ความคิดเห็นที่ 1 ส่วนตัวผมคิดว่าการเปรียบเทียบตั้งแต่ 2 อย่างขึ้นไปนี่ การจะดูว่าอะไรดีกว่ามันอยู่ที่ใจของคนตัดสินนะ คงไม่มีคำตอบไหนที่ถูกต้องไปหมดเสียทีเดียว ผมเรียนอยู่ ม.รามคำแหง ผมก็ไม่กล้าที่จะบอกว่า วิชานิติศาสตร์ ที่นี่จะสอนดีกว่าที่อื่นมั้ย เพราะผมก็ไม่เคยไปเรียนที่มหาลัยอื่น (แต่ได้ยินหลายคนพูดกันว่ารามแน่นกฎหมายมาก) ผมคิดว่าทุกมหาลัยก็น่าจะมีหลักเกณฑ์ในการสอนไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันนะ เหมือนเครื่องดื่มประเภทโคล่า มีหลายยี่ห้อ ก็แล้วแต่ว่าถูกปากไม่ถูกปาก ตัดสินไม่ได้หรอกว่าใครชอบยี่ห้อไหนแล้วไม่ดีน่ะ / นี่ดราม่าเปล่าอะ หวังว่าคงไม่ใช่นะ จากคุณ : นพนล (nopnon) เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 13:07:27

ความคิดเห็นที่ 2 มสธ มันยาก ตรงอ่านเอง ไม่มีใครให้ถาม จากคุณ : mak2010 เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 13:39:16

ความคิดเห็นที่ 3 เรียนเหมือน ธรรมศาสตร์ สมัยเป็น ตลาดวิชา มีตำรา เอาไปอ่านเอง มีสอนเสริม วิชา ละ 2 หรือ 3 วัน อาจารย์ มีทั้ง อาจารย์ประจำ และอาจารย์นอก เช่น อัยการ ผู้พิพากษา ไม่มีการฝึกงาน แต่ มีการฝึกในรูปแบบศาลจำลอง(ไม่แน่ใจว่าที่อื่นมีหรือไม่) ตอนลงประสบการณ์วิชาชีพ ฝั่งขวา ท่านอัยการจะมาสอน ฝั่งซ้าย อาจารย์ มสธ. สอน ตรงกลาง ท่านผู้พิพากษาเป็นผู้อบรมสั่งสอน ถ้าไม่อ่านหนังสือ แล้วเข้าสอบ อย่าหวังว่าจะจบ เพราะที่นี้ไม่รับประกันการจบ เมื่อจ่ายครบ ว่าง่ายๆเข้าง่าย จบออกยากส์ เพราะ เป็น 1 ใน 5 มหาวิทยาลัย ที่ เมือเรียนจบแล้ว สามารถสมัครสมาชิก วิสามัญเนติฯ และมีสิทธิ์ สวมครุยเนติฯได้เลย สอบเนติฯ สมัยที่แล้ว นักศึกษาที่จบจาก มสธ.  มีผลสอบ แพ้ อันดับที่1 ผู้จบจาด ภาคบัณฑิต ม.ธรรมศาสตร์ เพียงคะแนนเดียว ส่วน ม.ปิดอื่น ขอล่ะไว้ในฐานที่เข้าใจ เพราะไม่เคยเข้าเรียน ด้วยครับ ว่ากันว่า ศิษย์ น.บ. มสธ. ได้ ลูกอึด จากคุณ : ไทปัน เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 14:06:08

ความคิดเห็นที่ 4 น.บ. ราม ก็ เยี่ยม ครับ จากตำราอ่าน ที่ซื้อมาเสริม จากคุณ : ไทปัน เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 14:08:11

