไขปัญหานี้เช่นกันครับ และผมคิดว่าการเปลี่ยนกฏในคราวนี้จะทำให้คนไทยผันวรรณยุกต์ได้ดีขึ้นครับ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 19:09:59

ความคิดเห็นที่ 46 ตอบความเห็น 41 ครับ สุดท้ายไม่ว่าราชบัญฑิตจะตัดสินยังไง ผมก็คงยอมรับครับ เพราะตามระบบภาษาไทยปัจจุบัน ราชบัณฑิตด้านภาษาไทย 3 คนน่าจะเป็นแกนหลักในการกำหนดครับ การแก้กฏในคราวนี้จะทำให้กฏเรื่องการผันวรรณยุกต์มีความน่าเชื่อถือมากขึ้นครับ ผมจึงคิดเอาเองว่า ถ้ากฏมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น คนไทยก็จะตั้งใจเรียนกฏนี้มากขึ้นครับ การไม่มีเครื่องหมายวรรณยุกต์ไม่ใช่เพียงแค่คำทับศัพท์เท่านั้น คำไทยก็มีหลายคำที่ไม่มีวรรณยุกต์ครับ เรื่องการใช้คำไทย อักษรสามหมู่ คำเป็นคำตาย ไม่เกี่ยวกับประเด็นของกระทู้นะครับขอข้ามไป จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 19:15:38

ความคิดเห็นที่ 47 ไล่เสียงวรรณยุกต์น่ะไม่ยากหรอกครับ อักรไทยสี่ตัวแรกน่ะเป็นตัวแทนของอักษรสามกลุ่ม กลาง สูง ต่ำ (ต่ำคู่ และต่ำเดี่ยว) ก    กา  ก่า  ก้า  ก๊า  ก๋า ข     -   ข่า  ข้า   -   ขา ค    คา   -   ค่า  ค้า   - ง    งา  หง่า ง่า   ง้า  หงา ง่ายจะตายหอง 555 เห็นอักษรตัวไหนแล้วไล่ไม่ถูกก็เขียนดูเลย เช่น ม ม้า มา หม่า ม่า ม้า หมา ต่ำเดี่ยวแน่นอน ช ช้าง ชา ฉ่า ช่า ช้า ฉา อ้าวมีฉ ฉิ่งโผล่มา งั้นต่ำคู่ หรือจะให้กลายเป็น มา ม่า ม้า ม๊า ม๋า ชา ช่า ช้า ช๊า ช๋า ปฏิวัติการออกเสียงใหม่ทั้งหมด 555 วุ่นแน่ รับรองว่าการทับศัพท์จะกลายเป็นเรื่อง chill chill ไปเลย เรื่องความน่าเชื่อถือน่ะ ตรงประเด็นเลยครับ เพราะประวัติเสียเนี่ยจะทำอะไรก็ต้องโดนเพ่งเล็งมากหน่อย 555 แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 20:53:38 จากคุณ : amscmu เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 20:16:04

ความคิดเห็นที่ 48 ความคิดเห็นที่ 46 เรื่องการใช้คำไทย อักษรสามหมู่ คำเป็นคำตาย ไม่เกี่ยวกับประเด็นของกระทู้นะครับขอข้ามไป ^ ^ เกี่ยวสิครับ ที่คุณบอกว่า "คะ" ไม่มีรูปวรรณยุกต์ แต่ยังมีเสียงวรรณยุกต์ได้ นั่นแหละที่เกี่ยวกัน ไวยากรณ์บอกว่า อักษรต่ำ คำตาย เสียงสั้น เสียงวรรณยุกต์เป็นเสียงตรีโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องใส่ัสัญลักษณ์กำกับ "คะ" จึงมีเสียงตรีโดยไม่จำเป็นต้องเห็นรูปวรรณยุกต์ ขออนุญาตเดาว่าที่คุณรู้สึกต่อต้านไวยากรณ์ เพราะไม่มีใครอธิบายเหตุผลว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า ซึ่งถ้าศึกษาลึกเข้าไปก็จะรู้เหตุผลครับ ถ้าลบ สามัญ เอก โท ตรี จัตวา ออกจากสมอง แล้วสอนเป็น เสียงกลางระดับ, ต่ำระดับ, สูงตก, สูงระดับ, ต่ำขึ้น มันคงจะชัดกว่านี้ แต่จะให้สอนกันแบบนี้จริงๆ เหรอ มันยากไปไหม แค่จำไว้ว่ามันเป็นแบบนี้เพราะกฎบอกไว้ก็พอ ถ้าใครอยากรู้ว่าทำไมถึงตั้งกฎแบบนี้ ค่อยศึกษาเพิ่มเติมทีหลังก็ได้ครับ แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 22:33:56 แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 22:32:36 จากคุณ : ส้มซ่าน้อยตัวใหญ่ เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 21:55:23

ความคิดเห็นที่ 49 อ่านกระทู้นี่และคงจะบอกได้สองคำคือ อืมมมมมมมมม...นะ จากคุณ : ปากกัดตีนถีบ จีบไม่ลง (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 22:30:40

ความคิดเห็นที่ 50 เอาข่าวนี้มาฝากอ่านประกอบกระทู้ครับ เปิดใจ ศ.ดร.กาญจนา นาคสกุล ราชบัณฑิตฯ สำนักศิลปกรรม http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9550000121006 จากคุณ : Naruno เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 01:23:58

ความคิดเห็นที่ 51 เนื่องจากยาว และง่วงนอน อ่านแบบคร่าวๆ สรุปคือ จขกท ยังมีความรู้พื้นฐาน ทางภาษาศาสตร์ ภาษาไทย ไม่มากพอ อย่างน้อย ก็ไม่ได้มากไปกว่า คุณ กาญจนา หลักที่เถียงกัน คือ จะออก ตามเสียงในอดีต คือแหล่งที่มาของคำจากภาษาต่างๆ คือ คงรูปอักขระ เพื่อบอกที่มาของคำ หรือให้ เขียนอักขระ ให้เหมือน ภาษาไทยศยามบางกอก ปัจจุบัน จขกท เหมือน คุณกาญจนา คือไม่เข้าใจในระบบ อักขระวิธีอักษรไทยศยามจริง กล่าวคือ การเขียน คา ข่า ข้า ค่า ค้า ขา เป็นการเขียนบอกแหล่งที่มาของคำ โดย ผู้อ่าน ปริวรรตเป็นการออกเสียง ไทศยามปัจจุบันเอง คา  Old Dai / ɡa ː A / > Bangkok Ziamese / kʰa ː A4 / = / kʰa ː สามัญ / ข่า  Old Dai / kʰa ː B / > Bangkok Ziamese / kʰa ː B1 / = / kʰa ː เอก / ข้า Old Dai / kʰa ː C / > Bangkok Ziamese / kʰa ː C1 / = / kʰa ː โท / ค่า Old Dai / ɡa ː B / > Bangkok Ziamese / kʰa ː B4 / = / kʰa ː โท / ค้า Old Dai / ɡa ː C / > Bangkok Ziamese / kʰa ː C4 / = / kʰa ː ตรี / ขา Old Dai / kʰa ː A / > Bangkok Ziamese / kʰa ː A1 / = / kʰa ː จัตวา / หากคุณ ต้องการเขียน รูปอักษร ให้ตรง กับ เสียงปัจจุบันจริง อย่างที่มุ่งมั่น คุณจักต้องเปลี่ยนระบบใหม่กล่าวคือ อักขระไทศยามปริวรรตเสียงโบราณ     อักขระไทศยามใหม่ตามเสียงปัจจุบัน คา                                            >            ขา ข่า                                            >            ข่า ข้า                                            >            ข้า ค่า                                           >             ข้า ค้า                                           >             ข๊า ขา                                            >            ข๋า งา                                            >            งา หง่า                                          >            ง่า หง้า                                           >          ง้า ง่า                                             >           ง้า ง้า                                            >            ง๊า หงา                                           >           ง๋า ส่วนระบบ ที่ คุณ กาญจนา แล จขกท  พยายาม เสนอ มันคือ ระบบเหยียบเรือสองแคม คือเป็นระบบ ที่มั่ว รวม เอา สอง ระบบ ที่ตรงข้ามกัน มาปะปนกันครับ ลองค่อยๆอ่านพิจารณาดูนะครับ ถ้าคุณอยู่ระดับ Mensa level คงจะเข้าใจได้ ถ้าไม่ ผมขออนุญาตออกจากการเสวนาครับ จากคุณ : Paphmania เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 02:41:48

