ความคิดเห็นที่ 1 เข้ามาตอบให้ครับ ซียูเทพไม่ต้องเป็นห่วงไป สมัครไม่ทัน หรือคนสมัครเต็ม ให้ไปสมัครสอบนอกรอบที่ศูนย์ทดสอบวิชาการจุฬาฯ ได้เลย กรอกรายละเอียดและเสียเงินที่นั่น แต่ต้องเสียแพงกว่าปกติ คือ แทนที่จะจ่ายหกร้อยคุณต้องจ่ายสองพัน (นอกรอบนี้หมายถึง ตัวข้อสอบ + วันเวลาสอบเหมือนกับการสอบตามปกติทุกประการ) ตอนผมสมัครเรียนป.เอก ก็มีปัญหาอย่างคุณนี้แหละ ตาลีตาเหลือกแทบแย่เพราะสอบติดแล้วแต่ดันไม่มีคะแนนซียูเทพ (รับคะแนนด่วนจ่ายเพิ่มอีกหนึ่งพัน 55+) ส่วนเรื่องเล่นพวกหรือกดขี่รังแกอะไรนี้ ไร้สาระมากๆ ครับ ไปได้ยินที่ไหนมา ไอ้คนที่พูดเป็นพวกสอบไม่ติด องุ่นเปรี้ยว เก็บกด หรือมีปัญหาชีวิตหรือเปล่า? หรือน้องที่คุณอ้างมาเขามีปัญหาส่วนตัวอะไรหรือไม่ อย่าฟังความข้างเดียวครับ สังคมจุฬาฯ โดยเฉพาะที่อักษรฯ ไม่ได้หัวสูง เล่นพวก กดขี่อะไรแบบนั้นเลย (ก่อนจะมาเรียนก็ได้ยินเรื่องอคติพวกนี้อยู่เหมือนกัน) ผมเรียนที่นี้มาจะสี่ปีแล้วยังไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนั้นเลย ทั้งๆ ที่ไม่ได้จบตรีจากที่นี้ อาจารย์และเพื่อนๆ น่ารักมากๆ ทั้งภาคปกติภาคพิเศษ ส่วนเรื่องการแปล การสอบการแปลจะง่ายก็ว่าง่าย จะยากก็ว่ายาก ที่ว่าง่ายก็คงสำหรับคนที่มีพื้นฐานภาษาดีระดับหนึ่ง และรู้จักเตรียมตัว จะว่ายากก็คงเป็นเพราะต้นทุนความรู้ยังไม่พอ หรือไม่ได้เตรียมตัวนั่นแหละ (ว่าไปจะเรียนจะสอบอะไรในโลกที่ว่ายากง่ายก็ล้วนแต่เพราะปัจจัยเหล่านี้) ส่วนที่ว่าสอบอะไรมั่ง อยากรู้รายละเอียดไปตามอ่านที่บล๊อกผมได้ (เขียนไว้นานแระ) เรื่องที่ยากกว่าสอบเข้าก็คือการจะเรียนให้จบนี้แหละ กว่าครึ่งหรือเกินครึ่งที่เข้ามาได้แต่ไม่จบเพราะทิ้งไปไม่ทำวิจัย(สารนิพนธ์/วิทยานิพนธ์ต่อ) แบบว่าหมดไฟกันไปซะก่อน คิดแล้วก็ให้เสียดาย ส่วนเรื่องเรียนแฟร์ๆ ไรนั้นก็ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่คุณทำตัวเป็นมนุษย์ปกติรู้อะไรควรไม่ควร (กาย วาจา ใจ) รับรองว่าไม่มีใครรังเกียจคุณไปได้ ส่วนเรื่องสถาบัน ถ้าเอาความจริงมาพูดก็คือ สังคมไทยเป็นไงก็รู้กันอยู่ เลือกที่รักมักที่ชังเป็นเรื่องสามัญอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเป้าหมายคุณอยากเรียนแปลไปเพื่ออะไร ถ้าเรียนเพื่อเอาความรู้ แน่นอนว่าเรียนที่ไหนก็ได้ แต่ถ้าอยากได้มูลค่าผลพลอยได้อื่นนอกจากความรู้ คำตอบไม่ถามก็ย่อมรู้อีกนั่นแหละ จริงไหม? สรุปคือ ไม่ต้องคิดมาก สมัครสอบไปเลยทั้งซียูเทพ(นอกรอบ)ทั้งการแปล ถ้าคุณสอบเข้าไปเรียนได้ รับรองไม่ผิดหวังกับหลักสูตรนี้ แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 22:43:05 จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 22:37:32

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้ารักจะเป็นนักแปลมืออาชีพจริงๆก็อย่าหลงติดกับไปคิดมากเรื่องสถาบันการศึกษา ปริญญาโทการแปลเป็นเพียงแค่ "ใบเบิกทาง" เท่านั้น แต่คุณจะอยู่รอดหรือจะตาย "ความสามารถจริงในการแปลเป็นตัวตัดสิน" จะบอกให้ว่าการแปลจากภาษาอังกฤษไปเป็นภาษาไทยใครๆก็แปลได้ แต่การแปลจากภาษาไทยไปเป็นภาษาอังกฤษถ้าคุณไม่ไปโตในประเทศที่พูดอังกฤษตั้งแต่เด็กๆคุณเรียนปริญญาโทการแปลจากสถาบันไหนมาคุณก็ไม่มีทางมั่นใจ 100% ว่าคุณจะได้งานทำ (เว้นเสียแต่ว่าคุณจะมีพรสวรรค์ทางด้านภาษาที่เรียนในเมืองไทยแล้วจะเก่งเท่าคนไปโตในต่างแดน) เพราะอะไร? ตอบ เดี่ยวนี้นะ ลูกค้าระดับบริษัทเล็กๆ จะจ้างนักแปลก็ดูวุฒินักแปล จะเอาวุฒิสูงๆ แต่จ่ายค่าแปลต่ำๆ คุณทำงานให้บริษัทพวกนี้ได้เงินไม่เท่าใหร่หรอก แต่ลูกค้าที่เป็นบริษัทมหาชนหรือองค์กรใหญ่ๆ จะจ้างนักแปล เขาขอดูตัวอย่างการแปลไทยเป็นอังกฤษ และในบริษัทมหาชนหรือองค์กรใหญ่ๆพวกนั้นจะมีฝรั่งเจ้าของภาษาที่คอยอ่านคำแปลไทยเป็นอังกฤษของนักแปล เพื่อคัดเลือกนักแปล  ต่อให้คุณจบปริญญาโทการแปลจากมหาลัยไหนก็ตาม แต่ถ้าคุณเขียนภาษาอังกฤษแบบไทยๆ "คุณก็ไม่ได้งานทำ" ^ บอกแล้วว่าแปลอังกฤษเป็นไทยนักแปลส่วนใหญ่แปลได้กันหมด นักแปล quote ราคาแพงๆบางทีไม่ได้งานทำ แต่แปลไทยเป็นอังกฤษลูกค้าต้องง้อนักแปล นักแปลโก่งราคาไป แต่ปัญหาก็คือว่า "การเขียนภาษาอังกฤษเป็นยาขมหม้อใหญ่ของคนไทย" ดังนั้น ถ้านักแปลเขียนภาษาอังกฤษเก่งจริงๆ ลูกค้าต่อราคายังไง นักแปลไม่ยอมลดราคาให้ซะอย่าง ลูกค้าก็หาคนอื่นแปลไทยเป็นอังกฤษแล้วเขียนอังกฤษเหมือนเจ้าของภาษาไม่ได้ นักแปลที่เขียนภาษาอังกฤษใกล้เคียงฝรั่งเจ้าของภาษาก็ได้งานทำ ^ นี่แหละคือ "ทักษะที่ใช้หาเงิน" แต่ "ปริญญาโทการแปลหาเงินได้ไม่ sure หรอก จะบอกให้" เราทำงานแปลระดับยากๆค่าแปลแพงๆด้วยวุฒิมัธยมต้นมาแล้วเป็นเวลาหลายปี (เกิน 15 ปี) ยิ่งแปลไปเราก็ยิ่งรายได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆระดับทำงานแค่ 