ความคิดเห็นที่ 5 เอาตรงๆนะ ไม่เท่าครับ มีพี่คนนึงที่ผมสนิทด้วย เธอเรียนภาคบัณฑิตที่ธรรมศาสตร์ ย่างเข้าปีที่ห้าแล้วยังไม่จบ ติดวิชานู้นวิชานี้ แต่ก็เป็นแมวเก้าชีวิต รอดชีวิตจากการเช็คไทล์มาได้โดยตลอด เธอเล่าให้ผมฟังว่า ตัวเธอเองจบนิติ มสธ.มาแล้วเมื่อปีที่แล้ว(นั่นแปลว่าเธอเริ่มเรียนนิติ มสธ.มาไล่ๆกับการเรียนนิติ มธ. อาจจะเหลื่อมเวลากันบ้างนิดหน่อย) ตอนนี้ได้ น.บ. มสธ.มาแล้ว แต่ น.บ.ธรรมศาสตร์ ยังไม่ได้ แล้วก็บอกผมว่า "มสธ.ง่ายจะตายไปแก" อันนี้ความเห็นส่วนตัวผมนะ ผมคิดว่า มสธ.ก็ง่ายจริงๆ มันเป็นปรนัยผสมอัตนัย ในขณะที่ราม หรือธรรมศาสตร์ อัตนัยล้วน และจุดอ่อนอีกอย่างนึงคือ มสธ.ไม่มีวิชาประวัติศาสตร์กฎหมายไทย กับนิติปรัชญาในหลักสูตร ทั้งๆที่สองวิชานี้สำคัญมากในแง่ปัญหารากฐานของกฎหมาย มธ. ราม จุฬาฯ มีสองวิชานี้ในหลักสูตรตลอด อีกวิชานึงที่สำคัญมาก คือ ที่ธรรมศาสตร์เค้าจะเรียกว่าแพ่งหลักทั่วไปอ่ะ แต่ มสธ.ไม่มี มีแต่ชุดวิชา Introduction to Law ซึ่งผมพลิกๆดูชุดวิชาแล้ว ตรงกันข้ามกับกับที่ธรรมศาสตร์สอนโดยสิ้นเชิง ทั้งๆที่วิชานี้เป็นวิชาที่สำคัญมากๆอีกวิชานึง ที่จะสอนวิธีการใช้และตีความกฎหมาย นิติวิธี วิธีคิดของนักกฎหมาย วิธีอ่านกฎหมาย วิธีดูกฎหมาย เป็นเหมือนวิชาที่สอนการชักกระบี่ของจอมยุทธอย่างถูกต้องอ่ะ (วิชานี้ ที่จุฬาฯก็มีสอน แต่รามคำแหงไม่มี) สรุปคือ ยังไงก็ไม่เท่าม.ปิดอย่างจุฬาฯ ธรรมศาสตร์แน่นอนครับ แต่ถ้าไม่คิดอะไรมาก จะเรียนก็เรียนไปแล้วกัน ค่าเรียนก็ถูกดี ปล.ส่วนภาคบัณฑิตธรรมศาสตร์นั่น เค้าได้เกียรตินิยมนะครับ ห่างกันคะแนนเดียว แต่ต้องดูด้วยว่าใช้เวลาเรียนกี่ปี เกียรตินิยมเนตินี่ต้องใช้เวลาเรียนปีเดียว แต่ถ้าใช้เวลาเรียนมากกว่าหนึ่งปี ต่อให้ได้คะแนนทะลุเป้าเกียรตินิยมก็ไม่ได้เกียรตินิยมนะครับ ต้องพิจารณาดูให้รอบคอบด้วย ไม่ใช่เอะอะก็จะอวยแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ จากคุณ : อืม เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 14:38:06 A:61.90.90.191 X: TicketID:376869

ความคิดเห็นที่ 6 เฮ่อ ................... มี นักศึกษา ท่าน หนึ่ง อาศัยหลังคาสวม ราม ระหว่างเรียน ตอนนี้ เป้น ท่านผู้พิพากษา อยู่ ขอนแก่น จากก สนามใหญ่ มี คนขับมอเตอร์ไซค์ รับจ้าง ขายขนมครก เรียน มสธ. อายุ 40 สอบได้ ผู้ช่วยผู้พิพากษา จากสนามใหญ่ สนามผู้ช่วย ปี ๒๕๕๔ อับดับหนึ่ง ก็ จบ น.บ. จาก มสธ. ไม่ได้ อวย ไม่ได้ เทียบ เพราะ ไม่ได้ ไปเรียนที่อื่น ส่วนใหญ่ คน ไม่จบ น.บ. มสธ. ไป ลงเรียน ที่ อื่น กรณี ของ คุณ ข้างบน อยากรู้ จัง ว่า รหัสอะไร เพราะ คน จบ น.บ. มสธ. จะไม่พูด อย่างนั้น จากคุณ : ไทปัน เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 09:59:19