ความคิดเห็นที่ 52 ความเห็น 48 คำว่า คะ ที่ยกมาเป็นเพียงยกตัวอย่าง ส่วนตัวผมที่ผ่านมายอมรับว่าไม่ชอบกฏ ห้ามใส่วรรณยุกต์ในคำทับศัพท์ เพราะผมเห็นว่ามันเป็นปัญหาครับ ทำให้กฏผันวรรณยุกต์ไม่ครอบคลุม แต่ที่ผ่านมาผมก็ปฏิบัติตามกฏนี้มาโดยตลอด ไม่ได้ต่อต้านครับ ตราบใดที่มันยังเป็นกฏผมก็ทำตาม ส่วนเรื่องเหตุผลและที่มาของกฏนี้ หากคุณมีเวลารบกวนตั้งกระทู้อธิบายหน่อยนะครับ เพื่อเป็นวิทยาทานแก่เพื่อนๆ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 07:22:14

ความคิดเห็นที่ 53 ความเห็น 51 ครับ ขอบคุณที่สละเวลามาตอบนะครับ ถ้าเป็นเรื่องสัทศาสตร์ ผมว่าคุณลึกซึ้งมากๆ ส่วนตัวผมรู้เรื่องสัทศาสตร์แค่ผิวๆครับ ผมศึกษาแค่วิธีการออกเสียงภาษาไทยปัจจุบันเทียบภาษาญี่ปุ่นปัจจุบัน เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการสอนวิธีออกเสียงภาษาไทยให้คนญี่ปุ่น (ถ้าไม่ประยุกต์เลย สอนไปก็ไม่รู้เรื่องเพราะคนทั่วไปไม่รู้เรื่องสัทศาสตร์) แต่เรื่องสัทศาสตร์ของอักขระไทยโบราณนี่ผมไม่มีความรู้จริงๆครับ ส่วนความรู้ของท่านราชบัณฑิต ผมก็ไม่ทราบว่าท่านมีความรู้ขนาดไหน ขอไม่ตอบในส่วนนี้ครับ ถ้าดูจากตารางของคุณ คำนึงถึงการออกเสียงอักขระไทยโบราณด้วย คำว่า cord ยิ่งควรใช้ ข ไข่ ใช่ไหมครับผมเข้าใจว่าคำนี้ฟังยังไงๆก็ไม่ใช่ /g/ น่าจะเป็น /kh/ มากกว่า ส่วนเรื่องตารางด้านล่าง เข้าใจว่าหมายความว่า ถ้าจะเปลี่ยน ควรเปลี่ยนแบบนี้ใช่ป่าวครับ ถ้าคุณเริ่ม ผมจะอาสาเข้าไปช่วยงานครับ เพราะผมความรู้ยังน้อย ไม่อาจทำงานใหญ่นี้ได้ ช่วยตอบกลับด้วยครับ การที่มีคนที่ลึกซึ้งขนาดนี้เข้ามาร่วมวง ผมเชื่อว่าจะทำให้คุณภาพของการสนทนาสูงขึ้นอีกมากครับ ส่วนเรื่อง Mensa level หรือไม่นั้น ถือเป็นเรื่องส่วนตัว ขอไม่ตอบนะครับ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 07:35:52

ความคิดเห็นที่ 54 ทำไมคุณ จขกท จึงคิดว่า 'การแก้กฏในคราวนี้จะทำให้กฏเรื่องการผันวรรณยุกต์มีความน่าเชื่อถือมากขึ้นครับ ผมจึงคิดเอาเองว่า ถ้ากฏมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น คนไทยก็จะตั้งใจเรียนกฏนี้มากขึ้นครับ' คำเหล่านี้ มีอิทธิพลมากขนาดนั้นเชียวหรือ เด็กประถมหนึ่ง ประถมสอง ยังไม่ค่อยรู้จักคำเหล่านี้ ก็ประสบปัญหากับการผันวรรณยุกต์อยู่แล้วครับ เรียนแล้ว ก็ยังผันไม่ค่อยถูก มันไม่ใช่ว่าเพราะเจอคำเหล่านี้แล้วผันไม่ถูก แต่เป็นเพราะมันผันไม่ถูกมาตั้งแต่พื้นฐานแล้วครับ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เป็นสิ่งที่ควรคิด และแก้่ไขด้วย ในระดับมหาวิทยาลัย หลายคณะก็ไม่มีสอนวิชาภาษาไทยแล้ว ที่เรียนมาไม่แม่นในตอนเด็กๆ ก็เลยยิ่งไปกันใหญ่ครับ ส่วนเรื่องหลักการเหตุผลต่างๆ ในเชิงวิชาการ แม้ผมจะเป็นคนไทย ใช้ภาษาไทย ก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับว่า ไม่ทราบลึกซึ้งถึงขนาดนั้นจริงๆ ครับ ส่วนเรื่องการจะแก้หรือไม่แก้คำเหล่านี้ ผมคิดว่ามีทั้ง ข้อดี ข้อเสีย ครับ ข้อดีคือจะได้มี เสียง ให้ใช้แบบเดียวกันหมด ข้อเสียคือ คำที่กำหนดไปแล้ว หากความนิยมเปลี่ยนไปมาก ก็คงต้องมาแก้กันอีก ในขณะที่ถ้าคงวิธีเขียนแบบเดิม ก็ไม่จำเป็น จากคุณ : zoi เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 08:03:30

ความคิดเห็นที่ 55 สั้นๆ นะคะ ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาที่มี tonal การออกเสียงมี accent ขึ้นอยู่กับที่มาและรูปประโยค ไม่มีความแน่นอน ภาษาไทยที่ยืมคำมา จะเอามาใส่วรรณยุกต์ให้ตายตัวเพื่อ? จากคุณ : Clear Ice เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 08:19:10

ความคิดเห็นที่ 56 เรื่องหลักภาษาการออกเสียงของภาษาไทยนี่เคยเรียนตัวหนึ่งที่กำหนดว่าคนจะเรียนวิชาโทภาษาไทยต้องเรียน ยากมากๆ ต้องท่องจำอย่างละเอียดแต่ก็ได้บีมาเป็นตัวภาษาไทยที่ได้เกรดต่ำสุดเพราะยากจริงๆ จำไม่ได้เลยเรื่องหลักภาษา ทั้งๆที่ตัววิจารณ์วรรณกรรม การเขียน ได้บีบวกไม่ก็เอหมด มีตัวนี้แหละยากสุดๆ จากคุณ : นางพญามารเมฆไฟ เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 08:40:19

ความคิดเห็นที่ 57 ตอบความเห็น 54 นะครับ สาเหตุที่ผมคิดแบบนั้นก็คือ ผมมองว่าครูรุ่นปัจจุบันล้วนโตมาด้วยกฏไม่ให้ใส่วรรณยุกต์ในคำทับศัพท์ ดังนั้นหากครูที่โตมาด้วยกฏไม่ให้ใส่วรรณยุกต์ในคำทับศัพท์ เขาไม่ค่อยแม่นกฏ แต่เขาก็คิดว่าไม่เป็นปัญหา ทำให้ครูเหล่านั้นสอนนักเรียนโดยที่ตัวเองก็ไม่ค่อยแม่นการผันวรรณยุกต์ เป็นสาเหตุของปัญหาเด็กไม่แม่นการผันวรรณยุกต์ครับ สำหรับครูที่แม่นการผันวรรณยุกต์ก็คงสอนตามปกติ แต่ในเมื่อเราเป็นผู้เรียน เราดันรู้(แบบผิดๆ) ว่าไม่ต้องตั้งใจจำกฏนี้ก็ได้ เพราะเราเห็นว่าคำทับศัพท์ไม่เห็นอยู่ภายใต้กฏนี้เลย ทำให้เราไม่ตั้งใจเรียนเรื่องนี้ แต่ถ้ากฏนี้มันครอบคลุมกว้างมากขึ้น ครูที่ไม่แม่นคงต้องศึกษาเพิ่ม นักเรียนก็คงตั้งใจเรียนมากขึ้น เพราะกฏมันใช้ได้ทั่ว ด้วยเหตุนี้ผมจึงคิดแบบนั้นครับ ส่วนเรื่องแก้ตัวเขียน ตามวิธีพูดที่เปลี่ยนไป มีการดำเนินการมาโดยตลอดอยู่แล้วครับ ดังที่ผมได้ตอบไปแล้วในความเห็นบนๆ ขอข้ามเรื่องนี้ไปนะครับ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 08:52:28