10 กว่าวัน นั่งๆนอนๆ shopping ซื้อของแพงๆไปได้อีก 2-3 เดือน (ที่เราได้มาซึ่งทักษะการเขียนภาษาอังกฤษมันเป็นเพราะเราไปโตในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษตั้งแต่อายุ 10 กว่าขวบ ไม่มีปริญญาก็สุู้คนเรียนอังกฤษในเมืองไทยวุฒิสูงๆไหว) และมีนักแปลที่เก่งกว่าเราอีกหลายคนที่ก็ไม่มีวุฒิการศึกษาใดๆเหมือนกัน แต่แปลได้เก่งฉมังมากๆ อยู่ในตลาดการแปลอีกมากมาย ดังนั้น ถ้า จขกท อยากจะหาเงินจากการแปล อย่ายึดติดกับปริญญาโทการแปล สมัยนึ้ในตลาดการแปลลูกค้าฉลาดมากๆในการเลือกนักแปลโดยไม่ดูวุฒิการศึกษาเลย เมื่อเร็วๆนี้เราเพิ่งได้ลูกค้าประจำขาใหญ่มากๆมาอีก 2-3 ราย เราบอกลูกค้าตรงๆไปเลยว่า "เราไม่มีปริญญาแต่เรียนเขียนภาษาอังกฤษโดยการไปโตในต่างแดน" ^ แล้วลูกค้าก็ยอมรับเราได้ โดยลูกค้าบอกว่า "ทางเรามีฝรั่งเจ้าของภาษาคอยกำกับดูแลอยู่ก็เลยรู้และเชื่อใจว่าคุณทำงานแบบนี้ได้ และเรากำลังจะมีงานป้อนคุณอยู่เรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง!" แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 23:01:38 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 22:58:34

ความคิดเห็นที่ 3 เป็นจริงอย่างคุณพี่หมอดูว่านั่นแหละ อยากเป็นนักแปล หรือทำเงินจากการแปล คุณไม่จำเป็นต้องมาเรียนแปลหรอก (ถ้าภาษาคุณดี หรือมีคอนเน็คชั่นซะอย่าง ยิ่งได้หลายภาษาที่ค่าจ้างแพงๆ ไม่ต้องกลัวขาดเงินใช้) เพราะหลักสูตรป.โทในเวลาไม่กี่ปีไม่ได้รับประกันว่าคุณจะเป็นสุดยอกนักแปลแต่อย่างใด ต้องเรียนเพิ่มเติมเต็มความรู้อยู่ตลอดนั่นแหละถึงจะเป็นคนที่เก่งได้จริงๆ แต่ถ้าอยากได้อะไรอย่างอื่นจากปริญญาการแปลน่าจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจกว่า เช่น เครือข่ายสังคมนัก(เรียนการ)แปล ประสบการณ์ในสถาบันการศึกษา การตอบสนองความต้องการด้านวุฒิการศึกษา ความน่าเชื่อถือเพื่อการต่อยอดหรือให้ได้มาซึ่งอะไรบางอย่างที่การไม่จบป.โท (การแปล) ให้ไม่ได้... แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 23:23:36 แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 23:22:23 จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 23:12:16

