เล่าประสบการณ์การสอบเข้าปริญญาโท MIM ธรรมศาสตร์ (ข้อเขียน,สัมภาษณ์)

เริ่มต้นจากการที่เราทำงานใกล้เคียงกับสาขานี้มาตลอดตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรี และได้รับแรงบันดาลใจจากเจ้านาย และพี่ๆที่รู้จัก ประกอบกับส่วนตัวก็สนใจอ่านหนังสือเกี่ยวกับการจัดการ การบริหารธุรกิจ และคนรอบตัวก็ทำงานในสาขานี้กันเยอะ พอตัดสินใจเรียนต่อ จึงเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรปริญญาโทด้านการจัดการ บริหารธุรกิจ ส่วนตัวก็ดูไว้หลายสาขา และแหล่งข้อมูลส่วนใหญ่จะได้มาจากพี่ๆที่เคยรีวิวหรือตั้งกระทู้ไว้ใน  blog, pantip.com etc.,  รู้สึกขอบคุณทุกท่านมากๆที่ให้ข้อมูลในการเตรียมตัวไว้อย่างดีทีเดียว เมื่อวันนี้เราได้ผ่านเข้ามาเรียนแล้วจึงอยากเขียนเล่าประสบการณ์ของตัวเองบ้าง เพื่อจะได้เป็นประโยชน์กับคนรุ่นต่อๆไปค่ะ

หาข้อมูล      อย่างที่บอกว่าดูไว้หลายโปรแกรมค่ะ  ตัวอย่างเช่น

หลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาการตลาด จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย http://www.msmarketchula.com

หลักสูตรปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย http://www.mbachula.info/

หลักสูตรปริญญาโท Master in Business Administration, ABAC http://www.graduate.au.edu/genacademics.phpACAID=9de8b3735fe0eff589c681a5f7adaaf6&ACAName=School%20of%20Business

หลักสูตรปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต ภาคภาษาไทย คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ http://www.tbs.tu.ac.th/th/home.rails

สำหรับหลักสูตร MIM ก็มีจัด open house เพื่อแนะนำหลักสูตรให้ผู้ที่สนใจทุกๆปี โดยจะมีศิษย์เก่าและอาจารย์มาแนะนำการเตรียมตัวสอบเข้า และบรรยากาศการเรียนค่ะ  สำหรับปีนี้ก็จะจัดในวันอาทิตย์ที่  28 ตุลาคม 2555 เวลา 9.30-12.30 น.  ณ โรงแรมเรอเนสซองส์ ราชประสงค์  ก่อนเข้าเรียน เราก็แวะไปฟัง open house ได้รับคำแนะนำอย่างดีเลยค่ะ รุ่นพี่ๆ และเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกและยินดีให้รายละเอียดเต็มที่ค่ะ

สมัครสอบ และเตรียมตัวสอบข้อเขียน

พอรู้ว่าควรจะเตรียมตัวเบื้องต้นอย่างไรแล้ว ก็ลุยเลยค่ะ เราก็เข้าไปดูปฎิทินการรับสมัครและคุณสมบัติเบื้องต้นใน http://www.mim.bus.tu.ac.th/admission.php   เตรียมเอกสารให้ครบ แล้วก็ส่งเอกสารรับสมัคร ใบชำระเงินไปยังมหาวิทยาลัย
สำหรับเรามีผลสอบ TU-GET อยู่แล้ว (ต้องสอบให้ได้อย่างต่ำ 550 คะแนนขึ้นไปนะคะ กรณีที่สอบได้ไม่ถึง ถ้าได้เข้ามาเรียนแล้ว ต้องสอบให้ผ่าน 550 คะแนนภายในเทอม 1 ค่ะ)   TU-GET  รับสมัครสอบทั้งปีค่ะ ควรจะสอบเก็บไว้ตั้งแต่ต้นปี เพราะปลายปีข้อสอบมักจะยากเป็นพิเศษ  เวบไซต์ของศูนย์ภาษา  http://www.litu.tu.ac.th

