ปัญหายังมีแต่เพียงว่าจะเขียนหนังสืออย่างไรจึงจะดี จะผูกประโยคแลใช้ศัพท์ชั้นไหนจึงจะถูกพระหฤทัยนาง จะใช้ศัพท์เรียกนางว่า "แก้วตาแห่งตู" จะเบาไป แลศัพท์ "โลหิตในตับแห่งข้า" จะหนักไปดอกกระมัง อนึ่งการแต่งหนังสือสำคัญเช่นนั้นจะทำให้แล้วเร็วทันในวันนั้นก็ยาก เป็นเรื่องที่หนักพระหฤทัยอยู่ ฝ่ายพุทธิศริระเมื่อได้ยินดังนั้นก็ทูลว่า อย่าให้ทรงเดือดร้อนเลย จะทำถวายให้เสร็จ แล้วพุทธิศริระก็ไปหยิบเครื่องเขียน มานั่งเขียนอยู่ครู่หนึ่ง ครั้นสำเร็จแล้วก็พับหนังสือนั้นปิดผนึก เขียนรูปดอกบัวลงบนหลังผนึกดอกหนึ่ง แล้วส่งถวายพระราชบุตร พระราชบุตรก็นำหนังสือนั้นไปส่งให้หญิงแก่นางนมถือไปถวายพระราชธิดา นางนมได้รับหนังสือแล้วก็รีบเข้าวังไปที่ตำหนัก พระราชบุตรีตามเคย ฝ่ายนางปัทมาวดีครั้นเห็นนางนมเข้าไปเฝ้า ก็ตรัสเรียกให้นั่งแลสนทนาด้วย นางนมพูดถึงเรื่องอื่นๆ อยู่สักครู่ จึงจึงทูลว่า "เมื่อนางยังอยู่ในความเป็นเด็กอ่อน ข้าได้เลี้ยงดูนาง มาด้วยความภักดี บัดนี้เทพดาให้รางวัลแก่ข้าด้วยประทานความงาม ความไม่มีโรค แลความดีแก่นางในเวลาที่ทรงจำเริญเพียงนี้ หัวใจของข้าจะใคร่เห็นความสุขของนางยิ่งๆ ขึ้นไปตราบชีวิตข้าหาไม่ นางจงทรงอ่านหนังสือนี้ซึ่งมาจากชายหนุ่มงามที่สุด แลดีที่สุด ซึ่งข้าได้เคยเห็นเป็นขวัญตา" พระราชธิดาทรงรับหนังสือไปทอดพระเนตร ดอกบัวบนหลังผนึก แล้วทรงเปิดออกอ่านพบอินทรวิเชียรฉันท์ดังนี้
o ได้เห็นพระเพ็ญโฉม ดุจโสมสว่างหน ราดเร้ากำเดาดล จิตเดือดบ่เหือดลง
o ศรทรงอนงค์แผลง พิษแสร้งจะเสียบองค์ ปักในหฤทัยตรง อุระแค้นเพราะแสนคม
o วันพบประสบพักตร์ ศุภลักษณ์มโนรมย์ อิ่มใจจะใคร่ชม บ่มิพริบกระหยิบตา
o เพ็ญโสมบ่เพ็ญศรี ดุจนี้ ณ เวหา แสงส่องบ่ผ่องปรา กฎอย่างพระนางนวล
o งอนงามอร่ามโรจน์ ฉวิโชติประชันชวน แข่งขันพระจันทร์บวรณ์ ศศิแน่จะแพ้นาง
o ยามยลพิมลโฉม อุระโหมพระเพลิงพลาง ร้อนรักตระหนักกลาง จิตข้าศิขาดูร
o นางกลับและลับเนตร ก็เทวศทวีคูณ เร่าร้อนบ่ผ่อนภูล พิษรักประจักษ์แด
o คิดไปก็ใจหาย เพราะกระต่ายจะหมายแข เวียนหวังระวังแล ศศิไซร้บ่ไยดี
o อ้านางสอางรัตน วรขัติยนารี โปรดด้วยอำนวยชี วะบ่ตัดสลัดตูฯ
พระราชธิดาทรงอ่านหนังสือตลอดแล้วก็สำแดงอาการพิโรธ ตรัสแก่นางนมด้วยสำเนียงอันขุ่นแค้นว่า "นี่แกเป็นอะไรไปจึงบังอาจนำหนังสือนี้ มาให้คนโง่ที่เขียนหนังสือนี้ แต่งฉันท์ไม่เป็นก็แค่นจะแต่งกับเขาด้วย คนแต่งฉันท์เลวๆ เช่นนี้ยังอาจมาแต่งถวายพระราชธิดา อยากรู้ว่าเรียนหนังสือมาแต่สำนักไหนจึงเลวถึงเท่านี้" นางตรัสพลางทรงฉีกหนังสือตอนที่ว่า "ศศิไซร้บ่ไยดี" ส่งให้ นางนมแล้วตรัสว่า "แกจงนำเอาคำตอบนี้ไปให้ชายที่แต่งฉันท์ไม่เป็น แลตัวแกเองจงอย่าทำเอื้อมอาจถือหนังสือเข้ามาเช่นนี้อีกเป็นอันขาด" หญิงแก่นางนมได้ฟังพระราชธิดากริ้วถึงเพียงนั้น ก็เสียใจรีบกลับไปบ้าน พบพระราชบุตรตามทางก็เล่าให้ฟัง ทุกประการ พระราชบุตรได้ทรงฟังแลอ่านคำตอบแล้วก็เสีย พระหฤทัยยิ่งนัก เมื่อทรงดำเนินกลับนั้นทรงคิดถึงวิธีทำลาย ชีวิตตนเองหลายอย่าง เช่น กระโดดน้ำ ผูกคอตนเองแขวน แทงอกตนเอง เป็นต้น ยังไม่ทนตกลงว่าอย่างไหนจะดีก็พอ ถึงที่พัก พบพุทธิศริระนั่งอยู่หน้าเรือน ก็ตรัสเล่าให้ฟังแลทรง สำแดงความเสียใจยิ่งนัก พุทธิศริระนิ่งฟังตลอดแล้วทูลว่า "พระองค์อย่า เพ่อตีตนเองก่อนไข้ จงทรงตรึกตรองใจความที่นางตรัสให้ถ่องแท้ก่อน ต่อไปข้างหน้าเมื่อพระองค์ได้สมาคมกับหญิงมากๆ แล้ว จะทรงทราบว่าเมื่อหญิงกล่าวว่าไม่ไยดีนั้นแปลว่ายินดี เพราะฉะนั้นตามที่เราทำมาเพียงนี้นับว่าสำเร็จดังหมาย อนึ่ง เมื่อนางทรงถามว่าพระองค์ทรงเรียนหนังสือจากสำนักไหนนั้น ถ้าจะแปลเป็นภาษาผู้ชายแปลว่าท่านคือใคร"
จากคุณ |
:
อ้วนดำ
|
เขียนเมื่อ |
:
12 ต.ค. 55 16:13:24
|
|
|
|