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณทุกความเห็นครับ ตอบคุณโจโฉ รุ่นน้องที่ว่า ไม่ได้ไปเรียนอักษรหรอกครับ ตรงที่เขาเข้าไปเป็นห้องแล็บ อาจจะดวงซวยไปเจอกลุ่มที่ ego เกินเหตุก็เป็นได้ แต่ได้ฟังที่คุณตอบมาก็อุ่นใจขึ้นครับ :) ที่สำคัญ ขอบคุณมากๆ ครับสำหรับเรื่องสอบนอกรอบ ไม่รู้เลยว่ามี ในเว็บไซต์ของศูนย์สอบก็ไม่เห็น ถ้าสองพันไม่มีปัญหา จะได้รีบไปจัดการ สิ่งที่อยากได้จากการเรียน ก็เป็นอย่างที่คุณโจโฉว่า คือนอกจากเรื่องวุฒิตรงสายสำหรับงานด้านการศึกษา ก็เป็นเรื่องของการสร้าง connection ด้วยครับ ที่จุฬาเป็นศูนย์การแปล เลยคิดว่าน่าจะมีโอกาสได้รู้จักคนในวงการมากขึ้น ตอบคุณ fortuneteller ผมไม่ได้โตเมืองนอกครับ เรียนจบสาขาอื่นที่ไม่ใช่ทางภาษาจากอเมริกามา ก็ไปใช้ชีวิตที่นั่นช่วงสั้นๆ แค่ 3 ปี ภาษาดีอยู่เดิมแล้วก็ไปได้เพิ่มจากงานและการเรียนอีกพอสมควร ตอนนี้สอนพิเศษอังกฤษอยู่ และกำลังจะได้เป็นอาจารย์พิเศษสอนการแปลในมหาวิทยาลัย สำหรับวงการศึกษา มุมมองในการคัดคนเขายังแคบกว่างานเอกชนทั่วไปครับ จบเมืองนอกมา ถ้าไม่มีปริญญาให้ถูกต้องตรงสาย ฝ่ายบุคคลบางที่ก็กดขี่ซะยิ่งกว่าคนจบปริญญาตรีตรงสายในเมืองไทยอีก บางที่รองคณบดีก็บ่นให้ฟังว่าอาจารย์ขาด แต่ก็รับคนมีความสามารถแต่ไม่มีปริญญาตรงสายไม่ได้ ตอนนี้คงเอางานสอนเป็นหลักไว้ก่อน ก็เลยต้องเรียนเอาไว้ ถ้าเรียนแล้วได้งานมือปืนแบบเป็นเรื่องเป็นราวเมื่อไหร่ค่อยขยับขยาย ผมชอบสอน แต่ผมว่าเรียนแปลหรือล่ามท้าทายกว่าเรียนสายการสอน (แต่สู้ราคาหลักสูตรล่ามของจุฬาไม่ไหวจริงๆ ^^") ขอบคุณทั้งสองท่านมากครับ :) จากคุณ : Biohazard เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 07:58:23 A:210.246.182.132 X: TicketID:053227

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณคุณโจโฉเพิ่มเติมครับ เรื่องแนวข้อสอบ เข้าไปอ่านแล้ว มีประโยชน์มากๆ โดยเฉพาะเรื่องอย่าแปลตรงตัว ผมก็ไม่ชอบแปลตรงตัวคำต่อคำ แต่ถ้าไม่รู้แนวมาก่อนก็น่ากลัวจะไปเขวเวลาเจอบรรยากาศกดดันในห้องสอบได้ - -" จากคุณ : ฺิBiohazard เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 08:15:50 A:210.246.182.132 X: TicketID:053227

ความคิดเห็นที่ 6 *** UPDATE *** สมัครด่วนเสียสองพันของคุณโจโฉเขายกเลิกไปแล้วครับ ตะกี๊เพิ่งโทรถาม T^T จากคุณ : Biohazard เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 08:38:25 A:210.246.182.132 X: TicketID:053227