สำหรับการสอบคณิตศาสตร์ เราเลือกสอบ International Graduate Program Admission Test  ที่จัดโดย Thammasat Business School ค่ะ  ข้อสอบเป็นแนว gmat  25 ข้อ เป็นภาษาอังกฤษค่ะ  วิธีเตรียมสอบ สำหรับคนที่มีพื้นฐานเลขม.ปลาย ก็อาจจะอ่านเองได้  ข้อสอบจะเป็นคณิตศาสตร์ม.ต้น ผสมม.ปลายนิดๆ แนว เซท, อัตราส่วน, บัญญัตืไตรยางศ์, ร้อยละ, เรขาคณิต, สถิติ  ฯลฯ   หนังสือแนวข้อสอบมีขายเยอะแยะที่ศูนย์หนังสือจุฬาค่ะ เช่น เล่มสีชมพูนี้ก็อธิบายดี  ผู้แต่งคือ ดร. กิตต์ จิรติกุล


ส่วนตัวเราใช้วิธีลัด เพราะไม่ค่อยมีเวลาทบทวนเอง เลยไปเรียนติวค่ะ บอกชื่อคงไม่เป็นไรเนอะ  เราไปเรียนที่ Club Smart  www.clubsmart.net (ติวเตอร์ชื่อพี่ก๊อกค่ะ สอนดีมาก มีเทคนิคที่ทำให้ทำข้อสอบได้เร็วขึ้นใจดีมากด้วย ทำให้คนโง่เลขมากๆอย่างเราสอบผ่านมาได้ ขอบคุณมากนะค่ะ ที่จริงพี่เขาสอนเน้นสอบ cu-best เพื่อเข้าบัญชี จุฬาค่ะ แต่ก็ใช้สอบเข้าธรรมศาสตร์ได้ เพราะแนวข้อสอบเลขใกล้เคียงกันค่ะ)   แต่ที่สำคัญต้องหมั่นฝึกฝนทำโจทย์ค่ะ

สอบข้อเขียน TBS  

ประกาศที่นั่งสอบในเวปไซต์ของ TBS สอบที่ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ค่ะ
ตอนสอบก็ตื่นเต้นนิดๆ  ข้อสอบมี 25 ข้อ ให้เวลาสอบ 1 ชั่วโมง 30 นาที แต่เราว่าข้อสอบไม่ยาก ถ้าทำโจทย์มาเยอะต้องทำได้แน่นอนค่ะ (ออกข้อสอบแนวร้อยละ อัตราส่วน เซท จำนวนนับ เป็นส่วนใหญ่ค่ะ)

ประกาศผลสอบข้อเขียน  

เมื่อรู้ว่าผ่านข้อเขียนแล้ว ก็เริ่มเตรียมตัวสอบสัมภาษณ์ค่ะ  วิธีเตรียมตัวก็หาไม่ยากค่ะ เราก็เปิด google  อ่านรีวิวคนที่เคยสอบมาแล้ว ถ้าลองเซิชดูจะมีเยอะ แต่ข้อมูลจะไม่ค่อยอัพเดทเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เป็นรุ่นเก่าๆ ที่ยังมีการสอบเขียน essay แต่รุ่นเราไม่มีค่ะ และมีทั้งพูดถึงหลักสูตรในหลายๆมุมมอง ตัวอย่าง เช่น

บล๊อกคุณมะ (บล๊อกเตรียมตัวสอบ mim ยอดฮิต คนที่เข้ามาเรียน mim เคยอ่านบล๊อกนี้กันเกือบทุกราย) http://khunma.exteen.com/20071215/mim?n=y

สัมภาษณ์ MIM กับสอบข้อเขียน Management มหิดล  http://loft.exteen.com/20060206/mim-management

รบกวนของคำแนะนำเข้าสอบสัมภาษณ์ MIM วันเสาร์นี้หน่อยคะ http://www.atriumtech.com/cgi-bin/hilightcgi?Home=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums2/http/www.pantip.com/cafe/library/topic/K5098365/K5098365.html

อ่านข้อมูลคร่าวแล้วเตรียมตัวเขียนคำถามคำตอบไว้ล่วงหน้าค่ะ แต่เอาเข้า
จริงก็ไม่ค่อยได้ตอบตามนั้นหรอกค่ะ เพราะตื่นเต้น ลืมหมดว่าจะพูดอะไร  อาศัย Improvise เอาซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ควรจะเตรียมล่วงหน้าไปก่อนนะคะ แล้วฝึกพูดบ่อยๆ ถ้าภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง จะได้คุ้นลิ้นค่ะ