ความคิดเห็นที่ 7 เท่าที่เรียนมาหลายสำนัก ไ่ม่ขอพาดพิงสถาบันอืน เอาเฉพาะของ มสธ ยากตรงที่ ๑.ข้อสอบปรนัย เช่น วิชาอาญาภาคความผิด ข้อสอบอัตนัยทั้ง มสธ และ ม.อื่นๆ ออกสอบเฉพาะหลักๆ แต่ของ มสธ นอกจากมีอัตนัยแล้ว ยังมีปรนัยที่ออกในเรื่องไม่สำคัญ เช่น ออกในเรื่องระวางโทษ ดังนั้น จะเห็นว่า ต้องจำในสิ่งอื่นนอกเหนือจากหลักๆ ที่ทุกมหาลัยใช้ในการสอบ (เพราะส่วนใหญ่ไม่ค่อยจำระวางโทษกัน) และเมื่อเป็นข้อสอบอัตนัยแล้วจึงออกข้อสอบได้อย่างกว้างขวาง ออกเกือบทุกเรื่องในภาค 2 แต่มันก็เดาได้นะ ๒.รายวิชา วิชาเรียนของ มสธ ไม่ได้แยกย่อยเหมือนหลายมหาลัย แต่รวมอัดมาเป็น 1 ชุดวิชาเท่านั้น ซึ่งทำให้ต้องอ่านหนักมาก เช่น วิชากฎหมายระหว่างประเทศไม่มีแยกเป็น คดีเมืองหรือบุคคล แต่มันก็วัดผลได้ไม่เต็มที่เนื่องจากจำนวนข้อสอบออกได้เท่าเดิม แต่เนื้อหามีมาก จึงต้องเลือกออกอย่างละนิด อย่างละหน่อย ๓.ตารางสอบ มหาลัยส่วนใหญ่ ตารางสอบจะห่างกัน อย่างน้อย 2 วันต่อวิชา หรืออย่างมากห่างเป็นอาทิตย์ ทำให้มีเวลาเตรียมตัวมาก แต่ของ มสธ จะสอบ ภายใน 2 วัน เสาร์และอาทิตย์ และบางวิชาจะสอบต่อกัน เช้าบ่าย ทำให้ต้องท่องตัวบทเยอะมาก (แต่บางมหาลัย บางวิชาก็สอบต่อกันนะ โดยเฉพาะพวกที่ตกแล้วมารอซ่อม) แต่ ข้อสอบของ มสธ เมื่อเทียบกับมหาลัยที่ผมเคยเรียน มาีอีก 2 ที่แล้ว ต้องนับว่า มสธ ข้อสอบง่ายกว่า (แต่ข้อสอบ มสธ ไม่ออก วนเท่าไร บางมหาลัยข้อสอบจะออกวนบ่อยเกินไป ซ้ำเรื่องซ้ำประเด็น ก็ทำให้ง่ายกว่า ข้อสอบ มสธ) ตำรา มสธ บางวิชาล้าสมัยมาก แต่อาจารย์ก็จะไม่ออกในส่วนที่ยังไม่ได้ปรับปรุง ก็เท่ากับว่าไม่ได้วัดผลอะไร ในส่วนนั้น รายวิชาที่สำคัญมีไม่ครบ อย่างเช่นประวัติศาสตร์กฎหมายซึ่งสำคัญมากๆๆๆ ส่วนเรื่องอ่านหนังสือ ไม่ว่าแต่เฉพาะ มสธ ที่อ่านหนังสืออึด คนเรียนกฎหมายส่วนใหญ่ ถ้าจะเอาดีทางนี้ก็อ่านหนังสืออึดทั้งนั้น ที่เห็นว่าไม่อ่านหนังสือคือพวกไม่เอาจริงเอาจัง หรือไม่ก็เป็นพวกที่พร้อมอยู่แล้วคือในหัวมีข้อมูลเต็มหมดแล้ว เลยไม่ต้องมาอ่านเป็นตำรา ท่องในหัวเอาง่ายกว่า จากคุณ : เหลือชื่อไหนที่ไม่ซ้ำ เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 11:50:41

ความคิดเห็นที่ 8 เข้ามาโลกสวยครับ คือจะบอกว่า... เรียนไปเหอะครับ จะเรียนกฎหมายที่ไหนก็ดีทั้งนั้นแหละ มันอยู่ที่ตัวคุณเป็นหลักใหญ่ใจความ ความรู้สมัยนี้อยู่ที่การขวนขวาย อย่าไปสนใจว่าที่ไหนจะยากกว่าง่ายกว่ากันเลย (ประเด็นนี้ผมว่าไร้สาระมากเพราะถ้าคุณขยันคุณก็ย่อมจะสอบได้และเรียนจบ คุณไม่ขยันไม่อ่านคุณก็สอบตก เรียนอะไรก็ย่อมยากเป็นธรรมดา) เรียนกฏหมายจบไหนมาไม่เกี่ยง อยู่ที่สุดท้ายคุณได้ใช้ความรู้กฎหมายแสวงหาความก้าวหน้าให้ตัวเอง และจะช่วยสังคม(เน่าๆ นี้) ได้ยังไงต่างหาก จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 12:37:15