ความคิดเห็นที่ 7 ใช่ถ้าคุณ จขกท อยากเป็นอาจารย์ก็ต้องไปเรียนเอาวุฒิสูงๆมา ยิ่งปริญญาเอกได้ยิ่งดี แม้กระทั่งทำงานประจำในบริษัทก็เถอะ วุฒิสูงๆก็ช่วยให้สมัครงานได้ แต่การที่จะทำงานเป็น freelance translator ซึ่งรายได้ดีกว่าทำงานประจำมากๆ ให้ประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องลงมือแปลของจริงจากความสามารถและประสบการณ์จริง โดยการส่งตัวอย่างการแปลคุณภาพสูงไปประมูลงานให้ชนะนักแปลคนอื่นๆเท่านั้นถึงจะเป็นหลักประกันว่าไปได้รอดแน่ๆ เพราะสมัยนี้ลูกค้าระดับบิ๊กๆทั้งหมดขอดูตัวอย่างการแปลก่อนดูอย่างอื่น แม้กระทั่งงานแปลอังกฤษเป็นไทยเดี๋ยวนี้ลูกค้าระดับบิ๊กๆก็ขอดูตัวอย่างการแปล ยกตัวอย่างเช่นเมื่อเร็วๆนี้สำนักพิมพ์ระดับบิ๊กๆแห่งหนึ่งจะจ้างนักแปลแปลนิยายชุดยาว (เป็น trilogy) ก็ยังเชิญนักแปลทั่วประเทศให้มาลงแข่งขันแปลกัน แข่งกัน 3 รอบ (คัดข้อความ 3 ตอนจากหนังสือมาให้แปล) อย่างดุเดือดมากกว่าจะรู้แพ้รู้ชนะว่าใครได้งานแปลไปทำ นั่นก็เป็นเพราะสำนักพิมพ์เคยเชื่อแต่วุฒิการศึกษาแล้วมีข้อผิดพลาดในการคัดเลือกนักแปลมาแล้วในอดีต ส่วนลูกค้าที่เป็นบริษัทที่ต้องทำเอกสาร PR หรือเอกสารโฆษณาภาษาไทยและอังกฤษ เวลาหานักแปลแปลไทยเป็นอังกฤษ เล่นลงแรงขนาดเอาฝรั่งเจ้าของภาษามาดูว่านักแปลแปลไทยเป็นอังกฤษ แล้วเขียนคำแปลอังกฤษได้ดีถึง publishable standard หรือไม่ ^ ซึ่งความหันเหในเรื่องวิธีรับสมัครนักแปลแบบนี้ ในบริษัทหรือในสำนักพิมพ์ระดับบิ๊กๆ ทำให้นักแปลที่แปลได้ดีเยี่ยมจากการเรียนรู้ในมหาลัยชีวิตแต่ไม่มีวุฒิการศึกษาสูงๆกลายเป็นมีโอกาสหาเงินได้มากๆไม่แพ้คนจบวุฒิสูงๆ แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 55 12:59:33 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 12:10:25

ความคิดเห็นที่ 8 อ้าวเหรอครับ ยกเลิกไปซะงั้น? เอางี้สิ ยังมีเวลานะ เดือนพฤจิกาคุณก็สมัครเอาใหม่ วันแรกของการรับสมัครมารอหน้าคอมเปิดเน๊ตแต่เช้าเลย ยังไงก็น่าจะทันนะ เพราะผลคะแนนที่ต้องยื่นให้ศูนย์การแปลฯ คือวันสอบสัมภาษณ์ ซึ่งก็น่าจะเป็นช่วงเดือนกุมภาโน้นเลย ส่วนที่ว่าคุณอยากเป็นอาจารย์สอนแปลนั้น การเรียนแปลที่จุฬาฯ เป็นทางเลือกที่ถูกต้องแล้วละครับ เพราะวัตถุประสงค์หลักข้อหนึ่งของหลักสูตรการแปล จุฬาฯ คือผลิตมหาบัณฑิตที่อยากจะไปเป็นอาจารย์ และทำงานวิจัยวิชาการด้านการแปล แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 55 18:51:21 จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 18:48:58