ความคิดเห็นที่ 58 ผมไม่เก่งภาษาไทย ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย แต่สงสัยตรรกะในการถอดคำยืมภาษาต่างประเทศเป็นภาษาไทย ถ้าจะเขียนให้ออกเสียงเหมือนที่คนไทยพูดจริง ๆ ทำไมไม่ทำให้เสมอภาคกันทุกคำยืมจากทุกภาษา แล้วทำไมไม่เขียนให้เหมือนที่ออกเสียงจริง ๆ ละครับ สุวรรณภูมิ ทำไมไม่เขียน สุวรรณภูม สมมติ ทำไม่ไม่เขียน สมมุต ขัดสมาธิ ทำไมไม่เขียน ขัดสะหมาด เข้าสมาธิ ก็อ่าน เข้า สะมาทิ ได้นี่ครับ สังเกตุ ทำไมไม่เขียน สังเกต หรืออย่างคำภาษาอังกฤษจริง ๆ คอมพิวเตอร์ กีตาร์ จะเปลี่ยนเป็น ค็อมพิ้วเต้อร์ กีต้าร์ ทำไมต้องมี ร์ ในเมื่อไม่ออกเสียงในภาษาำไทย เพราะคำไทยก็ออกเสียง เต้อ เฉย ๆ อีกอย่าง ผมว่าบางทีการเอามาเขียนมาภาษาไทย ออกเสียงอย่างคนไทย มันก็ยิ่งทำให้คนไทยที่ไม่รู้ภาษาอังกฤษ ยิ่งออกเสียงเพี้ยนกันเข้าไปอีก พาลจะกลายเป็นคนละคำ effect ที่มาเขียนว่า เอฟเฟกต์ จริง ๆ มันก็ไม่ได้ออกเสียงแบบนี้ มันควรจะเป็น อิฟเฟกต์ ด้วยซ้ำ อ่านตามที่ราชบัณฑิตเขียน ก็พาเพี้ยนไปอีก หรือคำบางคำ ถึงแม้จะมีการันต์ ก็ยังอนุโลมให้ออกเสียงตัวที่มีการันต์นั้นได้ โดยบอกเป็นกรณีพิเศษ แต่ผมจะไม่ยกคำนั้น เพราะกลัวไปคุกโดยไม่รู้ตัว อะไรคือหลักภาษาครับ ผมสงสัยจริง ๆ ส่วนตัวผมเอง ผมเชื่อมั่นว่าตัวเองสามารถผันวรรณยุกต์ได้ถูกต้อง (อาจารย์ภาษาไทยเป็นคนยืนยันเอง) แต่ผมก็ไม่เห็นปัญหาเรื่องการผันวรรณยุกต์ที่เกิดจากคำภาษาต่างประเทศเป็นต้นเหตุ เพราะก็เข้าใจดีว่า ถ้าคุณสามารถผันวรรณยุกต์จาำกคำไทยแท้ เริ่มจากง่าย ๆ ไปยาก ๆ จากแบบมีรูปวรรณยุกต์ ไปจนไม่มีรูปได้ ไ้ม่ว่าภาษาไหน ก็จะไม่เป็นปัญหาสำหรับคุณ จากคุณ : Cholesterol Lover เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 09:52:58

ความคิดเห็นที่ 59 เข้าไปอ่านเปิดใจ.ศ.ดร.กาญจนาแล้ว เห็นได้ชัดว่าอาจารย์ไม่หันมามองตัวเองบ้างเลย เอาแต่ความคิดตัวเองฝ่ายเดียว หยิบแต่เหตุผลตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ได้มองถึงเหตุผลของคนอื่นบ้างเลย จากคุณ : amscmu เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 10:08:19

ความคิดเห็นที่ 60 เราว่ากฏเดิมของราชบัณฑิต ก็ชัดเจนดีนะคะ เพื่อให้รู้ที่มาของคำ และการสะกดเดิม เราจะสามารถเดาได้ว่าคำนี้ในภาษาอังกฤษสะกดอย่างไรด้วยหลักการที่ชัดเจน กรณีการใส่วรรณยุกต์ ราชบัณฑิต ก็มีกฏอยู่นะ ๔. การใช้ไม้ไต่คู้ ควรใช้ในกรณีต่อไปนี้            ๔.๑ เพื่อให้เห็นแตกต่างจากคำไทย เช่น log              =      ล็อก            ๔.๒ เพื่อช่วยให้ผู้อ่านแยกพยางค์ได้ถูกต้อง เช่น Okhotsk      =      โอค็อตสก์        ๕. การใช้เครื่องหมายวรรณยุกต์ การเขียนคำทับศัพท์ ไม่ต้องใส่เครื่องหมายวรรณยุกต์ ยกเว้นในกรณีที่คำนั้นมีเสียงซ้ำกับคำไทย จนทำให้เกิดความสับสน อาจใส่เครื่องหมายวรรณยุกต์ได้ เช่น coke           =      โค้ก coma          =      โคม่า ดังนั้นในกรณีที่คุณกาญจนา บอกมาว่าสะกดให้เหมือนการออกเสียง ดูเหมือนการตั้งกฏตามใจฉันโดยไม่มีหลักการใดๆ เพราะถ้าจะเปลี่ยนจริงก็น่าจะให้เหตุผลที่ดีกว่านี้อีกหน่อย เราว่าการเอาคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษมาเทียบกับการออกเสียงมันดูแปลกๆ เพราะที่มาของคำแตกต่างกันจึงมีข้อยกเว้นและหลักการเขียนที่ต่างกันไม่ใช่เหรอคะ เหมือนกรณีที่เป็นคำที่ยืมมาจากบาลี สันสฤต  เขมร จึงมีข้อยกเว้นและหลักการเขียนที่แตกต่างจากภาษาไทยไม่ใช่เหรอคะ ปล. แนบหลักการของราชบัณฑิตเรื่องการเขียนทับศัพท์ไว้ให้อ่านกันเล่นๆนะคะ http://www.royin.go.th/th/profile/index.php?PageNo=1&PageShow=213&SystemModuleKey=127 ถ้าทุกคนศึกษาหลักการดีๆ ก็น่าจะอธิบายเหตุผลให้เด็กๆฟังได้ไม่ยากนะคะ แต่ที่ตอบเด็กไม่ได้เป็นเพราะไม่รู้หลักการมากกว่ารึเปล่า เราว่าราชบัณฑิต น่าจะมาเผยแพร่หลักการเขียนทับศัพท์ให้คนส่วนใหญ่ที่ไม่รู้ ได้รู้มากกว่านะ และถ้าจะเปลี่ยนจริง ราชบัณฑิตก็กรุณากลับไปเปลี่ยนหลักการอ้างอิงด้วยนะคะ ปล. 2 เขียนให้เหมือนการออกเสียง ไม่เขียนเป็นคำอ่านเลยหล่ะคะ (อันนี้เป็นอารมนิดนึง) กีต้าร์ -กีต้า คอร์ด - ขอด คอมพิวเตอร์ - คอมพิ้วเต้อ แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 55 10:17:46 จากคุณ : เมฆน้อยสีรุ้ง เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 10:13:44

ความคิดเห็นที่ 61 ตอบความเห็น 58 ครับ คำบาลีสันสกฤติเรานับว่าเป็น"คำยืม"เข้ามา เรื่องที่คุยกันอยู่ตอนนี้เรียกว่า "คำทับศัพท์" ครับ ประเด็นที่เหลือที่คุณถามถือว่าไม่ตรงประเด็นนะครับ ขอไม่ตอบ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 11:04:16

ความคิดเห็นที่ 62 ไม่ตอบไม่เป็นไรครับ ผมไม่ซีเรียส เพราะผมแค่ตั้งข้อสงสัย ไม่ได้คิดจะขอคำตอบครับ และสำหรับประเด็นของ จขกท ผมว่าหลาย ๆ ท่านให้คำตอบได้ชัดเจนดีอยู่แล้ว จึงไม่ได้มีข้อสงสัยครับ ผมก็แค่ตั้งข้อสังเกตสงสัยในมาตรฐาน หลักการ และระบบการดำเนินการของทางราชบัณฑิตเฉย ๆ  ว่าบางที สิ่งที่ทำหลาย ๆ อย่าง กับคำอธิบายที่ออกมา มันไม่ได้น่าเชื่อถือซักเท่าไหร่ ยิ่งเมื่อเช้าได้อ่านที่ ศ.ดร. กาญจนา ออกมาให้ความเห็นแล้ว ก็ยิ่งเพลีย ยิ่งทำให้รู้สึกว่า ในอนาคต ภาษาไทยสุดท้ายก็อาจจะกลายเป็นเหมือนภาษาบาลี สันสกฤต ที่ตายไปแล้วก็ได้ ขอบคุณสำหรับความเห็นครับ จขกท จากคุณ : Cholesterol Lover เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 11:10:49

ความคิดเห็นที่ 63 ตอบความเห็น 60 ครับ คำยืมกับคำทับศัพท์ไม่เหมือนกันครับ ขอบคุณสำหรับลิงค์ที่แนบครับ เรื่องที่ว่าทำไมไม่เขียนเหมือนคำอ่านถือว่าอยู่นอกประเด็นนะครับ ประเด็นตอนนี้คือปรับการใช้วรรณยุกต์ หรืออักษรเพื่อให้ตรงกับเสียงอ่านครับ ผมสนับสนุนเรื่องนี้ เรื่องตัดตัวการันต์ ไม่ได้อยู่ในประเด็นนี้ ถ้ามีข้อเสนอให้ตัดตัวการันต์ ผมไม่เห็นด้วยครับ แต่ตอนนี้ยังไม่มีครับ ขอผ่านครับ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 11:10:50