ความคิดเห็นที่ 9 ฮ่าๆ ในที่สุด วังวนของคนเรียนกฎหมายก็หมกมุ่นวนเวียนเวียนว่ายตายเกิดอยู่ผู้พิพากษากับอัยการ สองอาชีพนี้เท่านั้น สถาบันใดสอบผู้ช่วยได้เยอะ ถือว่าเก่ง สถาบันใดสอบผู้ช่วยได้ที่หนึ่ง ถือว่าเก่ง ทั้งๆที่จบกฎหมายมา สามารถไปประกอบอาชีพอย่างอื่นได้ดีกว่ามาเป็นผู้พิพากษากับอัยการ สองอาชีพนี้เป็นหนึ่งในบรรดาหลายๆอาชีพที่คนจบกฎหมายไปทำได้เท่านั้น ไม่ใช่อาชีพสุดยอดเพชรมงกุฎอย่างที่คนส่วนใหญ่ที่หลงในวังวนจะฝันกัน และเอามาเป็นอาชีพอวดอ้างสรรพคุณสถาบันตัวเอง ทั้งๆที่ข้อสอบผู้ช่วยเนี่ย มันบั่นทอนศักยภาพของความเป็นมนุษย์มากๆ บั่นทอนจากมนุษย์ที่มีเหตุมีผล ไปเป็นเครื่องซีร๊อกซ์สารบัญฎีกา หรือหนังสือจูริส เพราะกฎหมายเป็นระบบแห่งเหตุผล ไม่ใช่การท่องจำฎีกาแล้วไปสอบ สงสัยนี่คงเป็นผลเสียจากการที่ มสธ.ไม่มีชุดวิชาประวัติศาสตร์กฎหมายไทยกับนิติปรัชญาในหลักสูตรหละมั้ง(เอ๊ะ หรือว่ามหาลัยจงใจ) บัณฑิตเลยไม่รู้เท่าทันอะไรเสียเลย ไม่เข้าใจความลักลั่น สับสนย้อนแย้งว่าทำไมประเทศไทยเป็นระบบประมวลกฎหมาย แต่ทำไมต้องท่องฎีกาไปสอบราวกับใช้ระบบ Common Law รู้แต่ว่าเค้าให้ท่องก็ท่องไป อยากสอบผ่านก็ต้องท่อง ไม่คิดอะไรไปไกลมากกว่านี้ นี่แหละ คือสิ่งที่บัณฑิต มสธ.ขาด และยังหลงงมงายอยู่กับความสามารถในการท่องฎีกาจนสามารถสอบสองอาชีพนั่นได้ว่าเขาเป็นเก่งเข้าไปอีก ปล.คนจบมสธ.จะไม่พูดอย่างนั้น แสดงว่าคนจบมสธ.ต้องหน้ามืดตามัว หลับหูหลับตาอวยสถาบันอย่างเดียวใช่หรือไม่ คน มสธ.ไม่มีสมองไว้คิดเอง ไว้วิพากษ์สิ่งต่างๆอย่างที่คนจบมหาลัยอื่นๆเค้าทำกันเป็นปกติน่ะหรือครับ นี่น่ะหรือคือสิ่งที่ดีที่พึงกระทำในฐานะเป็นบัณฑิต ในสายตาผม สำหรับคนที่หลงใหลวนเวียนอยู่แต่สองอาชีพนี้ ในสายตาผมถือว่าเขาเป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปี คนหลงยุค ตกเวลา คร่ำครึ ที่ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ในโลกสมัยใหม่อย่างปัจจุบันนี้ จากคุณ : อืม เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 13:23:09 A:115.87.150.77 X: TicketID:376869

ความคิดเห็นที่ 10 ดราม่าซะแล้ว จากคุณ : nopnon เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 17:11:55

ความคิดเห็นที่ 11 กรุณาเถิด กรุณาโปรดอย่าถามว่า "เรียนอะไรง่าย  เรียนอะไรยาก" อีกต่อไปเลย "เรียนอันนี้ แล้วจะได้อะไร"  น่าจะเป็นคำถามที่เหมาะกว่า เรียนอะไรในโลกนี้มันก็ยากทั้งนั้นแหละ  ตั้งแต่ เรียนทำกับข้าว  เรียนจีบสาว  เรียนการให้บริการคน ฯลฯ แต่เรียนด้วยความรัก และเอาใจใส่ คิดว่าเป็นสิ่งใหม่ ท้าทาย และสนุก สิ่งนั้นมันจะทุเลาความยากลง รักจะเรียนอย่าเพียรถามคำว่า"ยาก"      อย่าท้อถอยกลัวลำบากอยากรู้ยิ่ง เป็นบัณฑิตคิดรอบชอบคิดจริง          อย่าประวิงเอ่ยถามล้วงความใน จากคุณ : ปากกัดตีนถีบ จีบไม่ลง (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 00:46:55

ความคิดเห็นที่ 12 #9 เรียนเมืองนอก ระดับโท หรือเอก ก็ต้องท่องต้องอ่านฎีกาของเขาครับ ไม่ว่าจะระบบประมวล หรืออะไร อย่างของฝรั่งเศส หลักรัฐธรรมนูญสำคัญๆ กันก็มาจากคำพิพากษา / คำวินิจฉัย ของ CC (Conseil constitutionnel) CE (Conseil d'Etat) หรือคำพิพากษาศาลยุโรป (CEDH) ทั้งนั้น ผมเรียนโทคาบแรก เจอดีเลย ให้ไปหาคำพิพากษาศาลยุโรป ในเรื่องที่จับสลากได้ เอามานำเสนอในชั้นเรียน เวลาเรียนกัน อาจารย์ก็จะอ้างชื่อคำพิพากษาที่เป็นที่รู้จัก คนเรียนปริญญาตรีมาก็พยักหน้าหงึกๆ นักเรียนต่างชาติไม่รู้จักก็อ้วกกัน ต้องไปหามาอ่าน การเรียนกฎหมายในระบบใดๆ สิ่งที่สำคัญที่ต้องศึกษา คือการศึกษาการปรับใช้กฎหมายในสภาพความเป็นจริง ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันต้องออกมาจากศาล ไม่เชื่อลองดูบทความสายวิชาการแท้ๆ (ที่ไม่ใช่สายเนติ์ สายผู้ช่วย) สิครับ ต่อให้เขียนของต่างประเทศ ก็ต้องอ้างคำพิพากษาศาลต่างประเทศทั้งนั้น เพราะคำพิพากษาพวกนี้เองที่วางหลักเอาไว้ แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 55 10:41:54 จากคุณ : Players เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 10:41:02

ความคิดเห็นที่ 13 เฮ่อ ไก่อ่อน ยังไม่เคย ออกสู่โลกความเป็นจริง ไว้ จบ สู่โลกแห่งความเป็นจริง คุณTicketID:376869 จึงจะเข้าใจ จากคุณ : ไทปัน เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 10:43:45