คำถามที่เราเตรียมไปก็เช่น

แนะนำตัว การศึกษา การทำงาน ประสบการณ์ที่ผ่านมา
เหตุผลที่อยากเรียน รู้จักโปรแกรมได้อย่างไร  จะมาเรียนไหวมั้ย ฯลฯ
จุดเด่น จุดแข็ง และจุดที่เราต้องปรับปรุง
etc.

เขียนเสร็จก็ซ้อม ซ้อม แล้วก็ซ้อมค่ะ  บางคนอาจจะมองว่าสอบสัมภาษณ์ต้องซ้อมด้วยเหรอ  แต่เนื่องจากเราไม่อยากพลาดน่ะค่ะ โอกาสที่เราจะได้เข้ามาสอบมีไม่กี่ครั้ง ก็ควรทำให้ดีที่สุด ก็เลยเตรียมตัวเยอะหน่อยค่ะ

สอบสัมภาษณ์

การสอบสัมภาษณ์ mim แบ่งเป็น 2 วันค่ะ รอบวันเสาร์-อาทิตย์  โดยจะแบ่งเป็นรอบเช้าสายบ่ายเย็น  ผู้เข้าสัมภาษณ์รอบละประมาณ 20 คน เราได้รอบแรกเลยค่ะ 8.00 น.  การแต่งกายก็ Smart casual ค่ะ ไม่ถึงกับเป็นการเป็นงานมาก แต่ก็ไม่ลำลองจนเกินไป การสอบจะแบ่งเป็น 2 ห้อง แต่ละห้องจะมีกรรมการประมาณ 4-5 คนเป็นอาจารย์และศิษย์เก่า ใครไปถึงก่อนก็จะได้บัตรคิว และเรียกสัมภาษณ์ตามคิวค่ะ ระหว่างนั่งรอก็นั่งคุยกับเพื่อนที่มารอสัมภาษณ์ด้วยกัน ก็สนุกดีค่ะ หลายคนก็ได้เข้ามานั่งเรียนด้วยกันอยู่ตอนนี้ค่ะ

คำถามที่เราโดน

แนะนำตัว งานที่ทำประมาณไหน
ทำไมมาเรียนไม่ตรงสาย คิดว่าจะเรียนไหวมั้ย (เพราะจบด้านภาษา ไม่ได้จบธุรกิจมาโดยตรง)
เรียนเลิกดึก และอาจจะต้องใช้เวลาเสาร์อาทิตย์มาเรียน มาทำรายงาน จะโอเคมั้ย   ทราบรายละเอียดค่าใช้จ่ายหรือเปล่า
การเรียนที่นี่ ไม่ใช่มาเรียนอย่างเดียว อาจต้องมีกิจกรรมที่ทำร่วมกับคนอื่นๆเยอะ คุณจะทำงานร่วมกับคนอื่นได้มั้ย
ฯลฯ

คร่าวๆประมาณนี้ค่ะ ที่จำไม่ได้ทั้งหมด เพราะตอนนั้นมันตื่นเต้นมาก ออกมาก็จำอะไรไม่ได้เลย จำได้แต่หน้ากรรมการ พอออกมาก็มาถามเพื่อนๆว่าใครโดนคำถามอะไรบ้าง บางคนก็โดนให้คิดโจทย์เลข ให้คิด business plan สดๆ  หรือโดนคอมเมนต์เรื่องการแต่งกาย ฯลฯ