ความคิดเห็นที่ 64 ให้ความรู้สึกเหมือนม้าที่โดนปิดตาจัง มองด้านเดียว ไม่ยอมมองรอบด้าน พอดีเราชอบมองปัจจัยแวดล้อมด้วย เลยไม่ค่อยเข้าใจระบบความคิดที่แยกส่วนแบบนี้เท่าไหร่ ถ้ามองแต่ประเด็นของคุณอย่างเดียว "คือปรับการใช้วรรณยุกต์ หรืออักษรเพื่อให้ตรงกับเสียงอ่าน" ก็จะค้านด้วยเหตุผลเดียวกับคนอื่น มาตรฐานการอ่านอยู่ที่ไหน ส่วนประเด็นเกี่ยวเนื่องอื่นพูดไป ก็คงไม่มีประโยชน์ ไม่เป็นไรคะ สวัสดี ------ ลบคำซ้ำคะ แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 55 02:22:52 แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 55 02:16:55 จากคุณ : เมฆน้อยสีรุ้ง เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 12:13:12

ความคิดเห็นที่ 65 กฎเดิมเรื่องการเขียนทับศัพท์ มันดีอยู่แล้วนะคะ ไม่งง ไม่สับสน มาสอนให้เด็กเข้าใจกฎตรงนี้ยังง่ายกว่าอีก ถึงจะเปลี่ยนให้มีรูปวรรณยุกต์ตรงตามที่ออกเสียงทุกตัว มันก็ไม่ได้ช่วยเรื่องการผันวรรณยุกต์ให้ถูกต้องเลยค่ะ ถ้าจะแก้เรื่องนี้มานั่งพัฒนาวิธีการสอนให้เด็กเข้าใจง่ายขึ้นจะดีกว่า จากคุณ : Soleindee เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 12:20:44

ความคิดเห็นที่ 66 คำเก่าจะแก้ทำไม แล้วทำไมล่ะ เดี๊ยนพูดตรง ๆ ว่าไม่ใช่อ่านไม่แตก แต่ยอมรับว่าไม่ได้อ่านที่มาของเรื่อง พอดีไปเจอในเว็บ BlogNone เลยตามมาใน PanTip โต๊ะห้องสมุด บอกว่าไม่เห็นด้วย แต่ปรากฏว่ากระทู้นั้นคงมีคนแจ้งลบ commentator = คอมเม้นเตเต้อ, คอมเม็นเตเต้อ, ค้อมเมินเทเถอะร์ (จริง ๆ ค้อม ต้องเป็นเสียงสั้นด้วย ภาษาไทยจะเขียนยังไงล่ะ) computer อ่านแบบคนไทย บางคน ค็อม - พิว - เต้อ บางคนอ่าน ค็อม - พิ้ว - เต้อ นะคะ อีกเรื่อง อันนี้นอกประเด็น (อันนี้ลากเมาส์ สโครลล์กระทู้นี้ผ่าน ๆ ไม่ได้อ่านละเอียด ขออภัย ออกแนวฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด แต่อยากพูด) log = ซุง, การ log ข้อความ; lock = ล็อคกุญแจ; block = บล็อค; weblog = บล็อก, เว็บล็อก คำว่า world = เราลดรูปการเขียนให้เหลือ เวิลด์ ซึ่งถ้าถอดจริง ๆ เพื่อรักษารากศัพท์ให้คงรูปให้เห็น มันอาจจะต้องเขียนเป็น เวิร์ลด์ ซึ่งไม่มีในภาษาไทย คำยืมบาลี-สันสกฤต หลายคำ เราก็ลดรูป เวลาอ่านต้องเอาตัวหลังมาสะกดตัวหน้า แต่เวลาเขียนถอดบาลี เราต้องเติมตัวสะกดเพิ่ม เช่น ตัว ส ตัว ต จากคุณ : อวัยวะชิ้นนั้น เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 12:51:17

ความคิดเห็นที่ 67 เห็นด้วยนะคะบางข้อ เเต่อ่านเเล้วก็ไม่เข้าว่าก่อนที่เราจะพิมพ์อะไร พูดอะไรเราๆท่านๆยังต้องมานั่งไล่ผันเสียงวรรณยุกต์กันอีกหรอ คนไทยโง่ขนาดจำไม่ได้ พูดไม่ได้เเล้วหรอว่าเขียน พูดว่าไงก่อนเขียน พิมพ์อะไรทุกครั้งนี่ เรื่องการเรียนดิฉันมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา ที่ต้องเจอเรื่องยาก ถ้าเราสามารถเเก้ไขภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศอื่นๆตามใจเราได้ทุกภาษา เด็กไทยเก่งภาษาอังกฤษกันหมดทุกคนละค่ะ ไม่ต้องมาเป็นลำดับท้ายสุดในอาเซียนให้คนเขาด่าหรอก เเละรู้สึกว่าภาษาไทยก็ไม่ได้เป็นภาษาที่ติดอันดับยากที่สุด 10 อันดับของโลกอะไร คนที่ว่ายากนี่คงเเค่ไม่กี่คน เเละเพราะความขี้เกียจของตัวเองด้วยมั้งคะ สงสัยจริงๆว่าภาษาพูดกับภาษาเขียนมันจำเป็นต้องเหมือนกันหรือคะ ต้องเป็นทุกภาษาเลยไหม จากคุณ : น้ำค้างเเก้ว เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 13:17:28

ความคิดเห็นที่ 68 ผิดตรงคนโง่ลง? งั้นแก้ให้ทุกเสียงผัน สามัญ เอก โท ตรี จัตวาได้แบบอักษรกลางก็สิ้นเรื่อง รับรองชาติไทยชาติไหนก็ไม่งงแล้ว ไม่ต้องมาเรียนคำเป็นคำตาย เสียงต่ำแทนสูง บลาๆเยอะแยะ จากคุณ : HoliDay Never Comes เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 14:51:56

ความคิดเห็นที่ 69 เรามองว่าเดี๋ยวนี้ครูสอนกันแปลกๆ เดี๋ยวนี้คำบางคำที่เด็กไม่เคยเขียนก็เขียนกันไม่ได้เยอะแยะ เหมือนเรียนภาษาไทยอย่างท่องจำไม่เข้าใจ เราเป็นแม่มีลูกวัยอนุบาลคิดไม่ออกเลยว่าจะสอนลูกเขียนยังไง แม่เรียนอย่างลูกเรียนอย่าง เราว่าคำบางคำถ้ามันนิ่งแล้วเสถียรแล้วไม่พัฒนาบ้างก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร(สำหรับเรา) จากคุณ : แม่น้องฟ้าใส (มามี๊ตัวกลม) เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 15:04:38

ความคิดเห็นที่ 70 แบบเดิมดีกว่านะครับ เพราะบางคนเขาก็ไม่ได้จะอ่านแบบที่กำหนดมา แบบเดิมเป็นอิสระในการอ่านดีกว่านะครับ จริงการทับศัพท์จากคำต่างประเทศยิ่งเป็นประเทศที่เขาไม่มีวรรณยุกต์ ยิ่งไม่ควรกำหนดเสียงตายตัว เพราะเราต้องการเพียงให้ใกล้เคียง ไม่ใช่เอาแน่เอานอน แล้วยิ่งเด็กปัจจุบันมีปัญหาการผันวรรณยุกต์ แล้วก็ยังเรียนภาษาอังกฤษในสำเนียงที่ต่างจากโบราณด้วย มันจะยิ่งสับสนกันไปใหญ่ ไม่เปลี่ยนจะดีกว่า จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 16:17:17

ความคิดเห็นที่ 71 ถ้าจขกท.ต้องการถกประเด็นให้เกิดความคิดและความเข้าใจหลากหลาย ทำไมถึงได้เลือกตอบเฉพาะบางคำถามล่ะคะ สรุปว่ากระทู้นี้ที่ตั้งมาเพื่อ? จากคุณ : Clear Ice เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 16:25:14

ความคิดเห็นที่ 72 ขอแจ้งข่าวหน่อย พอดี ผมมีโอกาสคุยกับเพื่อน ที่รู้จัก ราชบัณฑิตครับ เขาเล่าให้ฟังว่า พอเห็นข่าว เขา ก็โทรไปถามว่าจะเปลี่ยนจริงๆ และ ราชบัณฑิต เห็นด้วยหรือ ที่จริงแล้ว เป็น เรื่องในงานประชุมราชบัณฑิต และมีคนเสนอมา และ กำลังแจ้งเวียนให้ ราชบัณฑิตที่อยู่ประมาณ 300 กว่าๆ คนทั่วประเทศ ที่มีคุณวุฒิ ตามสาขาต่างๆ ได้พิจารณา เท่าที่สอบถาม  ราชบัณฑิตส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยนะครับ ดังนั้นข่าวที่ออกมาจาก ช่องสาม ผมว่า เป็นการอ่านข่าวของคนกลุ่มหนึ่ง อาจจะไม่จำเป็นต้องถูกก็ได้ หรือ ได้ข้อมูลมาเพียงเล็กน้อย เนื่องจากต้องการความมัน เลย พูดออกไปทำให้ความรู้สึกของคนที่ฟังแล้วรู้สึกเกิน กว่าความเป็นจริง ไปบ้างก็ได้ ราชบัณฑิตส่วนใหญ่ เข้าใจว่าคำยืมมากจากต่างประเทศ การออกเสียงเป็นไปตามรูปประโยค ตาม ใครหนอผมจำชื่อไม่ได้ ได้ออกความเห็นไว้เมื่อครั้งนานมาแล้ว ว่าให้   เขียนโดยไม่มีรูปวรรณยุค  เพราะภาษาอังกฤษมี การ สเตรทคำ ดังนั้น ไม่สามารถออกเสียงตามคำไทยได้ ผมอยากสรุปว่า  ข่าวที่เราฟัง   กับ เรื่องจริง มันอาจจะไม่เหมือนกัน เท่าที่ทราบ ราชบัณฑิตส่วนใหญ่ ไม่ได้เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้นะครับ โปรดพิจารณา จากคุณ : ช้างยิ้ม เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 16:33:11