ความคิดเห็นที่ 14 ส่วนทำไมคนแห่ไปสอบผู้พิพากษา เป็นยอดมงกุฏเพชร ก็ต้องลองรับราชการด้านกฎหมายที่ไม่ได้เป็นผู้พิพากษา อัยการ สัก 10 ปี จบปริญญาโท ไปเรียนต่อต่างประเทศ มีงานวิจัย วิชาการ เป็นที่คุ้นชื่ออยู่บ้างในวงการ แล้วพอมองดูเงินเดือน แล้วมองเพื่อนร่วมรุ่นที่จบตรีแล้วรีบสอบเนติ์ สอบศาลได้ ... เลิกแล้วครับงานวิชาการ ตอนนี้ผมตั้งหน้าตั้งตาลงเรียนเนติ์ใหม่ จากคุณ : Players เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 10:45:08

ความคิดเห็นที่ 15 ^^^^^^^ ขอเรียนถาม CC (Conseil constitutionnel) CE (Conseil d'Etat) คืออะไร กรุณาแปล หรือขยายความให้เราๆท่านๆที่ยังมิทราบ ได้รับรู้ด้วย จากคุณ : x factor (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 10:45:29

ความคิดเห็นที่ 16 CC (Conseil constitutionnel)ตุลาการรัฐธรรมนูญ (เทียบเท่าศาลรัฐธรรมนูญของไทย) CE (Conseil d'Etat)สภาแห่งรัฐ (เทียบเท่าศาลปกครองสูงสดของไทย) CEDH (Cour Européenne des Droits de l'Homme)ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป พวกนี้เป็นแหล่งบรรทัดฐานทางรัฐธรรมนูญเลยครับ จากคุณ : Players เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 10:52:30

ความคิดเห็นที่ 17 คือจริงๆ จะบอกแค่ว่า เรื่องต้องศึกษา ต้องท่องฎีกา ไปเรียนเมืองนอกถึงปริญญาเอกก็ยังต้องเจอครับ ไอ้ปรัชญาน่ะ เรียนจริง เรียนมาก แต่อย่างมาก สองสามวิชา หรือปนๆ ไป แต่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คือต้องศึกษาแนวคำพิพากษาอยู่ดี เพราะคำพิพากษามันวางหลักกฎหมายมากมายที่บทบัญญัติเป็นลายลักษณ์อักษรไม่มี(ฝรั่งเศสมันเป็นต้นตำรับ Civil law ของโลกเลยนะนั่น) จากคุณ : Players เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 10:58:30

ความคิดเห็นที่ 18 แล้วผมบอกเหรอว่าคำพิพากษาไม่จำเป็น คำพิพากษาเป็นเพียงตัวอย่างการใช้การตีความกฎหมายเท่านั้น แต่มันก็ไม่ได้ผูกพันว่าศาลจะต้องตัดสินแบบนั้นตลอดเวลา คำพิพากษาไม่ใช่บ่อเกิดของกฎหมายในระบบประมวลกฎหมาย ส่วนไทปันนี่ออกสันดานนายว่า( ^o^ )พลอย ลูกขุนพลอยพยักเลยนะ ตัวเองความรู้ไม่ถึง เถียงสู้ผมไม่ได้ ก็เงียบๆไปสักพัก พอมีคนอื่นที่ความรู้แน่นกว่าตัวเองมาอภิปรายผม ก็รีบออกมาทับถมผมทันที เป็น free riders ว่างั้นสิ บุญชิดอย่าไปยอมนะ ถ้าผมจะเถียงหรืออภิปราย ผมก็จะเถียงอภิปรายกับบุญชิดสองคน พวกลิ่วล้อคนอื่นๆที่ไม่ได้รับเชิญก็อย่ามาสอใส่เกือก กลับเข้าเรื่องต่อ และเรื่องที่ผมคุยกันเนี่ย ผมเน้นไปทางกฎหมายแพ่งครับ เท่าที่ผมทราบ ทางมหาชนของประเทศภาคพื้นยุโรปเดี๋ยวนี้ก็ค่อนไปทางคำพิพากษาอยู่มากพอสมควร ซึ่งอันนี้ผมยอมรับ แต่นั่นแหละ ผมไม่ค่อยชอบกฎหมายมหาชนสักเท่าไหร่ เลยไม่ค่อยได้สนใจ ติดตาม นิติวิธีของระบบกฎหมายมหาชนในภาคพื้นยุโรปว่ามันเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร และเท่าที่ผมทราบ โรงเรียนสอนกฎหมายของพวกประเทศภาคพื้นยุโรปเนี่ย เค้าจะแยกโรงเรียนสอนกฎหมายเอกชนกับมหาชนออกจากกัน ใช่ไหมครับ ไม่ได้เรียนจับฉ่ายแบบบ้านเรา ส่วนเรื่องผู้พิพากษา เข้าใจดีว่าเอาเรื่องเงินทองเป็นตัวตั้ง แต่คนที่ไม่ได้อยากได้เงินทองมากมายขนาดนั้นมันก็มี ไว้วันไหนผมอยากได้เงินมากๆ ผมอาจเปลี่ยนใจไปสอบผู้ช่วยก็ได้ ไม่ใช่ปัญหา เสียแต่ว่าตอนนี้ผมยังไม่อยากรวยเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องประวัติศาสตร์กฎหมาย ว่าทำไมไทยต้องท่องฎีกาไปสอบมากมาย แล้วไม่ได้เพิ่งมาท่อง แต่ท่องกันมานานแล้ว สมัยก่อนท่องหนักกว่านี้อีก ผมไม่อยากโพสอะไรมากมาย ถึงมันจะไม่เข้าข่ายความผิดอาญาตรงๆ แต่ผมก็เสี่ยงกับการโดนโจมตีอยู่มาก ดังนั้น ผมขอเซ็นเซ่อตัวเองแล้วกัน แต่บอกไว้สั้นๆว่าถ้าผมเป็นนักกฎหมาย ผมคงเป็นนักกฎหมายกระแสรองที่ไม่ได้ชื่นชมใครอย่างที่นักกฎหมายกระแสหลักชื่นชมกันก็แล้วกัน เอาเป็นว่า ผมยังคงเคร่งครัดอยู่กับนิติวิธีแบบ Civil Law อยู่ ซึ่งมันคงทำงานศาล อัยการแบบอาชีพกระแสหลักไม่ได้ แต่มันก็มีอาชีพอื่นๆอีกมากมายให้ทำ(บางทีอาจเฟดตัวเอง ไม่ทำงานกฎหมายเลยก็ได้) ถึงไม่ได้เงินมากมาย แต่ผมก็มีความสุขที่จะทำครับ(ตอบแบบนางงามมาก) ปล.แล้วบุญชิดเรียนจบปริญญาเอกรึยัง ภาษาฝรั่งเศสพัฒนาไปถึงไหนแล้ว จากคุณ : อืม เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 13:52:17 A:58.9.154.156 X: TicketID:376869