….หลายคนอาจจะคิดว่ากรรมการดุ หรือโดนคำถามแรงๆ ว่าคุณคิดว่าคุณเรียนไหวมั้ย ฯลฯ แต่คิดว่ามันเป็นการทดสอบบุคลิคภาพและการแก้ปัญหาของผู้สมัครมากกว่าค่ะ เพราะสิ่งที่สำคัญที่ หลักสูตร MIM (และปริญญาโทสาขาอื่นๆก็คงไม่แตกต่างกันเท่าไหร่) ต้องการค้นหาในตัวผู้ที่เข้ามาเรียน ไม่ใช่แค่คนที่เก่งที่สุด profile ดีที่สุดหรือมั่นใจที่สุด แต่เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีความอดทน แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและสามารถแชร์ไอเดียในคลาสได้ ตรงต่อเวลา สามารถทำงานกับเป็นกลุ่มร่วมกับผู้อื่นได้ มีน้ำใจยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง พร้อมที่จะปรับปรุงตัวเองและรับความรู้ใหม่ๆเพื่อพัฒนาตัวเองต่อไป เพื่อทำให้ environment ในการเรียนและการอยู่ร่วมกัน pleasant ที่สุด และให้เวลาให้กับการเรียน กิจกรรม และการทำงานในหลักสูตรได้อย่างเต็มที่ สรุปคือ Teamwork Spirit, Passion, Creativity  น่าจะเป็นสิ่งสำคัญที่กรรมการใช้เป็นเกณฑ์ในการคัดเลือกผู้ที่ได้เข้าเรียนในหลักสูตรนี้ค่ะ  (เวลาที่ใช้ในการสัมภาษณ์ไม่เท่ากันในแต่ละคนนะคะ บางคนก็ได้สัมภาษณ์นาน บางคนก็ใช้เวลาครู่เดียว  ทำให้บางรอบต้องรอสัมภาษณ์นานๆ แต่คิดว่าก็เป็นส่วนหนึ่งที่ใช้ตัดสินด้วยว่ผู้สมัครมีความอดทนหรือไม่ค่ะ ระหว่างรอก็อาจจะนั่งคุยกับคนที่มาสมัครด้วยกัน ก็ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้วยค่ะ)…..

ประกาศผลสอบสัมภาษณ์

ตั้งแต่สอบสัมภาษณ์เสร็จไปวันเสาร์  พอออกจากห้องสอบ  ก็นั่งคิดตลอดว่าเราพูดไม่ค่อยดีตรงไหน ก็นึกเสียดายว่าที่เตรียมว่าจะพูดอะไร ลืมไปหมดเลย ฯลฯ   จนเช้าวันอังคารมาทำงานก็นั่งเฝ้าหน้าจอ refresh หน้าเวบไซต์ MIM ตลอด จนกระทั่งประมาณ 10 โมงเช้า ผลก็ประกาศทางหน้าเวบไซต์


หลังจากที่ประกาศผลแล้วก็มาลงทะเบียนเรียนค่ะ การเรียนจะเรียนที่ม. ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ตลอด 2 ปีนะคะ   เป็นหลักสูตรนอกเวลา เรียนตอนเย็น 18.00-21.30 น. คนที่มาเรียนก็จะมีหลากหลายสาขาอาชีพ พนักงานบริษัท เจ้าของธุรกิจ ฯลฯ  อายุตั้งแต่ 20 – 30 up  บางคนก็จบปริญญาโทมาแล้วก็มี โดยรวมแล้วค่อนข้างมี  diversity สูงค่ะ

ลงทะเบียนเรียนเสร็จ ก็เริ่มเรียนวิชา Pre-Courses

สุดท้ายนี้ ก็หวังว่าประสบการณ์ที่เขียนมา จะเป็นประโยชน์ให้กับใครที่กำลังสนใจอยากสมัครเรียน MIM ได้เตรียมตัวกันนะคะ กำลังเปิดรับสมัครรุ่น 27 ปีการศึกษา 2013 อยู่เลย ไม่ต้องกลัวว่าข้อสอบจะยาก หรือสัมภาษณ์โหด ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าเรามีความสามารถแค่ไหน ขอแค่มีความตั้งใจ เตรียมตัวเตรียมใจและพร้อมที่จะเรียนและทำงานตลอดหลักสูตรอย่างเต็มที่ก็พอแล้วค่ะ คราวหน้าถ้าว่างๆจากหนังสือและวิชาเรียนสุดโหด จะมาบันทึกประสบการณ์การเรียนไว้อ่านเล่นๆ ค่ะ

จากคุณ	: นก-หวีด
เขียนเมื่อ	: 17 ต.ค. 55 02:06:11