ความคิดเห็นที่ 73 #66 คำว่า world นี่ที่ไม่มี ร ผมเดาว่าเพราะ or มันคือ เ-อ ไปแล้วไงครับ กฏการทับศัพท์มันมีอยู่แล้วควรจะคงไว้ แต่อนุโลมให้เขียนตามเสียงพูดได้ ผมว่าการแก้ปัญหาแบบนี้น่าจะ compromise ที่สุด อย่าง book นี่เห็นว่ากำหนดให้ใช้ บุก แต่เนื่องจากอาจสับสนกับคำไทยจึงใส่วรรณยุกต์เข้าไปกลายเป็น บุ๊กได้ (ใช้กฏและข้อยกเว้นเดียวกับ coke โค้ก) จากราชบัณฑิต booking              =          บุกกิง ผมว่า บุ๊กกิ้งก็พอทนนะครับ อนุโลมก็แล้วกันนะฮ้าฟ มันไม่มีอะไรที่ perfect หรือผิดถูก 100% อาจารย์กาญจนาน่าจะเปิดใจมองบ้าง แล้วก็ออกมาแย้งที่ประเด็นพวกนี้ หรือบอกว่าถ้าทำนี่จะทำให้มันเป็นระบบอย่างไร และเนื่องจากเป็นการถอดเสียงมันจึงไม่มีกฏที่แน่นอน (อีกเหมือนกัน) เพราะมีได้หลายสำเนียง หรือแม้แต่สำเนียงเดียวกัน ต่างกรรมต่างวาระยังออกเสียงต่างกันไป ดังนั้นถ้าราชบัณฑิตจะเอากันจริงๆก็ต้องไปเอา dict BBC มาแล้วถอดเสียงทุกคำในนั้นให้เป็นไทยให้หมด แล้วให้พจนานุกรม อังกฤษ-ไทย ทั้งหมดใช้ตามนี้ เพื่อทุกคนจะได้ใช้เหมือนๆกัน ดังนั้นต่อไปพจนานุกรมไม่ว่าของมติชน ดร.วิทย์ อจท หรือสอ ก็ต้องยึดตามนี้ แล้วรูปแบบก็จะเป็นไปตามนี้ (เอาตาม สอ) เช่น Book (บุค) [บุ๊ก] หนังสือ ......... computer (คอมพยูท-เออะ) [ค็อมพิ้วเต้อร์, คอมพิวเตอร์] เครื่องคำนวน ถ้าของดร.วิทย์ก็จะออกเสียงอีกอย่างนึง Book (บุค แล้วมีจุดใต้คเพื่อแสดงกระออกเสียงเคอะแบบสั้นมากกก) Computer (คัมพิว' เทอะ) แบบนี้น่าจะแก้ปัญหาเรื่องการออกเสียงและทับศัพท์ไปได้ส่วนหนึ่ง กล่าวคือถ้ามีปัญหาให้มองหาพจนานุกรม 555 ผมเองพก smart phone ที่ขาดไม่ได้คือ app thai dict นี่แหละ แค่นี้ทำไม่ยากหรอกครับ พจนานุกรมก็มีอยู่แล้ว จากคุณ : amscmu เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 16:45:18

ความคิดเห็นที่ 74 เดี๊ยนผันวรรณยุกต์ไม่เป็นค่ะ คือเท่าที่ตั้งใจอ่านข้างบนแบบลวก ๆ อีกรอบ บางคำเดี๊ยนผันไม่ถูก ไม่รู้ว่าเสียงไหน เดี๊ยนเคยเข้าใจว่าคำว่า ค่ะ ออกเสียงว่า ขะ ด้วยแหละ แต่อันนี้เคยเรียนผ่านมาแล้ว แต่ลืม แต่ ร๋วด นี่สิ ออกเสียงยังไงหนอ คำว่า world เวลาออกเสียงภาษาอังกฤษ รู้สึกจะต้องออกเสียง r ด้วย และถ้าเช่นนั้น คำว่า -เตอร์ ทำไมเราเติม ร์ และทำไมคำว่า Turk เราถึงเขียน เติร์ก อันนี้เดี๊ยนเข้าใจค่ะ ไม่ใช่ประเด็นจะมาถกกัน คือจะบอกว่าเราลดรูปให้มันง่ายขึ้นและตรงกับหลักภาษาของเรา (คือไม่ใส่ตัวการันต์ซ้ำซ้อน) ทำไมต้องไปเพิ่มความยุ่งยากขึ้นมาใหม่ (ขออภัย ย่อหน้านี้เดี๊ยนเบลอและหลงประเด็นจริง ๆ -- คำว่า เบลอ เป็นการสะกดที่ติดมือไปแล้ว จริง ๆ ควรจะต้องสะกดว่า เบลอร์ = blur แต่ก็ บอล = ball ไม่จำเป็นต้อง บอลล์ แต่ เซลล์ = cell เป็น เซล ไม่ได้) เมื่อวานเปิดเว็บ dict.longdo.com อีกที Oxford ออกเสียง computer อย่างนึง CMU (จำไม่ได้ว่าเคมบริดจ์หรือคาร์เนกี เมลล็อน น่าจะมอหลัง ก็ออกเสียงอีกอย่าง) ก็ออกเสียงโฟเนติกส์อีกอย่างนึง ซึ่งเดี๊ยนอ่านวิธีเขียนโฟเนติกส์อย่างหลังไม่เป็นเลย จากคุณ : อวัยวะชิ้นนั้น เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 17:11:03

ความคิดเห็นที่ 75 ถ้าเป็นไปตามที่ คห. 72 บอก ก็ต้องขออนุโมทนากับราชบัณฑิตส่วนใหญ่ด้วยครับ จากคุณ : Cholesterol Lover เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 17:18:25

ความคิดเห็นที่ 76 คำว่า บอล เหมือนว่าสมัยก่อน จะเคยมีบางท่านสะกดเป็น บอลล์ ด้วยนะ แล้วรู้สึกว่าคนไทยปัจจุบัน ออกเสียง ฟุตบอล ว่า ฟุด - บ็อน แทนที่จะเป็น ฟุด - บอน ซึ่งถ้าใครออกเสียงตามแบบหลัง มักจะม้วนลิ้นเป็นเสียงตัว L ตามภาษาอังกฤษด้วยนะคะ ถ้าจำไม่ผิดนะ จากคุณ : อวัยวะชิ้นนั้น เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 17:52:44

ความคิดเห็นที่ 77 ผมคิดเห็นว่าความสับสนในการออกเสียงในปัจจุบันเพราะคำเหล่านี้ออกเสียงไม่ตรงตามที่เขียน เพราะมันเป็นคำยืม และเราไม่สามารถเขียนภาษาไทยให้ตรงกับการออกเสียงของเค้าได้ เราไม่มีทางแก้ปัญหาเหล่านี้ได้เพราะว่าเรายึดหลักภาษาแตกต่างกันครับ ถ้ายึดให้เขียนแบบใหม่ เด็กที่เรียนภาษาอังกฤษก็จะงงอีก เพราะคำยืมส่วนใหญ่ไม่ได้ออกเสียงตามที่เขียนด้วยอักษรไทยที่เราพยายามจะแก้กันนี้เลย ในเมื่อมันไม่ใช่ภาษาเรา เราไม่มีทำให้มันถูกตามหลักของเราได้หรอก และเราจะแก้ให้เกิดความสับสนซ้ำซ้อนทำไม? จากคุณ : Canon in Science Major เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 19:10:18

ความคิดเห็นที่ 78 English /US English /UK English /AU English /Canada Blah Blah Blah เกี่ยวกันมั้ย ฝรั่งคนนึงเคยสอนวิธีออกเสียง Chocolate ผิดนะจ๊ะ ต้องแบบนั้นแบบนี้ ออกเสียงแบบนั้นนี้ เป็นสำเนียงนี้นั้น อ. ต้องพิจารณากำกับตัวนี้เพิ่มอีกหรือป่าวค่ะ เซ็นติเม็ตร UK, US หรือที่ไหนดี? //ถามแบบผู้น้อย สงสัยจริงๆ จากคุณ : bluestep (BlueStep) เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 21:39:12