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าของฝรั่งเศสมันรวมกันฮะ แต่มันแยกเป็น Centre ตามสาขา หรือถ้ามหาลัยใหญ่ๆ มันแยกเป็นวิชาเลย แต่ส่วนใหญ่ก็รับนักศึกษาข้ามกันได้บ้าง ผมเลิกเรียนเอกแล้วฮะ มาสอบเนติ์ รอสอบศาลแทน 555 พอมีลูกมีเมีย มันไม่สนุกที่จะเป็นกระแสรองแล้วครับ นักวิชาการกฎหมาย ต่อให้จบปริญญาเอก ก็เงินเดือนไม่เกินห้าหกหมื่น ต่อให้หางานวิจัย ก็ใช่จะได้เยอะ อย่างเพื่อนผมที่จบแล้ว กว่าจะได้สักแสน อ้วกแตก ในขณะที่คนเป็นศาล จบนิติ จบเนติ์อีกใบ ทำงานทุกวัน สิ้นเดือนรับ 7-8 หมื่าน ไม่รวมค่าเวร ผมก็ไม่ได้หวังร่ำรวยหรอกครับ แต่ขอเลี้ยงชีพตามอรรถภาพ อยู่ได้สบายๆบ้าง แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 55 14:15:50 แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 55 14:01:48 จากคุณ : Players เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 13:59:33

ความคิดเห็นที่ 20 ส่วนทีว่า "ทางมหาชนของประเทศภาคพื้นยุโรปเดี๋ยวนี้ก็ค่อนไปทางคำพิพากษาอยู่มากพอสมควร" จริงๆไม่ใช่นะ คือ มันเป็นมานานมากแล้ว เช่น หลักการรับรองให้ คำประกาศสิทธิมนุษยชนพลเมือง กับรัฐธรรมนูญ 1946 ว่ามีค่าบังคับทางรัฐธรรมนูญ (ทฤษฎี bloc de constitutionnalite' ก็มาจากคำพิพากษาปี 71 คุณลองอ่าน Paper กฎหมาย ก็จะพบการอ้างคำพิพากษาเต็มไปหมด จากคุณ : Players เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 14:07:56

ความคิดเห็นที่ 21 ส่วนคนได้เนติเกียรตินิยม ได้ที่หนึ่ง หรือแค่สอบได้ 60% ขึ้นไป ผมก็ซูฮกแล้วครับ มันยากอิ๋บอ๋าย คือ นอกจากรู้กว้างแล้วยังต่อรู้ลึก เพราะนอกจากไม่รู้ว่ามันจะออกอะไรแล้ว ไอ้ที่มันออกมันยังไปหาอะไรมาออกก็ไม่รู้ ซูฮกนี่ซูฮกในความอดทน กับประสิทธิภาพของสมองล้วนๆ อาจารย์วรเจตน์ (ภาคีรัตน์) เคยบอกว่า ไม่เห็นต้องจำฎีกามากเลย เอาแค่ที่มันตัดสินกลับหลักหรือแปลกๆหน่อยสิ โห ... เพ่ ... (เห็นมีคนเล่าว่าอ่านหนังสือห้าเล่มแล้วไปสอบ ก็สอบผ่าน) แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 55 14:19:09 จากคุณ : Players เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 14:12:24