ความคิดเห็นที่ 9 ไหนๆ ก็โม้แล้ว ก็โม้ต่ออีกสักหน่อย จริงๆ คนที่มาเรียนการแปล จุฬาฯ ส่วนใหญ่กลับไม่ใช่นักแปลอาชีพอย่างที่คนข้างนอกมองเข้ามานะ แต่ก็มักมีงานแปลมาโยนให้กันทำบ่อยๆ เพื่อนโยนให้เพื่อน รุ่นพี่โยนให้รุ่นน้อง รุ่นน้องโยนให้รุ่นพี่ อาจารย์โยนให้ศิษย์ เจ้าหน้าที่โยนให้นิสิต ไม่รู้ไปหากันมาจากไหน ถ้าคุณชอบแปลและไม่เหนื่อยจากการเรียน การรับงานพวกนี้ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีนะ คนที่มาเรียนส่วนใหญ่ประมาณครึ่งหนึ่งจะจบป.ตรี ด้านภาษา ที่เหลืออีกครึ่งก็จะเป็นคนที่จบจากสาขาอื่นทั้งวิดวะ แพทย์ นิติ สถาปนิก บัญชี บริหาร ฯลฯ เกือบทุกคนจะมีงานประจำอื่นทำกันอยู่แล้ว นี้สะท้อนให้เห็นว่าสาขาการแปลมีความเป็นสหสาขาวิชาสูงมาก ต้อนรับทุกคนที่มีความรู้อื่นนอกจากภาษา (แต่คนจบด้านภาษาก็อย่าน้อยใจไป เพราะสุดท้ายเวลาเรียนเราก็จะโยกย้ายถ่ายโอนความรู้ เกื้อกูล และเรียนรู้ไปด้วยกันได้อยู่ดี) อย่างผมนี้ตอนแรกที่เข้ามาจะตั้งแง่กับการแปลกฏหมายมาก คิดว่ายังไงก็จะไม่มีทางเลือกเรียนวิชานี้ ที่ไหนได้พอหลวมตัวเรียนแล้วเกิดหลงรักกฏหมาย+การแปลกฎหมายซะงั้น จนต้องหาที่เรียนนิติศาสตร์อีกใบอย่างไม่น่าเชื่อ อาจารย์ที่สอนวิชานี้ท่านเป็นผู้พิพากษาที่ใจดีม๊ากๆๆ อีกวิชาที่ประทับใจมากเป็นพิเศษคือ วิชาการแปลต้นฉบับสำหรับสื่อภาพและเสียง ที่เชิญอาจารย์ที่มีผลงานด้านการแปลภาพยนต์ ดนตรี สารคดี การพากษ์ มาสอนให้ถึงที่ ชอบที่จะฟังอาจารย์เล่าประสบการณ์ทำงาน และเทคนิคต่างๆ ที่หาอ่านไม่ได้จากที่ไหน (มีดูงานนอกสถานที่ด้วย) เพลินมากๆ วิชาที่เปลี่ยนแปลงตัวผมไปเลยคือ วิชาทักษะภาษาไทยสำหรับนักแปลกับวิชาการประเมินและตรวจแก้งานแปล เพราะรู้สึกว่าภาษาไทยเป็นภาษาที่น่าศึกษาค้นคว้าเอามากๆๆ รักภาษาไทยขึ้นมาแบบคาดไม่ถึง จนตอนนี้พอใจที่จะศึกษาภาษาศาสตร์ภาษาไทยเป็นเรื่องเป็นราวซะอีกแนะ หลักสูตรที่นี้ไม่ได้เน้นแต่ทักษะการแปลแค่อย่างเดียวนะ แต่ยังเน้นเรียนทฤษฏีการแปลสารพัดสูตรจากสกูลดังๆ ตลอดจนเรียนวิชาด้านภาษาศาสตร์อย่างวาทกรรมวิเคราะห์(discourse