ความคิดเห็นที่ 79 centimetre, centimeter อ่าน เซ้น (เสียงสั้นด้วยนะ แต่ภาษาไทยใส่ไม้ไต่คู้เพิ่มไม่ได้แล้ว) - ถิ - หมี่ - เถอะร์ แต่บ้านเราเขียน เซนติเมตร percent อ่าน เผอะ - เส้นท์ (เสียงสั้น) แต่บ้านเราเขียน เปอร์เซ็นต์ (มีไม้ไต่คู้ ต่างจากคำว่า เซนติเมตร ซึ่งเดี๊ยนเข้าใจเอาเองว่า ที่คำว่า เซนติเมตร เขียนแบบนี้ เพราะเรายืมมาจากภาษาฝรั่งเศสโดยตรงหรือเปล่า, เสียงยาวในคำว่า เปอ รวมทั้งเสียง ร์ มาจากไหน ถ้าไม่ใช่การรักษารูปศัพท์เดิม) ภาษาไทยเดิม พวกคำยืมจากนานาชาติ เราล้วนก็ต้องจำเป็นคำ ๆ ไป ทำไมจะจำภาษาอังกฤษเพิ่มอีกไม่ได้ล่ะคะ ถ้าจะแก้ภาษาอังกฤษ ทำไมไม่แก้ทั้งหมด และถ้าจะอ้างว่าภาษาอังกฤษมาใหม่ เรามิต้องเปลี่ยนตามโฟเนติกส์ใหม่หมดเลยเหรอคะ เอาแค่พอรู้ แล้วใช้คอมมอนเซนส์ หรือสามัญสำนึกในการอ่านจะดีกว่าไหม จากคุณ : อวัยวะชิ้นนั้น เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 01:33:21

ความคิดเห็นที่ 80 ปัญหาของเรา เราไม่แก้แล้วใครจะแก้ครับ ปัญหาของเรา มันเป็นปัญหาจริงหรือเปล่า ต่อให้มันเป็นปัญหาจริง ก็ไม่ใช่เอาลิงมาแก้ .. แบบ .. ลิงแก้แห ภาษาไทย เป็นภาษาที่มีวิวัฒนาการมายาวนานนับพันปี เกิด เจริญเติบโต และเปลี่ยนแปลง จากภาษาอื่นๆนับสิบๆภาษา และยังมีการเติบโต เปลี่ยนแปลงได้อีกมาก เพราะภาษาไทย ไม่ใช่ภาษาที่ตายแล้ว กฏ เกณฑ์ ของภาษาไทย มันถึงอินุงตุงนัง เพราะตั้งขึ้นมาตามยุคตามสมัยเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้ต่างจาก กฏ เกณฑ์ของเรื่องอื่นๆ คือ มีข้อยกเว้น โดยเฉพาะข้อยกเว้น ที่เกี่ยวกับคำที่เกิดจากภาษาอื่น และพึ่งนำมาใช้ใหม่ๆ คือ เป็นไปตามกระแสสังคมส่วนใหญ่ ใครใคร่ใช้อะไร ก็ใช้ไป จนกว่าเป็นคำสุดท้าย คอมพิวเตอร์ ถึงเป็น คอมพิวเตอร์ ไม่ใช่ "ค็อมพิ้วเต้อร์" อย่างที่อยากจะให้เป็น จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 08:00:12

ความคิดเห็นที่ 81 ภาษาไทย มีความสละสลวย และติดหนึ่งภาษาที่มีความเพราะที่สุดในโลก สิ่งใด มีความสวยงามในตัวเอง โดยหาเหตุผลอธิบายไม่ได้ชัดเจนว่า "ทำไม" มันจะมีเหตุผลที่ชัดแจ้ง เหตุผล คือ สิ่งนั้นๆ เป็นศิลปะ ใช่!! ภาษาไทย เป็นศิลปะ ศิลปะ ตั้งแต่ การกำหนดลายเส้นตัวอักษร การเขียน การสะกด การประสม การออกเสียง จนถึง การใช้งาน อะไรก็ตาม ที่เป็นศิลปะขั้นสูงสุดยอด แล้วพยายามหากฏ เกณฑ์ กรอบ มาตีล้อม มาบีบ มาบังคับ ฯลฯ ถ้าทำได้ สิ่งนั้นๆ ก็ไม่ใช่ศิลปะขั้นสูงหรอก เพราะศิลปะที่แท้จริง จะดิ้น สลัด ทิ้งกรอบ ฯลฯ อยู่เสมอๆ ---------------------------------- แต่ก่อนจะอ้างภาษาสก้อย ภาษาแช็ต ภาษาแอ๊บแบ๋วววว ฯลฯ ว่ามันเป็นศิลปะ ก็โปรดรู้ก่อนว่า กรอบมันอยู่ตรงไหน ทำไมมันถึงเป็นกรอบ ทำไมถึงต้องมีกรอบ ไม่อย่างนั้น มันก็ xxxxxxxxxxxxxxxxxxxx พอๆกันนั่นแหละ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 08:06:52

ความคิดเห็นที่ 82 ไม่รู้ว่า ตลาดวายแล้วหรือยัง เพิ่งจะมองเห็นกระทู้นี้ ที่จริงมีความคิดเห็นเป็นรายข้อ ต่อประเด็น 8-9 ประเด็นของ จขกท. แต่จะยาวเกินไป โดยสรุปแล้ว มีความคิดเห็น คือ "หากข้อเสนอนี้ขอให้เปลี่ยนวิธีเขียน เพื่อให้ตรงกับการออกเสียงของคนไทยส่วนมาก ไม่ใช่ขอให้เปลี่ยนเพื่อให้ตรงกับการออกเสียงภาษาอังกฤษของชาวต่างชาติ" 1.ข้อความข้างต้น เป็นผลจากการวิจัย หรือ ความคิดเห็นของใคร ถ้าวิจัย ดำเนินการโดยใคร กลุ่มตัวอย่างคือใคร จำนวนเท่าใด ใช้เวลาในการศึกษาเท่าใด ผลของการวิจัยคืออะไร วิเคราะห์ผลโดยอะไร ใช้ระดับโอกาสความน่าเชื่อถือได้ที่เท่าใด 2.หากไม่เปลี่ยน จะเกิดผลอย่างไร ต่อ ใคร เป็นผลรุนแรงเพียงใด ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น 3.ถ้าต้องเปลี่ยน มีวิธีการกี่วิธี วิธีใดเหมาะสมที่สุด เพราะอะไร 4.การเปลี่ยนจะดำเนินการอย่างไร ให้ประชาชนส่วนใหญ่ เข้าใจ เห็นด้วย เพื่อให้เป็นที่ยอมรับกันทั่วไป ไม่ควรหวังให้ประชาชน ต้องเข้าใจเองว่า ต้องยอมรับโดยการไปศึกษาด้วยตนเอง เพื่อใช้ให้ถูกต้อง จากคุณ : ไม้ทั่วไป เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 10:36:09

ความคิดเห็นที่ 83 ตอบความเห็น 64 ครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ วิธีกำหนดภาษามาตรฐานนั้นมีอยู่แล้วครับ ดังนั้นหากเรียนเปลี่ยนกฏแล้ว ก็สามารถใช้วิธีเดิมในการกำหนดคำอ่านมาตรฐานเพื่อกำหนดวิธีเขียนได้ครับ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 10:36:19

ความคิดเห็นที่ 84 ตอบความเห็น 65 ครับ ผมมองว่าการเปลี่ยนกฏในครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาวิธีการเรียนการสอนการผันวรรณยุกต์ครับ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 10:38:23

ความคิดเห็นที่ 85 ความเห็น 66 ผมเริ่มเห็นด้วยกับการที่ไม่ควรแก้คำปัจจุบันแล้วครับ เพราะคำทับศัพท์ที่เข้ามาก่อนโดนเปลี่ยนกฏก็ไม่ได้โดนแก้หลังเปลี่ยนกฏ วรรณยุกต์ที่เคยใส่ก็ยังถูกใส่อยู่ตามกฏเก่า บางทีไอเดียของคุณอาจจะทำให้ทุกฝ่ายยอมรับได้ก็ได้ครับ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 10:40:39