ความคิดเห็นที่ 22 เรื่องมหาชนผมเองก็ไม่ทราบจริงๆนั่นแหละ ไม่ได้สนใจติดตาม ก้อดีแล้วที่บุญชิดบอกผม ผมสนใจเน้นไปทางเอกชนมากกว่า เพราะถ้าผมอยากหรือสนใจทำงานอะไรเกี่ยวกับมหาชน มีโอกาสสูงว่าผมอาจต้องไปทำงานในคุกแทนได้(อันนี้รู้ตัวเองดี) เลยขอพาตัวเองออกห่างๆคุกหน่อย โดยตัดเรื่องมหาชนทิ้งไปเลย เกียรตินิยมเนตินั่น เค้าก้อบอกว่าไม่ได้ท่องดีกา อ่านจูริสเลยนะ(เธอบอกว่าไม่รู้จักจูริสด้วยซ้ำไป) อ่านแต่คำบรรยายเนติ ท่องแต่ตัวบท(ทำให้เกิดคำถามว่า แล้วคนส่วนใหญ่ท่องดีกาไปทำไม) เดี๋ยวนี้ข้อสอบเนติช่วงหลังๆ ก้อเริ่มถอยห่างจากการเอาดีกามาออกแล้วนะ แต่จะเน้นเอาหลักกฎหมายมาผสมกันเพื่อวัดความแม่นยำ และความ "แน่น" ในการจับหลักกฎหมายของผู้เข้าสอบแทน ถ้าหลักกฎหมายแน่น ก็จะทำได้สบาย แต่ถ้าหลักไม่แน่น หรือไม่เที่ยง ก็พลาดไป ซึ่งผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะประเทศไทยไม่ใช่ระบบCommon Law และวิธีนี้จะวัดผลได้ดีกว่าเอาดีกามาออกเสียอีก คัดคนได้มีประสิทธิภาพกว่า (แต่ข้อสอบผู้ช่วยยังเหมือนเดิมอยู่นะ ฮ่ะๆ) ส่วนตัวผมเองคนเดียว คิดว่าข้อสอบเนติไม่ยากนะ ส่วนเรื่องความจำเป็นทางครอบครัวนั้นผมเข้าใจดี เพิ่งทราบว่าบุญชิดมีครอบครัวแล้ว คือพอมีครอบครัว ชีวิตเราไม่ได้ทำเพื่อตัวเองอีกแล้วไง แต่มีหน้าที่ต้องทำเพื่อคนอื่น จะมาทำงานตามใจตัวเองแล้วทำให้คนอื่นกินแกลบก็ไม่ได้ ดังนั้น ถ้าจะมาสอบผู้ช่วยเพื่อเอาเงิน ผมเข้าใจ ถ้าถึงจุดๆนึงที่ผมต้องการเงิน ผมอาจไปสอบผู้ช่วยก็ได้ แต่บุญชิด มีปอโท น.ม.(กฎหมายมหาชน) จากจุฬาฯนี่ แบบนี้คงสอบสนามเล็กได้สบาย แล้วไม่ทราบว่าตอนเรียนโท ที่จุฬาฯ เก็บวิชา ก.ต. ไว้บ้างรึเปล่าอ่ะครับ แล้วไปเรียนฝรั่งเศสได้ปอโท ของฝรั่งเศสติดไม้ติดมือกลับมาบ้างรึเปล่า จะได้เอามาสอบสนามจิ๋วได้ ถามมากไปหน่อยนะเนี่ย ฮ่ะๆๆ จากคุณ : อืม เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 15:15:45 A:58.9.154.156 X: TicketID:376869

ความคิดเห็นที่ 23 ป.โทฝรั่งเศสถ้ามีใบเดียวก็สอบสนามจิ๋วไม่ได้อยู่ดี ต้อง 2 ตัวครับ เอา นม. ไทยๆ นี่แล สอบสนามเล็กไป แต่เคยเห็นข้อสอบสนามเล็กอัยการ น่าสนใจอยู่ เป็นเชิงทฤษฎีเลย คือ ให้ตุ๊กตามาแล้วถามว่า "ถ้าไทยไม่ยอมรับหลักเรื่องเจตนาโอนจาการกระทำโดยพลาด จะส่งผลอย่างไร" เออ เจ๋งดีนะ ข้อสอบเนติ ยังไงธงก็อ้างอิงฎีกาอยู่ดีแหละครับ ใครอ่านเจอก็โชคดีไป ใครตอบตามหลัก แต่ไม่เคยเห็นฎีกานั้น ก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร เอางี้ อย่างปีนี้ ข้อยืม / ค้ำประกัน ออกว่า เจ้าหนี้เอากระดาษเปล่าให้เซ็น แล้วเจ้าหนี้กรอกจำนวนเงินทีหลัง แต่เป็นจำนวนที่กู้กันจริง ใช้เป็นหลักฐานฟ้องร้องได้หรือไม่ ... ... ... ... ... (ให้เวลาคิดเล่นๆ) ... ... ... ใครไม่เคยเห็นฎีกานี้ตายเลยนะ เพราะ ... มันทำได้ครับ !!! คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7428/2543 จำเลยให้การรับแล้วว่าได้กู้ยืมเงินโจทก์ไปจริงตามที่โจทก์ฟ้องโดยจำเลยลงลายมือชื่อไว้ในกระดาษที่ไม่มีการกรอกข้อความไว้ แม้หากข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามคำให้การของจำเลยว่า สัญญากู้เงินที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นเอกสารที่โจทก์กรอกข้อความขึ้นเองโดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยก็ตาม แต่โจทก์ได้กรอกจำนวนเงินที่กู้ยืมตามความเป็นจริงอัตราดอกเบี้ยก็ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือที่ได้ตกลงกันไว้ จึงเป็นการกู้ยืมเงินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยผู้ยืมเป็นสำคัญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคหนึ่งจำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้เงินให้แก่โจทก์ตามฟ้อง จากคุณ : Players เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 15:41:00