analysis) วัจนปฎิบัติศาสตร์ (pragmatics) วากยสัมพันธ์ (syntax) หรือวิชาการสอนการใช้โปรแกรมแปลอย่างวิชาทรัพยากรการแปลและการประมวลศัพท์ซึ่งเป็นวิชาที่มีประโยชน์มากๆ จนติดใจวิชาภาษาศาสตร์คลังข้อมูล (corpus linguistics) เรื่อยมา นี้ตั้งใจว่าจะใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการทำวิจัยการแปล ป.เอกแน่ๆ แน่นอนว่าการเรียนการแปล จุฬาฯ ไม่ได้เป็นยาวิเศษ หรือสูตรสำเร็จทำให้คนที่จบมาเป็นสุดยอกนักแปลอย่างที่เล่ามาตอนต้น เพราะสุดท้ายคนเราจะเก่งหรือไม่ย่อมต้องมาจากการขวนขวายฝึกฝนต่อยอดนอกชั้นเรียนอย่างต่อเนื่องเอาเองทั้งนั้น (เป็นสัจนิรันดร์ที่ไม่มีใครปฎิเสธได้ - คนไม่เรียนป.โท การแปล ก็ยังแปลเก่งได้เลย) แต่การเรียนที่นี้สำหรับผมถือว่าเป็นตัวตั้งต้นจุดประกาย เพิ่มพูนต้นทุน หรือจะเรียกให้เวอร์ว่าเป็นจุดดึงพลังที่มีอยู่ในตัวให้คิดต่อยอดทำนั้นโน้นนี้ จากไฟแห่งความสนใจใคร่รู้(ที่ยังไม่มอด)มาจากตอนที่เรียนในบางบทบางตอนก็คงไม่ผิดนัก โม้ถึงขนาดนี้แล้ว เผื่อใครที่แวะเข้ามาอ่านสนใจเรียนการแปลภาษาอังกฤษ+ภาษาไทย และอยากได้ปริญญามหาบัณฑิตก็เร่เข้ามาเน้อ ตอนนี้กำลังเปิดรับสมัครอยู่น้าาา แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 55 20:12:43 จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 20:10:51

ความคิดเห็นที่ 10 กด Like กด Thanks ให้ทั้งสองท่านเลยจ้า ^^ ผมจบตรี+โทมาทางจุลชีววิทยาครับ ส่วน career certificate 60 กว่า unit ที่ไปได้มาจาก LA นี่เป็น Animation จ้ะ วุฒิกระจัดกระจายมาก แต่ตั้งใจว่าสองอย่างที่จะเอาไว้ใช้เป็น asset ทำมาหากินก็คือศิลปะและภาษานี่แหละ ^^" จากคุณ : Biohazard เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 18:53:55 A:180.180.54.58 X: TicketID:053227

ความคิดเห็นที่ 11 ผมมีงานแปลที่ทำเองเล่นๆ แปลหนังสืออยู่เล่มนึงลงในเว็บตัวเองครับ มันไม่มีลิขสิทธิ์ภาษาไทย อยากแปลให้เพื่อนๆ อ่านกัน กับเคยแปลซับหนังเป็นไทยให้ที่บ้านดูเอง ยังไม่เคยมีผลงานได้เงินหรือว่าตีพิมพ์ครับ :) จากคุณ : Biohazard เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 18:56:46 A:180.180.54.58 X: TicketID:053227

ความคิดเห็นที่ 12 หลงเข้ามาอ่าน ถึงกับอยากเรียนการแปลเลยทีเดียว... จากคุณ : kiria chalee เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 10:42:26