ความคิดเห็นที่ 86 คำในกลุ่ม -TION เป็นคำที่คนไทยเน้นเสียงผิดเยอะที่สุด เช่น station, animation, nation, etc. ตามหลักต้องเน้นเสียงก่อน -ION ต้องเป็น สเต้ฉั่น, แอนิเม้ฉั่น, เน้ฉั่น, ฯลฯ แต่ถ้าจะออกเสียงตามไทยนิยม ก็จะเป็น สเตชั่น, แอนิเมชั่น, เนชั่น ฯลฯ ถ้ายิ่งเชียนรูปวรรณยุกต์บังคับการออกเสียง ยิ่งจะทำให้เด็กไทยในรุ่นถัดไปมีปัญหาการออกเสียงภาษาอังกฤษจริงๆ แล้วไทยจะเข้า AEC แล้ว ยังจะให้ออกเสียงผิดๆ อีกเหรอครับ? ผมว่าคนไทยแยกแยะออก ว่าคำไหนออกเสียงอย่างไร เพราะคำในพจนานุกรมหลายคำออกมีเสียงไม่ตรงกับรูปอยู่แล้ว จากคุณ : system idle เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 10:41:23

ความคิดเห็นที่ 87 ความเห็นที่ 67 ผมคิดว่าความไม่รู้ หรือทำไม่เป็น ไม่ได้แปลว่าโง่นะครับ ส่วนตัวผมคิดว่าตัวเขียนควรปรับให้เหมือนคำพูดครับ อย่างน้อยก็ภาษากลางหรือภาษามาตรฐานไม่ควรเพี้ยน จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 10:44:02

ความคิดเห็นที่ 88 ประเด็นใน ความเห็น 68 ความเห็น 69 ผมได้ตอบไปแล้วครับ ขอข้ามไปนะครับ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 10:45:47

ความคิดเห็นที่ 89 ความเห็น 70 อย่าเอาประเด็น วิธีเขียนคำทับศัพท์ไปปนกับการเรียนภาษาอังกฤษครับ เดี๋ยวจะสับสน แยกทีละประเด็นดีกว่าครับ การเขียนคำทับศัพท์ด้วยวิธีปัจจุบันก็ไม่ได้ทำให้เด็กไทยเรียนภาษาอังกฤษเก่งขึ้นเช่นกันครับ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 10:47:47

ความคิดเห็นที่ 90 ตอบความเห็น 71 ครับ เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับประเด็นของกระทู้ต้องตัดออกไปก่อนครับ ผมก็เป็นคนธรรมดา มีเวลาจำกัด มีพลังจำกัด มีความรู้จำกัด ถ้าเจอประเด็นไม่เกี่ยวข้องแล้วผมตามไปตอบทั้งหมด ผมเองก็คงไม่ไหวครับ ดังนั้นประเด็นที่ไม่เกี่ยวโดยตรงผมจึงข้ามไปครับ หากท่านใดต้องการให้ผมตอบในประเด็นของท่านที่(ผมคิดว่า)ไม่เกี่ยวกับกระทู้ กรุณาไปตั้งกระทู้ใหม่ครับ แล้วผมจะตามไปตอบเท่าที่จะทำได้ นอกจากนั้นท่านยังจะได้สนทนากับเพื่อนๆคนอื่น ในประเด็นที่ท่านต้องการด้วยครับ ดีกว่ามาถามผมคนเดียวในกระทู้นี้ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 10:51:11

ความคิดเห็นที่ 91 ตอบความคิดเห็น 72 ครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ในท้ายที่สุด ราชบัญฑิตท่านว่าไง ผมก็ว่าตามครับ ยังไงๆ เราก็ต้องใช้ภาษาไทยตามกฏที่ท่านราชบัญฑิตกำหนดอยู่แล้วครับ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 10:52:57

ความคิดเห็นที่ 92 ความเห็น 73 - 74 ครับ รบกวนตามไปอ่านในลิงค์ ในความเห็น 60 ครับ เพื่อความชัดเจน จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 10:54:52

ความคิดเห็นที่ 93 ความเห็น 78 ภาษาไทยไม่มีตัวสะกด ล ครับ การออกเสียงแบบเป็นตัว สะกด ล ถือเป็นการเปลี่ยนแปลง เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากให้ราชบัญฑิตแก้ไขเพิ่มเติม แม่ตัวสะกดครับ แต่ยังไม่ค่อยเกี่ยวกับประเด็นในกระทู้นะครับ ขอข้าม จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 10:56:57

ความคิดเห็นที่ 94 ความเห็น 77 ครับ ในกระทู้นี้คุยเรื่อง คำทับศัพท์ ครับ และมันไม่เกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 10:58:30

ความคิดเห็นที่ 95 ความเห็นที่ 95 ครับ ไม่ต้องเน้นว่าฝรั่งประเทศไหนครับ เรื่องนี้เน้นว่าคนไทยพูดอย่างไรครับ ไม่เกี่ยวกับฝรั่ง จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 11:00:04

ความคิดเห็นที่ 96 ความเห็นที่ 79 ครับ เรื่องโฟเนติกของฝรั่งตอบไปแล้วครับว่าไม่จำเป็น ลองย้อนกลับไปอ่านบนๆดูนะครับ ขอข้ามรายละเอียด จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 11:01:55

ความคิดเห็นที่ 97 ความเห็นที่ 80-81 ศิลปะที่มีความงามนั้น แม้จะดูเหมือนไร้กฏเกณฑ์ แต่มันก็มีหลักการครับ การชมความงามของศิลปะทุกๆแขนง ถ้าไม่รู้หลักการชมความงามก็คงยากที่จะรับรู้มันได้ แต่ผมเห็นด้วยกับคุณครับว่า ถ้าจะแก้ปัญหาควรมีความรอบคอบมากกว่านี้ ไม่ควรทำแบบลิงแก้แห จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 11:04:27

ความคิดเห็นที่ 98 ความเห็น 82 ผมพูดผิดตรงคำว่า คนไทยส่วนมาก ซึ่งผมก็ได้พิมพ์ชี้แจงไปแล้วในความเห็นบนๆ ถ้าหาเจอ คงเจอคำตอบของผมต่อคำถามข้อ 1 ของคุณด้วย ขอข้ามนะครับ ข้อ 2 ประเด็นนี้ได้คุยกันไปแล้วครับ ลองย้อนกลับไปหาดู ขอข้าม ข้อ 3 นอกจากวิธีที่ราชบัญฑิตเสนอแล้วยังมีอีกอย่างน้อย 1 วิธีตามที่ความเห็น 66 เสนอครับ และก็อีกวิธีคือ การไม่เปลี่ยน ครับ ข้อ 4 ผมยังไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ครับว่าจะทำยังไงให้ประชาชนเข้าใจ ซึ่งในกระทู้นี้ผมก็ไม่ได้มีประเด็นครอบคลุมส่วนนี้ เพราะในกระทู้นี้ผมเน้นแค่ผมสนับสนุนข้อเสนอของ ราชบัญฑิตท่านนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็เห็นด้วยว่า หากมีการเปลี่ยนแปลง ก่อนที่จะเปลี่ยนจำเป็นต้องคิดเรื่องนี้ให้รอบคอบด้วย จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 11:10:36

ความคิดเห็นที่ 99 ตอบความเห็น 86 ครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ด้านภาษาอังกฤษครับ แต่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ในการเรียนภาษาอังกฤษนะครับ กรุณาแยกประเด็น จะได้ไม่สับสนครับ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 11:12:34

ความคิดเห็นที่ 100 เดิมทีเดียว เรามีหลักว่า เขียนอย่างไร ออกเสียงอย่างนั้นครับ ให้สังเกตจากคำทับศัพท์ในยุคแรกๆ เช่น ไอศกรีม กัปตัน กัปตันบุช ฟุตบอล (คำนี้ผมเชื่อว่าสมัยรัชกาลที่ 6 ออกเสียงโทในคำว่า ฟุต) ก๊าซ แก๊ส แป๊บ ปาเลียเม้นต์ มุสโสลินี อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ฯลฯ คำเหล่านี้ออกเสียงตรงตามอักขรวิธีไทย จากคุณ : The Little Prince เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 11:12:36

ความคิดเห็นที่ 101 ภาษาไม่มีคำว่าถูกผิดหรอกครับ ภาษาไทยเราก็มีข้อยกเว้นมากมาย การที่ภาษาจะเปลี่ยนไปได้ นั่นก็เพราะคนส่วนใหญ่เห็นดีเห็นงามตามไปด้วย และเป็นที่นิยมแพร่หลาย มันจะเป็นไปเองตามธรรมชาติ ไม่ต้องบังคับฝืน เราไม่สามารถจะอ้างได้หรอกครับเรื่องใส่วรรณยุกต์ตามเสียงอ่านแบบคนไทย เพื่อให้คนรุ่นใหม่เข้าใจหลักการผันเสียง มันไม่เกี่ยวกันเลย การเปลี่ยนแปลงแล้วก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวายต่างหากที่ต้องคำนึงถึง จากคุณ : Kriengchai (kriengchai) เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 14:04:38