ความคิดเห็นที่ 24 คือที่ตอบมายืดยาวนี้ก็เพื่ออยากจะบอกแค่ว่า ยังไงการศึกษาคำพิพากษามันก็สำคัญ คงไม่เป็นประโยชน์กับเจ้าของกระทู้ แต่เผื่อเจ้าของกระทู้ไปสอบเนติ์ครับ ฮ่าๆ จากคุณ : Players เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 15:41:57

ความคิดเห็นที่ 25 ที่บุญชิดยกมา เป็นเรื่องเอกเทศสัญญา(จุฬาฯเรียกว่าวิชาเอกเทศสัญญาสำคัญ 1 2 ใช่ไหม)ซื้อขาย แลกเปลี่ยน ให้ เช่าทรัพย์ เช่าซื้อ จ้างแรงงาน จ้างทำของ รับขน ยืม ฝากทรัพย์ ตัวแทน นายหน้า ฯลฯ บางคนบอกว่าพวกนี้นี่มีส่วนของกฎหมายอังกฤษเข้ามาเจือปนอยู่เยอะมาก เรื่องสัญญาต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา นี่ศาลก็วางหลักขึ้นมาเอง เรียกได้ว่าผิดเป็นจารีตประเพณี แต่ผมว่าไม่ใช่นะ ผมว่าเป็นเรื่องที่ศาลเอาจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นมาปรับใช้แก่คดีมากกว่า เพราะศาลจะไม่รับพิพากษาคดีโดยอ้างว่าไม่มีตัวบทกฎหมายมาปรับแก่คดีไม่ได้ เรื่องสัญญาต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา นี่ตัวบทมันไม่มีเขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร หายังไงก้ไม่เจอ แต่ถ้ามีคดีขึ้นสู่ศาล ศาลก็ต้องรับไว้พิจารณาเสมอ แต่มาตรา 4 วรรคสอง ก็ให้ช่องทางแก่ศาลว่าถ้าไม่มีบทกฎหมาย ก็เอาจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นมาปรับใช้ ดังนั้น ผมจึงคิดว่า เรื่องเอกเทศสัญญาเนี่ย(รวมถึงดีกาที่บุญชิดยกมา) จึงเป็นการเอาจารีตประเพณีมาปรับในกรณีไม่มีบทกฎหมายมากกว่า ซึ่งถูกต้องตามนิติวิธีของระบบประมวลกฎหมายและมาตรา 4 ทุกประการ ไม่ใช่ศาลวางหลักกฎหมายหรือสร้างหลักกฎหมายเองขึ้นมาแต่อย่างใด คำพิพากษาเหล่านี้ อย่างดีก็เป็นได้แค่ "คำพิพากษาบรรทัดฐานที่รับกันมานาน" เท่านั้น แต่ไม่ใช่บ่อเกิดของกฎหมายแต่อย่างใด จขกท.คงเลิกเข้ามาอ่านที่รเาคุยกันแล้วมั้ง ยิ่งคุยยิ่งเข้ารกเข้าพง ไปไหนต่อไหนก็ไม่รู้ จากคุณ : อืม เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 16:19:47 A:58.9.154.156 X: TicketID:376869

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณทุกท่านครับ ยังตามอ่านอยู่ ทีแรกจะออกแนวดราม่าซะแล้วยังดีที่กลับมาได้ ดีครับที่มาถกเถียงกันในเชิงวิชาการ ได้ความรู้เรื่องกม.มหาชน และได้แนวคิดการอุดช่องว่างทางกฎหมายอีกด้วย แถมเรื่องสอบเนติด้วย หลายท่านก็ชี้ให้เห็นจุดอ่อนและจุดแข็งของมสธ ดีครับผมจะได้หาหนังสือมาอ่านเพิ่มเติมเพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาด จากคุณ : จขกท. เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 21:46:03 A:171.99.15.185 X: TicketID:084558

ความคิดเห็นที่ 27 ก็ห้องนี่แหละ แม้จะเป็นดรามา  แต่ก็ยังมีสาระให้เก็บเกี่ยว ถือว่าเป็นห้องที่คุ้มแก่การมาเยือนมากที่สุด จากคุณ : ปากกัดตีนถีบ จีบไม่ลง (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 02:01:21