ความคิดเห็นที่ 13 ตามคุณโจโฉเลยค่า 555 ตอนเรียนก็สนุกดีนะ เราชอบหลายวิชาเลย (เราชอบวิชาแปลสื่อภาพยนตร์) เพื่อนๆ ร่วมรุ่นก็น่ารักดี เรื่องเล่นพรรคเล่นพวก หรือเส้นสายไม่มีแน่นอน เพราะว่าถ้าไม่มีความรู้ในระดับเพียงพอจริงแล้วเข้ามาเพราะเส้นเนี่ย เรียนไม่ไหวหรอก จะตามเพื่อนไม่ทันน่ะสิ ส่วนเรื่องวุฒิการศึกษาก็อย่างที่ว่า มีหลายคนมากๆที่แปลได้ดีโดยไม่ต้องจบการแปลมาโดยตรง แต่การได้เรียนปโทการแปลก็เป็นการสร้างคอนเนกชั่นแบบหนึ่ง ซึ่งมีประโยชน์ต่อหน้าที่การงานค่ะ เช่นสมมุติ เพื่อนคนนึงได้งานมาแต่ไม่มีเวลาทำ ก็มักจะแนะนำให้เพื่อนๆนักแปลด้วยกันนี่ล่ะ (ปกติคนเราก็ต้องแนะนำคนที่รู้จักและมั่นใจว่าฝีมือโอเคพอใช่มั้ยล่ะเนาะ) ส่วนที่ยากที่สุดคือการเรียนจบค่ะ 555 ถ้าทำงานไปเรียนไปจะลำบากหน่อย เพราะวิทยานิพนธ์หรือสารนิพนธ์เป็นงานประเภทที่ต้องให้เวลาจดจ่อกับมันพอสมควร ถ้าทำแบบขาดช่วง หรือไม่ไปหาอจ.ที่ปรึกษาเลย จะทำให้หมดไฟได้ง่ายอ่ะ พอกลับมาทำอีกทีก็ลืมไปแล้วว่าจะทำอะไร จากคุณ : นางาเสะจัง เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 55 00:18:53

ความคิดเห็นที่ 14 เรียนด้านการแปลอยู่เหมือนกันจะจบปีหน้า รักภาษาและการแปลมาก ป.ตรีก้อเรียนการแปล เรียนป.โทก้อเลือกเรียนการแปลอีก พอดีมาอ่านที่คุณโจโฉบอกว่าถ้าแปลไทยเป็นอังกฤษได้ดีจะมีข้อได้เปรียบมากกว่าการแปลอังกฤษเป็นไทยนั้นจริงๆเป็นสิ่งที่พอจะรู้มาบ้างเลยยิ่งทำให้เพิ่มความมุ่งมั่นยิ่งขึ้นบวกกับตลอดเวลาที่เรียนและรับงานแปลมาต่อเนื่อง ประเมินตัวเองว่าสามารถแปลไทยเป็นอังกฤษได้ดีกว่าแปลอังกฤษเป็นไทย และมักได้คะแนนดีกว่าเสมอ (ไม่ได้โตเมืองนอกรึเรียนในต่างประเทศนะคะ) อีกอย่างคือรู้ตัวเองว่ายังมีจุดอ่อนในการเลือกคำแปลภาษาไทยให้เป็นธรรมชาติจึงคิดว่ายังแปลอังกฤษเป็นไทยได้ไม่ดีพอ ต่อไปจะฝึกฝนการแปลไทยเป็นอังกฤษให้มากๆๆ ดูแล้วจะมีลู่ทางดีกว่า แต่ก้อไม่ได้ทิ้งแปลอังกฤษเป็นไทยนะคะ เพราะรู้ว่ารักจะเป็นนักแปลมืออาชีพก้อควรแปลได้ทั้งสองอย่างและหาความรู้เพิ่มเติมสม่ำเสมอ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆทีมาเล่าให้ฟังนะคะ เป็นประโยชน์มากเลย จากคุณ : pai_koi เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 21:14:45