ความคิดเห็นที่ 102 ตามคำชี้เแจงของราชบัณฑิตยสถานท่อนหนึ่งกล่าวว่า 'ราชบัณฑิตยสถานได้ถือหลักการเขียนคำในภาษาต่างประเทศ ตามพระดำริของ พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ อดีตนายกราชบัณฑิตยสถาน ว่า การเขียนคำในภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษออกเสียงไม่แน่นอน จะออกเสียงอย่างไรย่อมแล้วแต่ประโยค เสียงจะสูงต่ำก็แล้วแต่ตำแหน่งของคำในประโยค จึงทรงเห็นว่าไม่ควรใช้วรรณยุกต์กำกับตามเหตุผลดังกล่าว' ดิฉันเห็นด้วยตามเหตุผลนี้เป็นอย่างยิ่ง การที่ท่านกำหนดไม่ให้ใส่วรรณยุกต์นั้น ท่านคงเล็งเห็นแล้วว่าไม่กระทบต่อการผันวรรณยุกต์ของคนไทยให้แย่ลงหรือดีขึ้น เพราะการผันวรรณยุกต์ไม่ได้เรียนการผันด้วยคำทับศัพท์ภาษาต่างประเทศน่ะค่ะ เขาเรียนจากคำภาษาไทยค่ะ ฉะนั้นการที่เด็กไทยจะผันวรรณยุกต์แย่ลงหรือดีขึ้นก็อยู่ที่ความเอาใจใส่ของตัวเด็กเองค่ะ และนอกจากนี้ดิฉันคิดว่าท่านเล็งเห็นแล้วว่าการไม่ใส่วรรณยุกต์กำกับเป็นการเปิดโอกาสในการออกเสียงได้หลากหลายรูปแบบ เช่นคำว่า คอมพิวเตอร์ เขียนแบบนี้แต่เมื่ออ่านใครจะอ่านว่า คอมพิ้วเตอร์ หรือ คัมพิ้วเตอร์ อะไรก็ได้ไม่ผิด (ส่วนจะออกเสียงผิดไม่ตรงกับเจ้าของภาษาหรือไม่เป็นเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษ ไม่เกี่ยวกับประเด็นนี้) เพราะท่านบอกแล้วว่าที่ไม่ใส่วรรณยุกต์นั้นเพื่อจะออกเสียงสูง ต่ำ อย่างไรก็ได้ การที่กำหนดกฏเกณฑ์ใส่วรรณยุกต์เข้าไปแสดงว่าต้องการจะบังคับให้อ่านแบบที่คนส่วนใหญ่ออกเสียงเท่านั้นหรือค่ะ ดิฉันว่าท่านกรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ท่านคิดไว้ให้รอบคอบและมองการณ์ไกลดีแล้วนะค่ะ การไม่ใส่วรรณยุกต์คือการไม่ต้องตามแก้อะไรอีก ต่อไปในอนาคตถึงแม้คำๆนั้นจะเปลี่ยนเสียงไปตามการพูดของคนส่วนใหญ่ในยุคสมัยใดอีกก็ไม่จำเป็นต้องตามแก้ มิฉะนั้นคงจะแก้กันไม่รู้จบสิ้นแน่ค่ะ สำหรับคนไทยหรือคนต่างชาติเรียนภาษาไทยแล้วสับสนว่าทำไมออกเสียงไม่เหมือนที่เขียนก็ยกเหตุผลของท่านกรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ข้างต้นมาอธิบาย ดิฉันว่าคนไทยหรือคนต่างชาติจะเข้าใจเหตุผลได้ไม่ยากหรอกค่ะ จากคุณ : Dada (mengda) เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 14:48:41

ความคิดเห็นที่ 103 #92 ไปอ่านมาแล้วครับ link นั่น ถึงได้มีข้อเสนอออกมาอย่างใน #73 ไงครับ ถึงราชบัณฑิตหยุดแล้วก็จริง แต่ผมสงสัยว่าหยุดจริงหรือเปล่า แต่ถึงอย่างไรมันก็ยังเป็นเรื่องที่น่าถกอยู่ดี ผมว่าถ้าอยากทำจริงๆ ก็ให้ทำแบบที่ผมเสนอใน #73 นั่นแหละครับ สำรวจดูเลยว่าจะเขียนแบบไหนกันดี ยึดเกณฑ์เดิมคร่าวๆ แล้วปรับให้เหมาะสมบ้าง คำไหนคนชินแล้วก็ว่าตามนั้น คำไหนที่ไม่ตรงตามราชบัณฑิต แต่คนนิยมใช้กันมากก็เลือกมาด้วย แล้วใส่ลงในพจนานุกรม อังกฤษไทยไปเลย จากคุณ : amscmu เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 14:50:49

ความคิดเห็นที่ 104 คำว่า "ลอนดอน" เคยได้ยินคนออกเสียงเป็น "ลอนด้อน" และ "หล่อนด๋อน" อาจมีนอกเหนือจากนี้อีกที่ดิฉันไม่ทราบ ส่วนตัวคิดว่า ภาษาอังกฤษไม่มีวรรณยุกต์ เมื่อนำมาใช้เป็นคำไทย ก็ไม่น่ามีวรรณยุกต์ เพราะเรื่องออกเสียงคำที่มาจากภาษาอังกฤษ คนไทยมักออกเสียงตามจริตแต่ละคนซึ่งไม่เหมือนกัน เพราะบางคนเคยเรียนต่างประเทศก็พูดออกสำเนียงไปทางนั้น อีกอย่าง ดิฉันว่าเขียนเหมือนเดิมดูดีกว่าแบบใหม่ด้วยค่ะ จากคุณ : wanalee เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 15:21:39

ความคิดเห็นที่ 105 พูดถึงคำว่า ลอนดอน หน้าตาคำมันก็ดูไท้ยไทยนะ แต่พอมันมาอยู่ด้วยกัน ทำไมเราแยกได้ หรือเป็นเพราะบริบท เพราะเดี๊ยนกำลังจะเข้ามาพูดถึงคำว่า link เดี๊ยนชอบสะกดภาษาไทยเป็น ลิงค์ ซึ่งจริง ๆ มันไปตรงกับคำ บาลี-สันสกฤต อยู่ก่อนแล้ว คือคำว่า ลึงค์ (แปลว่า เพศ รึเปล่า) ใจจริงอยากจะใส่ไม้โทให้ แต่ก็ได้อาศัยบริบทช่วยเรื่อยมา ว่าเราหมายถึง link และในปัจจุบันก็นิยมหมายถึง ลิงค์ = link นี้มากกว่า ลิงค์ = ลึงค์ อารมณ์คล้าย ๆ บางท่านข้างล่างทักเรื่อง กอล์ฟ - ไมค์ ว่าถ้าไม่รู้จักมาก่อน อาจนึกว่า Mic(rophone) ไม่ใช่ Mike จากคุณ : อวัยวะชิ้นนั้น เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 18:44:27

ความคิดเห็นที่ 106 เสนอมุมมองอีกแบบว่าคำยืมจากภาษาเขมรก็ไม่ใส่วรรณยุกต์เช่นกัน เช่นคำว่า "กำเนิด" อ่านว่า กำ-เหนิด (สมัยโบราณออกเสียงว่าอย่างไรก็ตามแต่ แต่ปัจจุบันเป็นอย่างนี้ไปแล้ว) หากมองที่ภาษาเวียดนาม เวลาเขียนคำทับศัพท์จะมี ๒ แนวทาง คือ เขียนภาษาอังกฤษไปเลย และเขียนตามเสียงอ่านภาษาเวียดนาม เช่น ชื่อประเทศอัฟกานิสถาน หางเขียนตามเสียงอ่านเวียดนาม (ซึ่งมีวรรณยุกต์ด้วย) จะเป็น "Áp-ga-ni-xtan" ความคิดเห็นของผม ในภาษาไทย ถ้าเป็นคำสั้น ๆ ไม่มีการันต์ ใส่วรรณยุกต์ไปก็ดูเข้าท่าดีครับ เช่นคำว่า เชอร์รี่ แฮร์รี่ คิตตี้ แบร์ริ่ง เว็ดดิ้ง แต่ถ้าใส่วรรณยุกต์ลงไปในพยางค์ที่มีตัวการันต์อยู่แล้วจะดูไม่น่าอ่านขึ้นมาทันที (คำว่าค็อมพิ้วเต้อร์) ปัญหาอีกอย่างคือ คำอ่านของแต่ละคนไม่เหมือนกัน คำว่าคอมพิวเตอร์อาจอ่านได้ถึง ๔ แบบ ได้แก่ คอมพิวเต้อร์ คอมพิ้วเต้อร์ ค็อมพิวเตอร์ และค็อมพิ้วเต้อร์ การใส่วรรณยุกต์ลงไปจะเป็นการกำหนดเสียงอ่านทันที คงไม่ถูกใจคนที่อ่านไม่ตรงกับวรรณยุกต์ที่กำหนดครับ จากคุณ : ==KEN== เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 23:09:01

ความคิดเห็นที่ 107 สอนคนใหม่ให้เขียนแบบเก่า ง่ายกว่าสอนคนเก่าให้เขียนแบบใหม่ จากคุณ : สาManUtd เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 55 00:03:27